ตอนที่แล้วตอนที่ 15 จดหมายของเชียนฮุ่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 เทียนเจียง สถาบันอันดับหนึ่ง

ตอนที่ 16 สาเหตุที่เสียเปรียบ


แสงแดดยามเช้าตรู่ส่องเข้ามาในกระท่อมไม้ผ่านทางหน้าต่าง แม้อากาศยามเช้าจะเย็นแต่ก็แสดงให้เห็นถึงความอบอุ่นและความหวัง

สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อตื่นขึ้นคือเขียนจดหมายถึงเชียนฮุ่ย

“เชียนฮุ่ย! เมื่อเร็วๆ นี้ฉันได้เพื่อนคนหนึ่ง เขาชื่ออาโมรี่ เป็นคนที่น่าสนใจมากแม้ว่าจะน่าเกลียดและดูดุดัน แต่ความจริงแล้วเป็นคนดีมาก ช่างพูด หัวไม่ดีแถมยังโง่กว่าฉันเสียอีก บางครั้งก็น่ารำคาญและชอบยั่วโมโหฉันฉันชอบเรียกเขาว่าเจ้าวัวน่ารำคาญ เขามีเป้าหมายต้องการสร้างมรรคาวิชาบู๊เป็นของตนเอง แต่ฉันห่วงระดับสติปัญญาของเจ้าหมอนี่ ฉันจะต้องช่วยเขาแน่นอน เพราะเขาเรียกฉันว่าชาวฟ้า โอว, ฉันรู้สึกว่าฉายานี้ก็เหมาะกับฉันดีเหมือนกัน เชียนฮุ่ย ฉันจะบอกข่าวดีให้ ฉันเพิ่งผ่านการฝึกหนักสุดยอดสิบวันแล้ว  แม้ว่าจะลำบากยากเย็นจริงๆ แต่สำหรับชาวฟ้าแล้วการฝึกทั้งหมดนี้นับว่ากล้วยมาก ใช่แล้วฉันผ่านมาได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม ฉันคงไม่ภูมิใจนักหรอกฉันมีเวลาไม่มาก และไม่อาจเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว แม้ว่า ผอ.คนใหม่จะดูหยาบคายไปบ้างก็ตามแต่เขาก็เป็นคนดี และให้การ์ดวิญญาณชั้นเงินสำหรับฝึกพลังภายในกับฉัน และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือนั่นเป็นการ์ดวิญญาณวิชาโบราณ  แล้วจะรีบไปพบเธอที่กลุ่มดาวเพอร์ซูส อย่าลืมพาฉันไปกินมะพร้าวเหลืองด้วยล่ะ...”

ถังเทียนเขียนทุกคำอย่างตั้งใจ

เขาเล่าถึงความคิดความรู้สึกในใจ และให้ความสำคัญกับชีวิตเขา

ทันทีที่เชียนฮุ่ยได้รับจดหมาย เขาจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งขึ้น

เขาต้องใช้เวลาถึงห้าปีเต็มในการหาข้อมูลนี้ ต้องพยายามอย่างหนักจากนั้นจึงไปหาเชียนฮุ่ยและมุ่งหน้าไปสวรรค์วิถี

เขาผนึกจดหมายอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่ทำสิ่งที่สำคัญเสร็จแล้ว ถังเทียนไม่มีอะไรต้องกังวล และตัดสินใจเริ่มฝึกฝนคัมภีร์ปราณกระเรียน การ์ดวิญญาณโบราณชั้นเงิน  และความจริงที่ว่า นี่คือการ์ดชั้นเงินและว่านี่เป็นการ์ดวิญญาณโบราณ  บ่งบอกถึงมูลค่าและเมื่อทั้งสองสิ่งรวมกันแม้แต่คนที่ไม่มีหัวทางด้านธุรกิจอย่างถังเทียนก็พอประมาณได้ว่ามันมีราคาที่แพง

ถังเทียนล้วงเอาการ์ดเงินออกมาและถ่ายเทพลังเที่ยงแท้ลงไป

ทันใดนั้นการ์ดวิญญาณก็มีแสงพุ่งกระจายออกแสงเงินสว่างจนห้องพร่ามัวไปหมด เสียงร้องของนกกระเรียนดังขึ้นในใจของถังเทียนทันที

หัวใจของถังเทียนสั่นสะท้าน เสียงร้องของนกกระเรียนที่แน่นอนชัดเจนดูเหมือนจะมีพลังอำนาจบางอย่าง

แสงเงินที่พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เปลี่ยนเป็นธนูแสงและหายเข้าไปในตัวของถังเทียน

ฝ่ามือของถังเทียนร้อนขึ้น เหมือนกับธนูแสงถูกมันดึงดูดและชอนไชเข้าไปในฝ่ามือเขา

ตามคาด...ป้ายความเพียรแห่งกลุ่มดาวกางเขนใต้

ถังเทียนมาถึงที่ประตูกางเขน ตามคาด บนประตูมีกระเรียนหงอนแดงที่กำลังสยายปีกดูชัดเจนและมีชีวิตชีวา ตาของมันคมเหมือนปลายธนู  กรงเล็บเหมือนเหล็กสง่างามจะงอยปากคมกริบ

“ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสียแล้ว” ถังเทียนกระซิบ

เหมือนครั้งล่าสุด เขาเคลื่อนที่เข้าไปที่ร่างกระเรียนหงอนแดงที่อยู่บนประตูกางเขน ผ่านเข้าประตูมาได้ ร่างของเขาสะดุ้ง และกระเรียนบนประตูกางเขนกระแทกดังปัง

ความรู้สึกที่คลุมเครือเต็มอยู่ในร่างของเขาและตอนนี้ถังเทียนมีแอ่งตันเถียนถึงสองระดับแล้ว ทันใดนั้นเกิดพลังระเบิดรุนแรง

ในพริบตา แอ่งตันเถียงก็ถูกบดทำลายทันที

แอ่งตันเถียนที่อยู่ด้านบนปล่อยพลังออกมารุนแรง พลังเที่ยงแท้ในแอ่งตันเถียนกลายเป็นเบาบางและเริ่มไหลขึ้น ในชั่วพริบตาก็มีแอ่งตันเถียนใหม่ก่อตัวอยู่เหนือแอ่งตันเถียนชั้นที่สอง

ความจุของแอ่งตันเถียนใหม่นั้นใหญ่กว่าแอ่งตันเถียนเบื้องล่างเป็นทวีคูณ ตัวอย่างเช่นถ้าแอ่งตันเถียนชั้นที่สองเล็กขนาดจอกน้ำชาแอ่งตันเถียนชั้นที่สามก็มีขนาดอ่างล้างหน้า

ที่ขอบของแอ่งตันเถียนชั้นที่สามนั้น มีเส้นปราณเชื่อมอยู่นับไม่ถ้วนซึ่งเป็นทางเดินของการบ่มเพาะปราณระดับที่สาม

ยามนี้ถังเทียนเปิดใช้งานงานครอบงำ ของการ์ดวิญญาณ และความลับต่างๆ ของคัมภีร์ปราณกระเรียนได้เข้ามาในใจเขาเขานึกเปิดการใช้งานคัมภีร์ปราณกระเรียนและภาพพลังปราณปรากฏในใจเขาทันที

จากนั้นถังเทียนถึงเข้าใจเหตุผลที่ผู้เฒ่าเว่ยบอกว่าคัมภีร์ปราณกระเรียนนั้นฝึกฝนได้ยากมาก

คัมภีร์ลมปราณกระเรียนมีความซับซ้อนมาก เนื่องจากมีวิธีการฝึกฝนมากมายคัมภีร์ปราณกระเรียนเมื่อเทียบกับการฝึกฝนปราณลับ ก็เหมือนกับอ่านกระดาษเปล่า

ถังเทียนถึงกับพูดไม่ออก จอมยุทธในสมัยโบราณเก่งกาจทรงพลังมากนักสามารถฝึกฝนเรียนรู้วิชาที่ซับซ้อนได้ เขารู้สึกว่าสมองชักจะบวมๆ หวิวๆ เสียแล้ว

อย่างไรก็ตามเขาได้คุยโวไว้แล้วว่าเขาจะทำให้ได้  ถังเทียนไม่มีทางเลือก ได้แต่ฝืนใจฝึก  เขาเริ่มต้นด้วยการทำตามแนวเดียวกับที่เขาเคยฝึกวิชาปราณลับ  เขาพยายามใช้งานพลังเที่ยงแท้อย่างระมัดระวัง

เส้นทางที่ซับซ้อนนี้ ทำให้ถังเทียนแทบลมจับเพราะมองเบลอไปหมด

เขาจ้องมองเส้นทางว่างเปล่าแล้วจู่ๆ ก็ทำเสียง อ๋อ... ยาวๆ อย่างทึ่งเหมือนกับว่าพบเรื่องราวใหญ่โต

นี่ นี่ นี่... นี่มันร่างกระเรียนไม่ใช่เหรอ?

ยิ่งมองดู เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ อ่าฮะ.. ฉันนี่มันอัจฉริยะจริงๆ แค่มองแว่บเดียวก็เห็นแก่นสำคัญของมันได้ชัดเจน

ถังเทียนได้รับการกระตุ้นความคิด  เขาเรียกพลังเที่ยงแท้กลับและดึงออกมาสองสามครั้ง จากนั้นเขามั่นใจเส้นทางแห่งคัมภีร์ปราณกระเรียนมากขึ้นและวาดเค้าร่างของกระเรียนตัวหนึ่ง

มิน่าเล่าเขาถึงรู้สึกว่าเคล็ดวิชาทั้งหมดซับซ้อนมากยอดฝีมือปราณกระเรียนคงจะเบื่อมากจริงๆ จนถึงกับสร้างภาพร่างแปลกๆ อย่างนั้น

สำนักกระเรียนสมควรตกต่ำแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถของเขาเองที่จำรูปกระเรียนได้  จะฝึกฝนเคล็ดลมปราณที่ซับซ้อนอย่างนั้นแทบมิอาจเป็นไปได้เชียวหรือ?

ถังเทียนรู้สึกหมั่นไส้ยอดฝีมือปราณกระเรียน จากสิ่งที่เขาเห็น ในโลก บางสิ่งที่เรียบง่ายย่อมดีกว่า  ถังเทียนคาดเดาได้ถูก  ที่ว่าการฝึกพลังภายในของสำนักกระเรียนนั้นซับซ้อนเกินไปและแน่นอนว่านี่คือสาเหตุทำให้สำนักกระเรียนตกต่ำ

เนื่องจากเขาค้นพบความลับของคัมภีร์ปราณกระเรียน  จึงไม่มีปัญหาสำหรับถังเทียนอีกต่อไป  เขาทำตามรูปกระเรียนอยู่สองสามครั้ง  ก่อนจะจดจำส่วนนั้นทั้งหมดได้

แอ่งตันเถียนชั้นที่สามค่อยๆ สงบลง ถังเทียนโคจรตามคัมภีร์ปราณกระเรียนอย่างต่อเนื่อง  การฝึกครั้งนี้ใช้เวลาสองชั่วโมงแอ่งตันเถียนก็เติมเต็มอีกครั้ง

เมื่อเข้าสู่ระดับสามพลังเที่ยงแท้เพิ่มขึ้นพรวดพราดทำให้ถังเทียนรู้สึกว่าเขาจะไม่มีทางใช้พลังได้หมด  เนื่องจากมันแข็งแกร่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ยามนี้เขาตระหนักได้ทันทีว่ามีแถวตัวหนังสืออยู่ด้านหลังประตูกางเขน

“การฝึกหนักรอบแรกสำเร็จ ผลการฝึกค่อนข้างดี การฝึกหนักรอบที่สองจะเริ่มขึ้นในสิบวัน

ถังเทียนประหลาดใจมาก  เป็นไปตามคาด มันเป็นสิ่งที่ดี  ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกหนัก เขาไม่เคยกลับเข้าไปในประตูกางเขนและไม่คาดว่าจะมีการฝึกหนักรอบที่สอง

ดูเหมือนว่าเขาทำได้ดีเลยทีเดียว

แต่ถังเทียนไม่ได้รีบตรงดิ่งเข้าฝึกหนัก เนื่องจากครั้งสุดท้ายที่เขาเข้าไปทำให้เขากลัว ฝึกต่อเนื่องเป็นบ้าเป็นหลังก็คือการทรมานสังขารแบบหนึ่งดีๆ นี่เอง เขาฝืนตัวออกมาได้อย่างไรนั้น เขาจำไม่ค่อยได้ แต่มันน่ากลัวอย่างแน่นอน

แม้แต่หนุ่มชาวฟ้าอย่างเขาก็มีขีดจำกัด

ทันใดนั้นถังเทียนก็ตัวแข็ง  เมื่อเขากวาดสายตาไปเห็นประโยคหนึ่ง

“...แกไม่มีเวลาจะเสียต่อไปแล้ว...”

เขายืนขึ้น ความเด็ดเดี่ยวเข้ามาปรากฏแทนความลังเลบนใบหน้าเขา เขาเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นแน่วแน่อีกครั้ง ถูกแล้ว เขาไม่มีเวลาจะเสีย  ถ้าเขาไม่สามารถอดทนระดับนี้ได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงความฝันของเขา?

เขาคิดถึงเชียนฮุ่ย,คิดถึงคำมั่นที่เขาให้ไว้กับทุกคน และคิดถึงคำสาบานของเขา

ถังเทียนผู้มีความคิดง่ายๆดูเหมือนกระตือรือร้นขึ้นมาทันที มีแววตั้งใจจะสู้ต่ออีกครั้ง

“ฮึ่ย ฮึ่ย ฮึ่ย, เสี่ยวถังไม่มีอะไรต้องกลัว! ไป ไป ไปเลย”

ถังเทียนยกแขนทั้งสองตะโกนอย่างร่าเริง

※※※※※※※※※※※※

“แกรู้ตัวไหม ทำไมแกถึงตกเป็นรองถังเทียน?” จู่ๆ ผู้เฒ่าเว่ยถาม กับมีดหักในมือของเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่เห็นด้วย

ทันใดนั้นอาโมรี่ให้ความสนใจ “ทำไม  ทำไมล่ะ?”

เขามักพบว่าแปลก ทำไมทุกครั้งที่เขาซ้อมมือกับถังเทียน เขามักเสียเปรียบ เขาไม่สามารถหาสาเหตุพบได้

“แกเอาแต่ทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์มากเกินไป ตัวอย่างเช่น ทำไมแกถึงสู้ด้วยมือเปล่า? แกเชี่ยวชาญเพลงดาบ แต่กลับใช้หมัดมวยสู้กับถังเทียน  แกยังคิดว่าไม่มีอะไรผิดอีกหรือ?” ผู้เฒ่าเว่ยถลึงตา

“ใช่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”อาโมรี่ดูเหมือนจะคิดอย่างหนัก

“นี่หมายความว่าแกไม่ให้คุณค่าถังเทียนอย่างเพียงพอ” ผู้เฒ่าเว่ยยุยงต่อ “ฉันได้ยินมาว่าการเอาชนะเหลียงชิวคือเป้าหมายของแก ถ้าแกสู้กับเขา  แกจะใช้มือเปล่าอย่างนั้นหรือ?”

ภาพกดดันปรากฏขึ้นในใจของอาโมรี่ เขาส่ายศีรษะและพูดโดยไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย“ไม่มีทาง”

“นั้นคือเหตุผลที่แกต้องเรียนรู้ที่จะสู้อย่างสุดกำลังเมื่อฝึกซ้อมกับใครสักคน  นี่คือการให้เกียรตินักสู้ที่ควรจะได้รับ แกควรจะรู้เรื่องนั้นไว้  แม้ว่าแกจะมีพรสวรรค์มากกว่าถังเทียน  แต่แกจะพลาดท่าเมื่อเทียบกับด้านความทุ่มเทของเขา”  ผู้เฒ่าเว่ยกล่าว

“ความทุ่มเท?” อาโมรี่พึมพำ

“ถูกต้อง, ความทุ่มเท” ผู้เฒ่าเว่ยหรี่ตาและพูดต่อ“ถ้าถังเทียนมีเป้าหมายอย่างเหลียงชิว เขาจะไม่ลังเลรีบฆ่าอย่างสุดความสามารถ  แม้ว่าเขาต้องพ่ายแพ้  เขาจะเริ่มใหม่ในวันสองวัน ถึงจะล้มเหลวอีกเขาจะลุกขึ้นอีก จนกว่าจะได้รับชัยชนะ”

อาโมรี่เงียบงัน  ความทุ่มเทของถังเทียนทำให้เขารู้สึกภูมิใจจริงๆ

จริงอยู่แม้ว่าเขาจะชื่นชมถังพื้นฐาน แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาไม่ให้คุณค่าถังเทียนอย่างเพียงพอ  และเขามิได้ทุ่มเทเท่าถังเทียน  แน่นอนว่าเขาจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ความทุ่มเทของถังเทียนทำให้เขาไม่กลัวอะไร เขาเป็นเหมือนเด็กแรกเกิดที่ไม่กลัวอะไร แกไม่สามารถทำเช่นนั้นได้  มีความกลัวไม่ใช่เรื่องน่าอาย มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ แต่ถ้าแกแข็งแกร่งขึ้น  แกต้องกำจัดความกลัวออกไป” ยากนักที่ผู้เฒ่าเว่ยจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พรสวรรค์ของแกนับว่าโดดเด่น บวกกับนิสัยสัตย์ซื่อของแกเหมาะสมกับการฝึกฝนวิชาดาบ นั่นคือศักยภาพที่ฉันเห็นในตัวแก แกเหมาะกับวิชาดาบมากกว่าถังเทียน ส่วนเขามีพรสวรรค์กับการต่อสู้ระยะประชิด” ผู้เฒ่าเว่ยพูดเสียงในลำคอ “ฉันรู้ว่าแกมุ่งมั่นค้นหาเพื่อสร้างมรรคาวิชาบู๊เป็นของตนเองและนี่อาจเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ หลายคนจะหัวเราะเยาะแกที่ไม่รู้จักประมาณตนเอง  แต่จากสิ่งที่ฉันเห็น  ความฝันนี้นับว่ายิ่งใหญ่ พวกที่หัวเราะเยาะแกมันเป็นพวกไม่มีความฝันและอ่อนแอ พวกเขาทุกคนเหมือนยืนอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำมองไปที่ยอดเขาที่ห่างไกลโดยไม่มีความคิดที่กล้าหาญแต่อย่างใด”

นัยน์ตาอาโมรี่เริ่มฉายแววสีแดง เขากำหมัดแน่น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการสั่งสอนเช่นนี้

“ความฝันสูงส่งอาจฟังดูน่าทึ่ง แต่ความหมายส่วนใหญ่ทั้งหมดก็คือความยากลำบาก แล้วยังไงเล่า? นอกจากเอาแต่ยืนที่จุดเริ่มต้นเพื่อที่ว่าแกจะไม่สะดุดกับอุปสรรคใดๆเลย ในโลกนี้มีทางลัดซะที่ไหนเล่า?  ชีวิตของแกถูกลิขิตมาว่าต้องยากลำบาก และถ้าแกไม่มีความฝันอย่างนั้นชีวิตของแกก็คงมีแต่เรื่องน่าเบื่อ”

“เราทุกคนเป็นมนุษย์นะ อาโมรี่, เมื่อตอนเยาว์วัยฉันก็มีฝันเหมือนแก แต่ฉันไม่ได้ตระหนักเรื่องนั้น แต่นั่นยังไม่น่าเสียดาย สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ตอนนี้ฉันแก่แล้วและฉันไม่มีแรงขับเคลื่อนในสิ่งที่ฉันเคยทำ ฉันหวังว่า แกจะเดินไปได้ไกลกว่าฉัน และฉันหวังว่าแกจะตระหนักว่านี่คือฝันที่ยิ่งใหญ่ของแก นั่นคือความฝันของแก”

“ฉันจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ ใช้ทุกอย่างที่ฉันมีและที่ฉันได้ร่ำเรียนมา ฉันไม่สนหรอกว่าแกจะผ่านการฝึกนี้หรือไม่ ฉันแค่ปรารถนาให้แกใช้ทางลัดให้น้อยลง ความฝันอันสูงส่งดังกล่าวถูกลิขิตไว้ด้วยความทุกข์ทรมานและยากลำบาก สิ่งที่ฉันผ่านพบเจอมาเป็นแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น และสิ่งที่ฉันสามารถมอบให้แกก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น”

ผู้เฒ่าเว่ยตั้งใจแน่นอนแล้วดูเหมือนเขาคล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคน  เป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลัง ผมขาวโพลนของเขาพริ้วไสวในอากาศ “โลกนี้นี้เต็มไปด้วยดาบที่หลากหลาย  อาโมรี่ ตกลงว่าแกจะเรียนอะไร?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด