ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 21 หมิงเยว่โกรธเกรี้ยว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 23 เย่ชิวจากสำนักเยียวยาสวรรค์

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 22 แบบนี้ก็ได้หรือ


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 22 แบบนี้ก็ได้หรือ

“พี่สาวเป็นอะไรไปหรือ ท่านดูไม่ดีเลยนะ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่” เย่ชิวถามทั้ง ๆ ที่รู้คําตอบอยู่แล้ว ทว่าเขากลับรู้สึกสบายใจมากเมื่อเห็นหมิงเยว่ต้องทนทุกข์ทรมาน ต้องบอกก่อนว่าแม้ว่าซวนเทียนเจินเหรินจะเสียชีวิตหลังจากสั่งสอนเย่ชิวเป็นเวลาสามวัน แต่สมบัติที่เขาทิ้งไว้ให้เย่ชิวก็มีประโยชน์มากเช่นกัน

เพยงแค่จี้นี้อันเดียวก็เพียงพอที่จะทําให้หลิวรู่หยานตื่นเต้นแล้ว สิ่งนี้ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับเย่ชิวมากนัก อย่างไรก็ตามการใช้มันเพื่อเป็นของขวัญแก่ศิษย์นั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างดีไม่น้อย

หมิงเยว่จ้องมองเขาอย่างดุร้ายและเดินจากไปด้วยความโมโห

หลิวรู่หยานกำลังดีใจเป็นอย่างมากมาก ขณะที่นางมองดูอาจารย์ของนางจากไปนางพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “อาจารย์ลุงข้าขอตัวก่อน! ข้าจะไปเยี่ยมขุนเขาเมฆาม่วงเมื่อข้ามีเวลาในภายหลัง” หลิวรู่หยานขยิบตาอย่างน่ารักน่าชัง

“เอาล่ะ เจ้าสามารถมาเยี่ยมข้าได้ตลอดเวลา”

หลิวรู่หยานถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าขอัว ลาก่อนอาจารย์ลุงเย่” นางโบกมือและวิ่งตามหมิงเยว่ไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะนั้นเอง

[ ติ๊ง...]

[ ท่านมอบสมบัติชั้นสูงจี้ดอกบัวแก่ลูกศิษย์ของท่าน ได้กระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่า ]

“หืม มันได้ผลด้วยหรือ” เย่ชิวรู้สึกขบขันอยู่บ้าง หลิวรู่หยานไม่ใช่ลูกศิษย์ของเขา แล้วนางจะกระตุ้นระบบได้อย่างไร

“ระบบเจ้าเข้าใจผิดหรือไม่”

[ โฮสต์ระบบนั้นถูกต้องเสมอ ]

[ หลิวหรู่หยานเป็นศิษย์ของสำนักเยียวยาสวรรค์ และสำนักที่โฮสต์เลือกก็เป็นสำนักเยียวยาสวรรค์เช่นกัน ]

[ ศิษย์คนใดก็ตามของสำนักเยียวยาสวรรค์สามารถกระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่าได้เช่นกัน ]

“โอ้ เช่นนั้นเอง...”

หลังจากได้ยินคําอธิบายของระบบเย่ชิวก็เข้าใจในที่สุด

ดังนั้นเขาจึงสามารถกลั่นแกล้งคนอื่นได้! นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถไปแย่งชิงศิษย์ของคนอื่นได้ไม่ใช่หรือ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ศิษย์ แต่เขาสามารถกระตุ้นระบบตอบแทนหมื่นเท่าได้ นี่คือกำไรอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามเย่ชิวจะไม่ยอมรับศิษย์มั่วซั่ว อย่างน้อยที่สุดพวกเขาต้องมีนิสัยที่ดี เขาไม่ต้องการยอมรับศิษย์ที่มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่เช่นนั้นแล้วเขาอาจต้องได้ตามเก็บกวาดเรื่องราวที่ตามมาด้วยความยุ่งเหยิง

[ ท่านต้องการเปิดใช้งานระบบตอบแทนหมื่นเท่าหรือไม่ ]

“เปิดใช้งาน”

[ ขอแสดงความยินดี ท่านกระตุ้นการตอบแทน 100 เท่า ท่านได้รับ ชิ้นส่วนของหยกวิญญาณธรรมชาติ

“นี่... หยกวิญญาณธรรมชาติ”

เย่ชิวหยิบหยกวิญญาณออกจากระบบด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง มีแก่นแท้วิญญาณมากมายไหลเวียนอยู่ภายในหยก เขาสามารถเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะได้ด้วยการพกหยกวิญญาณชิ้นนี้ไว้กับตัว นอกจากนี้หยกวิญญาณยังมีผลของการรักษาพิษได้อีกด้วย

“น่าสนใจ! ข้าได้รับหยกนี้ในขณะที่แย่งชิงสตรีงั้นหรือ ไม่เลว ไม่เลว...”

หลังจากแขวนหยกวิญญาณไว้บนร่างกายเย่ชิวก็เหยียดเอวดูด้วยความพึงพอใจ ไม่ไกล หลินชิงจู้ได้ทำการค้นหาซากปรักหักพังที่เคยเป็นบ้านของนางและในที่สุดก็พบสิ่งของบางอย่าง

แม้ว่ามันจะไม่ได้มีค่าอะไร แต่สิ่งของเหล่านี้ได้เก็บบันทึกความทรงจำของนางกับครอบครัวไว้ เป็นสิ่งของมีความหมายต่อนางอย่างยิ่ง

เมื่อเสร็จสิ้น หลินชิงจู้มองย้อนกลับไปยังซากปรักหักพังที่เคยเป็นบ้านของนางและกลับไปยืนเคียงข้างเย่ชิว

“ท่านอาจารย์ ไปกันเถอะ”

เย่ชิวไม่รีบร้อน เขาถามว่า “เจ้าไม่ค้นหามากกว่านี้หรือ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าจะได้กลับมาอีกเมื่อไหร่หากเจ้าจากไปในครั้งนี้”

หลินชิงจู้มองไปยังที่เดิมอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นว่า “ไม่เจ้าค่ะ! ท่านพ่อและท่านแม่ได้จากไปแล้วและบ้านหลังนี้ก็หายไปแล้วเช่นกัน ไม่ว่าข้าจะมองมันอย่างไรท่านพ่อและท่านแม่ก็จะไม่กลับมาอีกแล้ว การอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงเป็นการเพิ่มความโศกเศร้าของข้า”

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ”

เย่ชิวไม่ได้พูดอะไร การบ่มเพาะเซียนหมายถึงการก้าวออกจากโลกมนุษย์ เวลาที่ใช้ในการบ่มเพาะจะช่วยเจือจางอารมณ์ทั้งหมด

กลุ่มของหมิงเยว่ซึ่งอยู่ห่างไกลก็เตรียมที่จะจากไปเช่นกัน เย่ชิวยังอยากถามว่าพวกเขาจะไปที่ใดเป็นที่ต่อไป

ในขณะนี้เองผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่งก็ได้หลบหนีออกมาจากเมืองที่รกร้างว่างเปล่า

เย่ชิวคว้าชายชราคนหนึ่งไว้และถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

“ไม่ต้องถามแล้ว วิ่งเร็วเข้า มีสัตว์อสูรอยู่ข้างหลังเรา” ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนเป็นซีดเซียวราวกับแผ่นกระดาษขณะที่เขาร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว จากสีหน้าของเขาแล้วก็พอคาดเดาได้ว่าสัตว์อสูรตัวนั้นน่ากลัวเพียงใด มิฉะนั้นเขาคงไม่สติแตกเช่นนี้

เย่ชิวปล่อยชายชราหลบหนีออกไป ความเร็วที่ชายชราคนน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงเมื่อรู้สึกใกล้จะตายศักยภาพของคนส่วนใหญ่นั้นจะเพิ่มขึ้นจนน่าอัศจรรย์

เย่ชิวมองเห็นฝุ่นที่คลุ้งเต็มท้องฟ้าและพื้นดินสั่นไหวอยู่ข้างหลังชายชราเป็นอย่างดี เย่ชิวขมวดคิ้วเขาสงบลงและตั้งสมาธิ ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น

“ขอบเขตชีวาเร้นลับ! หากตัดสินจากกลิ่นอายของมันแล้ว มันควรจะเป็นทายาทเผ่าพันธุ์โบราณ!”

“อะไรกัน!” หมิงเยว่ที่เพิ่งเดินมาถึงก็กระโดดด้วยความตกใจ

คนอื่น ๆ ต่างงงงวยและถามว่า “ท่านอาจารย์ ทายาทเผ่าพันธุ์โบราณคืออะไรหรือ”

หมิงเยว่อธิบายว่า “ในโลกที่รกร้างแห่งนี้เต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วน ดินแดนรกร้างทางตะวันออกที่เราอาศัยอยู่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของภูเขาน้ำแข็ง ในส่วนลึกของดินแดนรกร้างที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขตนั้นมีเผ่าพันธุ์เลือดบริสุทธิ์และลูกหลานจำนวนมากถูกทิ้งไว้โดยเผ่าพันธุ์ทรงอำนาจในยุคโบราณ

“ทายาทเผ่าพันธุ์โบราณเหล่านี้มีพลังอำนาจมหาศาล หากอยู่ในขอบเขตเดียวกันแล้ว พวกเราผู้ฝึกตนมนุษย์ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเผ่าพันธุ์เหล่านี้ได้เลยแม้แต่น้อยเนื่องจากสายเลือดที่ทรงอำนาจของพวกมัน”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ตกใจมากและบรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นความตึงเครียดในทันที

เย่ชิสลัดความคิดของเขาและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ลำแสงหลายดวงกําลังบินเข้าหาทายาทเผ่าพันธุ์โบราณตัวนั้น

“ไปกันเถอะ!” เย่ชิวคว้ามือของหลินชิงจู้โดยไม่ลังเลใด ๆ และบินไปยังทิศทางนั้นทันที

หมิงเยว่ก็ไม่ยอมทิ้งไว้ข้างหลังเช่นกัน นางหันหลังกลับและพูดกับหลิวรู่หยานว่า “พวกเจ้าสองสามคนรีบมาตามให้ทัน! ไม่ใช่ง่ายเลยที่เราจะได้พบกับทายาทเผ่าพันธุ์โบราณ เราไม่ควรพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป”

ด้วยเหตุนี้นางจึงพาซูหยาออกไปตามด้วยหลิวรู่หยานและคนอื่น ๆ

ในขณะนั้น มีทะเลแห่งเปลวไฟกําลังลุกไหม้อยู่ท่ามกลางท้องฟ้าในดินแดนรกร้างสามร้อยลี้ วานรยักษ์กำลังตบหน้าอกของมันอย่างดุร้ายและคํารามขึ้นสู่ท้องฟ้า

มีผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันอยู่ด้านบน พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นยอดฝีมือจากสำนักเซียนและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ รวมถึงศิษย์ที่ลงมาจากภูเขาเพื่อฝึกฝน

“ฮ่าฮ่า ทายาทเผ่าพันธุ์โบราณ! ในที่สุดข้าได้พบมัน ผู้อาวุโสหวัง ผู้อาวุโสซู ตื่นตัวไว้อยู่เสมอ เมื่อวานรยักษ์ถูกล้อมรอบและบาดเจ็บสาหัสท่านจงคว้าโอกาสยึดครองกระดูกอันล้ำค่าของมันไว้” เซียวอี้กล่าวอย่างดุร้ายขณะที่เขามองไปยังวานรยักษ์ด้านล่าง

ไม่นานมานี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากเย่ชิว ทําให้เกือบกลายเป็นศพ

เพื่อความปลอดภัยเขาแล้วจึงส่งข้อความกลับตระกูลเป็นพิเศษและเชิญหวังไฮ่ ยอดฝีมือในขอบเขตชีวาเร้นลับเพียงคนเดียวในตระกูลนอกเหนือจากพ่อของเขามา

หลังจากหวังไฮ่มาเสริม นายน้อยเซียวก็รู้สึกว่าเขาสามารถเอาชนะวานรตัวนี้ได้อย่างแน่นอน บุคลิกของเขาเปลี่ยนไปเป็นบ้าคลั่งตามปกติของเขาในทันที

“เอาล่ะ ข้าจะพยายาม” ในฐานะยอดฝีมือขอบเขตชีวาเร้นลับหวังไฮ่ยังคงค่อนข้างสงบ เขามองไปรอบ ๆ และตระหนักว่ามียอดฝีมืออยู่ที่นี่ค่อนข้างมาก สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันเล็กน้อย

“หืม นั่นนายน้อยเซียวไม่ใช่หรือ ข้าไม่ได้เจอเจ้ามาสองสามวันแล้ว เจ้าช่างน่าสังเวชยิ่งนัก” ในขณะนั้นเองก็มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นในหูของเขา เซียวอี้ขมวดคิ้วทันที เมื่อมองหาอย่างเย็นชา และแล้วเขาก็พบกับใบหน้าที่เขาเกลียดชังที่สุด

ตระกูลหลินแห่งลี่หยาง หลินเฟิงศัตรูชั่วชีวิตของเขา

ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลินเฟิงเยาะเย้ยเขาทันทีที่พบกัน ส่วนใหญ่เป็นเพราะสภาพเสื้อผ้าในปัจจุบันของเขาดูไม่ดีนัก เขากลัวเย่ชิวมากจนเกือบฉี่รดกางเกง ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกและเสื้อผ้าของเขาก็ถูกเฉือนด้วยปราณกระบี่ของเย่ชิว อยู่ในสภาพที่น่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง

เซียวอี้ระงับความโกรธไว้ในใจหลังจากมองไปยังชายชราสองคนข้าง ๆ หลินเฟิง

“คิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง! ข้าต้องรักษาความสงบไว้และไม่ทำให้ตนเองตกต่ำเหมือนเจ้าบัดซบนี่” เซียวอี้ปลอบใจตนเองและให้ความเลิกสนใจหลินเฟิง

4.2 6 โหวต
Article Rating
3 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด