ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 33 เคล็ดวิชาเหมันต์ภูตผีนพเก้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 35 นั่นไม่ใช่นายน้อยเซียวหรอกหรือ

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 34 ลูกของเราโตขึ้นแล้ว


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 34 ลูกของเราโตขึ้นแล้ว

บนชั้นสองของศาลาซุนหยาง ทั้งสามคนต่างนั่งลง

จ้าวว่านเอ๋ออดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “ศิษย์พี่หญิง ท่านรู้จักหลี่ชางกงแห่ง ภูเขาเซียนหรือไม่ เขาเป็นคนอย่างไรหรือ”

ครั้งสุดท้ายที่นางไปยังภูเขาเซียน นางไม่เห็นหลี่ชางกงเพราะเขาออกจากภูเขาไปแล้ว

“หลี่ชางกง…” หลินชิงจูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถูกจ้อง ข้าเคยเห็นเขามาก่อน เขาเป็นชายชราสกปรกที่มีหนวดเครายุ่งเหยิง เขาปรากฏตัวขึ้นเมื่อเราล้อมวงโจมตีวานรยักษ์ในครั้งล่าสุด ในเวลาเดียวกัน หมิงเยว่เจินเหริน ปรมาจารย์แห่งขุนเขาวารีนภาของสำนักเยียวยาสวรรค์ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น

“ยอดฝีมือจากกลุ่มทรงอำนาจต่าง ๆ ก็อยู่ด้วยเช่นกัน ทว่าท่านอาจารย์ได้นำกระดูกสมบัติออกไปและหลบหนีไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้จะอยู่ท่ามกลางการล้อมรอบของยอดฝีมือมากมาย

“ชายชราคนนั้นเห็นว่าความแข็งแกร่งของอาจารย์นั้นน่าทึ่งและต้องการตีสนิท อย่างไรก็ตาม ท่านอาจารย์ไม่แม้แต่จะชายตามองและหันหลังกลับจากไป ชายชราคนนั้นโกรธมากจนหน้าเปลี่ยนสี”

จ้าวว่านเอ๋อปิดปากของนางและยิ้มแย้มเมื่อได้ยินสิ่งนี้ นางเคยได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนั้น แต่โชคไม่ดีนักที่นางไม่ได้อยู่ที่แห่งนั้น ไม่สามารถเห็นทักษะที่โดดเด่นของท่านอาจารย์ของนางเป็นการส่วนตัวได้

ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน

ในเวลานี้ ณ ตระกูลเซียวแห่งเมืองกวงหลิง

“ท่านพ่อ ท่านแม่ เชิญดื่มชา… มาเถิด ข้าจะล้างเท้าให้ท่าน ข้าทำงานหนัก”

เซียวจ้านมองดูลูกกตัญญูของเขาด้วยความสับสน เจ้านี่ยังเป็นลูกชายของเขาอยู่หรือไม่ เหตุใดเขาถึงดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนหลังจากไปท่องเที่ยวจนถึงหนึ่งเดือน เหตุใดเขาถึงรู้วิธีแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ของเขา

“อี้เอ๋อ เจ้ามีปัญหาข้างนอกหรือไม่” เซียวจ้านถามอย่างจริงจัง

ต้องมีบางอย่างผิดปกติกับสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ เขารู้สึกว่าเซียวอี้ต้องก่อปัญหาบางอย่างข้างนอกและจงใจแสร้งทำเป็นกตัญญูเพื่อให้ตนตามไปเก็บกวาดแก้ปัญหา ไม่ว่าอย่างไร เซียวอี้ก็ยังเป็นลูกชายแท้ ๆ ของตนอยู่ดี ถ้าเขาสร้างปัญหาจริง ๆ เซียวจ้านก็จะไม่เพิกเฉยเช่นกัน

เซียวอี้ยืนขึ้นทันทีเมื่อเผชิญกับความสงสัยของบิดา “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าข้าเป็นคนอย่างไรกัน ข้ารู้ว่าท่านทำงานหนักและทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อข้า ข้าแค่ต้องการแสดงความเคารพกตัญญูต่อท่าน ข้าเสียใจยิ่งนักที่ท่านคิดกับข้าเช่นนั้น”

หัวใจของเซียวจ้านสั่นสะท้านหลังจากเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของเซียวอี้ ข้าคิดผิดไปจริงหรือ เขาได้รับสติปัญญาใหม่หลังจากท่องเที่ยวหรือ

อู๋โหยวตบไหล่ของเซียวจ้านและบ่นว่า “เจ้าโง่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ลูกชายของข้าจะมีสตีปัญญาที่ดี แต่เจ้ากลับพูดคำเหล่านั้นออกมาเพื่อบั่นทอนอารมณ์ของเขา”

เซียวจ้านรู้สึกผิดและไม่กล้าพูดอะไร อย่างไรก็ตาม เขารู้จักลูกชายของเขาเป็นอย่างดี ด้วยความเข้าใจในลูกชายของเขา เซียวอี้ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้โดยธรรมชาติ

“ใช่แล้ว ถูกต้อง” เซียวอี้ยิ้มกว้างและหมอบลงทันที “ท่านแม่รู้จักข้าดีที่สุด ไม่เหมือนท่านพ่อที่รู้แค่การระแวดระวังข้า มาเถิดท่านแม่ ข้าจะล้างเท้าให้ท่าน ท่านทำงานหนักเกินไปแล้ว”

อู๋โหยวรู้สึกปลื้มปิติกับความกตัญญูของลูกชายยิ่งนัก นางรู้สึกปลื้มใจที่เขาได้ทำหน้าที่ของเขา “ลูกที่ดี ข้าไม่ได้เลี้ยงดูเจ้าโดยเปล่าประโยชน์”

“ฮิฮิ หากท่านชอบ ข้าจะล้างเท้าให้ท่านทุกวันเลย” เซียวอี้กล่าว

“เจ้ากำลังพ่นเรื่องไร้สาระอะไรออกมา ลูกชายของข้าเป็นคนไม่ย่อท้อที่ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เจ้าจะอยู่บ้านล้างเท้าทุกวันได้อย่างไรกัน ข้าพอใจมากแล้วกับความหวังดีของเจ้า ในที่สุดลูกชายของข้าก็โตแล้ว”

ดวงตาของอู๋โหยวเต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู นางรู้สึกตื้นตันใจในความกตัญญูของลูกชายอย่างยิ่ง

เซียวจ้านลูบเคราและพยักหน้าเมื่อเห็นลูกชายล้างเท้าอย่างจริงใจ ดูไม่ออกเลยว่าเป็นการแสร้างทำ ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ได้สติ “อืม ดูเหมือนว่าในที่สุดเขาก็โตขึ้นหลังจากกลับมาจากการเดินทางครั้งนี้”

พวกเขาไม่รู้ว่าเซียวอี้ต้องเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นลูกกตัญญูเพราะคนคนเดียว ใครจะรู้ได้อย่างไรว่านายน้อยเซียวผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นบุคคลที่น่าสังเวชหลังจากเดินทางไปได้ไม่กี่วัน

“ท่านพ่อ ข้าจะล้างเท้าให้ท่านด้วย ท่านทำงานหนักเพื่อตระกูลเซียวของเรามาหลายปีแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะแสดงความเคารพกตัญญูต่อท่านแล้ว”

เซียวจ้านยิ้มด้วยความพึงพอใจและพยักหน้า เพลิดเพลินกับการบริการโดยลูกชายของเขา “ในที่สุดลูกชายของข้าก็โตขึ้นแล้ว”

ทันทีที่เขาถอดรองเท้า กลิ่นฉุนก็โชยออกมาในทันที ทำให้เซียวอี้แทบจะเป็นลม

“บัดซบ… เย่ชิวและข้าเป็นศัตรูที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้” เขาก่นด่าอยู่ในใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

เซียวอี้ทำได้เพียงยั้งตนเองและล้างเท้าให้บิดาของเขา ความกตัญญูที่เขาคิดได้ก็จำกัดอยู่เพียงแค่นี้

หลังจากล้างเท้าแล้ว เซียวอี้ก็ถืออ่างและกล้วว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าจะกลับไปยังห้องเพื่อฝึกก่อน”

“ไปเถอะ ลูกชายที่ดี…” นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวจ้านได้ยินว่าเซียวอี้กำลังจะกลับไปฝึกฝนตามลำพัง ทำให้เซียวจ้านยิ้มอยู่ภายในใจ

เมื่อก่อนเขาเป็นคนบังคับให้เขาบ่มเพาะ ทว่าวันนี้เซียวอี้กำลังจะบ่มเพาะด้วยตนเอง เขาไม่รู้เลยว่าเซียวอี้ผ่านอะไรมาบ้างในช่วงเวลาไม่กี่วันนี้ถึงสามารถทำให้นายน้อยผู้ที่รู้แค่วิธีการกิน การดื่มและไม่ทำอะไรเลยจนเติบโตในชั่วข้ามคืน

หลังจากที่เซียวอี้จากไป เซียวจ้านก็อยากรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ของเซียวอี้ในเดือนที่ผ่านมา เขาเรียกหาหวังไห่และผู้อาวุโสซู

เมื่อทั้งสองคนอธิบายให้เขาฟังเกี่ยวกับการที่เซียวอี้ได้พบกับเย่ชิวก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่โกรธเท่านั้น ทว่าเขากลับมีความสุขมากด้วย

“จริงหรือ สตรีผู้นั้น เราควรจะขอบคุณเขาดีไหม”

เขารู้ว่าเย่ชิหยอกล้อว่าเซียวอี้นั้นเป็นคนกตัญญูจริงหรือไม่ เย่ชิวเป็นปรมาจารย์ขุนเขาที่สง่างาม เป็นยอดฝีมือในขอบเขตชีวาเร้นลับ เขาจะมีเวลาว่างมาตรวจสอบเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร

ในฐานะยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับ เซียวจ้านมองเห็นความตั้งใจของเย่ชิวในตอนท้ายได้อย่างดี เขามอบโอกาสให้เซียวอี้ในการกลับมาเป็นมนุษย์ที่ดีอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าเย่ชิวได้บรรลุความตั้งใจแล้ว ทว่าเซียวอี้นั้นกระวนกระวายใจจนแทบสิ้นสติและกำลังเปลี่ยนนิสัยที่เย่ชิวได้กำหนดไว้สำหรับเขา

ในอดีต ลูกชายของเขาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ หยิ่งยโสและเผด็จการและรู้เพียงวิธีสร้างปัญหา อย่างไรก็ตาม หลังจากกลับมาในคราวนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะเริ่มยับยั้งตนเองมากกว่าเก่าเท่านั้น เขายังกตัญญูมากขึ้นอีกด้วย เขาไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นอีกต่อไป

เซียวจ้านรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าคำพูดของเย่ชิวจะเทียบเท่ากับการช่วยชีวิตลูกชายและตระกูลเซียวของเขา หากเซียวอี้ยังคงเป็นนายน้อยเจ้าสำราญต่อไป หากเขาสิ้นใจในอนาคตและตระกูลเซียวถูกส่งมอบให้กับเซียวอี้ ตระกูลเซียวแห่งลี่หยางอาจจะล่มสลายอย่างแท้จริง

เพื่อเห็นแก่ปัญหามรดกนี้ เซียวจ้านครุ่นคิดอย่างหนักเป็นเวลานาน แต่ในที่สุดก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะทำให้ลูกชายของเขายับยั้งตนเอง ไม่คาดคิดเลยว่าเย่ชิวกล่าวเพียงประโยคเดียวเพื่อปลุกเซียวอี้ให้ตื่นขึ้น

อู๋โหยวแนะนำว่า “ข้าคิดว่ามันจำเป็น ที่รัก เดือนหน้าคือการลองยุทธ์เจ็ดขุนเขา เราควรแสดงความขอบคุณและเตรียมของขวัญเผื่อแผ่ด้วยเช่นกัน”

เซียวจ้านลูบเคราและยิ้ม “เอาล่ะ ตามที่เจ้ากล่าว! เย่เจินเหรินได้มอบชีวิตใหม่แก่ลูกชายของข้า เราต้องแสดงความขอบคุณอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ สำนักเยียวยาสวรรค์เป็นภูเขาเซียนที่เป็นที่รู้จักกันดีในเขตราชวงศ์ลี่หยางของข้า อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์ขุนเขา ดังนั้นสถานะของเขาจึงสูงส่ง เราสามารถถือโอกาสนี้แสดงเจตนาดีต่อเขาได้”

“ปัจจุบันในเมืองกวงหลิงนั้นตระกูลยิ่งใหญ่ทั้งหมดได้รับการสนับสนุนจากสำนักเซียนแล้ว ตระกูลหยางมีภูเขาเซียน ตระกูลหลินมีสถาบันจูลู่ มีเพียงตระกูลเซียวของเราเท่านั้นที่ไม่มีพันธมิตรที่เราสามารถพึ่งพาได้ ข้าคิดว่าสำนักเยียวยาสวรรค์นั้นเหมาะสมมาก”

ตามที่คาดไว้ เซียวจ้านสามารถวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

จากนั้นเขาก็พูดกับหวังไห่ว่า “ผู้อาวุโสหวัง เตรียมของขวัญล้ำค่าสักสองสามชิ้นแล้วนำไปยังขุนเขาเมฆาม่วง ของขวัญของเราอาจไม่มีประโยชน์มากนักสำหรับยอดฝีมือเช่นเย่เจินเหริน แต่พวกมันก็ยังมีประโยชน์สำหรับศิษย์ของเขา นี่เป็นการแสดงความปรารถนาดีจากตระกูลเซียวของข้าด้วย”

5 3 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด