ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 7 ศิษย์ของข้าไม่ใช่ศิษย์ของท่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 9 ถ่ายทอดฐานการบ่มเพาะ

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 8 เอาล่ะ ไว้เจอกันอีกสามเดือน


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 8 เอาล่ะ ไว้เจอกันอีกสามเดือน

ตามที่คาดไว้ เย่ชิวเดาได้ตั้งแต่เริ่มต้นว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อการประลองยุทธ์เจ็ดขุนเขา ท้ายที่สุดนี่คือการประลองยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักเยียวยาสวรรค์ ซึ่งสําคัญเป็นอย่างยิ่ง

ในความทรงจําของเขา ขุนเขาเมฆาม่วงไม่ได้เข้าร่วมในการประลองยุทธ์มาเกือบสองปีแล้ว เนื่องจากซวนเทียนเจินเหรินจากไป ขุนเขาเมฆาม่วงจึงไม่มีศิษย์เข้าร่วมการประลองยุทธ์

ในปีนี้เย่ชิวเป็นปรมาจารย์ขุนเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าร่วมได้ คนเดียวที่สามารถเข้าร่วมได้คือหลินชิงจู้

เย่ชิวมองไปยังเมิ่งเทียนเจิ้งและกล่าว “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ขุนเขาเมฆาม่วงของข้าจะเข้าร่วม!”

“อืม...” ฉีอู๋ฮุ่ยหัวเราะด้วยความรังเกียจ

ในบรรดาเจ็ดฝ่ายมีเพียงขุนเขาเมฆาม่วงเท่านั้นที่มีจำนวนคนน้อยที่สุด ผู้เข้าร่วมของฝ่ายอื่น ๆ จะได้รับการคัดเลือกอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้อ่อนแอ อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นการรวมตัวของอัจฉริยะ

สําหรับขุนเขาเมฆาม่วง พวกเขามีลูกศิษย์เพียงคนเดียวดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องคัดเลือก พวกเขาไม่มีทางเลือกด้วยซ้ำ นอกจากนี้นางยังเป็นศิษย์ใหม่ แม้ว่านางจะเข้าร่วม แต่นางจะไปได้ไกลแค่ไหน?

ตามความคาดหวังของฉีอู๋ฮุ่ย ศิษย์ที่เข้าร่วมที่อ่อนแอที่สุดคืออย่างน้อยก็อยู่ในขอบเขตนิ้วทมิฬ ผู้ที่มีพรสวรรค์อาจอยู่ในขอบเขตสวรรค์แล้วด้วยซ้ำ

ระดับการบ่มเพาะในปัจจุบันของหลินชิงจู้คืออะไร? นางอยู่ในขอบเขตฝึกปราณขั้น 2 เท่านั้น เขาไม่เชื่อว่าหลินชิงจู้จะสามารถบุกเข้าไปในขอบเขตนิ้วทมิฬได้ภายในสามเดือนข้างหน้า แม้ว่านางจะทําได้ แต่นางก็คงอยู่เพียงลำดับล่างเท่านั้น

หากขุนเขาเมฆาม่วงกล้าเข้าร่วม ฉีอู๋ฮุ่ยก็จะทําให้พวกเขาสูญเสียชื่อเสียงเอง

ในขณะนี้ ฉีอู๋ฮุ่ยแอบดีใจอยู่ภายในใจ เขาตั้งตารอการประลองยุทธ์ในอีกสามเดือนข้างหน้า ในเวลานั้นเขาจะให้ศิษย์ของตนกําจัดหลินชิงจู้ จากนั้นเขาก็จะสามารถเหยียบย่ำเย่ชิวอย่างไร้ความปราณีและแก้แค้นในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

เมื่อได้ยินเสียงแค่นอันเย็นชา เย่ชิวก็เหลือบมองฉีอู๋ฮุ่ยและกล่าวอย่างมีเลศนัยว่า “ศิษย์พี่ฉี ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้คาดหวังกับขุนเขาเมฆาม่วงของข้ามากใช่หรือไม่? พวกเรามาเดิมพันกันหรือไม่”

“เดิมพันอะไร?” เมื่อได้ยินว่าเย่ชิวกําลังจะเดินเข้ามาหาปัญหาเอง ฉีอู๋ฮุ่ยก็ถูกกระตุ้นทันที

“เราจะเดิมพันว่าลูกศิษย์ของใครจะได้รับลำดับสูงกว่าในการประลองยุทธ์ครั้งนี้ เราจะใช้สมบัติขั้นสูงเป็นเดิมพันและให้ศิษย์พี่เจ้าสำนักเป็นพยาน ว่าอย่างไร”

เมื่อฉีอู๋ฮุ่ยได้ยินเขาก็แอบดีใจ ‘เจ้าเด็กนี้บ้าไปแล้วหรือ? นี่ไม่ใช่การมอบสมบัติเวทย์มนตร์แก่ข้าอย่างเต็มใจไม่ใช่หรือ?’ เขากลัวว่าเย่ชิวจะกลับคำพูด ฉีอู๋ฮุ่ยจึงเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ เพราะศิษย์พี่ผู้นี้สนใจอย่างยิ่ง ข้าจะปฏิเสธเจ้าได้อย่างไร”

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าคงจะต้องรบกวนท่านเพื่อเป็นพยานเพื่อป้องกันไม่ให้มีฝ่ายใดกลับคำพูดของตน” จากนั้นเขาก็พูดกับเมิ่งเทียนเจิ้ง เมื่อเมิ่งเทียนเจิ้งเห็นเช่นนี้เขาก็พยักหน้าเห็นด้วย

เขาไม่รู้ว่าเย่ชิวไปนำความมั่นใจที่จะเดิมพันกับฉีอู๋ฮุ่ยมาจากไหน ฉีอู๋ฮุ่ยจะต้องส่งบุตรชายของตนไปประลองอย่างแน่นอน

ฉีฮ่าวเป็นยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ขั้น 1 ในสำนักเยียวยาสวรรค์ทั้งหมดนอกเหนือจากหลิวชิงเฟิงแล้ว เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์ เนื่องจากหลิวชิงเฟิงไม่ได้เข้าร่วมในการประลองยุทธ์ในปีนี้ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าฉีฮ่าวต้องเป็นผู้ชนะการประลองยุทธ์ครั้งนี้อย่างแน่นอน

“ศิษย์น้องเย่! ข้าเกรงว่าข้าอาจทำให้เจ้าผิดหวังในครั้งนี้ ขุนเขากระบี่เร้นลับของข้ามุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะจากการต่อสู้ในครั้งนี้...” ฉีอู๋ฮุ่ยเปิดเผยจุดประสงค์ของเขาทันที

เย่ชิวเหลือบมองเขาและหันกลับมามองหลินชิงจู้ “ชิงจู้ อาจารย์ลุงฉีของเจ้าดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเจ้ามากนัก เจ้าต้องบ่มเพาะอย่างขันแข็ง เจ้าไม่สามารถทำให้อาจารย์ลุงฉีของเจ้าผิดหวังได้”

“อ๋า...” ทันใดนั้นเองหลินชิงจู้ก็รู้สึกประหม่าหลังจากที่ถูกอาจารย์กล่าวถึง นางรู้ว่าเย่ชิวได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับนาง แรงกดดันที่นางแบกรับได้ทวีคูณขึ้นในทันที หากนางแพ้อาจารย์ของนางจะไม่อับอายหรือ?

“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามอย่างหนักเพื่อไม่ให้อาจารย์ลุงฉีต้องผิดหวังอย่างแน่นอน” หลินชิงจู้พูดอย่างแน่วแน่ ครั้งนี้เย่ชิวได้ต่อสู้กับฉีอู๋ฮุ่ยเพราะนาง นางไม่สามารถทำให้เย่ชิวผิดหวังในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ได้ ชื่อเสียงของอาจารย์ก็คือชื่อเสียงของนาง นางจะทำทุกอย่างเพื่อกู้คืนเกียรติยศที่เคยเป็นของขุนเขาเมฆาม่วงกลับคืนมา

“ฮ่าฮ่า งั้นพวกเรามาดูกันว่าใครจะชนะในอีกสามเดือน” ฉีอู๋ฮุ่ยไม่ได้คิดมากเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เชื่อว่าหลินชิงจู้จะสร้างปรากฏการณ์ตื่นตะลึงได้

“แน่นอน ไว้เจอกันในอีกสามเดือน” เย่ชิวเฉิงตอบอย่างมั่นใจ เมิ่งเทียนเจิ้งไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน หลังจากให้คำแนะนําแล้ว เขาและฉีอู๋ฮุ่ยก็บินไปยังขุนเขาอื่น

หลังจากที่พวกเขาจากไป ในที่สุดหลินชิงจู้ก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไปและเดินตามหลังเย่ชิว ในขณะนี้นางรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง นางไม่ได้คาดหวังว่าเย่ชิวจะทําให้ ฉีอู๋ฮุ่ยขุ่นเคืองเพราะนาง แม้กระทั่งเดิมพันกันด้วยซ้ำ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความเสียใจ เหตุใดนางถึงต้องทำให้ฉีอู๋ฮุ่ยขุ่นเคืองก่อนหน้านี้และทำให้อาจารย์ของนางเดือดร้อนไปด้วย?

“ท่านอาจารย์ มันเป็นความผิดของข้าเองที่ทำปัญหามาให้ท่าน ท่านยังเดิมพันกับอาจารย์ลุงฉีและอาจสูญเสียสมบัติของท่าน ข้าสาบานว่าข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก”

เย่ชิวหันไปมองสาวน้อยที่ยืนร้องไห้อย่างสง่างามและหัวเราะเยาะ “สาวน้อย ใครกันที่ปกป้องเจ้า? ไม่ต้องคิดประจบประแจงตนเอง”

“อา...” หลินชิงจู้งุนงง ท่านไม่ยืนหยัดเพื่อข้าหรือ? แล้วข้ารู้สึกซาบซึ้งจนร้องไห้เพื่อเหตุใด

นางรู้สึกผิด แต่ไม่นานหลินชิงจู้ก็เปิดเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเลศนัย

‘ไม่สิ ท่านอาจารย์จงใจกล่าวเช่นนั้นเพื่อไม่ให้ข้าต้องอัดอึด มันต้องเป็นเช่นนั้น เขาเป็นผู้ที่ดื้อรั้นแต่ก็มีจิตใจอ่อนโยน’ หลินชิงจู้คิดในใจ นางไม่เชื่อคำพูดไร้สาระที่เย่ชิว กล่าว เพราะตอนนี้เขายืนหยัดเพื่อนางอย่างชัดเจนซึ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงต้องแตกหักกับฉีอู๋ฮุ่ย

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความคิดนี้ นางกลับรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจ นี่เป็นความรู้สึกของการที่มีคนปกป้องหรือไม่? อันที่จริงแล้วมันค่อนข้างดีที่มีอาจารย์หนุ่มหล่อรูปงามและมีความสามารถเช่นนี้ปกป้อง การบ่มเพาะนั้นน่าเบื่อ เมื่อนางไม่มีอะไรทำนางยังสามารถจ้องมองอาจารย์ที่หล่อเหลาของตนได้อย่างสบายใจ

“ท่านอาจารย์ข้าตระหนักดีว่าท่านไม่ได้สนใจคนอย่างอาจารย์ลุงฉีอย่างแน่นอน เหตุผลที่ท่านทําเช่นนี้ทั้งหมดก็เพื่อข้า คราวนี้ข้าผิดจริง ๆ ที่ทำให้ท่านต้องยืนหยัดเพื่อข้า ข้าจะระลึกถึงความมีน้ำใจที่ท่านอาจารย์มีต่อข้า และไม่ต้องกังวลท่านอาจารย์ ข้าจะพยายามอย่างหนักเพื่อนที่จะได้ลำดับที่ดี ท่านอาจารย์จะได้ต้องเสียหน้ามากนัก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของเย่ชิวก็มืดลง? ‘สตรีคนนี้บ้าหรือเปล่า? ข้าได้ทุ่มชื่อเสียงทั้งหมดของข้ากับเจ้าแล้ว เจ้ากําลังบอกว่าเจ้าจะแพ้ก่อนที่จะได้ต่อสู้ด้วยซ้ำ?’

“พอเถอะ จําสิ่งนี้ไว้! ประเพณีของขุนเขาเมฆาม่วงของเราคือการไม่ยอมรับความผิดพลาดของเจ้าแม้ว่าเจ้าจะรู้ว่ามันผิดก็ตาม แม้ว่าเจ้าจะตายไปแล้วเจ้าก็ควรจะดื้อรั้น เจ้าไม่สามารถยอมรับความผิดพลาดของตนเองได้...”

หลินชิงจู้งุนงง ขุนเขาเมฆาม่วงมีประเพณีแบบนี้ด้วยหรือ? ช่างดื้อรั้นอย่างยิ่ง! อย่างไรก็ตามประเพณีนี้เหมือนจะค่อนข้างดี

หลังจากที่เห็นหลินชิงจู้กำลังสับสน เย่ชิวก็รู้สึกตลกไม่น้อย

ประเพณีนี้ได้รับการสืบทอดมาจากซวนเทียนเจินเหริน ชายชราคนนี้เดิมทีเป็นผู้ที่ไร้เหตุผล จึงมีคำสอนเดียวที่เขาจำได้

“เอาล่ะ! ไม่ต้องรู้สึกว่าเจ้าเป็นภาระ เพียงแค่พยายามให้ดีที่สุด ไม่สำคัญว่าข้าจะอับอายหรือไม่ ข้าก็ไม่มีชื่อเสียงที่จะสูญเสียอยู่แล้ว”

มุมปากของเย่ชิวกระตุกเมื่อเขานึกถึงประสบการณ์สิบปีที่ผ่านมาของเขา เขาจะมีชื่อเสียงเหลืออยู่ในสำนักเยียวยาสวรรค์ได้อย่างไรกัน? ทุกคนรู้ว่ามีปรมจารย์ที่ไร้ประโยชน์อาศัยอยู่บนขุนเขาเมฆาม่วง

อย่างไรก็ตาม เขายังคงมีความหวังอยู่

ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนจนถึงการประลองยุทธ์ และความหวังก็จะปรากฏหากเขาใช้เวลาสามเดือนได้คุ้มค่าที่สุด

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด