ตอนที่แล้วEp.434 - หนึ่งกระบี่ล่าแสง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.436 - คำสั่งของผู้ครองแคว้น

Ep.435 - กระบวนท่าใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา


2/2

Ep.435 - กระบวนท่าใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา

หลังจบศึกเมืองธารทะเลทราย

ฮังอวี่ได้เรียนรู้สกิลขั้น 4 เพิ่มอีกสองสกิล

หนึ่งในนั้นคือหนึ่งกระบี่ล่าแสง เพราะยังไม่ได้เผยสู่สายตาสาธารณะชน ดังนั้นคนอื่นๆเลยยังไม่ทราบความสามารถของสกิลนี้ และไม่อาจเตรียมตัวป้องกันได้

สกิลขั้น 2 อย่างโจมตีลมกรด และขั้น 3 อย่างสังหารลมกรดก็มีผลในการพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่พวกมันด้อยกว่าสกิลขั้น 4 หนึ่งกระบี่ล่าแสงมาก

ด้วยพลังรบในปัจจุบันของฮังอวี่ ระยะแสดงผลของหนึ่งกระบี่ล่าแสงสามารถไปได้ไกลกว่า 300 - 400 เมตร!

และในระยะนี้ มันครอบคลุมรัศมีการโจมตีที่ไกลที่สุดของพวกจอมเวทย์ ดังนั้นหากมีจอมเวทย์คนไหนพยายามโจมตีฮังอวี่ จุดจบของพวกเขาไม่ต่างจากการแส่หาความตาย

หนึ่งกระบี่ล่าแสงก็ตามชื่อ มันรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ! ว่องไวเสียจนไม่อาจหลบพ้น!

เกรงว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับราชาอย่างมังกรคลั่งเฮสการ์ ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงสกิลหนี่งกระบี่ล่าแสง ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงมนุษย์

ความไวของหนึ่งกระบี่ล่าแสงไม่ได้สะท้อนออกมาให้เห็นแค่เฉพาะความเร็วเท่านั้น

แต่มันยังมาพร้อมคุณสมบัติบังคับเปิดใช้งาน สามารถขัดจังหวะสกิลที่กำลังร่ายอยู่ได้

นอกจากนี้ยังช่วยให้กระบี่แสงสามารถใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ทำให้ท่านี้กลายเป็นสุดยอดเทคนิคในการลอบสังหาร!

แน่นอน

กระบี่แสงเองก็มีจุดอ่อนเช่นกัน

หากไม่นับในด้านความเร็วและระยะโจมตีแล้ว สกิลนี้สร้างดาเมจน้อยกว่าสกิลขั้น 4 สกิลอื่นๆมาก

อย่างไรก็ตาม

จุดแข็งก็คือหนึ่งกระบี่ล่าแสงสามารถนำสกิลอื่นๆมาใช้ร่วมกันได้

สิ่งนี้จะช่วยชดเชยจุดอ่อนด้านทำดาเมจน้อยได้เป็นอย่างมาก

เหตุผลที่กระบี่แสงในครั้งนี้ทำดาเมจได้สูง เกิดขึ้นจากเอฟเฟกต์ของกลบฝังปีศาจคลั่ง

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม การโจมตีนี้จึงไม่สมควรเรียกว่าหนึ่งกระบี่ล่าแสงซะทีเดียว แต่ควรเรียกว่า ‘กลบฝังล่าแสง!’

พลังที่เกิดจากการทับซ้อนกันของสกิลขั้น 4 ถึงสองสกิล เจอแบบนี้เข้าไปแล้วฉินมู่จะมีโอกาสรอดชีวิตได้อย่างไร? และต้องบอกว่าโชคดีมากที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆกับฉินมู่ มิฉะนั้นภายใต้การโจมตีนี้คนอื่นๆอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือถึงขั้นถูกฆ่าตาย!

หลังจากลงมือสังหารฉินมู่

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดได้ถูกลบออกไปแล้ว

จากนี้ค่อยสามารถเล่นงานคนอื่นๆได้

“ค่ายกลล่าแสงและเงา!”

“โทสะปีศาจคลั่ง!”

ฮังอวี่ปลดปล่อยสกิลขั้น 4 อีกสองสกิลอย่างรวดเร็ว

ค่ายกลใช้เวลานานในการรวบรวมปราณกระบี่  นอกจากนี้ยังถูกรบกวนด้วยสิ่งเร้าภายนอกได้ง่ายๆ ทว่าเมื่อรวบรวมเสร็จแล้ว พลังทำลายของค่ายกลจะเป็นอะไรที่รุนแรงมาก ทั้งยังมีเอฟเฟกต์ในการควบคุม ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับโทสะปีศาจคลั่ง ในความคิดของเขา สกิลนี้คล้ายค่ายกลกระบี่ หลังจากฮังอวี่เปิดใช้งานโทสะปีศาจคลั่ง หมอกละอองสีเลือดไหลออกมาจากร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง พัวพันรอบกายโดยไม่กระจัดกระจายออกไป และยิ่งนานยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ

ละอองเลือดที่ว่านี้คือ ‘ความเดือดดาล!’

หลังเปิดใช้งานพักหนึ่ง ค่าพลังชีวิตที่สูญเสียไปจะถูกเปลี่ยนเป็นความเดือดดาล และเมื่อความเดือดดาลยิ่งเข้มข้น มันก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานอันรุนแรงและระเบิดออกมา สร้างพลังทำลายล้างอันน่าอัศจรรย์!

ขณะเดียวกัน เมื่อฮังอวี่เปิดใช้งานสถานะปลุกเลือดปีศาจ เขาจะค่อยๆสูญเสียพลังชีวิตไปในทุกๆวินาที นี่เป็นผลให้ละอองเลือดยิ่งนานยิ่งกลั่นตัวออกมานอกร่างเขาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากฉินมู่ถูกแทงตายในระยะไกล

คนอื่นๆ ยังอยู่ในอาการตกใจ แต่โดยไม่ทันตั้งตัว นิมิตหมายบางอย่างพลันปรากฏขึ้นบนสังเวียน

“เฮ้ ดูนั่นสิ”

“มันคืออะไรกัน!”

“คุณพระช่วย! ดูเหมือนมันจะเป็นอุกกาบาต!”

อุกกาบาตขนาดใหญ่ที่ลุกเป็นไฟไม่รู้ว่ามาจากไหน มันกำลังฉีกอากาศเหนือสังเวียน ส่งเสียงหวีดหวิวอันน่าเหลือเชื่อ ร่วงหล่นลงในตำแหน่งที่ฮังอวี่ยืนอยู่

คาถาขั้น 4 -- อัญเชิญอุกกาบาต!

ฮังอวี่รู้จักสกิลนี้ มันคือหนึ่งในสินสงครามที่เก็บเกี่ยวได้จากคุกโบราณ และเนื่องจากเหมาะกับสายธาตุไฟของจางเสี่ยวเฉียงพอดี ดังนั้นอีกฝ่ายจึงยอมแลกเปลี่ยนมันกับความดีความชอบในศึกถึงสองสามครั้ง

“ไม่ได้การ!”

ใบหน้าของฮังอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เขาตระหนักดีถึงพลังของสกิลนี้

ความสามารถทางคาถาของเสี่ยวเฉียงไม่ได้อ่อนแอ อีกทั้งนี่ยังเป็นสกิลขั้น 4 ดังนั้นแม้แต่ฮังอวี่ก็ยังไม่กล้าประมาท

หากเขาโดนอุกกาบาตพุ่งชนอย่างจัง คงสูญเสียพลังชีวิตเกือบทั้งหมดไป

อย่าได้ดูถูกพลังทำลายของนักเวทย์ที่เรียนรู้คาถาขั้น 4 เชียว!

ฮังอวี่รีบเปิดใช้งาน ‘กายาเกราะ’ จากนั้นต่อด้วยจู่โจมมุมอับเพื่อพรางตัว พยายามหลบหนีจากการโจมตี

จางเสี่ยวเฉียงสัมผัสได้ว่าฮังอวี่กำลังเคลื่อนไหว แม้ว่าเขาจะไม่สามาถตามความเร็วของฮังอวี่ทัน แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถควบคุมอุกกาบาตได้

หลังจากกะตำแหน่งคร่าวๆ อุกกาบาตก็ตกถึงพื้น

บรึ้ม!

ช่วงเวลาที่มันสัมผัสกับสังเวียนบังเกิดแสงบานสะพรั่งจนตาพร่า วินาทีต่อมา เปลวเพลิงขนาดใหญ่ปกคลุมพื้นที่เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 100 เมตร และระยะของคลื่นกระแทกกินพื้นที่กว้างกว่าสองสามเท่า

สังเวียนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

เมฆรูปดอกเห็ดลอยขึ้นฟ้า

ทิ้งหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ไว้เบื้องล่าง

สกิลขั้น 4 ร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว!?

ผู้ชมเห็นผลที่เกิดจากสกิลอุกกาบาต ทุกคนสัมผัสได้ถึงลมหายใจเย็นเยียบ

เจ้าสิ่งนี้เป็นแค่เวทมนตร์ก็จริง แต่ระยะการสังหารดังกล่าว มันมากเกินไป!

ลองจินตนาการว่าถ้าเป็นเวลาปกป้องเมือง

แล้วจางเสี่ยวเฉียงได้เรียนรู้สกิลนี้ เขาจะทำให้ศัตรูบาดเจ็บล้มตายมากแค่ไหนกัน?

การโจมตีครั้งเดียวอาจใช้เวลาในการร่ายหลายสิบวินาที แต่มันก็ทำให้ทหารเกินร้อยได้รับบาดเจ็บสาหัส!

แน่นอน สกิลขั้น 4 ที่เรียกว่าอัญเชิญอุกกาบาต สิ่งที่อัญเชิญมาคืออุกกาบาตมนตรา ไม่ใช่อุกกาบาตของจริง มิฉะนั้นเกรงว่าสังเวียนครึ่งหนึ่งของเมืองธารทะเลทรายคงถูกถล่มราบเป็นหน้ากลอง

“โดนแล้วใช่ไหม?”

จางเสี่ยวเฉียงจ้องมองกลุ่มควันสีเทาคลุ้งด้วยดวงตาเบิกกว้าง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เพ่งมองดีๆ เบื้องหน้าเขากลับปรากฏหมอกโลหิต และสามารถมองเห็นปราณกระบี่ที่ยังคงล่องลอยอยู่ท่ามกลางมันได้อย่างชัดเจน

“พลังทำลายไม่เลว แต่น่าเสียดาย นายยังไม่แม่นพอ”

ฮังอวี่ออกมาจากสถานะจู่โจมมุมอับ เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีระยะไกลนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ได้รับดาเมจเล็กน้อยจากแรงกระแทกและเปลวไฟ

อย่างไรก็ตาม เขามีหัวใจของราชาธาตุไฟ

ดังนั้นดาเมจที่เกิดจากธาตุไฟ หากไม่มากพอ มันแทบไม่มีผลกับเขาอย่างสิ้นเชิง

และเนื่องจากการเปิดใช้งานสกิลกายาเกราะ ทำให้ไม่ถูกพัดปลิวหรือมึนงง สามารถโผล่มาเบื้องหน้าจางเสี่ยวเฉียงได้ทันที

สังหารลมกรด!

ฮังอวี่แยกเป็น 6 7 ร่างในพริบตา เข้าโจมตีจางเสี่ยวเฉียงที่พยายามหลบหนีจากทุกทิศทางอย่างปราศจากลำดับขั้นตอน สองการโจมตีแรกทำลายโล่มนตราของจางเสี่ยวเฉียง ก่อนที่ดาบอสูรแผดเผาจะสับลงบนร่างเขาห้าครั้งติดต่อกัน

อุกกาบาตสร้างความโกลาหลมากเกินไป

ทุกคนในสังเวียนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเจียงหนาน ทำให้มันสายเกินกว่าที่เธอจะร่ายสกิลรักษา กอบกู้สถานการณ์นี้

จากห้าคนถูกฆ่าตายไปสอง

ตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นสามต่อหนึ่ง!

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว ต่างแสดงสีหน้าหดหู่ เอาจริงๆพวกเขาไม่ได้ประมาทเลย แต่เป็นเพราะพลังรบของฮังอวี่ห่างไกลเกินกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินมาถึงจุดนี้ ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด!

“ลงมือพร้อมกัน!”

ฉูเทียนหัวตระหนักว่าค่ายกลกระบี่ของฮังอวี่กำลังก่อตัว ขณะเดียวกันหมอกเลือดบนตัวเขายังดูอันตรายมาก นี่ควรเป็นอีกหนึ่งสกิลขั้น 4 ที่ฮังอวี่ได้เรียนรู้มาใหม่ จะมองมุมไหนก็อันตราย!

ร่างฮังอวี่ขยับไหวคอยหลบหลีกปราณกระบี่วินาศที่ฟาดฟันเข้ามา สถานที่ที่ร่างเขาเคลื่อนผ่าน วินาทีต่อมาล้วนปรากฏร่องลึกจากรอยฟันกระบี่บนพื้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังอันร้ายกาจจากปราณกระบี่ของ ฉูเทียนหัว

ชายผู้นี้ครอบครองปราณกระบี่ที่แก่กล้าที่สุด ดังนั้นเมื่อเป็นการโจมตีด้วยปราณกระบี่ เหล่าฉูจึงถือเป็นมืออาชีพ

ระหว่างฮังอวี่คอยหลบหลีกการโจมตี เขาตรงเข้าหาเจียงหนานอย่างรวดเร็ว แสดงเจตนาชัดเจนว่าเป้าหมายต่อไปคือผู้รักษาตัวน้อย!

“อย่าหวังว่าจะทำสำเร็จ!”

“ค่ายกลโล่ไร้ขอบเขต!”

จ้าวหมิงก้าวมายืนขวางหน้าเจียงหนาน โล่ยักษ์กระทุ้งลงพื้นอย่างแรง พริบตานั้นปรากฏโล่ยักษ์นับสิบขึ้นรอบด้าน โดยมีจ้าวกหมิงเป็นจุดศูนย์กลาง

โล่เหล่านี้มีลักษณะโปร่งแสง ในที่สุดพวกมันก็รวมตัวและเชื่อมต่อกัน เหมือนกระดองเต่ายักษ์ เจียงหนานได้รับการคุ้มครองอยู่ข้างใน

เคร้ง เคร้ง เคร้ง!

ฮังอวี่เหวี่ยงดาบในมืออย่งารวดเร็ว แต่กระดองเต่านี้กลับไม่สั่นคลอนเลย

แม้จะเปิดใช้งานชุบโลหิตก็ยังเปล่าประโยชน์

จ้าวหมิงกล่าว “อย่าเปลืองแรงเลย สกิลนี้คือสกิลป้องกันขั้น 4 มันสามารถต้านทานพลังงานที่เกิดจากการโจมตีทางกายภาพได้ ต่อให้เป็นนาย อย่างน้อยพักหนึ่งก็ไม่มีทางทำอะไรเธอได้!”

“จะใช่อย่างนั้นจริงๆน่ะหรอ?”

ฮังอวี่เปิดใช้งานปราณโทสะคลั่ง ค่ายกลโล่แตกเป็นเสี่ยงๆ เผยเจียงหนานที่ได้รับการปกป้องอยู่ข้างใน

-87!

-93!

+180!

+50!

ฮังอวี่ขมวดคิ้ว

พลังป้องกันของเจียงหนานนั้นไม่ต่ำ และเธอยังเชี่ยวชาญศาสตร์การรักษาหลายแขนง เว้นเสียแต่จะเป็นดาเมจที่ระเบิดทีเดียวอย่างรุนแรง ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะจัดการกับเธอได้ในระยะเวลาสั้นๆ

และในขณะเดียวกัน

โล่ที่ถูกแตกสลายจากปราณสงครามเริ่มซ่อมแซมตัวเองอย่างรวดเร็ว

สกิลป้องกันขั้น 4 ไม่ใช่เรื่องง่ายหากคิดทำลาย!

ฮังอวี่ไม่มีโอกาสได้โจมตีต่อ แรงกดดันอันน่าหวาดกลัวพลันโถมเข้ามา

เห็นแค่เพียงฉูเทียนหัวกระโจนขึ้น แม้ในมือเขาจะเป็นขวานรบ แต่เวลานี้มันเปลี่ยนรูปร่างเป็นกระบี่ยักษ์อย่างสิ้นเชิง

ปราณกระบี่นับสิบสายพรั่งพรูออกมาอย่างต่อเนื่องและรวมตัวกันที่ด้านบนของใบขวานอันแหลมคม

เทคนิคโจมตีขั้น 4 - หนึ่งกระบี่ผ่าสวรรค์!

วินาทีต่อมา

ปราณกระบี่ขนาดมหึมาราวกับสายรุ้ง ดั่งคลื่นในทะเลโถมเข้ากระทบร่างฮังอวี่ กวาดผ่านตัวเขา

“โดนแล้ว!”

ฉูเทียนหัวเผยสีหน้าดีใจ

เขาตระหนักดีถึงพลังสังหารของสกิลนี้!

หากโดนซึ่งๆหน้า ต่อให้เป็นฮังอวี่ก็ไม่สามารถทานทนได้!

แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ร่างของฮังอวี่ยังคงนิ่งงันไม่สั่นไหว เขาปล่อยให้พายุปราณกระบี่ที่ไม่ต่างจากมังกร ทะลุทะลวงผ่านร่างไปอย่างต่อเนื่อง ไถดินเป็นร่องลึกหลายสิบเมตร

ที่แปลกก็คือ ฮังอวี่กลับดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย แม้แต่ตำแหน่งการยืนของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการบาดเจ็บ!

พริบตาที่หนึ่งกระบี่ผ่าสวรรค์ตกลงมา

ฮังอวี่เปิดใช้งานเทคนิคอากาศธาตุ

เอฟเฟกต์สกิลมิตินี้สามารถอยู่ได้นานถึงสี่วินาที มันมาเกินพอที่จะหลบเลี่ยงสกิลระเบิดอันน่าทรงพลังอย่างเหลือเชื่อของฉูเทียนหัว

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว สีหน้าไม่สู้ดีนัก

เมื่อเห็นภาพนี้ เจียงหนานกล่าวด้วยอารมณ์ “ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ ฉันก็จะไม่ยอมน้อยหน้าเหมือนกัน ดูเทคนิคใหม่ของฉันให้ดี -- เทคนิคเขตแดนรักษาศักดิ์สิทธิ์!”

โดยมีเจียงหนานเป็นจุดศูนย์กลาง ชั้นแสงสว่างสดใสกระจายออกมา

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวที่เป็นเพื่อนร่วมทีม เมื่อถูกห่อหุ้ม พวกเขาได้รับพลังชีวิตฟื้นฟูกลับมา 162 หน่วยทันที

นั่นหมายความว่า!

พวกเขาสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้มากถึง 162 หน่วยต่อวินาที!

นอกจากนี้ ค่าคุณสมบัติทั้งหมดยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย!

ซึ่งเดิมสกิลขั้น 4 ของนักบวชก็ทรงพลังมากอยู่แล้ว เมื่อได้รับบัฟจากสกิลพรสวรรค์ของเจียงหนาน เอฟเฟกต์ของมันก็เพิ่มเข้าไปอีก 60%!

ฉูและจ้าวภายในช่วง 10 วินาทีนี้ เรียกได้ว่าพวกเขาแทบจะเป็นอมตะ!

ฉูเทียนหัว จ้าวหมิงตระหนักดีว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับการเดิมพันในช่วงเวลานี้

เขาเลิกสู้กับฮังอวี่แบบถ่วงเวลา งัดพลังจิตเกือบทั้งหมดออกมา

ตอนนี้เป็นเวลาเหมาที่สุดที่จะจัดการกับฮังอวี่!

ต้องเร่งยุติการต่อสู้ก่อนเอฟเฟกต์จากสกิลของเจียงหนานจะหมดลง!

คิ้วของฮังอวี่ยิ่งขมวดเข้าหากัน สถานการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างยุ่งยาก

เจียงหนานได้รับการปกป้องโดยค่ายกลโล่ของจ้าวหมิง เกรงว่าคงไม่สามารถฆ่าเธอได้ในช่วงสั้นๆ

ส่วนอีกสองคนก็ไม่ง่ายหากคิดบดขยี้เช่นกัน

ภายใต้สกิลขั้น 4 ของเจียงหนาน เว้นแต่จะระเบิดโจมตีเหมือนตอนฉินมู่ ฆ่าพวกเขาในวินาทีเดียว ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะทำดาเมจให้ไวกว่าความเร็วจากการรักษาได้

แต่ปัญหาก็คือ

ทั้งคู่สวมชุดเซ็ทโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์!

มันเป็นเรื่องยากมาหากคิดสังหาร ฉูเทียนหัวในวินาทีเดียว

และยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงจ้าวหมิงที่ได้รับฉายาว่าโล่แห่งมังกรคราม!

การต่อสู้ระหว่างสมาชิกระดับสูงของมังกรคราม ได้เปิดให้ชมการถ่ายทอดสด เวลานี้ผู้ชมต่างตื่นเต้นจนเลือดเดือด! ทุกคนแตกตื่นตกใจกับพลังรบของคนในสังเวียน

ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะทรงพลังถึงขนาดนี้!

นอกจากการตายของฉินมู่ที่ผู้ชมไม่ทันสังเกตเห็นถึงความสามารถของเขาแล้ว คนอื่นๆในทีม ไม่ว่าจะเป็นจางเสี่ยวเฉียง เจียงหนาน ฉูเทียนหัว หรือจ้าวหมิง แต่ละคนแข็งแกร่งสุดๆ

สามารถปลดปล่อยกระบวนท่าใหญ่แทบจะตลอดเวลา

แน่นอน!

ผู้ที่แกร่งยิ่งกว่าใครคือฮังอวี่ที่สามารถสู้แบบ 1 VS 5 ได้!

แต่ภายใต้สถานการณ์นี้ ฮังอวี่จะยังมีโอกาสชนะหรือไม่?

หากเป็นนักรบคนอื่นๆ แล้วใช้สไตล์การต่อสู้แบบเขา เกรงว่าค่าพลังจิตคงหมดไปนานแล้ว

แม้บอสฮังจะไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้คิดว่าค่าพลังจิตเขากำลังจะหมดลง!