ตอนที่แล้วตอนที่ 1-2 ตระกูลนักรบเลือดมังกร (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1-4 เติบโต (1)

ตอนที่ 1-3 ตระกูลนักรบเลือดมังกร (2)


“ตระกูลนักรบเลือดมังกรหรือ?!” ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนมีปริศนาเต็มหัวไปหมด

ในสายตาของลินลี่ย์ตระกูลของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่เป็นตระกูลเก่าแก่ที่อยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมันจะเกี่ยวข้องกับนักรบเลือดมังกรในตำนานได้อย่างไร?

“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ?” ร่องรอยความหยิ่งเห็นได้จากใบหน้าของฮ็อก “ลินลี่ย์! ขึ้นมาตรงนี้และดูป้ายเซ่นวิญญาณนี้ให้ดีตอนนี้เจ้าสามารถอ่อนเรื่องราวพวกเขาได้หมดด้านหลังป้ายเซ่นวิญญาณแต่ละป้ายจะมีประวัติของบรรพบุรุษเหล่านั้นป้ายเซ่นดวงวิญญาณสามป้ายบนสุดคือนักรบเลือดมังกร!”

ฮ็อกจูงมือลินลี่ย์มา “มาดูสิ”

ฮ็อกนำลินลี่ย์ตรงไปที่ด้านหลังป้ายวิญญาณแล้วอุ้มเขาขึ้นฮ็อกพูดว่า “ดูให้ดี หนังสือที่ด้านหลังเหล่านั้น”

ลินลี่ย์เบิกตากว้างและเริ่มอ่าน

คำที่สลักไว้บนป้ายเซ่นวิญญาณแผ่นสูงสุดนั้นสลักไว้ลึกและชัดเจนมากอักษรที่เก่าถึงห้าพันปีบอกเล่าเรื่องราวประหลาด

“บาลุคนักรบเลือดมังกรคนแรกสุดแห่งทวีปยูลานในปี 4560 ก่อนปฏิทินยูลานที่นอกกำแพงเมืองหลินหนานบาลุคได้ต่อสู้กับมังกรดำและเวิร์มน้ำแข็งในที่สุดเขาก็จัดการเวิร์มน้ำแข็งยักษ์และมังกรดำทั้งสองได้ทำให้เขามีชื่อเสียงดังไปทั่วโลก ในปี 4579 ตามปฏิทินยูลานที่ชายฝั่งทะเลตอนเหนือของทวีปบาลุคต่อสู้กับจักรพรรดิมังกรน้ำเก้าหัวในวันนั้น คลื่นได้เข้าทำลายเมือที่อยู่ใกล้เคียงไม่หยุดหย่อนจนพังทลายแต่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดจบลงเมื่อผ่านไปได้หนึ่งวันหนึ่งคืนในที่สุดบาลุคก็จัดการจักรพรรดิมังกรน้ำเก้าหัวได้บาลุคก่อตั้งตระกูลบาลุคและกลายเป็นผู้นำตระกูลบาลุคคนแรก!”

“ไรอันบาลุคคือนักรบเลือดมังกรคนที่สองของทวีปยูลาน ในปี 4690 ของปฏิทินยูลานในเทือกเขาสัตว์วิเศษเขาเอาชนะมังกรทองระดับเซียนได้และกลายเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเซียนผู้ขับขี่มังกรทองในปี4697...”

“ฮาซาร์ดบาลุคนักรบเลือดมังกรคนที่สามของทวีปยูลาน เกิดในปี 5360 ตามปฏิทินยูลานในการต่อสู้ครั้งแรกสุดของเขาเขาสู้อย่างดุเดือดกับราชสีห์ตาแดงระดับเซียนในเทือกเขาสัตว์วิเศษจนอาทิตย์ลับฟ้าเขาเอาชนะราชสีห์ได้และบังคับให้มันหนีไปและนั่นเป็นเหตุให้ฮาซาร์ดมีชื่อเสียงไปทั่วโลก....”

….

ชื่อแล้วชื่อเล่าเรื่องราวของบรรพบุรุษแต่ละคนทำให้เลือดในตัวลินลี่ย์สูบฉีดอย่างแรง

ฮ็อกที่อยู่ข้างๆเขาพูดเสียงต่ำว่า “ตระกูลบาลุคสามชั่วคนแรกเป็นนักรบเลือดมังกรกันทั้งหมดการได้เป็นนักรบเลือดมังการทำให้อายุขัยเพิ่มขึ้นมากนักรบเลือดมังกรรุ่นที่สองไม่ได้แต่งงานหรือมีลูกกระทั่งผ่านไปเจ็ดร้อยปี”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ” ลินลี่ย์ประหลาดใจ “ท่านพ่อ, ทำไมตระกูลของเราถึงไม่มีนักรบเลือดมังกรอีก?”

ฮ็อกพยักหน้า “เพื่อให้กลายเป็นนักรบเลือดมังกรสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเข้มข้นและความหนาแน่นของเลือดมังกรที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของพวกเราความเข้มข้นสูงก็ยิ่งดี หลังผ่านไปหลายชั่วคนความเข้มข้นของเลือดมังกรในสายเลือดของพวกเรามีแต่จะเบาบางลง อย่างไรก็ตามนั่นยังไม่เป็นที่สรุปเพราะเมื่อเวลาผ่านไปบางครั้งมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีทายาทคนหนึ่งที่มีเลือดมังกรเข้มข้นก็ได้”

“หลังจากฮาซาร์ดบาลุคแล้วนักรบเลือดมังกรคนที่สี่ปรากฏต่อเมื่อผ่านไปเกือบพันปี และจากนั้นหลังจากผ่านไป 1,500 ปีกล่าวอีกนัยหนึ่งคือสิบชั่วคนต่อมานักรบเลือดมังกรคนที่ห้าก็ปรากฏขึ้นในตระกูลของเราจนได้แต่ในหลายพันปีจากตอนนั้นถึงตอนนี้ยังไม่มีนักรบเลือดมังกรปรากฏขึ้นเลยแม้แต่คนเดียว”

ฮ็อกส่ายหัวทอดถอนใจ “นักรบเลือดมังกรคนที่ห้าอยู่ในทวีปยูลานราวสองร้อยปีก่อนที่เขาจะหายสาบสูญ ในช่วงพันปีหลังจากนั้นตระกูลบาลุคเราก็เริ่มเสื่อมถอยลง”

หลังจากพันปีชื่อเสียงของตระกูลก็สามารถสูญสลายไปได้

“อย่างไรก็ตามตระกูลของเรายังคงมีหวัง บางทีในอนาคต ทายาทของเราคนหนึ่งจะมีเลือดมังกรที่เข้มข้นอยู่ในสายเลือดและมีคุณสมบัติกลายเป็นนักรบเลือดมังกรได้ถ้าพวกเขาตอบสนองคุณสมบัติหลังจากฝึกไม่กี่สิบปีพวกเขาก็จะกลายเป็นนักรบเลือดมังกรได้จริงๆและในเวลานั้นตระกูลบาลุคจะฟื้นฟูกลับสู้ความรุ่งเรืองอีกครั้งเมื่อเราเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นนักรบเลือดมังกร!” นัยน์ของฮ็อกเป็นประกาย “ลินลี่ย์! เจ้าอายุหกขวบครึ่งแล้ว ตามกฎของตระกุลเราอายุขนาดเจ้าต้องทดสอบดูว่าเลือดมังกรของเจ้าเข้มข้นพอหรือไม่ มันค่อนข้างจะแม่นยำวันนี้ข้าจะทดสอบเจ้า”

ลินลี่ย์ตะลึก “ทดสอบความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวข้าหรือ? ทดสอบข้า?” ลินลี่ย์เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ที่บิดาเขาเตรียมการทดสอบนี้การทดสอบนี้จะแสดงว่าเขามีคุณสมบัติพอได้เป็นนักรบเลือดมังกรหรือไม่

“ลินลี่ย์รออยู่ตรงนี้ ข้าจะไปเอาเข็มทดสอบเลือดมังกร” ฮ็อกตื่นเต้นมากอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เขาเดินออกไปจากหอบรรพบุรุษทันทีเพื่อไปยังห้องส่วนตัวใกล้ๆ กัน

“นักรบเลือดมังกรเหรอ? ข้าจะเป็นนักรบเลือดมังกรได้หรือ?” ลินลี่ย์คิดฟุ้งซ่าน

พอยืนอยู่ตรงนั้นจิตใจลินลี่ย์สับสนวุ่นวายเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความกลัวควบคู่กันไป เขากลัวว่าเลือดมังกรในตัวของเขาจะเข้มข้นไม่มากพอ

“ถ้าข้าทดสอบล้มเหลวข้าว่าท่านพ่อคงจะผิดหวังมาก” ลินลี่ย์ได้แต่คิดอย่างเดียวได้เติบโตมากับบิดาเขาและน้องชาย ลินลี่ย์ไม่ต้องให้บิดาของเขาผิดหวังแต่ความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวเขาไม่ใช่สิ่งที่เขาจะตัดสินได้

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งฮ็อกกลับเข้ามาพร้อมกับเข็มยาวยี่สิบเซนติเมตรซึ่งมันบางมากขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องส่วนตัว

“เข็มทดสอบเลือดมังกรหรือ?” ลินลี่ย์เดาขณะที่เขามองดูเข็มยาวในมือบิดา

“เอาล่ะลินลี่ย์เข็มนี้แค่แทงผ่านผิวเจ้าเข้าไป มันจะไม่เจ็บอะไรเลย ยื่นมือออกมา” ฮ็อกยิ้มและลินลี่ย์พยักหน้า พอสูดลมหายใจลึก ลินลี่ย์ก็เหยียดแขนขวาออกไปแขนเขาสั่นเล็กน้อยแสดงว่าลินลี่ย์กังวลมากจริงๆ

ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์เท่านั้นว่ากันตามจริง แม้แต่ฮ็อกก็ยังกังวลมาก

“ทนหน่อยนะ” เขาถือเข็มมังกรโปร่งใสและแทงลงไปในนิ้วนางของลินลี่ย์เบาๆ มันแทงเข้าไปได้อย่างง่ายดายลินลี่ย์เจ็บตรงแผลที่ถูกแทง และเข็มโปร่งใสก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดทันที

มือของฮ็อกสั่นเขายกเข็มทดสอบเลือดมังกรขึ้นตรวจดูอย่างระมัดระวัง

พอเงยหน้าขึ้นลินลี่ย์จ้องดูบิดาของเขารู้สึกปั่นป่วนมาก “เลือดมังกรในตัวเราเข้มข้นพอไหม? ทำไมบิดาถึงจ้องดูเข็มเลือดมังกรนานนักเล่า?” ลินลี่ย์รู้สึกสังหรณ์ไม่ดี

“เฮ้อ...”ถอนหายใจเสร็จฮ็อกวางเข็มตรวจเลือดมังกรไว้ข้างหนึ่ง

ได้ยินเสียงบิดาถอนหายใจลินลี่ย์ที่กำลังกังวลใจก็รู้ว่าความเข้มข้นของเลือดมังกรในตัวเขายังไม่ถึงระดับน้ำตาเขาเริ่มไหลออกมา

“ลินลี่ย์, เจ้าร้องไห้ทำไม? อย่าร้องเลย,เป็นเด็กดีนะลูก, อย่าร้องเลย”ฮ็อกกอดลินลี่ย์ทันที พอเห็นลินลี่ย์ร้องไห้ ฮ็อกรู้สึกไม่สบายใจ ที่สำคัญคือลินลี่ย์ยังแค่หกขวบครึ่ง เขายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง

“ข้าจะไม่ร้อง, ท่านพ่อ, ข้าจะไม่ร้อง”ลินลี่ย์สูดลมหายใจสองครั้ง จากนั้นบังคับให้ตนเองใจเย็น “ท่านพ่อ! ข้าเสียใจ ข้าทำให้ท่านผิดหวัง”

พอได้ยินคำพูดของลินลี่ย์ฮ็อกรู้สึกอบอุ่นใจ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่กอดลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! อย่ารู้สึกแย่นักเลยข้าไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงนักเกินกว่าพันปีและผ่านมาหลายสิบรุ่นไม่มีผู้ใดกลายเป็นนักรบเลือดมังกรได้ไม่สำคัญหรอกที่เจ้าทดสอบไม่ผ่าน พ่อไม่ตำหนิเจ้า”

พอรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมอกบิดาลินลี่ย์ค่อยคลายตัวจากอ้อมกอดบิดา

พอถึงตอนนี้หนูน้อยวอร์ตันวัยสองขวบหลับอยู่ในอ้อมอกปู่แอชลี่ย์นานแล้ว

“ลินลี่ย์! มาถึงตอนนี้ตระกูลบาลุคมีแค่เจ้าข้าและน้องชายของเจ้า ข้าไม่กล้าฝันเกินตัว ข้าไม่เคยกล้าฝันที่จะกลายเป็นนักรบเลือดมังกร” ฮ็อกหัวเราะเยาะตัวเอง การเป็นนักรบเลือดมังการจะเป็นเรื่องง่ายไปได้อย่างไร?

ลินลี่ย์เงยหน้ามองบิดาของเขา

ความจริงนานๆ ครั้งลินลี่ย์ถึงจะบิดาของเขาพูดกับเขาด้วยท่าทีแบบนั้นปกติบิดาของเขามักจะเข้มงวดกวดขันมาก

พอมองดูแถวป้ายเซ่นดวงวิญญาณนัยน์ตาฮ็อกเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย“เป้าหมายที่แท้จริงของข้าคือเอาสมบัติตระกูลบาลุคกลับคืนมาและส่งต่อให้ทายาทรุ่นหลังต่อไป”

“สมบัติประจำตระกูลเราหรือ? มันคืออะไร? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?” ลินลี่ย์ถามอย่างสงสัย

ฮ็อกพูดด้วยความภูมิใจ “สมบัติประจำตระกูลเราก็คือดาบพิฆาตนี่เป็นอาวุธที่ถูกใช้โดยผู้นำตระกูลบาลุคคนแรกสุดเป็นดาบของนักรบเลือดมังกรคนแรกของทวีปยูลานเนื่องจากทายาทของท่านอกตัญญู หกร้อยปีที่แล้วเพราะความยากจนลูกหลานที่ใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยได้ขายอาวุธของบรรพบุรุษเราเพื่อต้องการเงิน”

ขณะที่เขาพูดฮ็อกเต็มไปด้วยความโกรธจัดจนร่างกายสั่น

พอเขาส่ายหน้าอย่างจนใจเขาพูดว่า “หลังจากนั้นทายาทรุ่นหลังทุกรุ่นพยายามเอาดาบพิฆาตกลับคืนมาแต่หกร้อยปีแห่งความพยายาม ไม่มีใครทำได้สำเร็จที่สำคัญเมื่อตอนที่เขาขายดาบพิฆาตไป มันมีราคา 180,000 เหรียญทอง 180,000 เหรียญทอง เราไม่สามารถรวบรวมเงินได้ขนาดนั้น ถึงรวบรวมมาได้เจ้าของปัจจุบันก็ไม่ยอมขายให้เรา”

ตระกูลเก่าแก่ของนักรบเลือดมังกรขายสมบัติประจำตระกูลตนออกไปจริงๆ

นี่เป็นเรื่องน่าอายอย่างหนึ่ง

เรื่องน่าอายของตระกูลนักรบเลือดมังกรที่เก่าแก่

ทายาททุกรุ่นพยายามหาหนทางในการนำดาบพิฆาตกลับมาแต่หกร้อยปีแห่งความพยายาม ไม่เคยทำได้สำเร็จ

ในฐานะที่เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันฮ็อกมีความต้องการนี้มาโดยตลอดแต่ปัญหาทางการเงินของตระกูลอยู่ในสถานการณ์ลำบาก 180,000 เหรียญทอง? แม้ว่าพวกเขาจะขายคฤหาสน์และสมบัติทั้งหมดพวกเขาไม่อาจจะรวบรวมเงินได้มากขนาดนั้น

สมบัติตระกูลหายไปนี่คือเรื่องน่าอับอายที่ยังค้างคาใจของฮ็อกเขารู้สึกอับอายและทำอะไรไม่ได้และสามารถเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษได้

พอเห็นสีหน้าของบิดาของเขาลินลี่ย์ปลอบเขาว่า “ท่านพ่อ!อย่าลำบากใจเลย! ข้าสัญญาว่าสักวันข้าจะเอาสมบัติประจำตระกูลกลับมายังคฤหาสน์เราให้ได้”

“เจ้าน่ะหรือ?” ฮ็อกหัวเราะเบาๆดวงตาเต็มไปด้วยความรัก เขาลูบผมลินลี่ย์

ฮ็อกพูดในใจว่า “ลินลี่ย์เจ้ารู้ไหม คำพูดที่เจ้าเพิ่งพูดออกมานี้ หลายปีก่อนนั้นข้าก็ได้พูดกับท่านปู่เจ้าเหมือนกัน” หกร้อยปีที่พยายาม มีแต่ความล้มเหลวมันจะเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ อย่างไร? ที่สำคัญ คนที่ได้ดาบพิฆาต ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา

ทำไมพวกเขาถึงจะต้องยินดีขายด้วยเล่า

แม้ว่าพวกเขายินดีจะขายตระกูลบาลุคที่เสื่อมโทรมจะมีปัญญาซื้อคืนมาได้อย่างไร?

“ท่านพ่อ, ท่านไม่เชื่อข้าหรือ?” พอเงยหน้าขึ้น ลินลี่ย์มองดูบิดาอย่างสงสัย

“ข้าเชื่อเจ้า, ข้าเชื่อเจ้า” ฮ็อกหัวเราะ

บิดาและบุตรกอดกันแนบแน่นในยุคนี้เหลือสมาชิกตระกูลเลือดมังกรอยู่เพียงสามคนเท่านั้นเมื่อไรตระกูลที่เสื่อมถอยนี้จะกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองและมีเกียรติเล่า? ในตอนนี้ขณะอิงอยู่ในอ้อมอกบิดาลินลี่ย์กำหมัดแน่น...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด