ตอนที่แล้วประกาศ กลับมาแปลแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 397: หานเจิน ไอ้สารเลวพ่อตาย!  

บทที่ 396: ไม่เจอกันนานนะสหาย (กลับมาจากหยุดพักแล้วครับ)


บทที่ 396: ไม่เจอกันนานนะสหาย

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะจัดการกับหานเจิน

ด้วยการรับรู้ของเขาในตอนนี้ เขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่าหานเจินในตอนนี้นั้นไม่ได้เป็นภัยอะไรต่อเขา

ยิ่งwxกว่านั้น ที่นี่ก็ยังเป็นถิ่นของตระกูลลู่ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่หานเจินจะหนีออกไปแม้ว่าเขาจะมีปีกก็ตาม

เขาตัดสินใจที่จะจัดการกับนิกายศาลาม่านหมอกก่อนแล้วค่อยไปพูดคุยกับหานเจิน

เมื่อคิดเสร็จเขาก็ก้าวเข้าไปในห้องโถง

สำหรับหานเจิน เขาก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและกำลังรีบวิ่งหนีไปที่ลานบ้านอื่นๆ ของตระกูลลู่

“ให้ตายเถอะ ข้าควรจะรู้อยู่แล้วนะว่าตระกูลลู่มันเป็นที่ของลู่เสี่ยวหรัน! บ้าเอ้ย!”

“คราวนี้ข้าถึงวาระแล้ว มันมีค่ายกลอยู่ทุกหนทุกแห่ง และพวกมันทั้งหมดก็ล้วนเป็นค่ายกลขอบเขตลึกล้ำ ข้าไม่สามารถหลบหนีออกไปได้เลย”

“ข้าจะต้องตายแน่ๆ!”

“แบบนั้นแล้วทำไมข้าไม่… จับศิษย์ตระกูลลู่เป็นตัวประกันล่ะ? ไม่ไม่ นั่นมีแต่จะทำให้ความขัดแย้งมันรุนแรงยิ่งขึ้น”

“ลู่เสี่ยวหรันคนนี้มีพลังมาก แค่สัมผัสจากออร่าของเขา เขาก็น่าจะไปถึงขอบเขตเทพสูงสุดแล้ว”

“ข้าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ และข้าก็ยังไม่สามารถหนีเขาได้ ข้าจะเอายังไงดี?”

หานเจินคิดหนักขณะเดิน ทันใดนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีเบื้องหน้าเขา

“เวร! นอกเหนือจากลู่เสี่ยวหรันที่ผิดปกติแล้ว มันก็ยังมีผู้ฝึกตนขอบเขตเทพราชาสามคนในตระกูลลู่อีก!”

เมื่อเห็นทั้งสามคนเดินเข้ามาหาเขา หานเจินก็ลดศีรษะลงในทันทีและปิดกั้นออร่าของเขาด้วยกำลังทั้งหมดของเขาในขณะที่เขาเดินผ่านพวกเขาไป

โชคดีที่ทั้งสามคนทำเพียงแค่เหลือบมองมาที่เขาและไม่ได้สนใจเขามากนัก

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ หานเจินก็ได้ยินความคิดของพวกเขาอีกครั้ง

“ตระกูลลู่นี่มันขยะจริงๆ มันไม่มีอะไรให้ดูเลย”

“ถูกต้อง เรายังไม่เห็นผู้ฝึกตนขอบเขตเทพราชาสักคนเลย มันคงจะเป็นไปตามที่ท่านอาจารย์บอก ตระกูลลู่มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่คู่ควรจะได้รับความสนใจ”

“เอาเถอะ ข้าก็ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว”

“โชคดีที่ท่านอาจารย์ถูกทอดทิ้งตั้งแต่ยังเล็ก ถ้าเขาถูกเลี้ยงดูโดยตระกูลลู่ มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นปราชญ์”

บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสงัด หานเจินมองกลับไปที่ทั้งสามคน

ถ้าเขาเดาไม่ผิด อาจารย์ที่พวกเขาพูดถึงก็คือลู่เสี่ยวหรันแน่นอน!

ลู่เสี่ยวหรันกลายเป็นปราชญ์ไปแล้วหรือ?

อืม… เขาจะไปต่อสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ระบบถูกสร้างขึ้นโดยปราชญ์ อย่างไรก็ตาม ลู่เสี่ยวหรันเองก็ได้กลายเป็นปราชญ์ไปแล้ว!

แม้แต่ผู้ที่สร้างระบบเองก็ยังอาจจะไม่สามารถเอาชนะลู่เสี่ยวหรันได้ด้วยซ้ำ!

มันจบแล้ว มันจบแล้ว มันจบแล้ว!

มันจบลงแล้วในเวลานี้!

ความรู้สึกอยากจะร้องไห้พุ่งเข้ามาในหัวของหานเจินในทันที

และแม้ว่าการร้องไห้นั้นจะไร้ประโยชน์

แต่ว่า… เขาก็อดไม่ได้… ฮืออ…

เขาไม่ได้สงสัยในคำพูดของอีกฝ่ายเลย ท้ายที่สุดแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าเขาสามารถฟังความคิดของพวกเขาได้

ด้านลู่เสี่ยวหรัน เขาก็มาถึงห้องโถงตระกูลลู่และเห็นปู่ของเขาและเหล่าศิษย์ของนิกายศาลาม่านหมอก

“เสี่ยวหรัน คนเหล่านี้คือศิษย์จากนิกายศาลาม่านหมอก พวกเขามาเพื่อแจ้งข่าวดีกว่าเจ้าสามารถไปแต่งงานได้แล้ว”

ลู่เสี่ยวหรันมองไปที่ทุกคนก่อนที่จะมองไปที่ปู่ของเขา

“ท่านปู่ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว ท่านช่วยมากับข้าหน่อยจะได้ไหม?”

ผู้เฒ่าลู่รู้สึกงงงวย

“เกิดอะไรขึ้น? เราจะไม่คุยเรื่องงานแต่งของเจ้ากันก่อนหรอ?”

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับของตระกูลลู่ของเรา ดังนั้นมันจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ให้คนนอกได้ยิน นอกจากนี้ มันก็ยังไม่เหมาะสมที่จะหารือในภายหลัง”

“นี่…เอางั้นก็ได้”

“ทุกคนรอสักครู่ เราจะไปพูดคุยกันก่อนและจะกลับมาหารือเกี่ยวกับการแต่งงานในภายหลัง”

ทุกคนรีบป้องมือแล้วพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าลู่สุภาพเกินไปแล้ว แน่นอนว่าเรื่องของครอบครัวต้องมาก่อน”

ผู้เฒ่าลู่และลู่เสี่ยวหรันออกมาคุยกันตามลำพัง

“เสี่ยวหรันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงทำตัวลึกลับจัง?”

ลู่เสี่ยวหรันมองไปที่ปู่ของเขาอย่างมีนัยยะ อันที่จริง หากตระกูลลู่ไม่ได้ปฎิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี เขาก็คงจะไม่มาพูดคุยเรื่องอะไรแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ตระกูลลู่ก็ให้ความจริงใจต่อเขา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังต้องการช่วยเหลือตระกูลลู่อีกด้วย

ในอนาคตไม่ช้าก็เร็ว เขาจะไปยังโลกที่สูงขึ้น และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ในตระกูลลู่ตลอดไป มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้ตระกูลลู่แบกรับปัญหาที่เขาจะทิ้งไว้ในภายหลัง ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีแต่ต้องพูดมันออกไป

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เขาก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านปู่ ข้าจะไม่แต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์จากนิกายศาลาม่านหมอก”

ผู้เฒ่าลู่เบิกตากว้างในทันที

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ? เจ้าบ้าไปแล้วหรอ? นั่นคือสตรีศักดิ์สิทธิ์เลยนะ นางจะต้องเป็นภรรยาที่ดีอย่างแน่นอน เจ้าไม่ควรจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปนะ!”

“ ไม่ว่าจะเป็นสถานะ พรสวรรค์ หรือรูปร่างหน้าตาของนาง ทั้งหมดก็ล้วนหายากมาก

“เจ้ารู้ไหมว่ามันมีกี่คนที่ต้องการจะแต่งงานกับนาง?”

“ทำไมเจ้าถึงปฏิเสธโอกาสที่ดีเช่นนี้?”

“เจ้าโง่เหรอ? บอกข้าที เจ้าเป็นอะไร?”

ลู่เสี่ยวหรัน: “…”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อว่า “อันที่จริง ข้าก็คือบรรพบุรุษของตระกูลลู่”

ผู้เฒ่าลู่ตกตะลึงและขมวดคิ้วมากยิ่งขึ้น

“เจ้าคงจะฝึกตนจนบ้าไปแล้วจริงๆ สินะ? นี่คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกมา? เร็วเข้า! ตามข้าไปดูงานแต่งซะ”

ผู้เฒ่าลู่รีบเอื้อมมือไปดึงแขนของลู่เสี่ยวหรัน สีหน้าของเขาดูเป็นกังวลอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังจะดึงลู่เสี่ยวหรันออกไป เขาก็ค้นพบว่าเขาไม่สามารถทำให้ลู่เสี่ยวหรันขยับได้แม้แต่นิดเดียว

“เสี่ยวหรัน นี่เจ้า…”

ผู้เฒ่าลู่หันกลับมาและมองไปที่ดวงตาของลู่เสี่ยวหรัน  ความลึกล้ำในดวงตาคู่นั้นทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะท้านในทันใด

ในขณะนี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้เห็นหลานชายคนนี้ออกมาจากบ้านหลายปีแล้ว

ทันใดนั้นเอง ความตกใจนี้ก็ทำลายความคิดและตรรกะทั้งหมดของเขา

ลู่เสี่ยวหรันเป็นบรรพบุรุษของตระกูลลู่!

แท้จริงแล้ว เขาก็คือบรรพบุรุษของตระกูลลู่ที่มีการฝึกตนที่ยากจะหยั่งถึง!

อย่างไรก็ตาม เขาก็เพิ่งจะอายุสามสิบเองไม่ใช่หรอ?!

เขาสามารถมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?

เขาผ่านอะไรมาบ้างกัน?

ในขณะนี้ ผู้เฒ่าลู่ก็ไม่ได้คิดว่าลู่เสี่ยวหรันนั้นทรงพลังเพียงใด แต่เขาคิดว่าลู่เสี่ยวหรันนั้นต้องทนทุกข์ทรมานมามากเพียงใดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

สิ่งนี้ทำให้หัวใจของผู้เฒ่าลู่เจ็บปวดมากจนเขาอยากจะร้องไห้

“เสี่ยวหรัน… เจ้า… เจ้า…”

ลู่เสี่ยวหรันยิ้มอย่างละอายและมีสีหน้ารู้สึกผิด

“ข้าขออภัยด้วย ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซ่อนตัวตนของข้า”

“ก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยตระกูลลู่ ข้าก็ทำได้เพียงปลอมตัวเป็นบรรพบุรุษของตระกูลลู่เท่านั้น โปรดยกโทษให้ข้าด้วยท่านปู่”

“เจ้าโง่ เจ้าช่วยตระกูลลู่ของเราและช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลลู่ ข้าจะไปโทษเจ้าทำไม”

ผู้เฒ่าลู่ทุบไหล่ของลู่เสี่ยวหรัน

“พูดถึงเรื่องนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าแต่แรก? เจ้ากลัวข้าจะเปิดเผยความลับของเจ้ารึไง?”

ลู่เสี่ยวหรันยิ้มอย่างเชื่องช้าและเกาจมูกโดยไม่พูดอะไร อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็หัวใจของผู้เฒ่าลู่ยิ่งขมขื่นมากขึ้น

เขารู้ว่าลู่เสี่ยวหรันต้องทนทุกข์ทรมานมากอย่างแน่นอนหลังจากอยู่คนเดียวข้างนอกมานานหลายปี เส้นทางแห่งการฝึกตนนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ใจคนเองก็เลวทรามจนยากจะหยั่งถึง ถ้าเขาไม่ระวัง เขาก็อาจจะตายในวันหนึ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงระวังตระกูลลู่เอาไว้ก่อนแต่แรกใช่ไหม?

นี่เป็นความผิดของตระกูลลู่ พวกเขาล้มเหลวในการปกป้องพ่อแม่ของลู่เสี่ยวหรันและตัวลู่เสี่ยวหรันเอง

ในตอนนี้ เมื่อลู่เสี่ยวหรันกลับมาที่ตระกูลลู่ เขาก็ได้กลายเป็นยอดฝีมือไปแล้ว

ผู้เฒ่าลู่หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดทันทีว่า “เสี่ยวหรัน ข้ารู้ว่าตอนนี้คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดแบบนี้ มันไม่มีอะไรที่ตระกูลลู่จะทำให้เจ้าได้ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าต้องการอะไร และข้าสามารถช่วยได้ เจ้าก็เพียงแค่ต้องแจ้งให้เราทราบ ปู่จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน”

ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้า

“ขอบคุณท่านปู่ พูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็อยากจะให้ท่านช่วยยกเลิกงานแต่งกับสตรีศักดิ์สิทธิ์หวังด้วย”

ผู้เฒ่าลู่ : “…”

“มีอะไรผิดปกติหรอ?”

เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าลู่ตกตะลึง ลู่เสี่ยวหรันก็อดไม่ได้ที่จะงงงวย

“เสี่ยวหรัน เจ้าลืมชื่อนางไปแล้วหรอ? ชื่อของนางคือกงว่านเอ๋อ และนามสกุลของนางก็คือกง ไม่ใช่หวัง”

ใบหน้าของลู่เสี่ยวหรันเปลี่ยนเป็นสีแดง

“อะแฮ่ม… มันเป็นความผิดพลาด ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

ผู้เฒ่าลู่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“เจ้าคงจะไม่อยากแต่งงานจริงๆ สินะ แม้แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังไม่รู้จักชื่อของนางเลย เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจ งั้นข้าก็จะไม่บังคับเจ้า”

“อย่างไรก็ตาม นิกายศาลาม่านหมอกนั้นก็ทำดีต่อตระกูลลู่ของเรา ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถบอกเลิกพวกเขาดื้อได้ เรายังต้องไปที่นิกายศาลาม่านหมอกเพื่อชี้แจงพวกเขาด้วยตัวเอง”

ลู่เสี่ยวหรันพยักหน้า

“นั่นเป็นความคิดที่ดี ยังไงท่านปู่ก็โปรดอย่าพูดอะไรเกี่ยวกับการฝึกตนของข้าด้วย”

“ข้าเข้าใจ ข้ารู้ ข้าจะบอกว่าเป็นเพราะเจ้าไม่มีประสบการณ์และมีการฝึกตนที่ต่ำต้อยทั้งยังขาดพรสวรรค์ ดังนั้นเจ้าจึงไม่คู่ควรกับสตรีศักดิ์สิทธิ์กง ดังนั้นแล้ว เจ้าจึงต้องการจะยกเลิกงานหมั้น”

ลู่เสี่ยวหรันเผยรอยยิ้มออกมา

แน่นอนว่ายิ่งแก่ก็ยิ่งฉลาด ปู่ของเขาเข้าใจความคิดของเขาได้ในทันที

“เอาตามนั้นเลย และหลังจากที่ท่านช่วยข้ายกเลิกงานแต่งแล้ว ข้าก็จะแจ้งขั้นตอนต่อไปให้ท่านทราบ อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้นิกายศาลาม่านหมอกสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับท่านปู่ ดังนั้นข้าก็จะให้ศิษย์ทั้งสามคนของข้าไปกับท่านด้วย”

“เข้าใจแล้ว! ข้าจะไปนิกายศาลาม่านหมอกเดี๋ยวนี้แหละ”

ปู่ของลู่เสี่ยวหรันจากไปอย่างรวดเร็ว และลู่เสี่ยวหรันก็มองไปทางอื่น

ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจัดการกับหานเจิน

เขาสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของอีกฝ่ายแล้ว และในพริบตาเดียว เขาก็ไปปรากฎตัวอยู่ด้านข้างของหานเจิน

“ไม่เจอกันนานนะ สหายหาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

หานเจินที่กำลังคิดอย่างหนักว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไรดีมีสีหน้าขมขื่นในทันทีเมื่อเขาได้ยินเสียงนี้

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด