ตอนที่แล้วทาสแห่งเงา บทที่ 3 สายใยแห่งโชคชะตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทาสแห่งเงา บทที่ 5 โซ่ขาด

ทาสแห่งเงา บทที่ 4 จ้าวภูผา


เมื่อหันไปทางทิศทางที่มีเสียงฟ้าร้อง ทาสหลายคนก็เงยหน้าขึ้น เพียงเพื่อที่จะได้เห็นก้อนหินและเศษน้ำแข็งที่ตกจากด้านบน พวกเขาต่างพากันตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที ต่างสะอื้นไห้เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง เงาส่ายไหวอย่างมีความสุขบนหินสีดำ ในเมื่อพวกเขาต่างก็ถูกล่ามไว้กับโซ่หนา ทาสเหล่านั้นจึงพากันล้มลงกับพื้นและฉุดดึงคนอื่นๆ ไปด้วย

ซันนี่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังคงทรงตัวอยู่ได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาได้เตรียมตัวพร้อมสำหรับเรื่องแบบนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น สงบและมีสมาธิ เขาจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงตาที่เสริมไปด้วยพลังของคุณสมบัติของเขานั้นมองทะลุเข้าไปในความมืด และถอยหลังหนึ่งก้าว ในวินาทีถัดมา น้ำแข็งชิ้นขนาดเท่าลำตัวของชายหนึ่งคนก็ตกกระแทกพื้นตรงหน้าและระเบิดออก โปรยเศษน้ำแข็งที่แหลมคมกระจายไปทั่วทุกแห่งหน

คนอื่นๆ ไม่ได้เร็วขนาดนั้น ในขณะที่น้ำแข็งและก้อนหินยังคงตกอย่างต่อเนื่อง หลายคนก็ได้รับบาดเจ็บคน และบางคนก็ถึงกับเสียชีวิต เสียงคร่ำครวญอันเจ็บปวดเปี่ยมไปทั่วทั้งบรรยากาศ

“ทรงตัวให้ดี เจ้าพวกโง่ ! ตรงไปที่กำแพง!”

ทหารผ่านศึก ผู้ที่เคยเฆี่ยนซันนี่เมื่อสองสามชั่วโมงก่อน กำลังตะโกนด้วยความโกรธจัด พยายามให้พวกทาสเคลื่อนตัวไปยังที่ปลอดภัยของเนินลาดภูเขา แต่ทว่าก่อนที่ใครจะทันได้ฟังคำสั่งของเขา ก็มีสิ่งใหญ่โตถล่มทลายลงมา ส่งแรงสั่นสะเทือนผ่านลงไปยังก้อนหินใต้ฝ่าเท้า มันตกลงมาระหว่างกองคาราวานกับกำแพงภูเขา ทำให้ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ

ตอนแรก มันดูเหมือนก้อนหิมะสกปรก มันมีรูปร่างกลมๆ และสูงเท่ากับคนที่กำลังขี่ม้า แต่ทว่า เมื่อสิ่งมีชีวิตกางแขนขายาวออกมาและลุกขึ้น มันก็สูงตระหง่านเหนือกว่าก้อนหินราวกับจะเป็นลางร้ายแห่งหายนะ

'เจ้าสิ่งนี้จะต้องสูงอย่างน้อยสี่เมตร' ซันนี่คิดในใจ เขาตกตะลึงเล็กน้อย

สิ่งมีชีวิตนี้มีขาสองข้างที่เหมือนตอไม้ ลำตัวผอมแห้ง หลังค่อมและไม่สมส่วน มือหลายข้างที่ยาวไม่ได้สัดส่วน มือคู่หนึ่งมีปลายนิ้วเป็นกลุ่มของกรงเล็บกระดูกที่น่าสะพรึงกลัว และอีกคู่หนึ่งที่สั้นกว่ามีลักษณะเหมือนนิ้วมือของมนุษย์ สิ่งที่ดูเหมือนหิมะสกปรกในแวบแรกนั้นกลับกลายเป็นขนของมัน มีสีเทาอมเหลืองและขรุขระ หนาพอที่จะหยุดลูกศรและดาบได้

บนหัวของมัน ดวงตาสีขาวน้ำนมห้าดวง มองไปยังเหล่าทาสราวกับมองไปยังแมลงอย่างเฉยเมย ข้างใต้กลุ่มดวงตานั้น ขากรรไกรที่น่าสะพึงกลัวที่อัดแน่นไปด้วยฟันที่แหลมคมนั้นเปิดออกครึ่งหนึ่งราวกับว่าอยู่ในความคาดหมาย น้ำลายหนืดข้นได้ไหลลงมาตามคางของสิ่งมีชีวิตและหยดลงไปในหิมะ

สิ่งที่ทำให้ซันนี่ตกใจมากที่สุดก็คือ มีรูปร่างแปลกๆ เหมือนหนอนเคลื่อนไหวไปอย่างไม่รู้จบอยู่ใต้ผิวหนังของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะเขาเป็นหนึ่งในดวงวิญญาณที่โชคร้ายที่สุดที่อยู่ใกล้สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายนี้ที่สุด ได้รับมุมมองของผู้ที่อยู่ในแถวหน้าสุดที่น่าสะอิดสะเอียน

'อืม นี่มันค่อนข้างจะ… มากเกินไป' เขาคิดอย่างมึนงง

ทันทีที่ซันนี่เสร็จสิ้นความคิด นรกทั้งหมดก็พังทลาย สิ่งมีชีวิตนั้นก็เคลื่อนไหว กวาดกรงเล็บผ่านไปยังทิศทางของเขา แต่ซันนี่ได้นำหน้าไปอยู่หนึ่งก้าว โดยที่ไม่เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว เขาก็ได้กระโดดไปด้านข้างเท่าที่โซ่อนุญาต วางตัวทาสไหล่กว้างไว้ระหว่างตัวเขากับสิ่งมีชีวิตอย่างง่ายดาย

ปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเขาช่วยชีวิตเขาไว้ กรงเล็บที่แหลมคมที่แต่ละอันล้วนยาวพอกันกับดาบ เฉือนผ่านชายไหล่กว้างในเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากนั้นและส่งกระแสเลือดพวยพุ่งไปในอากาศ ซันนี่ที่เปียกโชกไปด้วยของเหลวที่อุ่นร้อน กระแทกเข้ากับพื้น และเพื่อนทาสของเขาซึ่งตอนนี้กลายไปเป็นเพียงศพ ก็ตกลงมาทับเขาจากด้านบน

บัดซบ! ทำไมนายถึงหนักขนาดนี้!'

ซันนี่ซึ่งตาบอดไปชั่วคราวได้ยินเสียงหอนอันเยือกเย็นและรู้สึกถึงเงาขนาดมหึมาที่พาดผ่านตัวเขาไป ทันทีหลังจากนั้น ก็มีเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองไปทั่วยามค่ำคืนนั้น โดยไม่ใส่ใจในเรื่องนั้น เขาก็ได้พยายามผลักศพไปด้านข้าง แต่ก็กลับถูกโซ่ที่บิดข้อมือของเขาขวางไว้อย่างแรง เติมจิตใจของเขาให้เปี่ยมไปด้วยความปวดร้อน ด้วยความสับสน เขารู้สึกว่าตัวเองถูกลากไปสองสามก้าว แล้วโซ่ก็พลันหย่อนลง และเขาก็สามารถควบคุมมือของเขาได้อีกครั้ง

'ดูสิ สิ่งต่างๆ อาจจะแย่กว่าไปกว่านี้อีก…'

เขาเอาฝ่ามือวางเข้ากับหน้าอกของคนตาย ผลักด้วยสุดกำลังที่มี ซากศพที่หนักอึ้งได้ต่อต้านความพยายามทั้งหมดของเขาอย่างหนัก แต่ในที่สุดก็กลิ้งหลุดออกไปด้านข้าง ปล่อยซันนี่ให้เป็นอิสระ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ฉลองอิสรภาพที่เพิ่งได้รับนี้ เมื่อเลือดของเขาราวกลับจะเปลี่ยนกลายเป็นน้ำแข็งในทันที

เพราะในขณะนั้น ในขณะที่ฝ่ามือของเขายังคงกดอยู่บนร่างกายที่มีเลือดไหลทะลักของทาสที่มีไหล่กว้าง เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรบิดไปมาอยู่ใต้ผิวหนังของคนตาย

'เราจะต้องคิดว่าสิ่งต่างๆ จะเลวร้ายลงไปอย่างไร ใช่ไหม บ้าฉิบ? ' เขาคิด จากนั้นก็สะดุ้งตื่น

ซันนี่ใช้ขาถีบศพออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็ได้ประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง ต้องขอบคุณโซ่ที่ยังมีอยู่ในตอนนั้น เขาชำเลืองมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว และก็สังเกตเห็นกลุ่มเงาที่กำลังร่ายรำจำนวนมาก รวมไปถึงเงาของสิ่งมีชีวิตที่กำลังอาละวาดอยู่ท่ามกลางทาสที่กรีดร้องอยู่ที่ปลายด้านตรงข้ามของแท่นหิน จากนั้นเขาก็ต้องจดจ่ออยู่กับศพ ซึ่งเริ่มมีอาการกระตุกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ฝั่งตรงข้ามของศพ ทาสเจ้าเล่ห์มองดูด้วยกรามที่อ้ากว้างและสีหน้าตกใจ ซันนี่ได้โบกมือเพื่อเรียกความสนใจ

“เจ้ามองอะไร! ถอยห่างออกไปจากมัน!”

ทาสเจ้าเล่ห์ก็ได้พยายาม แต่ก็ล้มลงทันที ในเมื่อโซ่ถูกบิดระหว่างพวกเขาทั้งสาม ตรึงพวกเขาลงด้วยน้ำหนักของชายไหล่กว้าง

ซันนี่กัดฟันแน่น

ภายใต้สายตาของเขา ศพก็ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่ชวนให้ฝันร้าย กระดูกแปลกๆ เติบโตแทงทะลุผิวหนัง ยื่นออกมาเหมือนหนามแหลม กล้ามเนื้อโป่งพองและบิดเบี้ยว ราวกับว่ากำลังพยายามจะเปลี่ยนรูปร่าง เล็บกลายเป็นกรงเล็บแหลมคม ใบหน้าแตกและแยกออก ปากอ้าบิดเบี้ยวโดยมีเขี้ยวเปื้อนเลือดที่มีหลายแถวคล้ายเข็ม

'นี่ไม่ถูกต้อง'

ซันนี่หน้าตาบิดเบี้ยว รู้สึกอยากจะอาเจียนจนท้องว่าง

“ซ-โซ่!”

ทาสนักวิชาการที่อยู่หลังทาสเจ้าเล่ห์เพียงไม่กี่ก้าว ชี้ไปที่กุญแจมือของเขาด้วยใบหน้าซีดราวกับผี คำพูดนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรนัก แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว ความตกใจของเขานั้นเป็นที่เข้าใจได้ การถูกล่ามโซ่นั้นแย่พอแล้ว แต่การถูกล่ามโซ่ไว้กับสิ่งสยองขวัญนั้นย่ำแย่อย่างแท้จริง

แต่ข้อสรุปของซันนี่ที่ว่าไม่ถูกต้องนั้น ไม่ได้มาจากการสงสารตัวเอง เขาเพียงแต่หมายความว่าจริงแล้วสถานการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ถูกต้อง มนตร์ที่ลึกลับเหมือนดังที่มันเป็นอยู่ ย่อมมีกฎเกณฑ์ของตัวเอง มีกฎเกณฑ์ที่ว่าสิ่งมีชีวิตประเภทใดที่จะสามารถปรากฏในฝันร้ายที่กำหนดด้วยเช่นกัน

สิ่งมีชีวิตจากฝันร้ายมีลำดับชั้นของตัวเอง เริ่มต้นจาก สัตว์ร้ายที่ขาดสติ ไปยัง สัตว์อสูร ตามมาด้วย อสูร ปีศาจ จ้าวปีศาจ มาร และสุดท้ายคือ จอมมารในตำนาน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า หายนะ ฝันร้ายครั้งแรกนั้นมักจะมีแต่สัตว์ร้าย และสัตว์อสูร ยากที่จะมีอสูรปะปนมา และซันนี่ไม่เคยได้ยินว่าจะมีอะไรที่แข็งแกร่งกว่าปีศาจหนึ่งตัวปรากฏขึ้นในนั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตนี้เห็นได้ชัดว่าเพิ่งให้กำเนิดตัวมันเองในระดับขั้นที่ต่ำกว่าขึ้นมาอย่างชัดเจน ซึ่งความสามารถนี้เป็นของจ้าวปีศาจ ผู้ปกครองของมนตร์ฝันร้าย และผู้ที่อยู่เหนือกว่านั้น เท่านั้น

จ้าวปีศาจตัวนี้มาทำอะไรในฝันร้ายแรก?

คุณสมบัติ [โชคชะตา] นั้นทรงอำนาจมากแค่ไหนกัน!

แต่ไม่มีเวลาไตร่ตรองแล้ว

จะยุติธรรมหรือไม่นั้น ในตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยซันนี่ได้ นั่นก็คือตัวเขาเอง

สิ่งที่เหลืออยู่ของชายไหล่กว้าง ค่อยๆ ลุกขึ้น ปากของมันส่งเสียงกริ๊กแปลกๆ โดยไม่ได้ให้เวลาอีกฝ่ายได้คิดอย่างเต็มที่ ซันนี่ส่งเสียงก่นด่าและกระโดดไปข้างหน้า คว้าโซ่ที่หย่อนคล้อยเอาไว้

##ขอกำลังใจด้วยนะคะ มาอ่านกันที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

แขนข้างหนึ่งของสิ่งมีชีวิตพร้อมด้วยกรงเล็บหยักห้าอันในตอนนี้ พุ่งออกไปข้างหน้าเพื่อพบกับเขา แต่ซันนี่หลบเลี่ยงออกไปด้วยการเคลื่อนไหวที่คำนวณไว้ก่อนได้ในเพียงครั้งเดียว

สิ่งที่ช่วยให้ผิวของเขาปลอดภัยในครั้งนี้ไม่ใช่ปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว แต่เป็นการมีอยู่ของจิตใจที่เรียบง่าย ซันนี่อาจไม่ได้เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ที่แปลกใหม่ใด ในเมื่อตั้งแต่วัยเด็กของเขาถูกใช้อยู่ตามท้องถนนแทนที่จะเป็นโรงเรียน แต่ท้องถนนก็เป็นครูประเภทหนึ่งเช่น เขาใช้เวลาทั้งชีวิตในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ค่อนข้างบ่อย ประสบการณ์นั้นทำให้เขามีจิตใจที่เยือกเย็นได้ท่ามกลางความขัดแย้งใดๆ

ดังนั้นแทนที่จะแข็งค้าง หรือถูกกลืนกินจากความกลัวและความสงสัย ซันนี่ก็ได้ลงมือทำ

เมื่อก้าวเข้าไปใกล้พอ เขาก็เหวี่ยงโซ่ไปรอบไหล่ของสัตว์อสูรแล้วดึง กดมืออีกข้างไว้กับร่างของมัน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านั้นยังคงเชื่องช้าและมึนงงจากการเปลี่ยนสภาพของมันเกินกว่าจะสามารถโต้ตอบได้อย่างเหมาะสม ซันนี่ได้พันโซ่ไว้รอบตัวมันหลายรอบ ช่วยชีวิตเขาจากการถูกกัดโดยปากคมอันน่ากลัวของสิ่งมีชีวิตนั้นอย่างฉิวเฉียด

สิ่งที่ดีคือ สิ่งมีชีวิตนั้นไม่สามารถขยับแขนของมันได้ในตอนนี้

สิ่งที่แย่ก็คือ ความยาวของโซ่ที่เขาใช้ตรึงมันนั้นได้หมดสิ้นไป แทบจะไม่มีช่องว่างระหว่างพวกเขาเลย

“พวกเจ้าสองคน!” ซันนี่กรีดร้อง กำหนดตัวเพื่อนทาสสองคนของเขา “ดึงโซ่นั้นให้เหมือนกับว่าชีวิตของพวกเจ้าขึ้นอยู่กับมัน!”

เพราะว่าชีวิตของพวกเขาก็เป็นเช่นนั้น

ทาสเจ้าเล่ห์และทาสนักวิชาการอ้าปากค้างไปที่เขา จากนั้นจึงค่อยเข้าใจสิ่งที่เขาคิด และเริ่มเคลื่อนไหว ดึงโซ่จากทิศทางตรงกันข้าม พวกเขาดึงอย่างแรงที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้ รัดสิ่งมีชีวิตนั้นไว้แน่นและไม่ยอมปล่อยให้มันสะบัดหลุดออกไป

'เยี่ยมมาก!' ซันนี่คิด

สิ่งมีชีวิตนั้นเบ่งกล้ามเนื้อ พยายามที่จะหลุดพ้น โซ่ส่งเสียงลั่นดังเอี๊ยด ติดอยู่บนหนามแหลม ราวกับว่าจะแตกออกเป็นชิ้นๆ อย่างช้าๆ

'ไม่ค่อยดีแล้ว!'

โดยไม่ให้เสียเวลาอีกต่อไป เขาเหวี่ยงมือเข้าไปในอากาศและรัดคอของสิ่งมีชีวิตนั้นด้วยโซ่ที่สั้น และบางกว่าซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อตรวนของพวกเขาเข้าด้วยกันกับโซ่เส้นใหญ่ จากนั้นเขาก็ก้าววนรอบรอบสิ่งมีชีวิตนั้นอย่างรวดเร็วแล้วจบลงด้วยการดึงหลังชนหลัง โดยให้ไกลจากปากกว้างของมันเท่าที่จะทำได้

ซันนี่รู้ว่าเขาไม่แข็งแรงพอที่จะบีบคอผู้ชายด้วยมือเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษย์กลายพันธุ์ที่แปลกประหลาดน่าหวาดกลัวเหมือนกับตัวที่พยายามจะกินเขาเข้าไปตัวนี้ แต่ในตอนนี้เมื่อเขาใช้หลังของตัวเองเป็นคานงัดและใช้น้ำหนักทั้งตัวเพื่อดึงตรวนลงมา อย่างน้อยเขาก็มีโอกาส

เขาดึงโซ่ลงด้วยกำลังทั้งหมดของเขา รู้สึกว่าร่างกายของสิ่งมีชีวิตนี้กำลังกดทับเขา กระดูกแหลมขูดเข้ากับผิวหนังของเขา สิ่งมีชีวิตนี้ยังคงดิ้นรนต่อไป ส่งเสียงกริ๊กออกมาดังลั่นและพยายามจะแยกโซ่ที่มัดร่างของมันออกจากกัน

ตอนนี้ก็เหลือแค่เพียงคำถามว่าอะไรจะพังก่อน โซ่ หรือตัวของสิ่งมีชีวิตนั้น

'ตาย! ตายซะ เจ้าตัวบัดซบ!'

เหงื่อและเลือดไหลอาบหน้าซันนี่ขณะที่เขากำลังดึง ดึง และดึงลงมาด้วยแรงเท่าที่เขาจะสามารถรวบรวมได้

ทุกวินาทีรู้สึกเหมือนนิรันดร์ ความแข็งแกร่งและความอดทนของเขา ที่มีเพียงเล็กน้อยที่เขาได้มีตั้งแต่เริ่มต้น ก็ได้หมดลงอย่างรวดเร็ว แผลที่หลัง ข้อมือ และกล้ามเนื้อที่ถูกทิ่มแทงด้วยกระดูกแหลมล้วนตกอยู่ในความเจ็บปวดรวดร้าว

และแล้ว สุดท้าย ซันนี่ก็รู้สึกว่าร่างกายของสิ่งมีชีวิตนั้นอ่อนแรงลง

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงที่คุ้นเคยเบาบางก็ดังขึ้นในอากาศ

มันเป็นเสียงที่สวยงามที่สุดที่เขาเคยได้ยิน

[เจ้าได้สังหารสัตว์ร้ายระดับไม่เคลื่อนไหว ตัวอ่อนของจ้าวภูผา]

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด