ตอนที่แล้วบทที่ 814 ฝ่ายไหนกันแน่?(ตอนฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 816 ไสหัวไป(ตอนฟรี)

บทที่ 815 จี้ยูเหวิน


บทที่ 815 จี้ยูเหวิน

ในห้องนั่งเล่นของห้องสวีท จี้เฟิงและคนอื่นๆนั่งลงบนโซฟา ส่วนหลิวเจ๋อจุนนั่งอยู่ใกล้กับประตูในตำแหน่งที่ไม่เด่นนัก เขาถนัดจู่โจมมากกว่าการป้องกัน ดังนั้นการนั่งตรงนี้จึงเหมาะที่สุดในการจู่โจมอย่างกะทันหัน

คนที่อยู่ข้างๆโจวเฟยเฟยเป็นหญิงสาวที่มีอายุน้อยกว่า เธอสวมชุดสูทดูเป็นมืออาชีพ ซึ่งน่าจะเป็นผู้ช่วยหรือไม่ก็เลขาของโจวเฟยเฟย

หญิงสาวรินชาให้แต่ละคนแล้วนั่งลงข้างๆ

“ทุกท่าน ฉันคิดว่าเราควรคุยกันแบบสบายๆ ไม่จำเป็นต้องให้มันเป็นทางการนัก มันจะยิ่งรู้สึกห่างเหินเข้าไปใหญ่” โจวเฟยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งกว่านั้น การได้พบกันนับเป็นชะตากรรมอย่างหนึ่งที่ถูกลิขิตมาแล้ว ฉันเชื่อในเรื่องนี้”

ซูหยวนพยักหน้าเบาๆ เธอหัวเราะและกล่าวว่า “ฉันก็เชื่อเหมือนกัน”

“ฉันก็เคยได้ยินเรื่องนี้เวลาไปสักการะที่วัดบนเกาะไต้หวัน” จี้ยูเหวินก็หัวเราะเช่นกัน

จี้เฟิงนั่งบนโซฟาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง เขาจิบชาอย่างเงียบๆ แต่สายตาของเขาเหลือบมองไปที่จี้ยูเหวินที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกอย่างเป็นธรรมชาติ

พูดตามตรง จี้ยูเหวินนับได้ว่าเป็นผู้หญิงสวยระดับประเทศที่ถูกจัดอยู่ในอันดับต้นๆได้เลยทีเดียว แต่ดูแล้วเธอน่าจะมีอายุเพียง 25 หรือ 26 ปี หรืออาจจะน้อยกว่านั้น จี้เฟิงไม่ค่อยสันทัดในการคาดเดาอายุของผู้หญิง

จี้ยูเหวินเป็นผู้หญิงที่สูงมาก ดูเหมือนว่าเธอจะสูงกว่าโจวเฟยเฟยเล็กน้อย แต่พวกเธอต่างสวมรองเท้าส้นสูงทั้งคู่ ดังนั้นจี้เฟิงจึงไม่สามารถตัดสินได้อย่างชัดเจนว่าใครสูงกว่าใครเนื่องจากความสูงของรองเท้านั้นแตกต่างกัน

ในเวลานี้มีหญิงสาวทั้งหมด 4 คน ถ้าไม่นับผู้ช่วยของโจวเฟยเฟย หญิงสาวทั้งสามคนกล่าวได้ว่าเป็นสาวงามที่ถ้าไปประกวดนางงามจักรวาลก็คงติดหนึ่งในสิบอย่างแน่นอน อันที่จริงผู้ช่วยของโจวเฟยเฟยก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่น่าเสียดายเมื่อฝูงชนที่เธออยู่ด้วยในตอนนี้กลับเป็นสาวงามที่อยู่ในอีกเลเวลไปเลย ความแตกต่างมันชัดเจนเกินไป...

แต่เมื่อพูดถึงความสวยของทั้งสามสาว ซูหยวนเป็นคนที่มีรูปร่างดีที่สุด

นูนในส่วนที่ควรจะนูน เว้าในส่วนที่ควรจะเว้า เธอเป็นหญิงสาวที่มีหุ่นอวบอัดและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวน บางทีคำว่า “สวยเซ็กซี่” อาจมีไว้อธิบายประเภทผู้หญิงอย่างซูหยวน

โจวเฟยเฟยนั้นแตกต่างจากซูหยวนเล็กน้อย รูปร่างของเธอไม่ดีเท่าซูหยวน เธอผอมและดูสูงโปร่งกว่าเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ถึงกับเป็นหญิงสาวที่ดูใสซื่อ แต่เพียงแวบแรกก็พอจะรู้เลยว่าโจวเฟยเฟยเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีความสามารถ และนี่ก็เป็นคุณลักษณะหนึ่งที่ขับเสน่ห์ของเธอได้อย่างดีเยี่ยม

ผู้หญิงเช่นนี้มักจะกระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายที่จะเอาชนะเธอ

ส่วนผู้หญิงที่ถูกจัดได้ว่าสวยงามอีกคนหนึ่งอย่างจี้ยูเหวินจากเกาะไต้หวัน เห็นได้ชัดว่าเธอคนนี้แตกต่างจากหญิงสาวอีกสองคน ความแตกต่างนี้ ส่วนหนึ่งมาจากรูปร่างหน้าตา และอีกส่วนหนึ่งมาจากบรรยากาศรอบตัวของเธอ

อาจเป็นเพราะลักษณะเฉพาะของคนไต้หวันที่ค่อนข้างจะสดใสและแสดงความเป็นตัวของตัวเองชัดเจน แต่สำหรับจี้ยูเหวินคนนี้ คำพูดและน้ำเสียงของเธอมันทำให้ผู้ฟังรู้สึกสบายใจ ซึ่งนั่นทำให้จี้เฟิงนึกถึงดาราไต้หวันบางคน

นอกจากนี้ สิ่งที่จี้เฟิงให้ความสนใจมากกว่าคือรูปร่างและหน้าตาของจี้ยูเหวิน

อย่าเพิ่งคิดว่าจี้เฟิงเป็นผู้ชายเจ้าชู้ที่มักจะใช้สายตามองรูปร่างของเพศตรงข้ามไปเรื่อย ในความเป็นจริงมีเหตุผลที่จี้เฟิงมองไปที่รูปร่างของจี้ยูเหวินโดยที่ไม่ให้ใครสังเกตเห็น

เมื่อเทียบกับซูหยวนและโจวเฟยเฟยแล้ว จี้ยูเหวินถือได้ว่ามีรูปร่างที่ดูเฟิร์มกว่า ร่างกายมีความกระชับและดูแข็งแรง ทั้งๆที่เธอเป็นคนผอม แต่มั่นใจได้เลยว่าไม่ใช่ผอมแบบอ่อนแอแน่นอน

ดังนั้นจึงมีข้อเท็จจริงหนึ่งที่จี้เฟิงพิสูจน์แล้วว่า ถึงแม้น้ำเสียงของเธอจะนุ่มนวล แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างที่เธอแสดงให้เห็นภายนอกอย่างแน่นอน

การเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจของจี้ยูเหวิน บางครั้งก็ทำให้จี้เฟิงสังเกตเห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะมีทักษะการต่อสู้ที่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แววตาของเธอที่เหมือนจะมองโดยไม่ได้ตั้งใจแต่กลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและความระมัดระวัง

‘ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา!’ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกหากผู้หญิงที่โตมาในตระกูลใหญ่และร่ำรวยจะเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้าง อย่างน้อยก็ต้องทำให้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้หากมีเหตุฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนี้มีออร่าที่รุนแรงขนาดนี้ได้ยังไง?

หญิงสาวทั้งสามคนดูเหมือนจะพูดคุยกันอย่างถูกคอ ตั้งแต่พบหน้ากันพวกเธอไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาทางธุรกิจใดๆเลย พวกเธอพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องแฟชั่นและประเพณีของสถานที่ต่างๆ

เพราะจี้เฟิงและคนอื่นๆไม่เคยไปเกาะไต้หวัน ดังนั้นคนที่กำลังพูดส่วนใหญ่จะเป็นจี้ยูเหวิน โจวเฟยเฟยมีพูดและออกความคิดเห็นบ้างสองสามคำ และแม้ว่าซูหยวนจะไม่ค่อยรู้เรื่องของเกาะไต้หวันมากนัก แต่เธอก็เป็นมืออาชีพในการสร้างบรรยากาศและการพูดคุย ดังนั้นจึงทำให้บรรยากาศในวงสนทนาเป็นไปได้ด้วยดี

“Rrrrr~!” เสียงเรียกเข้าอันไพเราะจากโทรศัพท์ดังขึ้น

โจวเฟยเฟยกล่าวขอโทษอย่างสบายๆ “ขอโทษที ฉันขอรับโทรศัพท์แปบหนึ่งนะ”

พูดจบเธอก็ลุกขึ้นและไปที่ริมหน้าต่าง หลังจากพูดโทรศัพท์ด้วยเสียงเบาๆสองสามคำแล้วเธอก็เดินกลับมาด้วยรอยยิ้ม “คุณชายจี้ ผู้จัดการซู ห้องของพวกคุณเตรียมไว้พร้อมแล้ว อยู่ในโรงแรมเดียวกันนี่ เดี๋ยวอีกสักพักจะมีคนส่งคีย์การ์ดให้พวกคุณในภายหลัง”

“ขอบคุณครับ!” จี้เฟิงพยักหน้าและยิ้ม

โจวเฟยเฟยเป็นผู้จัดเตรียมอาหารมื้อกลางวัน พวกเขาทั้งหมดกินอาหารกลางวันกันในโรงแรม และในช่วงบ่าย ในที่สุดพวกเขาก็พูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อที่เป็นจุดประสงค์หลักในการเดินทางมาที่นี่ในครั้งนี้

ในเรื่องของธุรกิจ โดยปกติแล้วจี้เฟิงจะไม่เข้าไปแทรกแซงโดยไม่จำเป็น และสำหรับสถานการณ์บางอย่างของโรงงานผลิตยา จี้เฟิงก็รู้ดีไม่เท่าซูหยวน

ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นซูหยวนและจี้ยูเหวินที่พูดคุยกัน ส่วนจี้เฟิงที่นั่งถัดจากพวกเธอก็รับฟังอย่างเงียบๆ

ตลอดเวลาที่จี้เฟิงฟังการสนทนาของหญิงสาวเหล่านี้มา เขาได้ค้นพบลักษณะเฉพาะบางอย่างของพวกเธอ หากเป็นการพูดคุยเล็กๆน้อยๆ พวกเธอจะพูดคุยกันแบบสบายๆ แต่เมื่อพูดถึงธุรกิจ จี้เฟิงก็สังเกตเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็น ซูหยวนหรือจี้ยูเหวิน พวกเธอเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน พวกเธอดูจริงจังขึ้น มีความเฉลียวฉลาด ถึงแม้ว่าใบหน้าจะยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มและแสดงน้ำใจไมตรีต่อกัน แต่จี้เฟิงก็รู้สึกได้ว่าบทสนทนานั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างตอนเช้า

ในความเป็นจริง หากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบ จะนึกขึ้นได้ว่าตำแหน่งของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกัน ซูหยวนเป็นเพียงผู้จัดการของโรงงานเซียวฟามาซูติคอล และถึงแม้ว่าจะเป็นธุรกิจที่ร่วมมือกัน แต่ซูหยวนก็ต้องมั่นใจว่าไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ปจะเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุดของโรงงานเซียว!

ส่วนทางจี้ยูเหวินก็ต้องทดสอบให้แน่ใจด้วยเช่นกัน เพราะถ้าหากจะร่วมมือกันจริงๆ แค่ค่าธรรมเนียมอย่างเดียวก็เป็นจำนวนที่ไม่น้อยแล้ว ในฐานะรองประธานของไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ปแห่งไต้หวัน จี้ยูเหวินที่มีหน้าที่รับผิดชอบหาจุดแข็งและจุดอ่อนของเซียวฟามาซูติคอลก็ต้องเต็มที่และจริงจังกับมัน และต้องหาว่าคังหยวนสลิมมิ่งพาวเดอร์จะเปิดโอกาสทางการตลาดให้กับฝ่ายเธอได้มากแค่ไหน สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นมาก

ในช่วงบ่าย ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันได้อย่างราบรื่น และต่างฝ่ายต่างก็ยื่นเจตจำนงเบื้องต้นต่อกัน

หลังจากนี้อีกไม่กี่วัน ทางไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ปจะส่งคนไปที่โรงงานเซียวฟามาซูติคอลที่เจียงโจว เพื่อทำการตรวจสอบภาคสนาม

ส่วนทางซูหยวนก็ตั้งใจว่าจะใช้ประโยชน์จากเวลาว่างของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิเพื่อไปยังเกาะไต้หวันและดูสถานการณ์โดยรวมของไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ปด้วยตาของเธอเอง

อันที่จริง ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วว่าธุรกิจความร่วมมือระดับนี้ไม่สามารถสำเร็จลุล่วงได้โดยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงระมัดระวังอย่างมาก เพราะพวกเขาไม่ต้องการที่จะมอบความไว้วางใจให้กับคนที่ไร้มนุษยธรรม

เวลาในช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าลงทุกที

“วิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหางโจวสวยมากนะคะ หากพวกคุณสนใจ ฉันจะพาพวกคุณออกไปเดินกินลมชมวิวกัน สนใจมั้ยคะ?” โจวเฟยเฟยแนะนำด้วยรอยยิ้ม

“ดีเลยค่ะ ถ้าอย่างฉันต้องขอรบกวนคุณโจวแล้วล่ะค่ะ ฉันเคยมาที่หางโจวหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนของหางโจวดีๆเสียที” จี้ยูเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ซูหยวนมองไปที่จี้เฟิง และเมื่อเห็นจี้เฟิงยิ้มและพยักหน้าให้ เธอจึงกล่าวว่า “ฉันอยากเห็นวิวทะเลสาบเวสเลคในตอนกลางคืนอยู่พอดีเลยค่ะ ว่ากันว่าถ้ามาที่หางโจวแล้วไม่ได้เห็นเวสเลคนั่นหมายความว่าคุณมาไม่ถึง ถ้าไม่ลำบากจนเกินไป ฉันขอรบกวนประธานโจวพาพวกเราไปดูหน่อยได้มั้ยคะ?!”

“ด้วยความเต็มใจค่ะ!” โจวเฟยเฟยหัวเราะ

ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่า จี้เฟิงและคนอื่นๆขับรถออกจากโรงแรม โจวเฟยเฟยอยู่ในรถอีกคันหนึ่งโดยผู้ช่วยของเธอเป็นคนขับ นอกจากนั้นมีผู้คุ้มกันสี่คนขับรถเมอเซเดส-เบนซ์สีดำขับนำทางตรงไปยังทะเลสาบเวสเลค

จนกระทั่งตอนนี้ จี้เฟิงพบว่าจี้ยูเหวินไม่ได้มาคนเดียว เธอนำบอดี้การ์ดมาด้วย 4 คน บวกกับผู้ช่วยอีก 2 คนรวมเป็นทั้งหมด 6 คน

เมื่อเทียบกับฝ่ายจี้เฟิงที่มีกันแค่ 3 คนแล้ว ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ในด้านกำลังคนอย่างชัดเจน

ที่สำคัญกว่านั้น บอดี้การ์ดทั้ง 4 คน ของจี้ยูเหวินดูเป็นคนที่มีความสามารถและน่าเกรงขามมาก พวกเขาทั้งหมดมีแรงกดดันที่บ่งบอกได้ว่าไม่ธรรมดา

มันทำให้จี้เฟิงยิ่งรู้สึกสับสนมากขึ้นเกี่ยวกับตัวคนของจี้ยูเหวิน แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นักธุรกิจจะมีบอดี้การ์ดอยู่ข้างกาย แต่ขนาดคนที่เป็นระดับใหญ่ยังมีบอร์ดี้การ์ดมืออาชีพแค่คนหรือสองคน นอกนั้นหากเป็นนักธุรกิจระดับกลางๆจะเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หาได้ทั่วไป

แต่บอดี้การ์ดทั้ง 4 คนของจี้ยูเหวินล้วนเป็นคนแข็งแกร่ง จี้เฟิงสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่แวบแรกที่ห็น และรูปร่างของพวกเขาก็ใหญ่โตน่าเกรงขามไม่น้อย

และสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของจี้เฟิงมากที่สุดคือดวงตาที่เคร่งขรึมของบอดี้การ์ดทั้ง 4 คนของจี้ยูเหวิน ซึ่งมันค่อนข้างแปลกนิดหน่อยเพราะพวกเขาไม่มีออร่าของทหารอยู่บนร่างกายเลย

…จบบทที่ 815~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด