ตอนที่แล้วSN-ตอนที่ 37 เคลียร์ภารกิจทดสอบ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSN-ตอนที่ 39 บอสลับ (2)

SN-ตอนที่ 38 บอสลับ (1)


อัลดิช กลับไปยังจุดเริ่มต้นของภารกิจทดสอบ ตอนนี้เขาได้ใส่ชุดเซ็ท [เกรฟริปเปอร์] ครบเซ็ท โดยสวมหมวกฮูดสีเขียวเข้มเกือบออกน้ำตาลพร้อมกับหน้ากากสีทองที่ปกปิดใบหน้าของเขา มันทำให้ เขามีลักษณะที่น่าสยดสยองของเนโครแมนเซอร์โดยทั่วไป

นอกจากนี้ ชุดคลุมร่างของเขายังเป็นชุดคลุมสีเขียวเข้มในแบบเดียวกัน ซึ่งเสื้อคลุมของเขาเป็นเสื้อคลุมแบบหลวม ๆ ที่มีลายปักและตราสัญลักษณ์รูปทองคำที่เป็นริ้วพร้อมกับกะโหลกศีรษะที่ประดับอยู่ตรงหน้าอก การทอผ้านี้เป็นแบบทั่วไป แต่มันกลับเบี่ยงเบนความสนใจจนทำให้ อัลดิช ดูเหมือนกับผู้คุมสุสานได้ง่าย

แน่นอนว่าลักษณะของเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกวิญญาณที่ชั่วร้ายมากนัก หรือก็คือเขาคือตัวตนที่น่าสยดสยองท่ามกลางดินแดนแห่งความตาย

สิ่งที่มีสีสันก็คือสัญลักษณ์บนแขนของเขาเท่านั้น โดยเขาได้สวมเหล็กดัดสีทองที่เป็นรูปกระดูกและเชื่อมต่อเข้ากับส่วนต่าง ๆ อีกทั้งภายในนั้นยังมีเวทย์มนตร์ที่สลักเอาไว้และมันถูกเรียกว่า [วิญญาณอาฆาต]

ด้วยการเคลื่อนไหว อัลดิช สามารถปลดปล่อยวิญญาณอาฆาตที่มีรูปกะโหลกหลายตัวออกมาค้นหาศัตรูของเขาและสร้างความเสียหายให้กับเขา โดยมันมีโอกาส 10% ที่จะทำให้ศัตรูเสียชีวิตในทันที และ การโจมตีนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้หากไม่มีบาเรียเวทย์มนตร์ที่มีการป้องกันทางด้านจิตวิญญาณ และ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ วิญญาณแต่ละดวงสามารถสร้างเอฟเฟกต์ตายทันทีได้โดยมีโอกาส 10%

จำนวนวิญญาณที่ปล่อยได้จะขึ้นอยู่กับจำนวนเซ็ทเกรฟริปเปอร์ที่อัลดิช ครอบครอง โดยเริ่มต้นจะปล่อยวิญญาณได้ 3 ดวง แต่หากใส่เต็มชุด 5 ชิ้น จะได้รับโบนัสจนทำให้สามารถปล่อยได้ทั้งหมด 13 ดวง

ซึ่ง เอฟเฟกต์ตายทันทีก็สามารถต้านทานได้ด้วยเลเวลที่สูงกว่าหรือค่าสถานะเวทย์มนตร์ที่สูงกว่า แต่ ถ้า อัลดิช วางแผนได้ดีมากพอ และ เขาก็สร้าง [ดวงตาแห่งอาซอธ] ที่ทำให้เป็นอาวุธที่ลบล้างการต้านทานเวทย์มนตร์แน่นอนว่ามันจะทำให้ศัตรูตายในทันที

และด้วยเอฟเฟกต์นี้ อัลดิช จะสามารถฆ่า เซ็ท โซลาร์ ได้ แม้ว่าชายคนนั้นจะมีพลังที่แข็งแกร่งที่พอจะทำลายล้างพื้นที่ได้ก็ตาม

“ชุดใหม่คุณดูเจ๋งมากเลยหัวหน้า” ฟิสก์ กล่าวออกมา ขณะที่มองไปที่ อัลดิช และ กลุ่มอันเดดของเขา “มันช่างเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้ายอย่างแท้จริง”

“อืม” อัลดิช กล่าว โดยปกติแล้ว เนโครแมนเซอร์ ก็ดูเป็นพวกชั่วร้ายอยู่แล้ว

ในเวลานี้ อัลดิช ได้สั่งให้ แกสต์ หยุดใช้ความสามารถอาณาเขตของตัวเอง

“นอกจากนี้หัวหน้า คูน้ำที่อยู่ข้างหลังของพวกเรามันส่งเสียงดังมาสักพักแล้ว” ฟิสก์ กล่าวออกมา ขณะที่ชี้ไปที่ด้านหลัง

อัลดิช พยักหน้าตอบรับ “อันนี้ฉันรู้แล้ว”

โดย อัลดิช ได้ก้าวข้ามไปยังพื้นที่ที่ข้ามไปไม่ได้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะคูน้ำที่แยกภารกิจทดสอบออกจากภูเขายักษ์ โดยในปัจจุบัน คูน้ำเหล่านี้ได้ถูกระบายออกจนหมด จนเหลือเพียงแค่โคลนและดินเปียก ๆ และ ที่สะดุดตาที่สุดก็คือ ประตูกลหินทรงกลมที่มีสัญลักษณ์รูปดวงตา 3 ดวง สลักเอาไว้

“หืม” ฟิสก์มองไปที่ประตูกลด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้า ตรงนี่นี้มันใช่พวกด่านบอสลับอะไรแบบนี้ใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ทำอะไรเลย มันถึงคราวที่ผมจะได้เฉิดฉายแล้วสินะ”

“นายรั้งอยู่รอที่นี่อีกครั้ง” อัลดิช กล่าว “ต่อจากนี้มันอันตรายมากกว่าเดิม และมันเป็นอย่างที่นายพูด นี่คือด่านบอสลับ และ บอสลับนี้ก็มีความท้าทายอย่างแท้จริง ดังนั้นจงรออยู่ที่นี่โดยไม่ต้องถามอะไรให้มากความ”

“เข้าใจแล้วหัวหน้า” ฟิสก์ กล่าวพูดพร้อมกับยักไหล่

“ตอนนี้นายใช้โทรศัพท์ได้แล้ว เพราะฉันจะเอาแกสต์ไปด้วย” อัลดิช กล่าว

“เข้าใจแล้วหัวหน้า ฉันสามารถอยู่คนเดียวได้ ตราบใดที่มีโทรศัพท์ให้เล่น” ฟิสก์ กล่าวทักทาย อัลดิช “โชคดีนะหัวหน้า” จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่ แกสต์ “ฉันจะไม่คิดถึงนายหรอกนะ”

แกสต์พยายามจะประท้วงด้วยคำพูดแต่มันก็ลอยไปที่ด้านข้างของอัลดิช

“วาเลร่า เธอยังจำบอสตัวนี้ได้อยู่มั้ย?” อัลดิช กล่าวถาม

วาเลร่า ได้เดินเข้ามาพร้อมกับยกโล่ขึ้นตรงหน้าของอัลดิชพร้อมกับเตรียมพร้อมที่จะปกป้องเขาทันที “แน่นอนนายท่าน มันคือ ผู้กลืนกินจิตด้วยเวทย์มนตร์แห่งเปลวไฟที่ทรงพลัง”

“ดี ถ้าอย่างนั้นให้ทุกคนปฏิบัติตามแผนของฉัน” อัลดิช กล่าว “ให้ แกสต์ใช้ [อาณาเขตวิญญาณ] ของมัน และ เธอก็รวมมันเข้ากับ เกราะกระดูก ด้วยวิธีนี้ มันจะทำให้เราบล็อกมนต์สะกดเริ่มต้นจากผู้กลืนกินได้ และ เราก็จะจัดการมันได้ง่ายมากขึ้น”

“เอาล่ะ มาลงมือกันเลย” ไดนาไมท์ เกิร์ล กล่าวพูดออกมาและหมุนแขนของเธอเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น

“เคะ” กีสต์ เองก็พยักหน้า

“วาเลร่า เปิดประตู” อัลดิช กล่าว

“ค่ะ นายท่าน!” วาเลร่า ได้ตอบกลับ จากนั้นเธอก็ก้าวลงไปที่ด้านล่างของคูน้ำและดึงมือของเธอไปที่ประตูหินพร้อมกับยกแผ่นหินที่หนักโยนทิ้งไป

“ไปกันเถอะ” อัลดิช ได้กล่าวออกมา

==

อัลดิช และ อันเดด ของเขา ได้เดินผ่านอุโมงค์ที่ค้นพบจากประตูกล โดยอุโมงค์นี้กว้างขึ้นเรื่อย ๆ และ เมื่อพวกเขาเดินไปจนสุดทาง พวกเขาก็พบประตูบานใหญ่ที่มีหมอกที่หนาทึบ

สิ่งนี้เรียกว่า [ประตูบอส] และ ตามชื่อของมัน มันมีมอนสเตอร์ระดับบอสซ่อนอยู่เบื้องหลัง

บอสมอนสเตอร์นั้นแตกต่างจากมอนสเตอร์ทั่วไปตรงที่ค่าสถานะ พลังชีวิต และ มานาของพวกมันโดยเฉลี่ยนั้นสูงกว่าเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ มันยังมีภูมิคุ้มกันต่อการควบคุมจิตใจ ตายทันที และ เอฟเฟกต์สถานะอื่น ๆ ที่สามารถ ‘บังคับ’ ให้บอสตายภายในการโจมตีทีเดียว

และนี่เป็นส่วนนึงที่ว่าทำไมในฐานะผู้เล่น อัลดิช ถึงไม่คิดที่จะใช้เวทย์มนตร์แห่งความตายทันที

เพราะในหมู่พวกมันไม่ว่าจะเป็นมอนสเตอร์ธรรมดาหรือบอสก็มีพวกมันจำนวนมากที่มีภูมิคุ้มกันบางอย่าง ดังนั้น เขาจึงจำเป็นจะต้องวางแผนให้ดี

อีกทั้งเขายังต้องคิดให้ถี่ถ้วนเกี่ยวกับความสามารถของเขาในการใช้ผ่านภารกิจทดสอบในอนาคต เพราะนี่คือโลกแห่งความเป็นจริงที่แตกต่างจากภายในเกม

สำหรับตอนนี้ เขาสามารถชดเชยพลังที่เขาสูญเสียไปได้ด้วย รูปแต่าง ๆ รวมถึง ผู้วิวัฒที่เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริง

“เมื่อเราก้าวผ่านประตูบอส เราจะพบผู้กลืนกิน ชาร์จลูกบอลไฟขนาดใหญ่จากนั้นมันก็จะยิงออกมา ทุกคนยกเว้น ไดนาไมท์ เกิร์ล ที่มีค่าความต้านทานธาตุไฟ จะได้รับผลกระทบทั้งหมด และ นี่คือเหตุผลที่ เราจะต้องใช้ แกสต์ โดยใช้อาณาเขตวิญญาณรวมเข้ากับ [Bone Guard] ของวาเลร่าเพื่อปกป้องพวกเรา” อัลดิช กล่าว “หลังจากนั้นพวกเราก็จะลงมือและไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสชาร์จบอลไฟอีกครั้ง เข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจแล้ว นายท่าน” วาเลร่า ได้ตอบกลับ

“เข้าใจแล้วหัวหน้า” ไดนาไมท์ เกิร์ล ได้ตอบกลับ

“เคะ” กีสต์เองก็ขยับกล้ามเนื้อและเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้

“ไปกันเถอะ” อัลดิชกล่าว ด้วยหัวใจอันเดดที่เยือกเย็นของเขา มันไม่ได้เต้นแรงอีกต่อไป แต่เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างรวดเร็วผ่านในตัวของเขา มันเป็นความตื่นเต้นที่จะได้เผชิญหน้ากับบอสอีกครั้ง

ดังนั้นเขาจึงได้ก้าวเข้าไปในหมอกของประตูบอส ตอนแรกเขาก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากหมอกสีขาวหนาทึบ จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปอีกก้าว และ ทุกอย่างก็กระจ่างขึ้นจนเผยให้เห็นห้องบอส

มันเป็นห้องทรงกลมหินสีดำที่ส่องสว่างไปด้วยโคมไฟและเปลวเทียนที่งอกออกมาจากผนังหินราวกับเนื้องอก

และในตอนท้ายของห้อง ก็มีโต๊ะหินขนาดใหญ่ที่ปูด้วยหินหยาบ ๆ พร้อมกับ เศษกระดาษ หนังสือ และ ขวดแก้วจำนวนมาก รายเรียงอยู่บนนั้น

ในพื้นที่ตรงนั้นมีร่างเงาบางอย่างยืนอยู่ เมื่อมันค่อย ๆ หันหลังกลับมา มันก็เผยให้เห็นใบหน้าสีม่วงที่ดูเหมือนกับปลาหมึกยักษ์และมีหนวดที่บิดงอพร้อมกับดวงตาสีแดง 3 ดวง

มือของมันยาวและว่องไวเป็นอย่างมาก

โดยมือข้างนึงของมันได้ถือโคมไฟสีดำที่มีไฟสีแดงที่น่ากลัวอยู่ภายใน

และในอีกมือนึงมันก็ถือลูกแก้วสีแดงที่มันวาวที่มีสัญลักษณ์ที่อ่านไม่ออก

“โอ้ ชีวิตนิรันดร์ของข้า ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเข้ามาที่นี่เพื่อที่จะขโมยมันไปจากข้า!” ผู้กลืนกิน ได้กล่าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

แฟลร์กาน นี่คือชื่อของบอสตัวนี้ หลังจากที่เขายกตะเกียงขึ้น ลูกบอลไฟขนาดใหญ่มหึมาก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของเขาในทันที

ด้วยขนาดของมันรวมถึงความร้อน เห็นได้ชัดว่าถ้า อัลดิช ถูกโจมตี เขาจะถูกหลอมละลายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเขาที่มีจุดอ่อนเป็นธาตุไฟ

กีสต์เองก็สั่นสะท้านไปด้วยสัญชาตญาณของมัน หากถูกสิ่งนี้เข้าไปมันจะต้องหลอมละลายอย่างไม่ต้องสงสัย

“เดี๋ยวฉันจะลากไอ้หนวดปลาหมึกนี่ไปลงนรกเอง” ไดนาไมท์ เกิร์ล กล่าวออกมา “ฉันจะเป่าบอลไฟนั่นด้วยระเบิดของฉัน!”

“ประจำตำแหน่งไว้และทำตามคำสั่ง” อัลดิช ตะโกนออกมา “ส่วนเธอเก็บพลังไว้ให้ดีและใช้ตอนที่โอกาสมาถึง”

“มาหลบข้างหลังข้า” วาเลร่า ได้กระแทกโล่ของเธอไปด้านหน้าของทุกคน จากนั้น เธอก็ใช้ [Bone Guard] เพื่อสร้างกำแพงกระดูกที่ด้านหน้าของเธอ

จากนั้น แกสต์ ก็ใช้ [อาณาเขตวิญญาณ] โดยปล่อยหมอกควันที่หนาทึบปกคลุมร่างของ อัลดิช และ อันเดดของเขา เมื่อพวกเขาถูกห่อหุ้มเอาไว้ พลังงานที่ทนทานต่อธาตุก็ถูสกร้างขึ้น และ นี่คือ เหตุผลที่ อัลดิช เรียก แกสต์ ออกมาในตอนแรก

“จงพินาศไปพร้อมกับเปลวเพลิงนี้ซะ เหล่าผู้แย่งชิงที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์!” แฟลร์กาน ได้กล่าวออกมา จากนั้นก็โบกตะเกียงด้านหน้าเขา ทันใดนั้น ลูกบอลไฟขนาดใหญ่ก็บินตกลงมาก่อนที่จะชนเข้ากับโล่กระดูกของ วาเลร่า และ ม่านหมอกของ แกสต์

โดย อัลดิช มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแสงสว่างเมื่อเกิดการระเบิด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด