ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 99 ฝนดาวตก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 101 การจากไปของวัวดำ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 100 ปีนผาดาบน้ำแข็ง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 100 ปีนผาดาบน้ำแข็ง

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานคว้าร่างของซวนเยว่เอาไว้ ปากของเขาอ้าแต่เขาไม่สามารถกล่าวสิ่งใด

พายุหมุนอันเกี้ยวกราดพุ่งเข้าปะทะร่างของเฒ่ามังกรทะยานและส่งกดเขาลงบนพื้น มันหมุนตัวเหมือนสว่านและทำลายพื้นจนชั้นน้ำแข็งจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้น

มังกรวายุสีขาวกลายเป็นมังกรวายุสีดำที่เกิดจากฝุ่นดิน

หินถล่มลงจากหน้าผาอย่างบ้าคลั่ง

ใบหน้าของกู่เยี่ยนหยินกลายเป็นมืดครึ้ม นางรีบมาที่นี่ทันทีที่ได้รับข่าวจากราชาหนูแต่นางไม่เคยคิดว่านางจะช้าไปหนึ่งก้าว นางมองไปที่พายุหมุ่นและตะโกน “พานางไป!”

เป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจะเสียชีวิตอย่างง่ายดายด้วยการโจมตีนี้ นางมั่นใจว่านางสามารถต่อสู้กับเขาได้โดยไม่สูญเสียความได้เปรียบ แต่การปกป้องพวกเขาทั้งสองเป็นอีกเรื่องหนึ่งอย่างสิ้นเชิง

แสงดาบพุ่งออกมาจากพายุหมุนสีดำและฉีกแยกมันออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นเฒ่ามังกรทะยานก็ลุกขึ้นมาด้วยแสงที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ทั้งหมด

“กู่เยี่ยนหยิน เจ้าไม่สามารถหยุดข้า!” เลือดไหลออกมาจากปากของชายชรา ดูเหมือนการโจมตีก่อนหน้าไม่ได้ไร้ประโยชน์มากนัก เขาได้รับบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง อย่างไรก็ตามความแน่วแน่ในดวงตาของเขาเหมือนอาวุธที่แหลมคมและส่องประกายสว่างไสว

“น่าขัน!” ตอนนี้อารมณ์ของกู่เยี่ยนหยินก็เลวร้ายไม่ต่างกัน “หมื่นมังกรสวรรค์ร่ายรำ!” ด้วยการสะบัดพัด พายุหมุนนับร้อยลูกก็พุ่งออกไปทุกทิศทุกทางแต่ทั้งหมดมุ่งตรงไปยังเฒ่ามังกรทะยาน

ทุกสิ่งที่ขวางหน้าพายุหมุนถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พวกมันฝากรอยฝังลึกไว้บนพื้นและหน้าผาหิน ต้นไม้โบราณถูกถอนรากถอนโคนและฉีกเป็นชิ้นๆ

ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ ภูเขาถล่มลงมา พื้นดินแตกแยก ทั้งหมดทำให้มันดูเหมือนวันสิ้นโลก

เฒ่ามังกรทะยานกัดปลายลิ้นและพ่นเลือดลงบนดาบของเขา

ซ่งเซียงอู๋แห่งป้อมวายุทมิฬสามารถใช้เลือดกระตุ้นการทำงานของยันต์ราชันสงครามเพื่อปลดปล่อยพลังอำนาจที่เกินขีดความสามารถของตน ดังนั้นการเคลื่อนไหวเดียวกันจากผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำย่อมเหนือชั้นกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ดาบที่ปกคลุมไปด้วยเลือดบิดเบี้ยวราวกับมีชีวิต ภายใต้แสงที่ส่องประกายขึ้น มันกลายเป็นมังกรทองยาวหลายสิบเมตร มันไม่เพียงดูเหมือนมังกรแต่มันยังเป็นมังกรที่มีกรงเล็บและเกล็ด มันสะบัดหางพุ่งเข้าปะทะพายุหมุนโดยไม่เสียเปรียบ

“ช่างมุ่งมั่นนัก!” กู่เยี่ยนหยินตกตะลึง สำหรับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ การกระทำดังกล่าวไม่ง่ายเหมือนมนุษย์ถ่มน้ำลายออกมาแต่เป็นการกระทำที่กัดกินตัวเอง พวกเขาจะไม่ใช้มันโดยไม่คิดให้รอบคอบ

มังกรทองพุ่งผ่านพายุหมุนไปอย่างต่อเนื่องขณะที่แสงสว่างของตัวมันค่อยๆเลือนลางลง

เฒ่ามังกรทะยานหยิบบางสิ่งออกมาจากแหวนของเขา “เทพพยากรณ์ทำนายไว้แล้วว่าจะมีสิ่งกีดขวางระหว่างภารกิจนี้”

“ยันต์สีม่วง!” การแสดงออกของกู่เยี่ยนหยินกลายเป็นเคร่งเครียด ท่ามกลางยันต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ยันต์สีเหลืองคือยันต์ระดับต่ำ ยันต์สีแดงคือยันต์ระดับกลาง และยันต์สีม่วงคือยันต์ระดังสูง พลังอำนาจของพวกมันแตกต่างกันมาก มีเพียงผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถสร้างพวกมันขึ้นมาได้ นอกจากนั้นพวกมันยังมีค่าใช้จ่ายสูงมาก พวกมันเป็นสมบัติหายากแม้แต่กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ นี่ทำให้พวกเขาปฏิบัติต่อพวกมันเหมือนเครื่องรางช่วยชีวิต แต่เฒ่ามังกรทะยานกลับใช้มันจริงๆ

“กรงปฐพี!” เฒ่ามังกรทะยานคำราม

หลี่ฉิงซานอุ้มซวนเยว่กระโดดลงจากหุบเขาและพุ่งไปยังผาดาบน้ำแข็ง

เสี่ยวอันติดตามไปด้านหลังอย่างใกล้ชิดแต่หลี่ฉิงซานกลับตะโกนออกไปว่า “ไปซะ อย่าตามมา!” หากกู่เยี่ยนหยินไม่สามารถหยุดเฒ่ามังกรทะยานและปล่อยให้ฝ่ายหลังไล่ล่าเขา เสี่ยวอันจะตายไปพร้อมกัน

เมื่อเสี่ยวอันปฏิเสธที่จะจากไป หลี่ฉิงซานจึงกล่าวต่อ “เจ้าหูหนวกงั้นหรือ?” เขาสะบัดมือผลักเสี่ยวอันถอยห่างออกไปหลายเมตร

เสี่ยวอันมองเขาด้วยความว่างเปล่า หลี่ฉิงซานมองย้อนกลับไป “ไปซ่อนตัวบางแห่ง อย่าออกมา!” หลังกล่าวจบคำเขาก็จากไปอย่างเด็ดเดี่ยว

หลี่ฉิงซานแบกซวนเยว่ไปยังผาดาบน้ำแข็ง แม้เขาจะออกห่างจากสนามรบมาไกลห้ากิโลเมตรแล้วแต่เขายังรู้สึกได้ถึงแสงสว่างวูบวาบที่อยู่ด้านหลัง ภายใต้ลมพายุที่โหมกระหน่ำ มือของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด

ซวนเยว่กล่าวเบาๆด้วยใบหน้าซีดขาว “ข้ามีสัตว์เลี้ยงที่ดี”

หลี่ฉิงซานตะคอก “หุบปาก! หยุดพูด!”

ซวนเยว่กล่าวต่อ “ข้ายังเป็นเจ้านายของเจ้า พูดกับข้าให้ดีกว่านี้ เจ้ามักโกรธและทำให้เรื่องยากขึ้น เจ้าเอาแต่ใจยิ่งกว่าข้า”

เขาไม่รู้ว่าตนเองวิ่งมานานเท่าใดท่ามกลางพายุหิมะ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ผาดาบน้ำแข็งก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เขามาถึงในที่สุด

มันเป็นภาพที่น่าอัศจรรย์มากแล้วเมื่อมองจากระยะไกล แต่เมื่อเขายืนอยู่ด้านล่างของสิ่งนี้ เขายิ่งตกตะลึงมากขึ้นกับฝีมือการรังสรรค์อันน่าพิศวงของธรรมชาติ เขามองไม่เห็นยอดเขาและไม่รู้ว่ามันสูงเพียงใด มันดูเหมือนกำลังถล่มลงมาที่เขา

หลี่ฉิงซานกัดฟันและยื่นมือออกไป เมื่อสัมผัสผาดาบน้ำแข็ง ความเย็นก็แผ่ซ่านเข้าไปถึงแกนกระดูกของเขา กรงเล็บอันแหลมคมของเขาสามารฉีกเหล็กเหมือนกระดาษ แต่มันทิ้งรอยขีดข่วนบางๆไว้บนผาดาบน้ำแข็งเท่านั้น ชัดเจนว่านี่ไม่ใช่น้ำแข็งทั่วไป

ซวนเยว่เปิดเปลือกตาของนาง “ในที่สุดเราก็มาถึงที่นี่ ตำนานกล่าวว่าผาดาบน้ำแข็งคือดาบศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าที่ร่วงหล่นลงมา นับตั้งแต่วันที่มันปรากฏขึ้น มันก็ไม่เคยละลาย ตรงข้าม มันแช่แข็งสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็วและขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ มันยากมากที่จะปีนขึ้นไป เจ้าไม่สามารถทำได้”

หลี่ฉิงซานตะโกน “หุบปาก! เกาะแน่นๆ!” เขาวางซวนเยว่ไว้บนแผ่นหลังและให้นางกอดคอของเขา จากนั้นเขาก็กางกรงเล็บและฝังมันเข้าไปบนกำแพงน้ำแข็ง เมื่อเขากำลังจะยกเท้าขึ้น เขาก็ตระหนักว่าพวกมันไม่ใช่เท้ามนุษย์อีกต่อไปแต่เป็นกีบเท้าเหล็ก

ผาน้ำแข็งแข็งยิ่งกว่าเหล็กและแบนราบ หากไม่มีเท้ารองรับ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไป

“เมี้ยว...!” ซวนเยว่หัวเราะอย่างไร้เยื้อใยเหมือนช่วงเวลาที่นางก่อกวนหลี่ฉิงซาน อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะของนางกลับเบาลงและเบาลง มันถูกเสียงพายุหิมะกลบไปอย่างง่ายดาย

“ตุบ!”

หลี่ฉิงซานต่อยผาดาบน้ำแข็งอย่างแรงและคุกเข่าลงกับพื้น

เขามาถึงที่นี่หลังผ่านบททดสอบที่ยากลำบากมากมาย แต่เขากลับไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีก ผาดาบน้ำแข็งเหมือนดาบขนาดมหึมาที่ทำลายความหวังทั้งหมดของเขา

‘ไม่ ข้าปฏิเสธที่จะยอมรับ!’

เขาใช้ทักษะจากเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่าอย่างเต็มที่ และราวกับปาฏิหาริย์ เท้าของเขากลายเป็นเท้ามนุษย์ แม้พวกมันจะใหญ่กว่าเท้ามนุษย์ทั่วไปและมีกรงเล็บยื่นออกมาแต่พวกมันก็ยังเป็นเท้ามนุษย์ไม่ใช่กีบเท้าวัว

เดิมทีเขาจะสามารถกู้คืนร่างมนุษย์ได้เมื่อเขาบรรลุขั้นแรกของเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่าเท่านั้น แต่ด้วยการพึ่งพาพลังใจที่แข็งแกร่ง เขาจึงสามารถเปลี่ยนมันกลับมาได้โดยไม่คาดคิด

ซวนเยว่รู้สึกประหลาดใจ “โอ้ น่าประทับใจ!”

หลี่ฉิงซานไม่มีอารมณ์เฉลิมฉลอง เขากระโดดขึ้นไปบนหน้าผาทันที “ไปกันเถอะ!”

ท่ามกลางพายุหิมะ หลี่ฉิงซานแบกซวนเยว่ปีนขึ้นไปทีละขั้น กรงเล็บที่แหลมคมของเขาจิกกำแพงน้ำแข็งไว้อย่างแน่นหนา

ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างและพยายามแช่แข็งเขา ตอนนี้เขามองไม่เห็นท้องฟ้าและมองไม่เห็นพื้นดินเช่นกัน ราวกับโลกทั้งใบเหลือพวกเขาอยู่เพียงสองคนที่กำลังทำงานอย่างหนักด้วยความขมขื่น

“มณฑลหลงโจวดีอย่างไร? จักรพรรดินีจิ้งจอกเก้าหางงดงามมากงั้นหรือ? นางงดงามกว่าราชินีแห่งความมืดหรือไม่?” หลี่ฉิงซานพล่ามไม่หยุด เขาผู้ซึ่งต้องการให้ซวนเยว่หุบปากอยู่ตลอดเวลากลับเป็นฝ่ายพูดมากในเวลานี้ ในความเป็นจริงเขาพยายามทำให้ตนเองตื่นตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำด้วยความหนาวเย็นและจบลงด้วยการร่วงหล่นลงไป

นอกจากนั้นมันยังเป็นเพราะร่างกายของซวนเยว่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ นางค่อยๆเงียบลง ปิดเปลือกตา และแขวนตนเองอยู่บนแผ่นหลังของหลี่ฉิงซาน แต่นางยังพยายามพูด “แน่นอน...งามมาก...”

เสียงของนางถูกเสียงพายุหิมะกลบไปอย่างสมบูรณ์

“รออีกเดี๋ยว ข้าจะพาเจ้าไปมณฑลหลงโจวอย่างแน่นอน!” หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างต่อเนื่อง

“ข้าอยากได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าเจ้านายเหมียวสักครั้ง...”