ตอนที่แล้วCD บทที่ 273 ผู้ต้องสงสัยทั้ง 16 คน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปCD บทที่ 275 พ่อค้าตลาดมืด

CD บทที่ 274 สายธารแห่งหยาดน้ำตา


ตอนกลางคืน จ้าวหยู่ไม่ได้ทำงานล่วงเวลากับเจ้าหน้าที่สอบสวนคนอื่น ๆ ในสถานีตำรวจ และเขาไม่ได้ทำการสอบสวนที่เกิดเหตุอีกด้วย เขาต้องการกลับบ้านเพื่อไปพักผ่อน

พวกเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างคุ้นเคยกับพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของจ้าวหยู่จึงไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ ส่วนเหมี่ยวอิง เธอไม่ต้องการเปลืองแรงเพื่อที่จะลากเขากลับมาทำงานต่อ

อันที่จริง จ้าวหยู่ไม่ได้ตั้งใจจะไปพักผ่อน แต่ต้องการเวลาอยู่คนเดียวเพื่อพิจารณาคดีอย่างรอบคอบ แม้ว่าเขาจะเป็นนักเลงชอบความวุ่นวาย แต่เมื่อเขาต้องการเวลาคิด เขาชอบบรรยากาศที่เงียบสงบ เขารู้สึกว่าสถานีตำรวจแออัดเกินไปและทำให้เขาไม่สามารถโฟกัสได้อย่างเหมาะสม

หลังจากที่เขากลับถึงบ้าน เขาเปิดกระป๋องเบียร์และดึงสมุดโน้ตเล่มใหม่ออกมา เริ่มต้นวิธีการสืบสวนคดีของเขาเอง

ตั้งแต่เริ่มต้นคดีจนถึงปัจจุบัน ความรู้สึกของจ้าวหยู่เกี่ยวกับคดีได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนแรกก็ดูถูก ต่อมาก็สับสนและตอนนี้ก็งงงวย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้จ้าวหยู่ตระหนักว่าทั้งสองคดีอยู่รอบ ๆ ห้องนิรภัยของธนาคารนั้นไม่ใช่คดีปกติ

แต่ทว่า ยิ่งคดีดูยากขึ้นเท่าใด จ้าวหยู่ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเขาต้องการจะคลี่คลายพวกมันให้ได้

หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจบางอย่างแล้ว เขารู้สึกว่าสาเหตุที่คดีนี้ดูสับสนเกินกว่าความเป็นจริง สาเหตุมันมาจากพวกเจ้าหน้าที่สอบสวนคิดมากเกินไป!

เมื่อนึกถึงความคืบหน้าของคดีซึ่งแทบจะไม่มีเลย พวกเขากำลังจัดการกับทั้งคดีธุรกรรมอำพรางและคดีปล้นธนาคารฉินชานไปพร้อม ๆ กัน มันจึงทำให้พวกเขาติดอยู่กับที่และไม่ก้าวไปไหน

ในความเห็นของจ้าวหยู่ แม้ว่าคดีจะดูซับซ้อน แต่เมื่อเขาสงบสติอารมณ์และวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว มันก็จะกระจ่างขึ้นในที่สุด ตราบใดที่พวกเขาพบคำตอบของคำถามสำคัญสองข้อ

คำถามสำคัญข้อแรกคือ พวกโจรขโมยอะไรไป? อย่างที่เหมี่ยวอิงพูด ถ้าพวกตำรวจไม่รู้ว่าอะไรถูกขโมยอะไรไป พวกเขาก็จะไม่สามารถเข้าใจแรงจูงใจของการปล้นได้ ถ้าพวกเขาไม่รู้ถึงแรงจูงใจ มันก็ยากที่จะมุ่งการสอบสวนไปทิศทางไหน

คำถามสำคัญข้อที่สองคือ มีความเชื่อมโยงระหว่างคดีธุรกรรมอำพรางกับคดีปล้นธนาคารฉินชานหรือไม่?

พวกโจรจงใจเปิดเผยศพให้คนอื่นพบเจอ? หรือพวกโจรแค่บังเอิญพบศพเท่านั้น?

ถึงมันจะแยกเป็นสองคำถาม แต่พวกมันก็เหมือนจะเป็นแค่คำถามเดียวกัน ตราบใดที่พวกเขารู้คำตอบของหนึ่งคำถาม พวกเขาก็จะรู้คำตอบของอีกคำถามได้โดยปริยาย

เมื่อพวกเขารู้ว่าโจรขโมยอะไรไป พวกเขาจะรู้ว่าศพนั้นเกี่ยวข้องกับการปล้นหรือไม่?

ดังนั้น สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดก็คือ การหาคำตอบของคำถามจึงมีความสำคัญเป็นอันดับแรก!

แล้ว… พวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรถูกขโมยไป?

ไม่ต้องสงสัยเลย คนเดียวที่สามารถตอบคำถามนี้ได้คือคนที่ใช้บริการห้องนิรภัย แต่ไม่กล้ามารับของคืน คนที่ใช้บริการอาจใช้ข้อมูลเท็จ ตำรวจจึงไม่อาจตามตัวได้

ขณะที่จ้าวหยู่กำลังไตร่ตรองเรื่องนี้ ข้อความเสร็จสิ้นการผจญภัยก็ดังขึ้นในหัวของเขา อัตราการสำเร็จของเขาในวันนั้นมีเพียง 76% เท่านั้น และเขาได้รับเพียงเครื่องขยายสัญญาณล่องหนที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์อีก 1 เครื่อง

เมื่อได้ยินผลลัพธ์นี้ จ้าวหยู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ตามคำทำนายในวันนี้ เขาน่าจะได้รับข้อมูลสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับคดีนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

"แล้ว... มีอะไรขาดหายไป?" จ้าวหยู่คิดกับตัวเอง “ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า? หรือว่า...”

ทันใดนั้น จ้าวหยู่ก็ตระหนักว่าเขาพลาดอะไรไป! สาเหตุของความล้มเหลวในการผจญภัยในวันนั้นเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในช่วงนี้!

อย่างแรกเลย เขาต้องกังวลกับคำว่า ‘Kun’ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และกังวลเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนและตัวเขาเองมากเกินไป จนไม่สามารถจดจ่อกับคดีนี้ได้

แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่ได้ขาดเงิน ตอนนี้เขามีสิบล้านหยวนในกระเป๋าของเขา เขามีความมั่นคั่งและมั่นคง ดังนั้นตั้งแต่คดีปล้นธนาคารฉินชานเกิดขึ้น แม้ว่าเขาจะวิ่งหาเบาะแสทุกวัน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจในคดีมากนัก ราวกับว่าคดีไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาไม่มีสมาธิและแรงจูงใจในการสืบคดีเหมือนเมื่อก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่งเขากำลังหมดไฟ

ก่อนหน้านี้ ถ้าเขาต้องการแสดงความสามารถของเขาหรือได้รับรางวัล เขาต้องทุ่มเทพลังงานร้อยเปอร์เซ็นต์ไว้ในคดีเสมอ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทุ่มเทมากพอ เขามักจะรู้สึกว่าการไขคดีนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขามากนัก ในเมื่อเขามีเงินอยู่แล้ว เขาควรจะสนุกกับตัวเองมากกว่านี้ไม่ได้เหรอ?

เมื่อนึกถึงวันก่อนตอนที่เขานอนอยู่บนเตียงกับเหยาเจีย นึกถึงร่างกายที่เย้ายวนของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

‘ใช่แล้ว! ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ฉันชดใช้บาปทั้งหมดที่ฉันทำไปหมดแล้ว! ตอนนี้ฉันแค่ทำงานเพื่อทำให้ชีวิตที่สองของฉันดีขึ้นเท่านั้น!

ตอนนี้ ฉันมีเงินและก็มีชีวิตที่มั่นคง ต่อไปฉันจะหาบ้าน รถยนต์และเริ่มต้นหาแฟน’ เขาคิด

‘ถ้าพูดถึงเรื่องแฟน ฉันควรเลือกใครระหว่างเหยาเจียหรือเหมี่ยวอิงดี? ทั้งสองคนเป็นสาวงามระดับแนวหน้า แต่คนหนึ่งอ่อนโยนและจิตใจดี ในขณะที่อีกคนกล้าหาญและร้อนแรง ฮิฮิ ทั้งคู่มีข้อดีและข้อเสีย ถ้าฉันสามารถขึ้นเตียงกับพวกเธอได้พร้อมกันล่ะก็ ฮี่ฮี่ฮี่…’

จ้าวหยู่หัวเราะคิกคักกับตัวเองและจิตใจของเขาก็ล่องลอยไป จากนั้น เขาก็ไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เบียร์ไหลลงคออย่างสดชื่น เขาดื่มเบียร์ติดต่อกันเป็นสิบขวด ตอนนี้เหลือเบียร์ในตู้เย็นไม่กี่ขวดแล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น

มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าบ้านไหนเลี้ยงไก่ แต่ทันทีที่รุ่งสาง ไก่ก็ขันตอนเช้า

เอ้กอี๊เอ้กเอ้ก!"

จ้าวหยู่ถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงไก่ขัน เขาเอาหมอนปิดหูของเขาอย่างหงุดหงิด แต่หมอนเพียงใบเดียวจะขวางกั้นเสียงไก่ขันได้อย่างไร?

‘หนอย! ไอ้ไก่เฮงซวย!’

จ้าวหยู่ลืมตาและลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนที่เขาจะเห็นกระป๋องเบียร์ว่างเปล่ารอบตัวเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาดื่มคนเดียวมากขนาดนี้เมื่อคืน

เนื่องจากเขานอนไม่หลับอีกต่อไป เขาอาจจะไปทำงานหลังจากนี้ เมื่อผ่านไปอีกคืน คดีจะมีคืบหน้าอีกไหม? เหมี่ยวอิงและคนอื่น ๆ ทำงานกันตลอดทั้งคืน พวกเขายังจะฝืนทำงานต่อไหวไหม?

เมื่อคิดได้อย่างนั้น จ้าวหยู่ก็เริ่มแต่งตัวและพร้อมที่จะไปทำงานอย่างสดใสและในตอนเช้าตรู่

ก่อนที่เขาจะออกจากห้อง จู่ ๆ เขาก็นึกถึงสมุดบันทึกของเขาเมื่อคืนก่อน เขากลับไปที่ห้องนอนและเก็บสมุดโน้ต เขาตั้งใจจะวางแผนวิเคราะห์ต่อจากเมื่อวาน

ทันใดนั้น ขณะที่เขาหยิบสมุดโน้ตขึ้นมา เขาก็เห็นอะไรบางอย่าง มันเป็นสมุดปกเหลืองที่หัวหน้าจินมอบให้เขาซึ่งถูกเขาโยนลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ

เขาก็จำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้พลิกดูสมุดบันทึก ห้าคดีดังถูกบันทึกไว้ในสมุดปกเหลือง ทุกคดีถูกสอบสวนโดยหัวหน้าจินเป็นการส่วนตัว ไม่เพียงแต่คดีจะยังไม่คลี่คลายเท่านั้น แต่คดีแต่ละคดียังโหดร้ายและนองเลือดอีกด้วย

ยกตัวอย่างคดีสังหารหมู่ภูเขาฮัวหยุน เหยื่อเป็นซีอีโอของบริษัทที่มีชื่อเสียง ครอบครัวของเขาทั้งห้าคนถูกสังหารหมู่ในบ้านของพวกเขาเอง ความโหดร้ายของคดี ไม่ว่าใครที่อ่านข้อมูลของคดีก็ต้องสะเทือนใจ!

เมื่อมองไปที่สมุดปกเหลืองที่ถูกโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ จ้าวหยู่ก็หยิบมันขึ้นมาและมองดูมันอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขาปัดฝุ่นออกจากหน้าปกของสมุดปกเหลือง เขาก็เห็นข้อความบรรทัดเล็ก ๆ บนหน้าชื่อสมุดบันทึก จากลายมือเขาสามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นลายมือของหัวหน้าจินซึ่งมันถูกเขียนว่า

‘เบื้องหลังทุกคดีอาชญากรรมคือสายธารแห่งหยาดน้ำตา เราไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลได้ แต่เราสามารถเช็ดรอยน้ำตาของพวกเขาได้’

“สายธารแห่งหยาดน้ำตา? ช่างคมคายจริง ๆ มันหมายความว่าอะไรกัน?” จ้าวหยู่ไม่เข้าใจคำศัพท์มากนัก แต่รู้สึกเหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน เบื้องหลังทุกคดีคือสายธารแห่งหยาดน้ำตา?

เมื่อเห็นข้อความบรรทัดนี้ จ้าวหยู่ก็จดจ่ออยู่กับมันทันที

ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงน้ำตาแห่งความโกรธเคืองที่หลี่ดันหลั่งออกมาในห้องสอบสวนและเสียงคร่ำครวญอันแสนเจ็บปวดจากครอบครัวของเหยื่อในคดีลักพาตัวเมียนหลิง จากนั้นเสียงร้องไห้ของลูก ๆ ของคูปิง แม้แต่เสียงคร่ำครวญของถังจ้าวหลงที่เมื่อเขารับรู้ถึงจุดจบที่น่าเศร้าของคนในครอบครัวของเขา

มัน… มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ… เบื้องหลังคดีทุกครั้งคือการหลั่งน้ำตานับไม่ถ้วนและครอบครัวจำนวนมากก็แตกสลาย เราไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลได้ แต่เราสามารถเช็ดรอยน้ำตาของพวกเขาได้

“ข้อความบรรทัดนี้หมายความว่าในฐานะตำรวจ แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดการก่ออาชญากรรมได้ แต่เราสามารถนำอาชญากรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของประชาชนได้” จ้าวหยู่ประหลาดใจ

“โอ้…” ทันใดนั้น จ้าวหยู่ก็เงยหน้าขึ้นมา “ใช่แล้ว แม้ว่าเราจะป้องกันอาชญากรรมไม่ได้ แต่เรายังสามารถค้นหาความจริงและให้ความยุติธรรมแก่ผู้คนได้!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด