ตอนที่แล้วCD บทที่ 276 เหล่าเสี้ยนหนาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 278 ยิมปราณก้นเหว

CD บทที่ 277 ยิมอะไร?


หลี่เบ่ยหนียังบอกจ้าวหยู่อีกว่าทางสำนักงานเมืองได้ส่งทีมเฉพาะกิจเพื่อดูแลคดีธุรกรรมอำพรางโดยเฉพาะ สำหรับคดีปล้นธนาคารฉินชาน พวกมันไม่อยู่ในความสนใจของพวกเขา

ดังนั้น ทางรองหัวหน้าหลันบอกเหมี่ยวอิงว่าให้ทางแผนกสืบสวนมุ่งเน้นไปที่คดีปล้นธนาคาร ในขณะที่พวกเขาดูแลอีกคดีหนึ่ง

จากสิ่งที่พวกเขาได้ยิน นี่เป็นทีมเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาไม่ใช่ตำรวจที่มาจากทางสำนักงานเมือง แต่บางคนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ย้ายมาจากสาขาอื่นในฉินชาน

ก่อนหน้านี้เนื่องจากการไขคดีลักพาตัวเมียนหลิงทำให้สาขาหรงหยางมีชื่อเสียง แน่นอนว่าคนเหล่านี้อิจฉาพวกเขา หรือแม้แต่เกลียดชังพวกเขา ดังนั้นพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมเฉพาะกิจเพื่อไขคดีธุรกรรมอำพรางนั้นจะทำทุกอย่างเพื่อไขคดีให้ได้ นอกจากจะได้รับรางวัลและเกียรติยศจะกลับไปที่สาขาของพวกเขาแล้ว มันยังทำให้สาขาหรงหยางเจียมเนื้อเจียมตัวต่อไปด้วย!

ดังนั้น สิ่งที่หลี่เบ่ยหนีพูดมานั้นไม่ได้ผิด หากทีมเฉพาะกิจไขคดีก่อนหน้าพวกเขาได้ มันจะทำให้สาขาหรงหยางต้องอับอาย

หลังจากวางสาย จ้าวหยู่ต้องการโทรหาเหลียวจิงชานเพื่อสอบถามเขา แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนใจเพราะเขาเข้าใจว่าสถานการณ์ภายในสาขาหรงหยางไม่มั่นคงเหมือนกับตอนที่พวกเขากำลังสืบสวนคดีลักพาตัวเมียนหลิง ตอนนี้พวกเขาไม่มีกำลังเพียงพอที่จะจัดการคดีใหญ่สองคดีพร้อมกัน

นอกจากนี้ รองหัวหน้านั่งในตำแหน่งหัวหน้าสถานี ในขณะที่หัวหน้าแผนกสืบสวนถูกแทนด้วยหัวหน้าทีม หัวหน้าสถานีต้องการออกจากตำแหน่ง หัวหน้าแผนกถูกทุบตีและหัวหน้าทีมของทีม A ถูกพักงานเนื่องจากอาการบาดเจ็บของเขา

เนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง มันจึงไม่แปลกที่ทางสำนักงานเมืองจะตัดสินใจจัดตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมา

บางทีผู้นำต้องการช่วยแบ่งเบาภาระของสาขาหรงหยาง แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้ามแทน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศในสาขาหรงหยางตึงเครียดมากขึ้น

สำหรับตำรวจในทีมเฉพาะกิจ พวกเขาคิดว่าแผนกสืบสวนสาขาหรงหยางมีสภาพวุ่นวายวิ่งไปมาเหมือนไก่หัวขาด พวกเขาจึงคิดว่าจะสามารถเอาชนะสาขาหรงหยางได้อย่างง่ายดายในการไขคดีธุรกรรมอำพรางสำเร็จก่อน!

จ้าวหยู่ไม่คิดมากในเรื่งอนี้ แต่รู้สึกตื่นเต้นแทน นี่คือสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด การไขคดีภายใต้ความกดดัน หากไม่มีแรงกดดัน ย่อมไม่มีแรงจูงใจ ดังนั้น การก่อตัวของทีมเฉพาะกิจจึงทำให้จ้าวหยู่ตื่นเต้นและมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะไขคดีนี้!

นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ได้มุ่งหน้ากลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อต่อปากต่อคำกับทีมเฉพาะกิจ แต่ยังคงสืบสวนพ่อค้าตลาดมืดต่อไป

สำหรับอาชญากรที่เป็นพ่อค้าในตลาดมืด จ้าวหยู่จะรับมือได้ง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับตำรวจคนอื่น ๆ นั่นเป็นเพราะเขาเคยมีส่วนร่วมในธุรกิจแบบนั้นมาก่อนในชีวิตที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับขั้นตอนทั้งหมดเป็นอย่างดี

จ้าวหยู่รู้ว่าวิธีที่ดีที่สุดในการตามหาพวกพ่อค้าตลาดมืด

สำหรับพวกพ่อค้าตลาดมืด พวกเขาจะแบ่งลูกค้าเป็นระดับล่างกับระดับบน

ระดับล่างหมายถึงพวกขโมยและโจร คนเหล่านี้รู้ว่าจะต้องเอาของที่ขโมยมาไปขายได้ที่ไหน ถ้าหากจ้าวหยู่จับพวกโจรมาและรีดข้อมูล เขาก็จะสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดายว่ารังของพ่อค้าตลาดมืดอยู่ที่ไหน

ระดับบนหมายถึงคนรวยที่ชอบสะสมและพวกลูกหลานของตระกูลร่ำรวย คนเหล่านี้เป็นลูกค้าหลักของพ่อค้าในตลาดมืด จ้าวหยู่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพ่อค้าตลาดมืดได้จากพวกเขาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้มีสายสัมพันธ์ที่แน่นเฟ้น พวกเขายอมติดติดคุกมากกว่าจะยอมคายข้อมูล มันต้องมีลูกเล่นพิเศษบางอย่างที่ทำให้พวกเขายอมพูดออกมา

สิ่งที่จ้าวหยู่ทำในชีวิตที่แล้วก็คือ การใช้กลอุบายพวกระดับล่างซึ่งคนแบบนี้เหมาะสมสำหรับรีดเอาข้อมูลมามากที่สุด

หลังจากตัดสินใจแล้ว จ้าวหยู่บอกเหลียงฮวนให้กลับไปในธนาคารเพื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิดและค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมในห้องนิรภัย ส่วนจ้าวหยู่ไปหาแหล่งข่าวที่รู้เรื่องพวกนี้

คนแรกที่จ้าวหยู่นึกถึงคือหงจื้อเทาซึ่งอยู่ในคุก ผู้ชายคนนี้ที่เรียกตัวเองว่าลูกพี่หงซึ่งปกครองทั่วถนนชาไห่ เขาคงจะรู้ว่าพ่อค้าในตลาดมืดในระแวกนี้เป็นใคร

นอกจากนี้ เขาถูกคุมขัง ดังนั้นจึงง่ายที่จะสอบปากคำเขา ถ้ามันไม่ได้ผล จ้าวหยู่ก็มีเครื่องจับเท็จล่องหนอยู่แล้ว เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมบอกความจริง

เมื่อจ้าวหยู่ได้ตัดสินใจแล้ว เขาขับรถไปที่เรือนจำ ในขณะที่เขาติดต่อทำเรื่องกับทางเรือนจำเพื่อสอบปากคำนักโทษ จู่ ๆ โทรศัพท์ของเขา มันก็ดังขึ้นมา มันเป็นสายของชายผมทอง โจวหยาง

ในตอนแรก จ้าวหยู่ต้องการถามโจวหยางและแก๊งของเขารู้เกี่ยวกับพ่อค้าตลาดมืดหรือไม่? แต่หลังจากคิดไปคิดมา เขาก็ตระหนักว่าพวกเขาทั้งหมดยากจน พวกเขาจะไม่มีทางเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มีเงินสะพัดจำนวนมหาศาลอย่างนี้ได้

เขาจึงไม่คาดคิดว่าโจวหยางจะเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาแทน บางทีอีกฝ่ายอาจเจออะไรบางอย่างมาก็ได้

“ฮัลโหล ลูกพี่” โจวหยางดูตื่นเต้นมากทางโทรศัพท์ “ผมมีข่าวดีมาบอก ลูกพี่ต้องการลงทุนใช่ไหม? เราเจอของดีเข้าให้แล้ว ลูกพี่ไม่ต้องกังวลไป มันเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่ลูกพี่ต้องการแน่นอน!”

จ้าวหยู่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เมื่อเขาได้ยินข่าวดีครั้งแรก หัวใจของเขาเริ่มสูบฉีด แต่เมื่อเขาได้ยินว่าเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ เขาก็เริ่มท้อแท้

“มันเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้!” โจวหยางกล่าวด้วยความกระตือรือร้น "จางปา เพื่อนของเจ้าโล้นกำลังทำงานอยู่ที่ยิมแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็รู้มาว่าทางเจ้าของต้องการขายยิมในราคาถูกมาก! ลูกพี่ นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ผมได้ยินมาว่ายิมทำเงินได้มหาศาล!"

‘ยิม! ทำไมถึงมียิมแบบนั้นโผล่ออกมาอย่างดื้อ ๆ อย่างนี้?’ จ้าวหยู่คิด

ความคิดของเขาถูกครอบงำโดยคดีนี้ และเขาไม่สนใจการลงทุนในเวลานี้ เขาปฏิเสธโจวหยางโดยกล่าวว่า

"ตอนนี้ฉันไม่ว่าง ไว้เราค่อยพูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง!"

“เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน ลูกพี่! ลูกพี่ฟังผมก่อน!” โจวหยางพูดอย่างร้อนรน “เป็นเพราะเจ้าของต้องการขายมันภายในวันนี้ ผมได้ยินมาว่าเขามีปัญหาทางการเงินและเขาต้องการเงินตอนนี้ ไม่เช่นนั้น เราจะไม่มีทางได้ข้อเสนอดี ๆ แบบนี้แน่นอน!”

“อะไรนะ? วันนี้?” จ้าวหยู่สบถ "แม่งเอ๊ย พวกเขารีบขายขนาดนี้ ราคาของมันคงไม่ต้องพูดถึง"

“ก็บอกแล้วไงลูกพี่!” โจวหยาวกล่าวต่อ "การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าอย่างแน่นอน แม้ว่าลูกพี่จะซื้อเพื่อขายต่อ ลูกพี่จะสามารถได้กำไรเป็นสองเท่าได้อย่างง่ายดาย ลูกพี่เคยได้ยินชื่อห้างหัวเป่ยมั้ย? มันเป็นห้างที่มีพลุกพล่านที่สุดในฉินชานซึ่งยิมมันอยู่ชั้น 5 ของห้าง หากลูกพี่ซื้อมันในตอนนี้ พวกมันจะเป็นของลูกพี่ทันที

แล้วอีกอย่าง พวกเขาขายมันเพียง 2.5 ล้านเท่านั้น! โดยราคามันได้รวมพวกเครื่องออกกำลังกายและทุกอย่างอื่น ๆ ไว้ทั้งหมดแล้ว ลูกพี่คิดดูสิ มันคุ้มค่ามาก”

“อะไรวะ!” จ้าวหยู่ถ่มน้ำลาย " 2.5 ล้าน! ไอ้โง่! ของแบบนี้มันจะหล่นจากฟ้าได้ได้ยังไง ถ้าสัญญาไม่หมดอายุ มันก็ต้องมีปัญหาบางอย่างแน่ ๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะขายถูกขนาดนี้!"

จ้าวหยู่ไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจยิม แต่เขาคุ้นเคยกับห้างหัวเป่ยเป็นอย่างดี สโลแกนของห้างคือ

‘อย่าขอสิ่งที่ดีที่สุด แต่ขอสิ่งที่แพงที่สุด!’

สิ่งที่ขายในห้างนั้นเป็นสองเท่าของราคาตลาด ทุกคนที่ไปห้างหัวเป่ยก็ดูเย่อหยิ่งพอ ๆ กับนกยูง การบริหารยิมที่เต็มไปด้วยคนแบบนั้นต้องเป็นธุรกิจชั้นยอดอย่างแน่นอน ดังนั้น การที่ราคาขายอยู่ที่ 2.5 ล้าน มันจึงไม่ต่างจากได้รับโชคลาภจากท้องฟ้า

“ลูกพี่ บางครั้งเรื่องแบบนี้มันก็ไม่มีบ่อย ๆ!” เจ้าโล้นกล่าว "มีนักลงทุนจำนวนมากที่ได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือนี้และขณะนี้กำลังรีบไปที่ห้างหัวเป่ย เราไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถปิดข้อตกลงก่อนคนอื่น ๆ หรือเปล่า? แม้ว่าลูกพี่จะรู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่อย่างน้อยลูกพี่น่าจะแวะมาดูสักหน่อยก็ยังดี”

จ้าวหยู่ต้องการปฏิเสธ แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาได้รับคำทำนายว่า ‘Gen-Dui’ ในวันนี้

‘จริงสิ! อาจมีโชคลาภรอฉันอยู่ ฉันจะได้รับโชคมากกว่านี้ไหมถ้าฉันไปที่ห้างหัวเป่ย…’ เขาคิดกับตัวเอง

“เอาล่ะ! รอฉันที่ทางเข้านะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปหา!” หลังจากที่จ้าวหยู่วางสาย เขาก็หันรถไปอีกทาง และขับไปที่ห้างหัวเป่ย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด