ตอนที่แล้วตอนที่ 2 แผ่นป้ายบรอนซ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 เหตุการณ์ไม่คาดคิด

ตอนที่ 3 กระทิงบ้าอาโมรี่


“ถังเทียน! ออกมาสู้กับข้า!”

เสียงโหวกเหวกดังมาจากประตูหน้าโรงเรียนปลุกถังเทียนให้ตื่นจากภวังค์ขณะนั่งพักอยู่ในสนามฝึกใต้แสงแดดจ้า

ชั่วโมงเรียนฝึกฝนใกล้จะจบอยู่แล้ว หลังจากช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของนักเรียนไม่กี่คนเสร็จ ถังเทียนพบว่าพวกนักเรียนไม่มีแก่จิตแก่ใจฝึกฝนวิชาต่อสู้พื้นฐานและไม่สนใจอะไรอย่างอื่น ดังนั้นเขาจึงหาที่ๆ แสงอาทิตย์ส่องถึงแล้วงีบหลับ

“น่ารำคาญ ชิบ!” ถังเทียนพึมพำก่อนจะพลิกตัวหลับต่อ

“ถังเทียน! แกมันขี้ขลาด, มาสิโว้ย, มาสู้กับข้า!” เสียงโวยวายท้าทายยังดังมาถึงสนามฝึกอีกครั้ง

นักเรียนที่กำลังฝึกวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐาน มองถังเทียนด้วยสายตาแปลกประหลาด

หรือว่ารุ่นพี่ถังเทียนจะหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัว?

มีบุรุษเพียงคนเดียวตัวสูงล่ำสันที่บุกรุกเข้ามาในสนามฝึกฝนมองดูเหมือนโคถึก เขายังคงสบถด่าสอดส่ายสายตาค้นหาใครบางคน

พวกนักเรียนกระโดดหนีด้วยความกลัว ด้วยความห้าวขนาดนั้น เขากล้าบุกเข้ามาในสนามฝึกฝนได้ ขณะที่นักเรียนบางส่วนสังเกตเห็นเครื่องหมายบนตัวของบุรุษนั้นอดไม่ได้ที่จะโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ

“สถาบันเหมิ่งโซ่ว!”

สีหน้าของนักเรียนใหม่ทุกคนเปลี่ยนไป

สถาบันเหมิ่งโซ่วเป็นสถาบันที่มีระดับสูงมากติดอันหนึ่งในสามในเมืองซิงฟง ส่วนสถาบันแอนดรูว์อยู่ในลำดับที่สิบ

จึงไม่ต้องสงสัยว่าที่พวกนักเรียนถึงกับสีหน้าซีดเผือด สถาบันเหมิ่งโซ่วมักจะเป็นคู่แข่งกับสถาบันแอนดรูว์มาโดยตลอด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกมองว่าเป็นศัตรู แต่ก็ไม่นับว่าเป็นมิตรอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่ทำให้ครูอาจารย์และนักเรียนสถาบันแอนดรูว์รู้สึกอับอายก็คือ สถาบันแอนดรูว์มีแนวโน้มประสบความสำเร็จลดลงเมื่อเทียบกับสถาบันเหมิ่งโซ่วที่มีโอกาสก้าวหน้ามากขึ้น

พวกเขาผลิตนักเรียนชั้นยอดออกมาหลายคน และพวกเขาก็เป็นนักเรียนระดับคุณภาพสูงทั้งนั้น

สถาบันเหมิ่งโซ่วมีความเชี่ยวชาญในการฝึกอบรมการต่อสู้ ภายในสถาบันนั้น ถ้ามีการต่อสู้กัน ทางสถาบันจะไม่ห้าม แต่พฤติกรรมนั้นจะได้รับการสนับสนุน แน่นอนว่าพวกนักเรียนที่ได้รับการส่งเสริมทุกคนกล้าหาญและเข้มแข็ง นักเรียนจากสถาบันทั่วไปดูเหมือนจะอ่อนแอมากเมื่อสู้กับพวกเขา

นักเรียนจากสถาบันเหมิ่งโซ่วกล้าบุกเข้ามาในสถาบันแอนดรูว์เป็นเรื่องน่าขันเกินไป

“ฮ่าฮ่า, ถังเทียน, ในที่สุดฉันก็เจอแกจนได้! มาเลยอย่าให้ฉันเสียเวลา มาสู้กัน ฉันจะให้แกได้ลิ้มรสหมัดของอโมรี่” เสียงหัวเราะของเขาดังลั่นไปทั่วสนามฝึก

“เจ้าวัวบ้า อาโมรี่!” ใครบางคนปากอ้าตาค้าง

“อาโมรี่เป็นใคร? เขาดังมากนักเหรอ?” นักเรียนใหม่ถามด้วยความสงสัย

นักเรียนใหม่กลืนน้ำลายเพราะความกลัวอาโมรี่ เขายังไม่อาจหยุดจ้องอโมรี่ได้และพูดว่า“เขาเป็นนักเรียนปีสองของสถาบันเหมิ่งโซ่ว ถึกและเถื่อน เป็นนักเรียนที่มีคุณสมบัติโดดเด่น เขามักชอบทะเลาะต่อสู้และถูกมองว่าเป็นนักสู้ระดับสุดยอดในสถาบันเหมิ่งโซ่วตอนนี้รุ่นพี่ถังเทียนเจอปัญหายุ่งยากเสียแล้ว”

“เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”

“เขาเป็นนักสู้อยู่ในลำดับเจ็ดในสถาบันเหมิ่งโซ่ว” นักเรียนคนพูด

ทุกคนอ้าปากค้าง

เขาถูกจัดให้อยู่ในอันดับเจ็ดของนักสู้ทั้งสถาบันเหมิ่งโซ่ว!

มีเพียงสิบสุดยอดในสถาบันแอนดรูว์ถึงจะดีพอสู้กับเขาได้และถังเทียนไม่ได้รวมอยู่ในนั้น

“แย่แน่ๆ” ใครบางคนโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว

หลายๆ คนไม่อาจทนดูภาพนี้ได้ ถูกย่ำยีโดยนักเรียนจากสถาบันคู่แข่งเป็นเรื่องน่าอดสูเกินไป

แต่พวกเขาก็ยังต้องการเป็นพยานในฉากที่อัปยศทั้งหมด

นักเรียนสองสามคนกำลังเสียใจว่า ทำไมพวกเขาต้องมาเข้าเรียนในวันนี้?

อาโมรี่ตัวตรงตระหง่านบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องลงบนตัวของถังเทียน เสียงดังลั่นของเขาทำให้ถังเทียนสะดุ้ง เขารู้แล้วว่าการพยายามหลับของเขาถูกรบกวน และปาดเช็ดน้ำลายที่อาโมรี่ถ่มใส่หน้าผากออกและลุกนั่งอย่างไม่เต็มใจนัก

เขาชูมือทั้งสองขึ้นอย่างเฉื่อยชาพูดว่า “เออ.. ฉันแพ้แล้ว ยอมแพ้ว่ะ!”

สีหน้าท่าทางที่ดูสงสารเห็นอกเห็นใจของนักเรียนบางส่วนชะงักค้างทันที

นักเรียนหญิงคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถากถาง “รุ่นพี่ถังเทียน มีคนเหยียบย่ำรุ่นพี่ รุ่นพี่ไม่พยายามต่อสู้ก็ยอมแพ้พวกเขาอย่างนั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว! สู้ตอบโต้ไม่ได้เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้ารุ่นพี่ไม่พยายามดูแล้ว รุ่นพี่จะยังเป็นลูกผู้ชายอีกหรือ?” เด็กนักเรียนหญิงอีกคนหนึ่งพูดอย่างขุ่นเคือง

เมื่อเด็กนักเรียนหญิงสองคนพูดถากถางถังเทียน นักเรียนคนอื่นก็เริ่มพูดเช่นกัน เสียงโต้เถียงกันในสนามฝึกเริ่มดังขึ้นนักเรียนวัยเยาว์และแข็งแรงเห็นการยอมแพ้ต่อคู่ต่อสู้โรงเรียนอื่นของถังเทียนทันทีก็เริ่มดูแคลนเขา

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกแกด้วยเล่าถ้าฉันจะยอมแพ้?” ถังเทียนถาม

ทุกคนชะงัก

จากนั้นก็ส่งด่าระเบ็งเซ็งแซ่

“คุณพระช่วย! ทำไมโรงเรียนของพวกเราถึงได้มีคนแบบนี้? ช่างน่าขายหน้ามากเสียจริง!”

“เขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย! คุณเชียนฮุ่ยเห็นเขาดีตรงไหน? สงสัยว่าเธอคงไม่ต่างกับดอกไม้ที่ปักอยู่บนมูลโค!”

“ชั่วโมงเรียนต่อไปฉันจะไม่ยอมมาฝึกแล้ว! รังเกียจเจ้าคนอันธพาลแบบนี้ เขากล้าดียังไงถึงได้ยอมแพ้เจ้าบัดซบจากสถาบันเหมิ่งโซ่วได้”

“อาโมรี่, ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันยอมแพ้แล้วนี่” ถังเทียนไม่สนใจสายตาทุกคนและจ้องมองอาโมรี่ด้วยความรู้สึกสัตย์ซื่อและจริงใจ

อาโมรี่จ้องมองและคว้าคอเสื้อของถังเทียนยกขึ้นและตะโกน “มาสิวะ, ไอ้กระจอกถัง มาสู้กันซักยกนึง!ห้าปีกับการฝึกวิชาต่อสู้พื้นฐานของแก มีแต่วิชาปากแข็งอย่างนั้นหรือ? แกต้องการสร้างวิทยายุทธชนิดใหม่ใช่หรือเปล่าไอ้กระจอกถัง, อย่ามาโกหกฉัน”

ไอ้กระจอกถัง...

แต่ละครั้งที่เขาได้ยินเช่นนี้ เขาขมวดคิ้วทุกครั้ง  แม้ว่าเราจะรู้เพียงวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐานแต่ชื่อนี้มันออกจะ...

มันข่มเหงกันเกินไป!

“เราไม่เคยพบคนที่ดื้อดึงยืนกรานอย่างหมอนี่เลย”ถังเทียนคิด

อาโมรี่ถ่มน้ำลายขณะพูด “มาสิโว้ย, ไอ้กระจอกถัง ให้ฉันได้เห็นประจักษ์ว่า วิทยายุทธใหม่ของแกจะมีอะไรบ้าง  สำหรับเรื่องคุณเชียนฮุ่ย  คนชนะเท่านั้นถึงมีสิทธิ์ทำให้เธอชอบได้เข้าใจไหม ไอ้กระจอกถัง..”

...กล้าเอ่ยชื่อของเชียนฮุ่ยออกมา...

แก.. เจ้าวัวโง่เง่าตัวนี้ ชื่อของเชียนฮุ่ยสมควรให้แกเอ่ยเรียกได้ตามพอใจหรือ?

นี่เป็นการแสดงถึงการหวงแหนเชียนฮุ่ย

แม่งเอ๊ย..

ถังเทียนเบิกตากว้าง หน้าตาของเขาแฝงแววอำมหิต มือขวาของเขาดูเหมือนอสรพิษพันรอบแขนของอาโมรี่ทันทีนั่นเป็นเคล็ดพื้นฐานวิชาหมัด ด้วยความเร็วเพียงชั่วประกายไฟมือซ้ายถังเทียนก็คว้าเอวของอาโมรี่ไว้แล้วใช้เคล็ดพื้นฐาน คว้า

“ฮ่าห์!” ถังเทียนคำรามลั่นจับร่างที่ล่ำสันของอาโมรี่ยกขึ้นเหนือศีรษะและทุ่มลงพื้นทันที

“ไอ้วัวงี่เง่ามันเกินไปแล้วที่เรียกชื่อเชียนฮุ่ยตรงๆ! ตายเสียเถอะแก”

ครั้งหนึ่งบังเอิญอาโมรี่ผ่านไปทางสถาบันแอนดรูว์เห็นถังเทียนกำลังวิวาทกับคนอื่น หลังจากนั้นเขาคันไม้คันมืออยากจะสู้กับถังเทียน และไม่พูดพล่ามทำเพลงเขาวิ่งเข้าลุยใส่ถังเทียน

แต่สามารถบอกได้ว่าถังเทียนแค่ฝึกวิทยายุทธพื้นฐานที่หลากหลายและแน่นอนว่าเขาใช้แต่วิทยายุทธพื้นฐานเข้าต่อสู้กับถังเทียน

เหมือนกับโดนมัดมือทั้งสอง อาโมรี่โดนถังเทียนกระหน่ำใส่ไม่ยั้ง

ไม่เพียงแต่อาโมลี่จะไม่โกรธเท่านั้น เขายังได้เพิ่มความแข็งแกร่งอีกด้วยที่คาดไม่ถึงก็คือยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาในด้านวิชาต่อสู้พื้นฐาน

เขาตามหาร่องรอยของถังเทียนได้อย่างรวดเร็ว ข้ามภูเขาสามลูกเพื่อมาสู้กับเขา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาถึงสถาบันแอนดรูว์

เขามักจะพ่ายแพ้ถังเทียนอย่างหมดท่าเสมอ

อาโมรี่กระตือรือร้นมาท้าสู้บ่อยครั้งและเขาก็ได้ตระหนักถึงจุดอ่อนของถังเทียน

อาโมรี่ปลิวเหมือนกระสอบทราย ดูเหมือนเขาว่าเขากำลังจะร่วงลงพื้นอย่างหนัก แต่อาโมรี่พลิกตัวอย่างคล่องแคล่วและยืนกับพื้นอย่างปลอดภัย

ความรู้สึกตื่นเต้นที่ไม่เหมือนใครปรากฏอยู่ในแววตาเหมือนวัวของอาโมรี่  เขาถ่มน้ำลาย แกสมควรถูกเรียกว่าเจ้าถังวิชาพื้นฐาน ควบคุมพลังได้สมบูรณ์แบบ ท่าต่อสู้พื้นฐานสมบูรณ์แบบ  พลังแข็งแรงสมบูรณ์แบบโอว... นี่ทำให้ตื่นเต้นจริงๆ เจ้าถังวิชาพื้นฐาน มาสู้กันซักตั้ง”

ถังเทียนคร้านจะพูดพล่ามกับเขา และรู้ว่าถ้าเขาไม่เอาชนะเจ้าสัตว์ป่าที่อยู่ต่อหน้าเขา  อย่างนั้นเขาไม่มีวันสงบได้

เขาไม่สนใจนักเรียนอื่นๆ ที่อยู่ในสนามฝึกเลย

เขาเพิ่มพลังที่ขาขณะที่ทั้งตัวพุ่งเข้าหาอาโมรี่เหมือนลูกศรที่ยิงออกจากคันธนูในชั่ววินาทีที่ขาของเขาสัมผัสพื้น เขาบิดเอวปล่อยหมัดขว้างขั้นพื้นฐาน

เพียงชั่วพริบตาของอาโมรี่ เขาบิดเอวปล่อยหมัดขว้างออกไปพร้อมกัน

หมัดทั้งสองปะทะกันอย่างไม่น่าดูนัก

ปั้ก!

อากาศโดยรอบระเบิดออกในขณะที่นิ้วทุกนิ้วในหมัดของพวกเขาปะทะกัน ปล่อยให้นักเรียนโดยรอบปากอ้าค้างด้วยความประหลาดใจ

เงาทั้งสองเซถอยออกมาสามก้าว

นักเรียนที่กำลังอารมณ์เดือดดาลยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับรูปปั้นทุกสรรพสำเนียงเงียบสงบขณะที่พวกเขาจ้องมองสนามด้วยสายตาว่างเปล่า...

ผลออกมาคือเสมอกัน....

หมัดของพวกเขาคู่คี่สูสีกันอย่างแท้จริง

เป็นไปได้อย่างไร... นี่เป็นไปได้อย่างไร!

สถาบันเหมิ่งโซ่ว... กระทิงบ้าอาโมรี่... อันดับเจ็ดของโรงเรียน..สู้เสมอกัน...

นัยน์ตาของอาโมลี่เป็นประกาย เขารู้ว่าเมื่อหมัดปะทะกัน ความพ่ายแพ้ของเขาก็สิ้นสุดลง

ถ้าวัดกันที่พลังล้วนๆ เขาจะดีกว่าถังเทียน แต่ขณะที่หมัดทั้งสองปะทะกัน พวกเขาก้ำกึ่งกันอย่างคาดไม่ถึง

นี่แสดงให้เห็นว่า พลังหมัดของถังเทียนมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวเขาเอง

เป็นไปตามคาด เขาคู่ควรกับฉายาว่า ถังเทียนผู้มีพื้นฐานสมบูรณ์แบบ

ช่วงเวลานี้ ถังเทียนเป็นเหมือนเสือชีตาห์ ด้วยท่าทีจริงจังและเหี้ยมหาญ แม้ว่าปกติเขาจะดูเหมือนคนเกียจคร้าน  แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาเริ่มสู้  เขาจะมีจิตใจจดจ่อและเล่นงานคู่ต่อสู้ให้น่วม

ปึ้ก!

ทั้งคู่แลกหมัดและเท้าไม่หยุด

ทั่วทั้งสนามฝึกถูกการต่อสู้ครั้งนี้ดึงดูดความสนใจ อาโมรี่มีรูปร่างล่ำสูงใหญ่ไม่เหมือนคนอื่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเหมือนวัวกระทิง  ส่วนถังเทียนกลับตรงกันข้าม เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้พื้นฐานในแขนงต่างๆมาห้าปี กล้ามเนื้อทุกส่วนฝึกฝนจนสมบูรณ์แบบร่างสูงโปร่งกระชับได้สัดส่วนและเต็มไปด้วยพลังงาน

การฝึกเทคนิควิทยายุทธขั้นพื้นฐาน ไม่ได้ลึกซึ้งถึงขนาดยากเข้าถึงได้ทุกคนสามารถทำได้อย่างง่ายๆ แต่ในเงื้อมมือของคนทั้งสองนั้น กลับเต็มไปด้วยพลังทำลาย

ทุกครั้งที่อาโมรี่ต่อยจะเต็มไปด้วยพลังรุนแรงและความตั้งใจทำลายอยู่ด้วย

ในทางตรงกันข้าม พลังโจมตีของถังเทียนจะว่องไวเรียบง่ายและระเบิดพลังออกไปในวินาทีสุดท้าย

ทั้งสองฝ่ายตั้งใจสู้กันอย่างแน่วแน่ แต่ละหมัดที่ปะทะกัน ทำให้นักเรียนที่รุมล้อมดูถึงกับตกใจหน้าถอดสี ความเข้มแข็งและความเร็วที่น่าตระหนก ความแม่นยำของเคล็ดวิชาที่ใช้ออก ไม่มีข้อผิดพลาดสักนิดมันเต็มไปด้วยพลังรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าพวกเขาคนใดคนหนึ่งต้องเผชิญการโจมตีที่รุนแรงอย่างนั้นพวกเขาคงพ่ายแพ้ย่อยยับไปนานแล้ว นักเรียนใหม่ที่เพิ่งเข้าศึกษาในสถาบันจ้องดูอย่างซึมเซา

เป็นไปได้จริงๆ หรือที่ใครบางคนสามารถเรียนรู้วิชาต่อสู้พื้นฐานได้หลากหลายแขนงอย่างถ่องแท้

ถังเทียนไม่ได้สังเกตว่าคนรอบข้างจะมองเขาเช่นไร ในสายตาของเขาปัจจุบันนี้มีแต่เจ้าวัวบ้าเท่านั้น

ความเชี่ยวชาญเคล็ดการต่อสู้ระดับพื้นฐานของอาโมรี่อยู่ในระดับสูงกว่าคนอื่นๆ และความแตกต่างของพลังความแข็งแกร่งก็ไม่ใช่แค่เพียงเล็กน้อย นี่ก็ยังไม่ทำให้ถังเทียนชะงักได้  ทั้งที่ระดับการฝึกฝนของอาโมลี่ยังสูงส่งกว่า ตราบใดที่ทอดเวลายาวนานเพื่อให้ชำนาญเคล็ดต่อสู้พื้นฐาน เขาก็จะเอาชนะอุปสรรคได้

สำหรับการฝึกฝนเทคนิควิชาต่อสู้พื้นฐานล้วนๆ เป็นเวลาห้าปีขณะที่ถูกคนอื่นที่ใช้เวลาฝึกฝนน้อยกว่ามากเอาชนะได้ทำให้ผู้ฝึกเป็นจำนวนมากรู้สึกท้อแท้

แต่ถังเทียนไม่ได้ท้อแท้แม้แต่น้อย เขายังคงเชื่อมั่นเคล็ดการฝึกฝนของตนเองและเจ้ากระทิงบ้ากลับเอาเรื่องเชียนฮุ่ยออกมายั่วอย่างคาดไม่ถึง

ตายเสียเถอะ ไอ้วัวโง่!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด