ตอนที่แล้วตอนที่ 19 รูปแบบเฉพาะธาตุ, ผิวศิลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 มาใช้ชีวิตคนกลางคืนด้วยกัน

ตอนที่ 20 ไม่มีเงินใช่ไหม งั้นเสียใจ


“ผิวของเจ้าเป็นผิวศิลาก็จริง แต่อวัยวะภายในของเจ้าอาจจะไม่แข็งถึงขนาดนั้น ใช่ไหม? ตอนที่เจ้ายอมให้ข้าฟัน ผิวข้างนอกของเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บเลย แต่ตอนนี้เจ้าถึงกับเอื้อมมือมาลูบหน้าอก นี่หมายความว่าไงกัน? สงสัยว่าเจ้าคงซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกใช่หรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น เจ้าก็คงยังงงเช่นกัน” เย่ว์หยางไม่ได้ลักไก่เพื่อหลอกให้กลัว ตรงกันข้ามเขากลับหัวเราะออกมาดังๆ

เขาหลบหมัดหยานฉือในชั่วพริบตา แล้วโดดไปในอากาศ

ใช้ข้อมือควงขวานอย่างชำนาญ แล้วปล่อยให้ขวานบินลิ่วลงมาที่ศีรษะล้านเป็นมันของหยานฉือ เขาใช้พลังปราณธรรมชาติเต็มกำลัง และรุนแรง

ทันใดนั้น ปรากฏเสียงหินกระทบโลหะอย่างรุนแรง

ร่างของหยานถึงกับเซไปมา เขาเอามือกุมศีรษะไว้ รู้สึกเจ็บปวดเหลือประมาณจนอยากร้องออกมาดังๆ

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะมีเวลาส่งเสียงออกมา ตาของเขาเหลือกขึ้นบน ร่างล้มตึงกับพื้น

ถ้าเป็นคนอื่นกระแทกที่ศีรษะเขา บางทีหยานฉืออาจยังพอทนได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับนักสู้ระดับปราณก่อกำเนิดมีความแข็งแกร่งชั้นปราณก่อกำเนิดอย่างเย่ว์หยางแล้ว ผิวศิลาของเขาก็ไม่ต่างกับกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งเท่านั้น และพลังนั้นทุ่มลงไปที่ศีรษะเขาโดยตรง

แม้ว่ากระโหลกเขาจะไม่แตก แต่ภายในศีรษะเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่ม เย่ว์หยางก็เป็นผู้ชนะแล้ว เขาโยนขวานที่รูปบิดเบี้ยวทิ้งและปัดมือตัวเองอย่างเมินเฉย เหมือนกับว่าทำสิ่งที่ไม่สำคัญมากนัก อย่างไรก็ตาม ถ้าคนอื่นได้เห็นเจ้าเด็กนักสู้ชั้นมือใหม่ผู้นี้โคนนักสู้ชั้นผู้กล้าระดับ 2 ได้ ทำเอาหยานฉือผู้กล้าหาญและมีชื่อเสียงแห่งเมืองไป๋ฉือ โดนซัดทีเดียว ถึงกับลงไปกองกับพื้น

แต่สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว ความจริงที่ว่า นักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดเอาชนะ นักสู้ชั้นผู้กล้าระดับ 2 ไม่มีอะไรน่าแปลก นั่นเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก”

เอาล่ะ ขอข้าดูหน่อยซิ นี่ข้าเอาชนะสัตว์ประหลาดได้ครั้งแรกเชียวนะ สงสัยจริงว่าจะทำเงินได้มากแค่ไหน” ทัศนคติของเย่ว์หยางเข้าใจเหมือนกับว่าเป็นการฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่อหาสมบัติมากกว่าล่าคนเพื่อล้างแค้น

เมื่อหยานฉือรู้สึกเหมือนมีน้ำแข็งมหาศาลถล่มใส่หน้าเขา เขาฟื้นขึ้นอย่างงงงวย แล้วก็ตระหนักได้ว่าโดนมัดด้วยเชือกฟั่น

เขาต้องการค่อสู้

อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าฝีมือการมัดของเขาทำได้แน่นหนามากและน่าหงุดหงิดมาก

แขนและขาเขาถูกมัดแน่นหนากับไม้ที่ค้ำด้านหลังดึงเขาจนตัวตรง ทำให้งอไม่ได้ เขาไม่สามารถใช้พลังอัญเชิญได้ ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะดิ้นให้หลุด

ขณะที่เย่ว์หยางตรวจสอบทรัพย์สินของหยานฉือทั้งหมด เขาเห็นว่าสหายผู้นี้ฟื้นแล้ว จึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าน่ะช่างจนกรอบเสียเหลือเกินนะ นอกจากเงินนิดหน่อยที่เจ้ามีเจ้าเอาทอง 100 เหรียญไปซ่อนไว้ที่ไหนอีก? ถ้าเจ้ามี ข้าจะได้ไว้ชีวิตเจ้า” เย่ว์หยางไม่ใช่ชายใจพระเขาแค่ต้องการเงิน

“ข้าจะฆ่าแกซะ” เขาสำรากออกมา หยานฉือโกรธจนตัวแทบระเบิด

“ข้าเข้าใจอารมณ์ของเจ้า แต่ลูกผู้ชายต้องรักษาเกียรติ ต้องจริงใจ ซื่อตรง ดังนั้นทำไมเราไม่มาคุยเรื่องไถ่ตัวกันต่อเล่า? เจ้าไม่ได้เก็บซ่อนไว้จริงๆ เหรอ?” เย่ว์หยางถาม

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ เจ้ารู้ไหมว่าข้าคือใคร? ข้าคือคนที่เก่งที่สุดในกลุ่มนักรบรับจ้างสัตว์ร้าย ถ้าเจ้าบังอาจฆ่าข้า อย่างหัวหน้าของข้า เถี่ยขวงจะล่าเจ้าเพื่อล้างแค้น และกลุ่มทหารรับจ้างสัตว์อำมหิตจะกำจัดตระกูลเจ้าอย่างไร้ความปราณีด้วย” สันดานของมันยังโอหังเหมือนเมื่อก่อน”

เอ่? เจ้านี่นะจะล้างตระกูลข้า? ข้าชักจะกลัวขึ้นมาบ้างแล้วสิ” เย่ว์หยางหัวเราะ

นักรบรับจ้างกลุ่มสัตว์อำมหิตเป็น 1 ใน 3 สมาคมนักรบรับจ้างใหญ่ในเมืองไป๋ฉือ เย่ว์หยางเคยได้ยินมาก่อน ยิ่งกว่านั้น เขายังรู้ว่าผู้นำสมาคมนั้น เถี่ยขวง เป็นจอมโหดอันดับหนึ่งของเมือง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเถี่ยขวงจะน่ากลัวเพียงไร นี่ก็เป็นแค่มุมมองของคนทั่วไป

แม้ว่าเถี่ยขวงจะพบว่าหยานฉือถูกเย่ว์หยางฆ่าตาย เขาคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับสมาชิกตระกูลเย่ว์ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่เพื่อล้างแค้นแน่

ตระกูลมีอิทธิพลเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ บางทีตระกูลอาจไม่มีสมบัติหรือดูแลลูกหลานแต่ละคนได้ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ใดกล้าดูถูกพลังของตระกูลใหญ่และฆ่าสมาชิกคนใดก็ตาม แม้ว่าสมาชิกผู้นั้นเป็นแค่คนขลาดเขลา กองกำลังทั้งหมดของตระกูลจะถูกส่งไปหนุนหลังปกป้องไม่ให้พวกเขาเสียสถานะหรือรักษาหน้าเอาไว้

เย่ว์หยางไม่คิดจะใช้ชื่อตระกูลทำอะไร ยิ่งกว่านั้นในความคิดของเขา หยานฉือเป็นแค่สัตว์ประหลาดเล็กๆ ที่ไร้พลัง

นอกจากนี้ ถ้าสมาชิกคนหนึ่งของหน่วยนักรบรับจ้างสัตว์อำมหิตมีฝีมือเพียงระดับนี้ ดูเหมือนว่าความน่ากลัวน่าเกรงขามของพวกมันก็มีอย่างจำกัดมาก

“ปล่อยข้านะ หรือจะให้ข้าฉีกเจ้าทั้งเป็น” หยานฉือพูดโต้เย่ว์หยางและรู้อับอายอดสูเหลือประมาณ เขาไม่เคยถูกฝ่ายตรงข้ามดูถูกมาก่อนในชีวิตเหมือนที่อีกฝ่ายกำลังทำขณะนี้ ในฐานะมนุษย์เขาไม่เคยเห็นคนอื่นเป็นคน เขาเป็นเพียงแมลงผู้น่าสงสารตัวหนึ่ง

“ดูเหมือนว่าการสนทนาของเราสิ้นสุดแค่นี้ เจ้าไม่มีเงินใช่ไหม? งั้นข้าก็เสียใจด้วย แต่เจ้าจะกลายเป็นปุ๋ยให้ดอกหนามพ่นพิษของข้า ได้เวลาให้อาหารแล้ว” เย่ว์หยางสั่งให้ต้นดอกหนามกลืนหยานฉือ เพราะต้นดอกหนามได้รับพลังเพิ่มมากจากการกินมนุษย์เป็นๆ มากกว่าศพ มันจะเพิ่มความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่เป็นความจริง ก็คือนักรบที่รวมพลังกันกับสัตว์อสูร หลังจากที่ต้นดอกหนามกินคนและมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว จะมีโอกาสน้อยที่ต้นดอกหนามจะได้รับความสามารถของสัตว์อสูรฝ่ายศัตรูมาด้วย หรือต้นดอกหนามอาจเพิ่มพลังดั้งเดิมของตนอย่างมากก็ได้

นั่นคือเหตุผลที่เย่ว์หยางไม่ฆ่าหยานฉือไปก่อน และตัดสินใจให้ต้นดอกหนามกลืนเขาทั้งเป็น

“อ๋า?” หยานฉือเงยหน้ามองเหนือตัวเขา ต้นดอกหนามมีปากที่น่ากลัวอ้าออกกว้าง และเขาเห็นปากของมันมีฟันแหลมคมเตรียมจะกินเขาลงไปในทันที เขากลัวจนปัสสาวะราด

แม้ว่าความตายจะน่ากลัว แค่เอาหัวกระแทกพื้น แค่นั้นเรื่องก็จบแล้ว

ตอนนี้ มันไม่ง่ายแค่ตาย ต้นดอกหนามกำลังอ้าปากต้องการจะกินเขาทั้งเป็น แล้วค่อยๆ ย่อยเขาเข้าในตัวมันเอง นี่มันน่ากลัวเกินไป เขาไม่มีทางรู้ว่าการย่อยจะใช้เวลานานแค่ไหนจนกว่าเขาจะตายจริงๆ

นี่เป็นการทรมาน, ยอมตายเสียยังดีกว่า

หยานฉือไม่ทำตัวเป็นผู้กล้าอีกต่อไป และเริ่มร้องขอความเมตตาทันที

ถ้าเจ้าเด็กนี่ต้องการใช้ขวานฆ่าเขา เขาคงไม่เมตตาแน่นอน ฝ่ายตรงข้ามคงไม่ใช้ขวานเอาชนะผิวศิลาของเขาและฆ่าเขาไปแล้ว แต่ใช้วิธีนี้ มันน่าสยดสยองเกินไป

เย่ว์หยางโบกมืออย่างไม่แยแส “เสียใจด้วย เจ้าจำเป็นต้องจ่ายเงินให้ข้าเพื่อฆ่าเจ้า ไม่มี 100 เหรียญทอง ก็ไม่ต้องพูดต่อไปแล้ว”

หยานฉือรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด เขาจะไปเอาทอง 100 เหรียญมาจากไหน?

ถ้าเขามี 100 เหรียญทอง ยังต้องมาทำงานเป็นนักรบรับจ้างหรือ? เขาคงซื้อที่อยู่ในชนบทตรงๆ ไปแล้วและหาทาสหญิงมารับใช้จำนวนหนึ่ง ในฐานะชายแก่ผู้ร่ำรวยและลืมเรื่องอื่นๆ ทุกเรื่อง เมื่อเขาเห็นต้นดอกหนามอ้าปากเตรียมจะกลืนขาเขา เขาร้องตกใจกลัว “ปล่อยข้านะ, ปล่อยข้าไป ข้าจะให้ทอง 100 เหรียญกับเจ้าพรุ่งนี้เช้า ข้าจะหา 100 เหรียญทองมาให้ได้”

“หยานฉือผู้ไม่มีแม้แต่ 10 เหรียญทองในตัว แค่พล่ามส่งเดชออกมาเท่านั้น โกหกมันไม่ดีนะ” เย่ว์หยางไม่มีทางถูกหลอกด้วยอะไรอย่างนี้ เขาไม่อดทนต่อคำพูดว่างเปล่าอีกแล้ว เขาลูบหัวดอกหนามแล้วสั่งว่า “เจ้าควรกลืนเขาที่หัวก่อน มิฉะนั้น สหายผู้นี้จะแหกปากออกมา ถ้าเพื่อนบ้านรอบๆ นี้ตื่นขึ้นมา อย่างนั้นคงไม่ดีแน่ คนยังคงต้องไปทำงานแต่เช้า พูดไปแล้วข้าก็ชักหิวแล้ว เจ้าค่อยๆ สนุกกับอาหารนะ ขณะที่ข้าจะกินของว่างรอ…” หยานฉือเริ่มแหกปากร้องเหมือนหมูถูกเชือด อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางทำเป็นไม่ได้ยิน และผิวปาก ขณะเดินสบายๆ จากไป”

“ไว้ชีวิตข้าด้วย, เมตตาข้าด้วย” หยานฉือร้อง

“ข้าเชื่อว่า เมื่อเจ้าจะฆ่าคนอื่น เหยื่อของเจ้าก็ร้องขอความเมตตาจากเจ้า แต่เจ้าเคยไว้ชีวิตพวกเขาสักครั้งบ้างไหม? ไม่สินะ เจ้าทำได้ดีนี่ และข้าก็เอาอย่างเจ้าเท่านั้นเอง” เย่ว์หยางหมุนตัวและยิ้มเหี้ยมเกรียม พูดด้วยน้ำเสียงไม่มีใครเหมือน

**************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด