ตอนที่แล้วEp.412 - สังหารรองขุนนาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.414 - สั่นสะเทือนโลกหล้า

Ep.413 - ภาพหมู่


2/2

Ep.413 - ภาพหมู่

ในบรรดาเซนทอร์ทั้งสี่

มีตนหนึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณ ตนหนึ่งเป็นนักบวชศักดิ์สิทธิ์ สองตนนักรบ หนึ่งใช้ขวานอีกหนึ่งใช้ธนู

เป็นทีมที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีทั้งโจมตีใกล้ไกลและคนคอยสนับสนุน ยากนักหากคิดกำจัด

“รีบฆ่ามันเร็ว!”

คาถาและลูกศรบินว่อน

สร้างดาเมจระดับหนึ่งแก่ฮังอวี่ แต่ยังไม่ถือเป็นภัยคุกคาม ไม่ถึงขั้นสะกดเขาจะโงหัวไม่ขึ้น

ตอนนี้อุปกรณ์ทั้งตัวฮังอวี่เป็นสีฟ้า พลังป้องกันมหาศาล พลังรบแก่กล้าไม่ด้อยไปกว่ามอนสเตอร์ระดับทรราชย์ ไม่ใช่อะไรที่จะถูกล้มได้ง่ายๆ

ภายใต้สภาวะปลุกเลือดปีศาจ เขามีค่าความทนทานต่อสถานะผิดปกติอย่างมาก บวกกับชุดเซ็ทโบราณสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่มีโบนัสเพิ่มค่าเจตจำนง

เลยเป็นเหตุผลที่ว่า สกิลควบคุมหน่วงเหนี่ยวที่อยู่ต่ำกว่าขั้น 3 แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสะกดเขา

หลังจากเก็บของดรอป ฮังอวี่เรียกใช้จู่โจมมุมอับ ระบำเงา และคลุ้มคลั่งเข้าสังหาร หลากหลายสกิลประทังออกมา แทบจะในพริบตา ระยะห่างระหว่างสองฝั่งแคบลงมาก โผล่มาเบื้องหน้าทีมเซนทอร์

ช่างว่องไว!

ไม่ต่างจากภูติผี!

อย่างไรก็ตาม เซนทอร์ทั้งสี่ก็มีประสบการณ์ต่อสู้เช่นกัน สองตนรีบหยิบม้วนคัมภีร์ออกมา เตรียมเปิดใช้งานสกิลเตรียมป้องกัน ตรงเข้าปกป้องนักบวชศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว

สังหารลมกรดของฮังอวี่คูลดาวน์เสร็จสิ้น เขาไม่ลังเลที่จะใช้มันอีกครั้ง ทว่านี่ต่างจากครั้งก่อน คราวนี้ไม่ได้โจมตีเป้าหมายเดียว

เขากลายเป็นร่างติดตาหกสายอย่างรวดเร็ว

อันดับแรกปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าเซนทอร์และสับขวานขัดจังหวะการเปิดใช้งานคัมภีร์

จากนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเซนทอร์นักธนูที่อยู่ด้านหลัง ขัดจังหวะการโจมตีด้วยขวานเล็ก

แล้วไปโผล่ต่อหน้าเซนทอร์ผู้ใช้วิญญาณเพื่อขัดจังหวะการใช้คัมภีร์สกิล สุดท้ายมาโผล่ต่อหน้านักบวชเซอนทอร์ที่กำลังล่าถอยอย่างรวดเร็ว แทงกระบี่เข้าอกอีกฝ่าย กระตุ้นคำสาปกระดูกสามานย์ ทำให้มันเป็นอัมพาต สูญเสียความสามารถในการหลบหนี

จากนั้นฟันขวานปีศาจแมงป่องออกไปสามครั้งติด ไม่ปล่อยให้ศัตรูได้ฟื้นฟูพลังชีวิต สูบเลือดจนแห้ง สังหารตายคาที่ ดรอปไอเท็มหลายรายการ

ตอนแรกพวกมันก็รู้อยู่หรอกว่าฮังอวี่แข็งแกร่งมาก

ไม่งั้นคงไม่สามารถเอาชนะคาเล็มได้ แต่พอได้สู้กับเขาด้วยตัวเองจริงๆ พวกมันถึงค่อยเข้าใจว่าฮังอวี่ร้ายกาจแค่ไหน!

เซนทอร์นักบวชอาจไม่ทรงพลังนัก แต่พลังป้องกันไม่ต่ำต้อยแน่นอน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะถูกฆ่าตายในสามสี่กระบวนท่า!

แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของฮังอวี่ไม่ใช่พลังโจมตี แต่เป็นความเร็ว!

ความเร็วขนาดนี้!

มีแค่คาลิมัวเท่านั้นที่สามารถตอบสนองทัน!

เมื่อนักบวชเซนทอร์ตาย หน่วยสนับสนุนที่สำคัญที่สุดก็หายไป

สามเซนทอร์ไม่มีเวลาทันได้รวมกลุ่มกัน ร่างของฮังอวี่พลันสั่นไหวและกระโดดไปข้างหน้าเซนทอร์ผู้ใช้วิญญาณ ใช้สนับแขนป้องกันวงเวทย์ไฟจากศัตรู จากนั้นตวัดคมอาวุธสามสี่ครั้ง ก็กุดหัวได้อีกหนึ่งราย

ไม่อาจต่อกรได้เลย!

นักรบเซนทอร์ทั้งสองเมื่อเห็นภาพนี้ พวกมันไม่ลังเลอีกต่อไป ตัดสินใจหนีทันที

หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา แยกกันไปคนละทาง

ฮังอวี่เปลี่ยนอาวุธเรียกธนูยาวออกมา ในเวลาเดียวกันเขาตะโกนเสียงดัง “หวังเอ๋อ!”

สุนัขในโหมดหมาป่าเงาปีศาจที่ด้อมๆมองๆอยู่ไม่ไกล กระโจนออกมาทันที กระแทกเซนทอร์นักธนูล้มลง คร่อมร่างมันไว้

ฮังอวี่เปิดใช้งานศรฟ้าลงทัณฑ์ ลูกศรส่งเสียงหวีดหวิวกลางอากาศ สุดท้ายกลายเป็นลูกศรขนาดยักษ์ ไล่ตามนักรบเซนทอร์ที่กำลังหลบหนีไป

จากนั้นเปิดใช้งานศรซุ่มยิงอีกหลายดอก เล็งพวกมันปักลงตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทำให้พลังชีวิตค่อยๆลดลง เริ่มบาดเจ็บสาหัสจนเลือดลดลงเหลือ 0

และในเวลาเดียวกัน เจ้าหมาก็ฆ่าเป้าหมายสำเร็จเช่นกัน

ฮังอวี่ตรวจสอบข้อมูลของเขา และพบว่าค่าพลังจิตหายไปเยอะมาก หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด มันได้ลดลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้เอฟเฟกต์ของสกิลติดตัวเบิกค่าพลังจิต ทำให้ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการใช้สกิล

ส่วนเรื่องค่าพลังชีวิตที่ต้องใช้แลก? มันลดลงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น!

และครึ่งเดียวที่ว่าคือผลรวมจากดาเมจที่ถูกโจมตี + ปลุกเลือดปีศาจ + เบิกค่าพลังจิต!

อัตราเร็วในการฟื้นฟูของฮังอวี่น่ากลัวมาก มันสามารถเติมเต็มค่าพลังจิตแก่เขาได้ในเวลาไม่กี่นาที ขอแค่หยิบโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตขั้นกลางขึ้นดื่มสักขวด ก็สามารถหยุดการสูญเสียพลังชีวิตที่เกิดจากสกิลปลุกเลือดปีศาจได้

รวบรวมสินสงคราม

ฮังอวี่ตรวจสอบแต้มวิญญาณของเขาอีกครั้ง

สังหารเซนทอร์ไป 5 ตัว ได้รับแต้มวิญญาณกลับมา  4,000 อีกครั้ง

ฮังอวี่ไม่รีรอ รีบหยิบหนังสือโบราณออกมาอย่างไม่ลังเล อัญเชิญอสูรนรกอีกสี่ตัวติดต่อกัน

จ่ายแต้มวิญญาณครั้งละพันในคราวเดียว เพื่ออัญเชิญอสูรนรกเจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์ในเลเวล 15 ออกมา

ปล่อยให้มอนสเตอร์สร้างความโกลาหลต่อไป

เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะอสูรนรกมีความสามารถในการโจมตีทางจิตที่ทรงพลังมาก ไม่เพียงช่วยสังหารสมุนทหาร แต่ขณะเดียวกันยังคอยรบกวนการรับรู้และดึงดูดความสนใจของพวกเผ่าพันธุ์ระดับสูงในเมือง

พูดได้เลยว่าแค่ฮังอวี่คนเดียว สามารถสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่!

...

นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!

ทำไมถึงมีมอนสเตอร์โผล่ออกมาไม่หยุด!

“ท่านขุนนาง! แย่แล้ว!” หนึ่งในลูกน้องวิ่งเข้ามารายงานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ข้างนอกมีกองทัพเล็กๆบุกมาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว!”

ขุนนางเมืองรังอินทรีย์ตะลึงงัน

ตอนนี้ต่อให้มันโง่แค่ไหนก็สามารถวิเคราะห์ถึงสถานการณ์และต้นตอของความโกลาหลที่เกิดขึ้นได้

เปิดค่ายกลเขตแดน!

ต้องรีบเปิดเขตแดนป้องกัน!

อย่างไรก็ตาม ขุนนางเมืองรังอินทรีย์ยังไม่ทันได้ออกคำสั่ง เสียงกระแทกประตูเมืองก็ดังขึ้น

ประตูเมืองถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ

สายเกินไปแล้ว!

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว เจียงหนาน เสี่ยวเฉียง ลุค คริส เจ้าฟันแดง เย่โน่ ฯลฯ

ทหารชั้นยอดห้าร้อยนายจากสี่เมืองมนุษย์บุกเข้ามาได้สำเร็จ!

ทะลวงเมืองรังอินทรีย์ได้แล้ว สามารถบุกเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ!

“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”

“เพื่อมังกรคราม!”

“เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ!”

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว และลุคตะโกนเสียงดัง

ทุกคนกระจายเป็นทีมอย่างเป็นระบบ เปี่ยมไปด้วยพลัง เริ่มโจมตีอย่างมีจุดหมายไปทั่วเมืองรังอินทรีย์ด้วยความเร็วสูง!

อีกด้านหนึ่งของเมืองรังอินทรีย์ ยังเหลือสมุนทหารหลายพันนาย และเผ่าพันธุ์ระดับสูงอีกเกือบร้อย  แต่เพราะถูกอสูรนรกที่ก่อกวนไม่หยุดหย่อน ทำให้สายเกินกว่าที่จะจัดทัพ จับต้นชนปลายไม่ถูก

ฮังอวี่สังหารขุนนางเล็กลงได้อีกตนหนึ่ง

เขาเห็นพรรพวกของตัวเองวิ่งเข้ามาทางนี้

ฉูเทียนหัวฟันสมุนทหารตายไปห้านายด้วยสกิลสะบั้นต่อเนื่อง

ลุคใช้สกิลตีกระจายส่งสมุนทหารสี่นายลอยละลิ่ว

จางเสี่ยวเฉียงปลดปล่อยสกิลขั้น 3 ของเขา ฝนเพลิงโปรยปรายลงมา สมุนทหารแปดถึงเก้านายวิ่งหนีไปพร้อมๆกับยกมือขึ้นบังหัว

เจียงหนานเปลี่ยนตัวเองเป็นนักรบ ตรงเข้าหาศัตรู อาละวาดด้วยขวานและโล่ในมือ สมุนทหารหลายตนไม่มีโอกาสตอบโต้ ถูกทุบตีจนตาย

ฮังอวี่สามารถกลับมารวมตัวกับทุกคนได้อย่างราบรื่น!

“ในที่สุดก็มากันได้ซักที” ฮังอวี่กล่าว “ถึงกองทัพศัตรูจะตกอยู่ในความวุ่นวาย แต่พลังรบไม่อ่อนแอ หลังจากนี้คือศึกหนักของพวกเรา!”

ลุคหัวเราะ “ฉู นายกล้าแข่งกับฉันไหม? มาวัดกันว่าใครจะฆ่าได้มากกว่ากัน!”

ฉูเทียนหัวกล่าวอย่างกล้าหาญ “แข่งก็แข่งสิ! ทำไมฉันจะไม่กล้า!”

จางเสี่ยวเฉียงตะโกน “นับผมด้วยคน!”

คริส “ฉันก็ด้วย!”

ฮังอวี่กล่าว “งั้นแบบนี้แล้วกัน พวกเราทุกคนก็มาร่วมสนุกกันให้หมด ตอนนี้ผมฆ่าสมุนทหารไปแล้ว 88 นาย กับสายพันธุ์ระดับสูง 7 ตน ถ้าวันนี้ใครสามารถฆ่าได้เท่ากับที่ผมฆ่าครึ่งหนึ่ง ผมจะมอบรางวัลเป็นหินสกิลสีฟ้าหนึ่งก้อน!”

ทุกคน “....”

แม้ปากจะหุบเงียบ แต่ในใจมีสองประโยคผุดขึ้นมา ‘ใครจะทำได้วะ’ กับ ‘เอ็งมันไม่ใช่มนุษย์’

พวกเขาคิดหาคำอื่นเพื่ออธิบายถึงชายผู้นี้ไม่ได้จริงๆ

เรื่องรางวัลคงไม่มีทางได้แน่ๆแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความกล้าหาญของฮังอวี่ ได้สร้างแรงบันดาลใจแก่ทุกคน!

...

แล้วก็จริงดังคาด สถิติของบอสฮังไม่มีใครสามารถทำลายได้!

การต่อสู้ทั้งหมดกินเวลาราวๆ 3 ชั่วโมง

นี่ต่างจากตอนยึดเมืองเตาหลอมศิลา , เมืองขุนเขาเหล็ก และเมืองทรายดำ

เมืองรังอินทรีย์ไม่มีค่าพอที่จะครอบครองในขณะนี้ เพราะคงปกป้องมันไม่ได้ ดังนั้นแทนที่จะเป็นอย่างนั้น สู้ทำลายมันเลยดีกว่า

ไม่ต้องเหลือทหารไว้ทั้งหมด สังหารให้เหี้ยน!

ถูกต้อง!

ฮังอวี่ประกาศ : สังหารและเผาเมือง!

แผนการทางทหารของเมืองธารทะเลทรายถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

การลงมือครั้งนี้จะทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่ออิทธิพลและขวัญกำลังใจของเมืองธารทะเลทราย!

“เตรียมตัว!”

“โจมตีได้!”

นักเวทย์กว่าร้อยคนร่ายคาถาพร้อมกัน

อาคารทั้งหลัง กำแพงเมือง สิ่งอำนวยความสะดวกแต่ละอย่าง อะไรที่ทำลายได้ ทั้งหมดกลายเป็นซากปรักหักพังภายใต้การโจมตีของกองทัพมนุษย์

เมืองรังอินทรีย์จบสิ้นแล้ว!

เอาจริงๆมันไม่ง่ายที่จะทำลายเมืองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะเมื่อถึงเวลาอันสมควร แผ่นศิลาหรืออะไรต่างๆจะเกิดขึ้นใหม่ แต่ตอนนี้แน่นอนว่ายังไม่ใช่เวลานั้น!

จางเสี่ยวเฉียงวิ่งมารายงาน “ลูกพี่ ทำลายเรียบร้อยแล้ว”

ฉูเทียนหัวก็มารายงานเช่นกัน “เชลยทั้ง 18 ตนถูกจับกุมและยอมจำนน”

ฮังอวี่พยักหน้า “ดีมาก พาพวกมันทั้งหมดกลับไป ขังไว้ในคุกใต้ดินเมืองหุบเขาเดียวดาย!”

เจียงหนานเสนอ “พี่มหาเทพ มาถ่ายรูปกัน! นี่คือชัยชนะอันรุ่งโรจน์ของพวกเรา!”

ฮังอวี่คิดพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ก็ได้”

การต่อสู้ครั้งนี้ค่อนข้างดุเดือด จากสมาชิกทั้งหมด 500 นาย ตอนนี้ลดลงเหลือ 300 กว่านาย

ทุกคนมายืนรวมกันท่ามกลางซากปรักหักพัง บางจุดยังมีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ควันพวยพุ่งบนท้องฟ้า ยืนอยู่เบื้องหน้าเมืองรังอินทรีย์ โดยหน้าสุดมีเชลยนับสิบคุกเข่าเรียงแถว และเริ่มถ่ายรูปหมู่!