ตอนที่แล้วตอนที่ 1-3 ตระกูลนักรบเลือดมังกร (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1-5 เติบโต (2)

ตอนที่ 1-4 เติบโต (1)


ลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านทำให้ต้นพ็อพใกล้พื้นที่ว่างข้างเมืองอู่ซันกลายเป็นสีเขียวบนพื้นที่ว่างกลุ่มเด็กๆ กำลังฝึกฝนกันอย่างขะมักเขม้นเกือบหนึ่งปีผ่านไปตั้งแต่วันทดสอบเลือดมังกรตอนนี้ลินลี่ย์อายุแปดขวบแล้วในช่วงเวลาอย่างนี้ ฮิลแมนเห็นชัดว่าลินลี่ย์ฝึกหนักขึ้นเรื่อยๆ

“ดีมาก, ลินลี่ย์! ทนไว้, อดทนไว้!” ฮิลแมนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ

ตอนนี้ลินลี่ย์สวมแค่กางเกงเท่านั้นร่างกายท่อนบนของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อและร่างของเขานอนลงกับพื้นเหมือนกับธนูที่ง้างเตรียมยิงมือของเขาเกร็งกดอยู่กับพื้นที่ตรงเหมือนท่อนไม้ขณะที่ส่วนที่เหลือของร่างกายของเขานิ่งเขายันตัวเองขึ้นด้วยมือและปลายเท้าและร่างกายเขาเหยียดตรง

เป็นการฝึกเหยียดไม่ขยับ

เป็นการฝึกง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพมากถ้ามีผู้ฝึกได้ถึงระดับอยู่ในท่านี้ได้ชั่วโมงหนึ่งอย่างนั้นร่างของเขาก็จะไม่ต้องกลัวดาบกระบี่ธรรมดาเลย

ติ๋ง ติ๋ง

เม็ดเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากลินลี่ย์เหงื่อไหลเข้าไปในตาซ้ายของลินลี่ย์และเขาต้องทนแสบอย่างช่วยไม่ได้

“ลินลี่ย์สุดยอดจริงๆแค่แปดขวบแต่เขาสามารถเทียบกับเด็กสิบสามขวบในการฝึกท่าเหยียดไม่ขยับได้เด็กบางส่วนยอมแพ้ไปแล้ว นอนเหยียดยาวคุยกันอยู่บนพื้นขณะมองดูลินลี่ย์

“ลินลี่ย์ทำต่อไป! ทำต่อไปเผื่อพวกเราด้วยเอาชนะเด็กสิบสามขวบให้ได้” ฮัดลี่ย์เจ้าเด็กผมทองตะโกนจากด้านข้าง

“ใช่แล้วทนต่อไป ลินลี่ย์!”เด็กคนอื่นก็เริ่มว่าตามเช่นกัน

ลินลี่ย์ดีกับเด็กๆ อื่นเป็นปกติอยู่แล้วแม้ว่าลินลี่ย์จะเป็นเด็กของบ้านคนชั้นสูง แต่เขาใจดีกับเด็กๆสามัญชนและมักช่วยพวกเขาฝึกอยู่บ่อยๆ

“ทนเอาไว้ต้องทนให้ได้” ลินลี่ย์พูดกับตนเองอย่างต่อเนื่อง

ในเบื้องหลังจิตใจของลินลี่ย์คำพูดของบิดาของเขาที่พูดเมื่อปีที่แล้วยังคงก้องอยู่ในหูตลอดเวลา “ลินลี่ย์เราเป็นตระกูลนักรบเลือดมังกร ในฐานะสมาชิกตระกูลนักรบเลือดมังกรเจ้ามีข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง แต่ก็มีข้อเสียเปรียบอย่างหนึ่งแม้ว่าเลือดมังกรในสายเลือดของเจ้าจะไม่เข้มข้นเพียงพอแต่ร่างกายของเจ้ายังคงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมากมันอาจจะยากมากสำหรับคนอื่นที่จะกลายเป็นนักรบระดับหกโดยการฝึกลำพัง แต่สำหรับเจ้ามันจะเป็นเรื่องที่ง่าย”

“อย่างไรก็ตามข้อเสียเปรียบของเจ้าก็คือเรื่องนี้ทายาทของตระกูลเลือดมังกรไม่สามารถฝึกพลังภายในเหมือนกับคนธรรมดาได้ทั้งนี้เป็นเพราะเลือดในตัวของพวกเราแค่เหมาะกับการฝึกโดยวิธีที่เขียนไว้ในคัมภีร์ลับเลือดมังกร”มันขัดแย้งกับวิธีการฝึกพลังภายในรูปแบบอื่นทุกอย่างแต่น่าเสียดายผู้ที่มีความเข้มข้นพอถึงจะสามารถฝึกใช้วิธีที่ระบุในคัมภีร์ลับเลือดมังกรแน่นอนว่าเจ้าก็ไม่สามารถฝึกพลังยุทธนั้นได้”

“อีกอย่างหนึ่งแม้ว่าตามทฤษฎี คนเราฝึกฝนร่างกายจนถึงระดับหกได้ แต่นั่นก็เป็นแค่เพียงทฤษฎีในทางปฏิบัติจำนวนคนที่ทำได้สำเร็จกลับมีน้อยมากแต่สำหรับเราแตกต่างออกไปแม้ว่าความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวเราจะต่ำแต่ระดับความแข็งแกร่งของเรายังสูงกว่าคนอื่นแค่ฝึกฝนเพียงอย่างเดียวเราก็สามารถกลายเป็นนักรบระดับหกได้ ปู่ทวดแค่ฝึกเพียงอย่างเดียวก็กลายเป็นนักรบระดับเจ็ดได้

ลินลี่ย์จำคำพูดของบิดาได้ชัดเจน

ลินลี่ย์พึมพำกับตัวเอง “ข้าจะแข็งแกร่งกว่าทุกคนให้ได้เพียงเพราะมีเลือดมังกรในตัวข้า แต่เนื่องจากข้าไม่สามารถฝึกพลังภายในได้เงื่อนไขของข้าคือต้องฝึกหนักฝึกให้หนักขึ้น เนื่องจากท่านปู่ทวดของเราสามารถเป็นนักรบระดับเจ็ดได้อย่างนั้นข้าจะ... ข้าจะกลายเป็นนักรบระดับแปดให้ได้ หรือแม้แต่ระดับเก้าไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

นักรบระดับแปด

นักรบระดับเก้าจัดได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุดในประเทศฟินเลย์นักรบระดับแปดแม้ว่าจะไม่สามารถฟื้นคืนตระกูลบาลุคให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนเก่าได้แต่ก็สามารถช่วยยกฐานะของตระกูลได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ต้องอดทน!” ลินลี่ย์กัดฟัน

ถึงตอนนี้กล้ามเนื้อของเขารู้สึกเหมือนถูกมดนับไม่ถ้วนกัดเขากำลังสั่นไปทั้งตัวและกล้ามเนื้อทั่วร่างของเขาสั่นไปหมดกล้ามเนื้อแต่ละส่วนสามารถมองเห็นจากภายนอกได้

หลังจากผ่านไปนานในที่สุด

ตุ้บ!

ลินลี่ย์หมดแรงร่วงลงกับพื้น

“มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”พอนอนราบลงกับพื้นทั้งตัวเขาก็ผ่อนคลาย ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดว่าชาไปทั้งตัวอย่างไรกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายเขาหลังจากฝึกหนักก็ค่อยๆ โต แม้ว่าจะไม่สังเกตเห็นจากการออกกำลังครั้งหรือสองครั้งแต่หลังจากผ่านเวลายาวนานผลของมันก็ปรากฏให้เห็น

ฮิลแมนอยู่ข้างๆ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

จากนั้นใบหน้าฮิลแมนกลับคืนสู่ความเย็นชาขณะที่เขาหันไปทางเด็กสิบสี่และสิบห้าปี “พวกเจ้าทุกคนอดทนให้ได้จะดีกว่า ลินลี่ย์อายุแค่เพียงแปดขวบ ขณะที่พวกเจ้าทุกคนเกือบเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่าให้เด็กแปดขวบทำอะไรได้ดีกว่าพวกเจ้าสิ”

…………….

หลังจากฝึกในช่วงเช้าแล้วลินลี่ย์กล่าวอำลากลุ่มเพื่อนๆและตรงไปที่คฤหาสน์บาลุค ถ้าคนแปลกหน้าเห็นเขา คงจะคิดว่าลินลี่ย์วัยแปดขวบมีอายุสิบหรือสิบสองขวบแน่เพราะดูไม่เหมือนเด็กวัยแปดขวบ

ทายาทตระกูลบาลุคแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ

“พี่ลินลี่ย์” พอเห็นลินลี่ย์วอร์ตันที่ดูสุขภาพดีแข็งแรงก็วิ่งเข้ามา

“พอแค่นั้นแหละวอร์ตันทั้งตัวข้ามีแต่เหงื่อให้ข้าล้างเนื้อล้างตัวก่อน”

วอร์ตันบ่นพึมพำ “ข้ารู้ว่าทันทีที่พี่อาบน้ำเสร็จก็จะต้องไปเรียนกับท่านพ่ออีก”

ในฐานะเป็นบ้านของชนชั้นสูงลินลี่ย์ต้องเริ่มเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยตระกูลบาลุคที่มีประวัติศาสตร์ห้าพันปีเข้มงวดเรื่องการศึกษายิ่งกว่าในราชตระกูลเสียอีก

“พอแล้ว, วอร์ตัน ข้าค่อยเล่นกับเจ้าตอนบ่ายก็แล้วกัน”ลินลี่ย์หัวเราะ

วอร์ตันเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งขณะที่ลินลี่ย์เป็นผู้ใหญ่มากกว่า

หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนชุดที่สดชื่นแล้วลินลี่ย์จึงเข้าไปเรียน ช่วงเวลานี้บิดาของเขา ฮ็อกบาลุคกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะหลังของเขายืดตรง ข้างหน้าวางไว้ด้วยหนังสือหนาสามเล่ม

“ท่านพ่อ!” ลินลี่ย์ค้อมหัวแสดงความเคารพ

ฮ็อกพยักหน้าอย่างเยือกเย็นลินลี่ย์รีบเดินมานั่งข้างๆเขา

“เมื่อวานนี้ข้าได้อธิบายประวัติศาสตร์ของประเทศในทวีปยูลานให้เจ้าฟังทบทวนให้ข้าฟังซิ” ฮ็อกพูดอย่างใจเย็น

นี่คือฮ็อกตามปกติ

ตอนช่วงเวลาเมื่อเขากอดลินลี่ย์ร้องไห้เป็นเวลาที่เกิดได้ยากมากโดยทั่วไป ฮ็อคจะแสดงออกต่อลินลี่ย์ด้วยความเข้มงวดฮ็อกมุ่งมั่นเพื่อให้สมบูรณ์แบบในทุกอย่าง เขาไม่ต้องการให้ลินลี่ย์เดินทางผิด

“ได้ขอรับท่านพ่อ” ลินลี่ย์ตอบรับอย่างสงบ

ในทวีปยูลานมีพื้นที่อันตรายอยู่สามแห่งแห่งแรกก็คือเทือกเขาที่มีนามว่าเทือกเขาสัตว์วิเศษ แห่งที่สองคือเทือกเขาตะวันลับฟ้า และแห่งสุดท้ายเป็นป่าเรียกว่าป่าอันธการ พื้นที่อันตรายทั้งสามนี้กินพื้นที่กว้างขวางเทือกเขาสัตว์วิเศษทอดตัวยาวตลอดทวีปตั้งแต่ทิศเหนือครอบคลุมพื้นที่หมื่นกิโลเมตรในนั้นมีสัตว์เวทนับไม่ถ้วนรวมทั้งอสูรระดับเซียนซึ่งมีพลานุภาพถล่มฟ้าทลายพื้นปฐพีได้เพราะเทือกเขาสัตว์วิเศษทำให้ทวีปยูลานแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ต่างกัน”

“ทิศตะวันตกของเทือกเขาสัตว์วิเศษมี 12 อาณาจักรและเมืองน้อยอีก 32 เมือง ภายในอาณาจักรและหัวเมืองเหล่านี้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆพวกแรก สหภาพศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วยอาณาจักรฟินเลย์เป็นอาณาจักรหลักกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มพันธมิตรมืดมีอาณาจักรแบล็คไลออนเป็นประธานทั้งสองสหพันธ์นี้เป็นอริต่อกันและมีการรบกันอยู่บ่อยๆ เพราะอีกฝ่ายถูกควบคุมโดยวิหารเจิดจรัสขณะที่อีกฝ่ายเป็นพวกกลุ่มลัทธิเงา

“ทางตะวันออกของเทือกเขาสัตว์วิเศษมีสี่จักรวรรดิหกอาณาจักใหญ่และเมืองน้อยอีกนับไม่ถ้วนสี่จักรวรรดิเหล่านี้ยิ่งใหญ่และไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพศักดิ์สิทธิ์หรือพันธมิตรมืดในสี่จักรวรรดิเหล่านี้ กฎของจักรพรรดิถือเป็นที่สุดแค่หนึ่งในสี่จักรวรรดิก็เทียบได้กับสหภาพศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

“สี่จักรวรรดิคือจักรวรรดิยูลานอยู่ตรงกลาง,ทางทิศอาคเนย์เป็นจักรวรรดิไรน์ทิศบูรพาเป็นจักรวรรดิโรอาและทิศเหนือเป็นจักรวรรดิโอเบรียน”หลังจากว่ายาวมาถึงตอนนี้ลินลี่ย์หยุดพักเล็กน้อย

“แค่นี่หรือ?” ฮ็อกเลิกคิ้ว

ลินลี่ย์ว่าต่อไปทันทีแต่ฮ็อกตัดบท “ข้าจะถามเจ้าในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของเรามีอาณาจักรอยู่เท่าไหร่และเมืองน้อยอีกเท่าไหร่?”

“ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของเรามีหกอาณาจักรและสิบห้า..สิบเจ็ด...” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วทันที

สหภาพศักดิ์สิทธิ์มีเมืองน้อยอยู่เท่าไหร่?ความทรงจำของลินลี่ย์สับสนเล็กน้อยเขาไม่แน่ใจว่าสิบห้าหรือสิบเจ็ด เขาไม่มั่นใจ

“ฮืมมม!”

ฮ็อกทำหน้าเย็นชาและดุดึงไม้เรียวออกมาลินลี่ย์ยื่นมือออกมาอย่างว่าง่าย

เขาหรี่นัยน์ตาพร้อมกับเสียง“ควับ” ฮ็อคหวดไม้เรียวเข้าที่มือลินลี่ย์ รอยผื่นแดงปรากฏขึ้นที่มือของลินลี่ย์ทันทีแต่ลินลี่ย์ทำได้เพียงขบกรามแน่นไม่ได้ส่งเสียงอะไร

“ลินลี่ย์! เจ้าต้องจำไว้ว่าปัจจุบันนี้เราอาศัยอยู่ในสหภาพศักดิ์สิทธิ์เจ้าต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสหภาพศักดิ์สิทธิ์” ฮ็อกมองดูบุตรชายอย่างเย็นชา“ในทวีปยูลานทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดคือสี่จักรวรรดิและพันธมิตรอีกสองกลุ่ม

ลินลี่ย์พยักหน้า

แม้ว่าคำพูดของบิดาจะง่ายแต่ลินลี่ย์ก็เข้าใจความหมายได้ชัดเจน..

“ไกลออกไปทางเหนือสหภาพศักดิ์สิทธิ์แบ่งเขตแดนกับจักรวรรดิโอเบรียนขณะที่ใต้สุดเป็นเจ้าพวกแมลงพันธมิตรมืดกับจักรวรรดิยูลาน ภายใต้การนำของวิหารเจิดจรัสความสามัคคีของสหภาพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรวรรดิพวกนั้นเลย

พอได้ฟังคำบิดาของเขาลินลี่ย์ก็เห็นด้วย

เมื่อวานนี้เขาอ่านหนังสือหลายเล่มเห็นได้ชัดว่าสหภาพศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมสำหรับทั่วทั้งแผ่นดินยูลาน ขณะเดียวกันในเรื่องความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจก็พอๆ กับจักรวรรดิยูลานทำให้ทั้งสองนั้นมีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่สุดในโลก

นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากวิหารเจิดจรัสอีกด้วย

สหภาพศักดิ์น่ากลัวอย่างแท้จริง

“วันนี้เราจะเรียนเรื่องศิลปะ” ฮ็อคพูดต่อ “ในฐานะที่เป็นทายาทของตระกูลชนชั้นสูงเจ้าต้องมีความเข้าใจและเข้าถึงงานศิลปะศิลปะคือสิ่งที่ทำให้ชนชั้นสูงดูมีสง่าราศีน่าสนใจ”ฮ็อกดึงหนังสือเล่มหนาเท่ากำปั้นออกมาเปิดทันที

“ในปี 3578 ตามปฏิทินยูลาน ปรมาจารย์นักแกะสลักหินพรูกซ์ถือกำเนิด

ฮ็อกสอนอย่างจริงจังขณะที่ลินลี่ย์พยายามอย่างหนักที่จะจำไว้ให้ไเขาต้องการเป็นให้ได้ดังที่บิดาเขาคาดหวังไว้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด