ตอนที่แล้วตอนที่ 1-13 ตั้งเป้าไขว่คว้าพลัง (2) 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1-15 ศึกกลางเวหา (2)

ตอนที่ 1-14 ศึกกลางเวหา (1)


เช้าวันต่อมา

เป็นเหมือนเช่นเคยทุกวันลานว่างทางทิศตะวันออกเมืองอู่ซันเต็มไปด้วยเด็กๆฮิวแมนและครูผู้ฝึกอีกสองคนยังมาไม่ถึง ดังนั้นเด็กทุกคนจึงสนทนากันเองอย่างออกรสชาติ โดยทั่วไปเรื่องที่พูดคุยกันจะเป็นเรื่องการต่อสู้ที่น่าตื่นตกใจเมื่อวานนี้

“อสูรเวทตัวเมื่อวานนี้มีพลังมาก เมื่อลุงฮิลแมนและคนอื่นยืนอยู่ข้างหน้า ข้าอยู่ข้างหลังพวกเขาและแอบมองจากที่ไกล พวกเจ้าคิดไม่ออกแน่ เมื่ออสูรเวทขนาดมหึมาจิกกรงเล็บลงที่พื้น พื้นถนนศิลาก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ และบ้านแถวๆนั้นพังทลายลงเหมือนกับสร้างมาจากดิน” ในท่ามกลางเด็กทั้งหมดฮาดลี่ย์ช่างคุยเหมือนอย่างเคย เขาบรรยายเป็นฉากๆอย่างเมามันพร้อมทั้งทำมือประกอบท่าทางเหมือนกับว่าเห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง

เด็กทุกคนจ้องมองฮาดลี่ย์ดวยนัยน์ตาเบิกกว้าง

“ฮาดลี่ย์! เมื่อวานนี้เจ้าอยู่กับเราทางด้านตะวันออกเหมือนกันนี่ เจ้าไม่กล้าไปตรงนั้น แล้วเจ้าจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้ยังไง?” เด็กผมน้ำตาลวัยสิบสามขวบแค่นเสียง

พวกเด็กที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเล็กน้อยไม่อาจหลอกได้ง่ายเหมือนกับเด็ก 7 - 8 ขวบ

ฮาดลี่ย์หันไปจ้องเด็กวัยสิบสามปี นัยน์ตาเขาเบิกกว้าง เขาพูดว่า “ฟอร่า!เจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ? ข้า, ฮาดลี่ย์เคยหลอกใครซะเมื่อไหร่กัน?”

เด็กผมน้ำตาลชื่อฟอร่าพูดพลางเยาะเย้ย“ทุกคนก็รู้ทั้งนั้นว่าเจ้าขี้โม้ เจ้าเคยพูดเรื่องจริงเมื่อไหร่กัน? เฮ้, ทุกคน ทำไมพวกเจ้าถึงไม่พูดเองเล่าว่าฮาดลี่ย์เคยพูดความจริงบ้างไหม?” ฟอร่าพูดกับเด็กๆที่อยู่ถัดจากเขาไป

กลุ่มเด็กอายุ 12-15 ปีเริ่มหัวเราะกันทุกคน “ถูกแล้วหนูน้อยฮาดลี่ย์ชอบเติมเรื่องไร้สาระเสมอ”

พวกเด็กอายุค่อนข้างมากจะเข้าข้างฟอร่า

ฮาดลี่ย์รีบพูดขึ้นทันที “พวกเจ้าไม่เชื่อข้าเหรอ?  ดีล่ะ งั้นก็ไม่ต้องเช่อ”  ฮาดลีย์หงุดหงิดหมุนตัวไปทุกด้านกระทั่งเห็นลินลี่ย์  นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย  เขาพูดทันทีว่า “แต่ทุกคนที่นี่รู้ว่านอกจากลุงฮิลแมนและครูฝึกอีกสองคน  ลินลี่ย์ก็ไปด้วยลินลี่ย์เห็นทุกอย่างกับตาตนเอง คำพูดของลินลี่ย์น่าจะถูกต้อง จริงไหม? ให้ลินลี่ย์เล่าให้พวกเจ้าฟัง ดูซิว่าข้าจะพูดถูกหรือไม่”

“คุณชายลินลี่ย์เหรอ?”  เด็กๆ หันไปมองลินลี่ย์

ในสายตาของเด็กๆชาวเมืองอู่ซัน ลินลี่ย์มีฐานะอยู่ในท่ามกลางหมู่พวกเขา ประการแรกเขาเป็นทายาทตระกูลบาลุค และประการที่สองขณะที่เขาอายุแปดขวบ  ลินลี่ย์สามารถฝึกได้พอๆกับเด็กวัยสิบสามและสิบสี่ปี  ในทวีปยูลานที่เต็มไปด้วยสงคราม ความกล้าหาญของลินลี่ย์ทำให้เด็กชาวเมืองอู่ซันทุกคนยกย่องเขา

“คุณชายลินลี่ย์เห็นทุกอย่างกับตาตนเอง  ปกติพวกเราจะเชื่ออะไรก็ตามที่คุณชายลินลี่ย์พูด” เด็กๆ พวกนั้นพยักหน้า

เด็กๆวัยสิบสามและสิบสี่ขวบเหล่านั้นหรือที่เป็นผู้ใหญ่กว่าก็เหมือนกัน พวกเขารู้ว่าลินลี่ย์เป็นคนมีชาติตระกูลสูงไม่เหมือนกับพวกเขา  พวกเขาเกือบทุกคนจะเรียกเขาว่า “คุณชายลินลี่ย์ มีเพียงฮาดลี่ย์และเด็กๆตัวแสบวัยเจ็ดและแปดขวบบางคนยังคงเรียกเขาตรงๆว่าลินลี่ย์โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสม

“บอกข้าที, ลินลี่ย์ ข้าโกหกหรือเปล่า? ข้าเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นใช่ไหม?” ฮาดลี่ย์เร่งรัดลินลี่ย์พลางเขย่ามือลินลี่ย์และลอบกระพริบตาให้ลินลี่ย์

ลินลี่ย์ไม่รู้จะช่วยยังไง วิธีที่ฮาดลี่ย์ดึงเขาเข้าไปพัวพันกับการสนทนาครั้งนี้ได้ยังไง?

“สัตว์อสูรนั่นรู้จักในชื่อว่ามังกรลมกรดและเป็นอสูรเวทระดับที่เจ็ด มันมีพลังเหลือเชื่อ ทั้งร่างของมันมีเกล็ดแข็งมากปกคลุมทั้งหมด สามารถต้านทานอาวุธธรรมดาได้มันมีหางที่เหมือนแส้แข็งแรงและกรงเล็บที่คมเป็นอาวุธ  ขนาดหินถนนแข็งๆ ยังถูกหางและกรงเล็บของมันทำลายกระจุยราวกับสร้างจากกระดาษ มันสามารถพ่นไฟออกมาจากปากของมันได้ ไฟของมันร้อนมากจนหินแตกเป็นเสี่ยง”ลินลี่ย์พูดไปตามจริง

เด็กทุกคนฟังลินลี่ย์เล่าให้ฟังอย่างเงียบงัน

“ความจริงพวกเจ้าทุกคนก็รู้ว่ามังกรลมกรดมีพลังมากขนาดไหนจากช่วงที่พวกเจ้าเห็นมันกับตาตนเอง ไม่จำเป็นต้องให้ข้าอธิบายเพิ่มเติมเลย” ลินลี่ย์พูดไปยิ้มไป

เด็กโตทุกคนพยักหน้า

ทันทีที่พวกเขาเห็นมังกรลมกรดในวันก่อนพวกเขากลัวอย่างที่สุด ร่างของมันใหญ่โตเหมือนภูผาขนาดใหญ่และเกล็ดใหญ่สีแดงบนร่างของมันเห็นแล้วแทบไม่ต้องจินตนาการเลยว่าแข็งทนทานขนาดไหน

“เจ้าได้ยินไหมล่ะ? ข้าบอกแล้วว่ามังกรลมกรดมีพลังแข็งแกร่งจริงๆ” ฮาดลี่ย์เริ่มโม้เสียงดัง

เด็กชื่อฟอร่าชำเลืองมองเขาและพูดอะไรบางอย่าง

“ลุงฮิลแมนกำลังมา” ลินลี่ย์เห็นฮิลแมน, ลอร์รี่และโรเจอร์กำลังเดินตรงมาทางพวกเขาแต่ไกลและพูดขึ้นทันที เด็กทุกคนสงบเงียบลงทันทีและอยู่ในระเบียบเคร่งครัด จัดแถวเป็นสามกลุ่ม

สนามฝึกฝนสงบลงทันที มีแต่เสียงฝีเท้าของฮิลแมนและอีกสองคนที่พวกเขาได้ยิน

ฮิลแมนและครูฝึกอีกสองคนเดินมาอยู่ต่อหน้ากลุ่มทั้งสาม ฮิลแมนยิ้มและพูดตรงๆ ถึงสิ่งที่เด็กทุกคนคิดอยู่ “ทุกคนควรจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้จริงไหม?”

“ใช่ขอรับ” พอได้ยินคำพูดของฮิลแมนและเห็นว่าเขาผ่อนคลายเพียงไหน เด็กทุกคนตอบรับขึงขังทันที

“ดีแล้ว” สีหน้าของฮิลแมนเปลี่ยนเป็นเคร่งครัดจริงจัง “สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์นั้นเรียกว่ามังกรลมกรด จอมเวทที่ขับขี่มังกรลมกรดมีพลังเหลือเชื่อ แต่ทุกคนต้องรู้ไว้อย่างหนึ่ง”

สายตาฮิลแมนเปลี่ยนเป็นแหลมคมทันทีขณะกวาดมองหน้าเด็กแต่ละคน “แม้ว่าจอมเวทลึกลับจะได้มีพลังเหนือกว่าขั้นหนึ่ง แต่ก็ต้องเริ่มต้นจากระดับต้นก่อน เพื่อเป้าหมายกำราบมังกรลมกรดที่ทรงพลัง เขาต้องใช้เวลาหลายปีฝึกหนัก ทำงานหนัก ถ้าพวกเจ้าต้องการกำราบมังกรลมกรดให้ได้ด้วยตัวพวกเจ้าเอง ก็ต้องมีพลังให้เท่ากับจอมเวทลึกลับผู้นั้น จากนั้นพวกเจ้าทุกคนต้องฝึกฝนอย่างหนักโดยมิอาจล้มเหลว”

“ทุกคนมีศักยภาพพอที่จะกลายเป็นคนเก่งได้ คำถามก็คือ พวกเจ้ายินดีฝึกหนักอย่างเพียงพอหรือไม่?”

คำพูดของลุงฮิลแมนชัดและหนักแน่นเหมือนกับตอกตะปู สายตาของเขาดุและเยือกเย็น

ทันใดนั้นเด็กทุกคนเงียบเสียงลง  แต่จินตนาการบางคนกำลังเตลิดเปิดเปิง และสายตาของพวกเขาฉายแววความคิดที่แตกต่าง

“ตอนนี้ ได้เวลาฝึกฝนยามเช้าของพวกเราแล้ว ทำเหมือนอย่างเคย หันหน้าหาตะวันและเริ่มฝึกซึมซับพลังปราณ” ฮิลแมนเริ่มให้ทุกคนฝึกฝนประจำวันและทันใดนั้นกลุ่มเด็กๆ ก็ฝึกอยู่ในท่าซึมซับปราณ

____________

ตามทักษะแต่ละกลุ่ม  ฮิลแมนฝึกฝนให้ต่างกัน  ภายใต้การแนะนำของผู้ใหญ่ทั้งสาม เด็กแต่ละคนก็ฝึกได้ตามที่ตั้งใจ วันนี้บรรยากาศการฝึกฝนแตกต่างไปจากเดิม  แทบไม่มีเด็กคนใดบ่นว่าเหนื่อย

พวกเด็กทุกคนมีไฟลุกโชนอยู่ในใจในวันนี้ และพวกเขาก็ฝึกฝนอย่างหนัก

“ห้าสิบ, ห้าสิบเอ็ด...” ลินลี่ย์นับในใจขณะที่เขานอนขวางพื้นใช้ปลายนิ้วของมือข้างหนึ่งและปลายเท้ายันตัวเอง เขาเกร็งไปทั้งตัว เขากำลังฝึกวิดพื้นด้วยปลายนิ้ว

การฝึกฝนนี้ไม่เพียงแต่ฝึกความแข็งแรงของฝ่ามือเท่านั้น แต่ยังทำให้นิ้วมือแข็งแรงยิ่งขึ้นและข้อศอกมีแรง วิธีนี้ง่ายและได้ผล

ถ้าบางคนต้องการเป็นนักรบทรงพลัง ปกติพวกเขาต้องฝึกฝนปราณยุทธ ทักษะในการฝึกฝนปราณยุทธ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและทนทานในที่สุดยิ่งร่างกายแข็งแรงก็ยังสามารถเพลิดเพลินกับปราณยุทธได้มากยิ่งขึ้น

“เนื่องจากร่างกายเรามีเลือดมังกรอยู่ในสายเลือดจึงไม่สามารถฝึกฝนปราณยุทธได้ ทางเลือกประการเดียวของเราก็คือฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งกว่าคนอื่นมากที่สุด” ดวงตาของลินลี่ย์มุ่งมั่นและนิ้วของเขาจิกลงบนพื้นแน่นเหมือนรากไม้เก่าแก่ของไม้ยืนต้น  เขาวิดพื้นครั้งแล้วครั้งเล่าสร้างความตื่นเต้นให้กับเด็กๆ โดยรอบ

“เก้าสิบแปด, เก้าสิบเก้า...”

ลินลี่ย์ยังคงนับต่อเนื่อง

____________________

“การฝึกฝนช่วงเช้าจบลงแล้ว” ฮิลแมนพูดเสียงดัง ขณะหันหน้ามาทางเด็กๆ

หลังจากพูดคำนี้แล้วฮิลแมนสูดลมหายใจลึก ขณะที่เขาคิดเองว่า “เขาจะเล่าเรื่องอะไรให้เด็กๆฟังในวันนี้?” ทุกๆ วันเมื่อฝึกฝนยามเช้าเสร็จ ฮิลแมนจะเล่าเรื่องให้เด็กๆ ฟัง นี่เหมือนกลายเป็นกิจวัตร

“ลุงฮิลแมน, เรา..”

เสียงเด็กคนหนึ่งดังขึ้น

แต่ชั่วขณะนั้นที่เด็กคนนั้นพูดไปครึ่งเดียว ฮิลแมนมองลงมาขณะที่เขารวบรวมความคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกแปลก เขาเงยศีรษะขึ้น ตอนนี้กลุ่มเด็กทุกคนจ้องไปทางทิศตะวันออกปากอ้าตาค้าง โรเจอร์และลอร์รี่ก็หันไปมองทางทิศตะวันออกเช่นกัน และสายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว

“เอ๊ะ?” ฮิลแมนประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้จึงหันไปมองทางทิศตะวันออกเหมือนกัน

ในทิศตะวันออกห่างออกไปไม่ไกลนักประมาณ 200 - 300 เมตรในอากาศ มังกรยักษ์สีน้ำตาลนอนขดตัวอยู่กลางท้องฟ้า ตัวของมันยาวร้อยเมตรเป็นอย่างน้อย นัยน์ตาสีดำขนาดยักษ์เท่าล้อเกวียน  เกล็ดสีดำเป็นประกายใหญ่พอจะทำให้คนกลัวได้ และปีขนาดร้อยเมตรของมันกระพืออย่างนุ่มนวล แต่ความเคลื่อนไหวของมันเต็มเปี่ยมด้วยพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

อสูรศักดิ์สิทธิ์ – มังกรดำ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด