ตอนที่แล้วบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 25 วัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม (Culture of Innovation)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 27 ชัยชนะแห่งการปฏิวัติ (Triumph of The Revolution)

บทที่ 2 สู่การปฏิวัติ : ตอนที่ 26 สมดุลของสงครามกำลังเปลี่ยน (Balance Shifting)


สมดุลของสงครามกำลังเปลี่ยน

(Balance Shifting)

มหานครออร์เลรีส อาณาจักรแฟแลงซ์อันศักดิ์สิทธิ์ 1 เมษายน ศักราชอองโทราลที่ 3929

อาสนวิหารแคโรไลน์แห่งออร์เลอริส และ พระราชวังออร์เลรีส วันนี้ช่างแตกต่างจากเดิม หากเป็นวันปกติคงจะมีงานเลี่ยงระหว่างขุนนางและชนชั้นสูง  รวมไปถึงงานพิธีกรรมทางศาสนา แต่วันนี้กลับเงียบเหงา บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ทหารและนักบวชควบคุมพื้นที่กันอย่างหนาแน่น

ภายในพระราชวังออร์เลรีส ห้องโถงที่งดงามเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางผู้มีบรรดาศักดิ์ระดับไวเคานต์ มีเผ่ามนุษย์เป็นหลัก แต่มีต่างเผ่าพันธุ์อยู่บ้างเพียงแต่ไม่ได้เยอะมาก ซึ่งพวกเขายื่นอยู่ฝั่งขวาของบัลลังก์กษัตริย์แห่งแฟแลงซ์ ส่วนทางซ้ายเป็นเหล่านักบวชแห่งศาสนจักรแห่งพระเจ้าที่แท้จริง ซึ่งมีสองเผ่าพันธุ์ระหว่างมนุษย์ และซองทูอา ในห้องเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญเช่นนี้คงต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ามันคงกระทบถึงอำนาจทางตอนใต้อย่างแน่นอน

“อาเรน่า… ผู้ศรัทธาที่เรารัก เข้าได้สู่สงครามเต็มตัว พวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาต่อพระองค์ที่สูงส่ง และเอาชนะศึกที่ทะเลอาจิเต้ตอนใต้ และทำให้เหลือเหล็กปีศาจบาดเจ็บ พวกเราต้องเข้าต่อสู้เคียงข้างจักรวรรดิอาเรน่า!” นักบวชในเครื่องแบบสีขาวคลุมด้วยสีเหลืองทองตำแหน่งมุขนายก

“แล้วเราจะมั่นใจได้เยี่ยงไรว่า พวกลีโอเนียไม่ได้อ่อนแอลง? ท่านมุขนายก เราสู้กับพวกลีโอเนียในสงครามของราชอาณาจักรทูเดีย พวกเราต้องสูญเสียผู้ศรัทธาไปหลายแสนคน!” ขุนนางผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นดยุก หนึ่งในอำนาจสำคัญของแฟแลงซ์ล่าวขัดมุขนายก

“ชาร์ลส์- องค์ราชา… เราไม่อาจจะที่จะสูญเสียข้ารับใช้ไปมากกว่านี้แล้ว เกษตรในอาณาจักรของเราอยู่ในขั้นวิกฤติ หากเข้าสงคราม จะมีคนตายและไม่กลับสามารถทำไร่ทำนาได้ ท่านยังคงสนใจในเรื่องหน้าตาอีกหรือ!?” ดยุคเดินออกมาจากแถวขุนนางและยื่นอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ของกษัตริย์ของแฟแลงว์ทั้งปวง

“ ไฮน์ริช สหายเรา…” เสียงชราของกษัตริย์แฟแลงซ์ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ นํ้าเสียงพระองค์นั้นเต็มไปด้วยความพิโรธ “สงครามในครั้งนี้ จะกอบกู้ชื่อเสียง ของข้า

“ข้าจะมิยอมให้ชื่อของข้าต้องถูกจารึกไว้เป็น กษัตริย์คนแรกที่พ่ายแพ้ต่อสหจักรวรรดิลีโอเนีย!”

“ดยุคไฮน์ริช ขอให้เราเป็นผู้ไขข้อสงสัยสหจักรวรรดิลีโอเนียให้ท่านได้ทราบเสียก่อน” เสียงข้างๆ กษัตริย์แห่งแฟแลงซ์ เป็นชายวัยชรา ผู้ที่ทุกคนให้ความเข้าเคราพพอๆกับกษัตริย์ของแฟแลงซ์ อัครมุขนายก โจเซฟที่ 2

“ตอนนี้กองทัพครึ่งหนึ่งของลีโอเนียอยู่ในทวีปอาริกาเซีย กองเรือที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และโชคชะตาที่พระองค์ประธานมาให้ ก็คือชัยชนะในศึกทะเลตอนใต้ กองเรือลีโอเนียจะเป็นอัมพาตอยู่ชั่วขณะ ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ พระเจ้าทรงโปรด! ต้องขอบคุณกบฏบนทวีปใหม่”

" หากเราสนับสนุนกบฏอาริกาเซีย

เราจะสามารถดันให้พวกลีโอเข้าโต๊ะเจรจา และยอมรับความพ่ายแพ้ได้

ทันทีที่อัครมุขนายก โจเซฟกล่าวเสร็จภายในห้องก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยอีกครั้ง พวกเขาคุยกันไม่ดังมากนัก อาจจะเป็นเพราะมารยาทขุนนางที่ต้องให้เกียรติ ผู้มีอำนาจดุดังพระเจ้าของแฟแลงซ์ได้มาอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของดยุคไฮน์ริชก็มืดลง เขาไม่อยากจะเชื่อว่า หน้าตาเชื่อเสียงของราชาผู้ที่เขาเคยนับถือ จะสำคัญกว่าปากท้องของอาณาจักร

“สตรีศักดิ์สิทธิ์ มิราเบลล์ เดอ ฟลอริเต้ ได้มาถึงแล้ว!!” กล่าวประกาศโดยซองทูอาเพศชาย พร้อมกับกลุ่มนักบวชที่มีอำนาจ มิราเบลล์ เดินเข้ามายังห้องโถงพร้อมกับชายหนุ่มในเครื่องแบบทหารสีนํ้าเงินเข้มที่แตกต่าง

ไม่มีใครรู้ว่าชายผู้ที่อยู่ข้างหลังสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็น ทหารจากอาณาจักรไหน แต่หมวกทรงไทรคอร์สีดำและส่วนเครื่องแบบนั้นช่างคล้ายตาขุนนางที่เคยอยู่ในสนามรบมากก่อน

“ท่านเจ้าข้า! พระเจ้าทรงโปรด… เหตุเรื่องอันใดท่านจึงได้มายังที่ประชุมแห่งนี้กัน?” ต่อให้เป็นกษัตริย์แห่งแฟแลงซ์ก็ต้องให้ความเคารพหญิงสาวพรหมจารีผู้นี้

ก่อนที่เขาจะหันไปหาชาติหนุ่มในเครื่องแบบทหารอันไม่คุนตาและกล่าว “แล้วเจ้าคือ?”

“ขออภัยพระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ กระหม่อมมีนาม อันฮัลท์ เวติก้า มาในฐานะผู้เจริญสัมพันธไมตรีของชาวอาริกาเซีย” อันฮัลท์ก้มหัวเคารพในแบบของชาวแฟแลงซ์ ซึ่งทำให้กษัตริย์ชาร์ลส์นั้นรู้สึกพอใจอย่างมาก

มิราเบลเดินเข้ามาหาอัครมุขนายก โจเซฟ และกษัตริย์แฟแลงซ์อย่างปกติ ทั้งสามกระซิบคุยกันอยู่ชั่วครู่ ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยความกังวล ไม่นานนักหัวใจของทุกคนก็เกือบหยุดเต้นเหมือนกษัตริย์ของพวกเขาลุกขึ้นยื่นด้วยความรวดเร็ว

“เป็นเรื่องจริงหรือ!? ท่านอัครมุขนายกช่วยร่ายเวทมนตร์แห่งความจริง” เสียงคำร่ายด้วยความรวดเร็วของอัครมุขนายกโจเซฟดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างรวมตัวกันเป็นก้อนวงกลม

“อันฮัลท์ เวติก้า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ที่พวกท่านสามารถเข้าชนะลีโอเนียได้?” อันฮัลท์เงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่โล่งอกเล็กน้อย “แน่นอนครับ…” สิ้นเสียงคำพูดของเขา พระเจ้าชาร์ลส์และอัครมุขนายกก็หันมองลูกแก้วบนมือ ซึ่งก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ทำให้ทั้งสองมีใบหน้าที่ตกใจอย่างมาก

“พวกเจ้า… พวกเจ้าทำได้เช่นใด? ในศึกที่ทูเดีย กองทัพผสมระหว่างทูเดียและแฟแลงว์ไม่สามารถเอาชนะระหว่างการรบได้เลยแม้แต่น้อย พวกเราต้องส่งทหารเป็นคลื่นทะเลจนพวกมันถอยกลับไปยังดินแดนลีโอ แต่ก็ไม่ได้แตกพ่าย” เขาชะงัก “พวกเจ้าทำได้อย่างไรกัน?”

คำพูดของพระเจ้าชาร์ลส์ทำให้หลายคนอ้าปากตค้าง ข้ารับใช้ที่ตายไปในทูเดียทุกครั้งไม่เคยที่จะทำให้พวกลีโอแตกทัพได้เลยแม้แต่น้อย

“กระหม่อมมาในฐานะของชาวอาริกาเซีย พวกเรานั้นต้องการความช่วยเหลือจาก อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ทำการยอมรับ ว่าเรา สมาพันธรัฐอาริกาเซีย เป็นรัฐที่มีอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อผู้ใด” อันฮัลท์ชะงัก “พันธมิตรระหว่างสามรัฐชาติ อาณาจักรแฟแลงซ์อันศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิอาเรน่า และ สมาพันธรัฐอาริกาเซีย”

“แล้วผลตอบแทนที่พวกเราจะได้ในสงครามของพวกเจ้าล่ะ?” ขุนนางร่างอ้วนคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเสียมารยาท

แต่ก็ไม่มีใครขัด เพราะว่า มันก็เป็นเรื่องจริงที่พวกเขาต้องแน่ใจก่อนว่า การเข้าร่วมสงครามครั้งนี้จะไม่สูญเปล่า

อันฮัลท์ไม่ได้มีรอยยิ้มแต่อย่างไร เขาเองก็ทราบอยู่มาจะต้องเจออะไรบ้าง เขาหยิบกระดาษขึ้นมาอ่าน และมองสลับกับคนในห้องโถง ก่อนจะกล่าวขึ้นมา

“การค้าระหว่างทวีปอาริกาเซีย”

สายตาของขุนนางหลายคนเต็มไปด้วยความกระหายหลังได้ยินสิ่งที่อันฮัลท์พูด หากแฟแลงซ์สามารถเข้าถึงตลาดโลกใหม่เหมือนกับพวกสมาพันธ์การค้าได้ พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์จากสินค้าโลกใหม่สูงสุด เพราะไม่มีการผูกขาดจากสหจักรวรรดิอีกต่อไป

“สยบราชสีห์แดนเหนือที่เถลิงในอำนาจ”

สิ้นเสียงของชายหนุ่มทุกคนต้องก็มองเขาด้วยสายตาที่จริงจังกันมากกว่าเดิม การยับยั้งควบคุมสิงโตตอนเหนือคือสิ่งที่ มหาอำนาจอย่างพวกเขาทำมาหลายปี หากทำสำเร็จลีโอเนียจะหยุดความก้าวหน้า และสมดุลอำนาจก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“อัครมุขนายก… ท่านคิดเห็นเช่นไร” กษัตริย์แห่งแฟแลงซ์กล่าวกับชายชราข้างๆ ซึ่งก็ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว “นี้เป็นโอกาสอันดีที่ท่านจะได้แก้ไขชื่อเสียงของท่าน” ทั้งสองหันหาชายหนุ่มและกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่เป็นมิตร

“แฟแลงซ์จะเข้าร่วมสงครามไปพร้อมกับอาเรน่า และอาริกาเซีย” 

……

.

.

.

.

.

.

เมืองท่าเบอร์เกน สหจักรวรรดิลีโอเนีย 24 พฤษภาคม ศักราชอองโทราลที่ 3929

ความวุ่นวายได้มาถึงอัญมณีแห่งสหจักรวรรดิ ครองขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยเรือเล็กเรือน้อย สัญจรไปมาพลุกพล่าน และนอกจากเรือของชาวบ้านก็เป็นทหารเรือที่วิ่งไปมาระหว่างสะพานข้ามครอง นางเงือกและมนุษย์ครึ่งสัตว์นํ้าก็ว่ายไปมาอย่างวุ่นวาย

“เร็วเข้า! เอาทุกอย่างลงเรือเร็วเข้า อย่าให้พวกทรยศได้มันไป!” เสียงของผู้หญิงตะโกนสั่งเสียงดัง

ทหารเครื่องแบบสีแดงเวนิสขนย้ายกล่องไม้จำนวนมากไปยังท่าเรือขนาดใหญ่ อาวุธปืน อาหารทุกอย่างถูกขนย้ายไปยังกองเรือที่จอดเรียงรายอยู่ในท่าเรือเบอร์เกน

ในท่าเรือมีเรือเหล็กที่เด่นชัดถอดสมอเรืออยู่ บนเรือเต็มไปด้วยคนแคระซึ่งเป็นช่างต่อเรือ ประชากรสำคัญของสหจักรวรรดิลีโอเนีย พวกเขาซ่อมรูโพรงช่องโหว่ขนาดใหญ่ที่ได้รับมาจากเรือธงของอาเรน่าในยุทธนาวีทะเลตอนใต้ ความเสียหายนั้นมากจนไม่คิดว่าจะสามารถลอยอยู่บนนํ้าได้ ต้องขอบคุณปาฏิหาริย์ ที่แม่มดยังคงใช้งานได้

“โรซาลินด์!?” เสียงเรียกผู้ที่กำลังตะโกนสั่งงาน

โรซาลินด์ที่อยู่ว่ายนํ้าสั่งกองทหารรักษาการณ์ของเธออยู่นั้นต้องหันไปหาเสียงที่คุนเคย

“ท่านหญิงแอเรียล!! เราดีใจที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ที่เมืองหลวงตอนนี้ย่ำแย่ยิ่งกว่า ทวีปใหม่เสียอีก! ต้องขอบคุณสำนักพิมพ์วิตอเรียของคุณหนูลีอาที่แจ้งข่าวไปทั่วดินแดน” โรซาลินด์ว่ายเข้าหาหญิงสาวจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ด้วยความเป็นห่วง

“น่าเสียดาย แต่ขุนนางหลายคนหลบหนีออกมาไม่ทัน ลีอาและคนสนิทของเราเองหนีไปยังดินแดนเอลฟ์ได้ทัน แต่นายพลส่วนใหญ่ถูกจับกุมไปเสียก่อน เราเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าจอมพลโรแลนด์กล้าที่จะใช้กำลังทหารเข้าควบคุมสภาสูง และ ราชสำนักได้รวดเร็วเช่นนี้” แอเรียลกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนล้า

เพียงแค่วันเดียวเกือบทั้งมหานครลอนดาเนียก็ตกอยู่ในมือของกองทัพ…

“พวกเราจะไปรวมตัวกันตอนเหนือสุดของลีโอเนีย ขุนนางตอนเหนือไม่ยอมสวามิภักดิ์ให้กับส่วนกลาง  เราประเมินหนอนบ่อนไส้กองทัพบกน้อยเกินไป ส่ายของเราถูกจับเกือบหมด หลังจากนี้เราไม่รู้แล้วว่าจอมพลโรแลนด์กำลังจะทำอะไร วิกฤตในครั้งนี้เราเองก็คงต้องโทษตัวเอง  สหจักรวรรดิเรากำลังถูกแบ่งแยกออกจากกัน ไม่ใช่จากภายนอก แต่เป็นภายใน… เราจะเห็นความอันตรายของชายผู้นั้นตั้งแต่แรก!”

หญิงสาวกล่าวร่ายยาวด้วยความโกรธแค้น เธอต้องการให้สหจักรวรรดิลีโอเนียยื่นยาว หาได้ใช่การแตกแยกไม่ ชายที่ชื่อโรแลนด์กลับเลือกที่จะใช้อำนาจทหารเข้าปกครองแทนราชวงศ์ เธอไม่คิดว่าจะมีกองทัพจะมีอำนาจจนคิดการยึดอำนาจการปกครองมาเป็นของตัวเองมาก่อน

“พักเรื่องคนทรยศไปก่อนเถอะท่านหญิง ท่านพ่อได้เตรียมออกเรือแล้ว กองเรือแห่งราชนาวีลีโอเนียจะต่อต้านคู่กับพวกท่าน” โรซาลินด์ชะงัก “แม้ว่าสงครามขนาดใหญ่จะทำให้พวกเราอ่อนแอ่ แต่สหจักรวรรดิลีโอเนียจะไม่พ่ายแพ้โดยไม่สู้เด็ดขาด!”

“บ้านเกิดของเรา เราจักมิยอมให้แยกออกจากกันอีกครั้ง!”

……

.

.

.

.

.

.

ออกห่างจากเมืองวอลตัน ทวีปอาริกาเซีย 29 สิงหาคม ศักราชอองโทราลที่ 3929

เส้นผมสีขาวถูกสายลมของฤดูร้อนพัดผ่าน หมวกที่เกือบหลุดออกจากหัวจนต้องนำมือมาจับเอาไว้ ในตาสีฟ้าอ่อนดุจดั่งท้องทะเลในยามเช้า ใบหน้าที่เหมือนกับหญิงสาวมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็น

ดักลาส แมรี่แลนด์ นายพลสูงสุดของกองกำลังภาคพื้นทวีป นั่งอยู่บนหลังม้าพร้อมกับนายทหารชั้นสูงอีกมากมายที่ยืนเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ กองกำลังภาคพื้นทวีปยื่นตั้งแถวรอรับกลุ่มคนที่มาจากต่างทวีป เสียงดนตรี ขลุ่ยและกลอง จากโลกเก่าดังทั่วสนามหญ้า ม้าศึกลากปืนใหญ่ตามมาเป็นแถว ด้านหน้าเป็นธงสีนํ้าเงินเข้มโดยมีภาพตราสัญลักษณ์รูปมงกุฎที่ถือด้วยนางฟ้า ซึ่งอยู่คู่เคียงข้าง ธงสีขาวสะอาดพร้อมสัญลักษณ์ตัดผ่านสีแดงเวนิส

“เตรียม! หยุด!” เสียงของขุนนางทหารที่เดินอยู่แถวหน้าสั่ง ก่อนที่กองกำลังทั้งหมดจะหยุดนิ่ง

ดักลาสกระโดดลงจากอาชาของตัวเอง และเดินไปข้างหน้า เพื่อรับมิตรคนใหม่ เสียงรองเท้าดัง หญิงงามเดินออกมาจากกองทหารของเธอ เส้นผมสีบลอนด์ทองเหมือนกับดวงอาทิตย์ในฤดูร้อน ชุดเกาะอัศวินเงินสว่างไสว

“มิราเบลล์ เดอ ฟลอริเต้” ดักลาสถอดหัวไทรคอร์และก้มตัวอ้าแขนตามขนบธรรมเนียมของอาณาจักรแฟแลงซ์

มิราเบลล์ก้มหัวให้ดักลาสเล็กน้อย ซึ่งทำให้หลายคนตกใจอย่างมาก การที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ให้ความเคารพนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากอย่างมาก ซึ่งความจริงมิราเบลล์ให้ความเคารพชายตรงหน้า ก็เพราะสงครามทูเดีย ในตอนที่เธอปิดล้อมกำลังของดักลาส เธอได้สังหารและกล่าวว่าคนของชายตรงหน้าว่าเป็นนอกรีต เธอยังคงไม่ลืมความผิดที่สังหารคนสนิทของชายตรงหน้าไม่ว่าจะเป็น ชายที่ใช้ดาบทะลวงแนวป้องกันแม้ว่าจะถูกยิงหลายนัด หรือแม้คนที่ยอมตายหน้ากำแพงเมือง

“ขอต้อนรับสู่โลกใหม่ครับ ท่าน.. เจ้า.. ข้า..”

“พระเจ้าทรงโปรด! หยุดพูดเช่นนั้นเถิด เรียกมิราเบลล์เฉยๆ เราไม่โทษท่านหรอก” เธอชะงัก “เราก็มาตามสัญญาที่ได้ให้เอาไว้แล้ว ท่านนายพล ดักลาส แม้ว่าเราจะเสียกองเรือบางส่วนไประหว่างข้ามทะเล ต้องขอบคุณจักรวรรดิอาเรน่าที่ช่วยการเดินเรือเป็นไปอย่างราบรื่น” มิราเบลล์กล่าวอย่างยินดี มีจำนวนคนตายจากการเดินทางน้อยอย่างมาก

“เราหวังว่า สิ่งที่พูดกรอกหูเราทุกวัน ท่านจะทำมันสำเร็จให้จงได้ เพราะหากแฟแลงซ์เป็นอะไรไป ท่านเองก็สัญญากับเราว่าท่านจะมาช่วยเราเสมอ… เพราะงั้นแล้ว เราจึงได้มาช่วยเหลือท่านภายในวันนี้” เธอกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่ไม่จริงจัง ซึ่งก็ทำให้ชายหนุ่มหน้าหวานต้องกล่าวออกมาด้วยความรวดเร็ว

ถ้าติดหนี้แล้ว ก็ต้องชดใช้ สินะครับ?

ดักลาสหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ทั้งสองยื่นจับมือด้วยกัน มันมิตรภาพระหว่างสองขั้วที่แตกต่างได้เกิดขึ้นแล้ว กระแสลมพายุกำลังเปลี่ยนทาง ลมเป็นใจให้เรือได้แล่นผ่านทะเลที่วุ่นวาย กองพิเศษแฟแลงซ์เดินทางมาถึงอาริกาเซียด้วยยุทโธปกรณ์ทหาร มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของอาริกาเซีย…


0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด