ตอนที่แล้วยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 1 นายพลไร้กองทัพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 3 มอบทรัพยากรให้ลูกศิษย์

ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 2 เจ้ายินดีรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?


ยอดอาจารย์มหาเมตตา ตอนที่ 2 เจ้ายินดีรับข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?

ปรมาจารย์ขุนเขาทั้งหมดได้นั่งประจำที่ตนเอง สายตาของเหล่าผู้เยาว์ด้านล่างต่างเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่มองไปยังปรมาจารย์ขุนเขาต่าง ๆ ในฐานะพลเมืองของโลกแร้นแค้น การฝึกตนเป็นความฝันชั่วชีวิตของผู้คนทั้งปวง พวกเขาตั้งตารอวันที่ตนสามารถเข้าสู่สำนักเซียนได้อย่างแท้จริง

“เจินเหริน[1] โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย…” ในห้องโถงที่เงียบสงบ ชายหนุ่มคนหนึ่งได้เดินออกมาท่ามกลางฝูงชน เขาคุกเข่าลงกับพื้นและร้องไห้อย่างขมขื่น

เมื่อเห็นว่าเขาได้เริ่มทำเป็นคนแรก คนอื่น ๆ ก็ก้าวออกไปทีละคน อ้อนวอนขอให้เมิ่งเทียนเจิ้งมอบความยุติธรรมให้แก่พวกเขา ท้ายที่สุด พวกเขาเพิ่งประสบภัยพิบัติที่ทำลายล้างครอบครัวจนสูญสิ้น หัวใจของทุกคนต่างอยู่ในความเจ็บปวด

ขณะที่ชายหนุ่มร้องไห้ด้วยความเศร้าโศก เขาสูญเสียการควบคุมอารมณ์และเผยให้เห็นร่องรอยของเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว มันถูกซ่อนไว้ระหว่างคิ้วของเขา หากไม่สังเกตอย่างระมัดระวังก็คงมองไม่เห็น

เมื่อเหล่าปรมาจารย์เห็นสิ่งนี้ แววตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้น ราวกับว่าตนได้ค้นพบเพชรในตมที่ดูล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง

“เฮ้อ เหล่าเด็กน้อยที่น่าสงสาร พวกเจ้าโปรดลุกขึ้นก่อนเถอะ” ชายชราเมิ่งเทียนเจิ้งผู้จิตใจดีถอนหายใจ เขายังไม่พบเบาะแสใด ๆ เกี่ยวกับการอาละวาดของสัตว์อสูรที่เชิงเขา แม้ว่าจะทำการค้นหามาทั้งวันแล้วก็ตาม เหตุผลที่เขาเรียกหาปรมาจารย์ขุนเขาต่าง ๆ มานั้นก็เพื่อหารือเกี่ยวกับเด็กกำพร้าเหล่านี้

“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว! ไม่ต้องกังวล เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เชิงเขาของสำนักเยียวยาสวรรค์ พวกเราจะทำการตรวจสอบให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน” ขณะที่เขากล่าว เขาก็หันกลับมามองดูปรมาจารย์ขุนเขาหลายผู้ที่อยู่ข้างหลังและกล่าวต่อ “ไม่ต้องวิตกกังวลไป พวกเรายังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการตรวจสอบเรื่องนี้ พวกเจ้าสามารถอยู่อาศัยบนภูเขาเพื่อฝึกฝนได้ หากมีข่าวคราวอะไรในอนาคต ข้าจะแจ้งให้พวกเจ้าทราบอย่างแน่นอน”

ท่ามกลางฝูงชน ใบหน้าของหลินชิงจู้เต็มไปด้วยน้ำตา หัวใจของนางเปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือหลังจากได้ยินคำพูดที่สวยหรูของเมิ่งเทียนเจิ้ง ทันทีที่นางนึกถึงการตายของพ่อแม่ของนาง นางรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ภายในใจ นางต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น นางต้องการแก้แค้นให้บุพการีของตน อย่างไรก็ตาม นางรู้ดีว่าผู้ที่สามารถช่วยตนได้มีไม่มากนัก

หากนางต้องการแก้แค้น นางทำได้แค่พึ่งพาตนเองเท่านั้น ตอนนี้มีหนทางเดียวรออยู่ข้างหน้านาง นางจะกลายเป็นศิษย์และเรียนรู้จากคนเหล่านี้ เมื่อนางแข็งแกร่งพอ นางจะต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน

“ศิษย์น้องทั้งหลาย พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร” เมื่อเขาพูดถึงจุดนี้ เมิ่งเทียนเจิ้งได้มองไปยังปรมาจารย์ขุนเขาที่อยู่ข้างหลังเขา

ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมจะรู้ดีว่าขั้นตอนต่อไปคือการคัดเลือกศิษย์โดยปรมาจารย์ขุนเขาต่าง ๆ ผู้ที่มีพรสวรรค์จะถูกแย่งชิงเป็นลำดับแรก หรือแม้แต่ต่อสู้แย่งชิงกัน สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ต่ำ การที่พวกเขาจะถูกเลือกนั้นแทบจะเป็นศูนย์ และอาจเป็นได้เพียงศิษย์แรงงานและเริ่มต้นจากด้านล่างสุด

ก่อนที่เด็กเหล่านี้จะมาถึง หลิวชิงเฟิงได้แนะนำพวกเขาแล้ว แต่ละคนรู้เรื่องเป็นอย่างดีและตั้งตารอว่าปรมาจารย์ขุนเขาเหล่านี้จะเลือกพวกเขาหรือไม่

“ฮ่าฮ่า ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าจะไม่รั้งรอตั้งแต่ท่านกล่าวแล้ว” ฉีอู๋ฮุ่ยเป็นคนแรกที่ก้าวออกไป เขานึกถึงเด็กหนุ่มที่ได้ก้าวออกมาเป็นคนแรกในทันที

หลังจากเห็นฉีอู๋ฮุ่ยมุ่งตรงไปยังเด็กคนนั้น หยางอู๋ตี๋ปรมาจารย์แห่งขุนเขาแปรกระบี่ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เขาลากร่างอ้วนท้วนของตนและเดินออกไป ก่อนที่ฉีอู่ฮุ่ยจะได้พูด เขาก็ได้กล่าวตัดหน้าทันควัน “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ข้าคิดว่าเด็กคนนี้ต้องชะตากับข้า เหตุใดไม่ให้เขามาเป็นศิษย์ของข้าแทน?”

ทุกคนกลอกตาเมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายร่างอ้วนผู้นี้ได้ใช้วิธีการนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เหตุใดพวกเขาจะไม่รู้ทันกัน?

“ศิษย์น้องหยาง ข้าต้องการเขาก่อน!” ฉีอู๋ฮุ่ยพูดด้วยความไม่พอใจ

“ท่านต้องการมันก็ต้องเป็นของท่านหรือ? นั่นคือความคิดอันใดกัน?”

“เจ้า…”

“เจ้าอะไร? เหตุใดพวกเราไม่ลองไปประมือสักประเดี๋ยว?”

“เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ?” ฉีอู๋ฮุ่ยเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาเช่นกัน ในสำนักนี้เขาไม่กลัวใครอื่นนอกจากเจ้าสำนักและซวนเทียนเจินเหรินที่ได้ล่วงลับไปแล้ว

ทั้งสองคนเกือบจะทะเลาะกันเพราะการรับลูกศิษย์ สำหรับปรมาจารย์ขุนเขาคนอื่น ๆ พวกเขารู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงเลือกเด็กที่มีพรสวรรค์ลำดับสองลงมาเท่านั้น

แม้ว่าพรสวรรค์ของเด็กเหล่านี้จะต่ำ แต่พวกเขาก็สามารถมอบสิ่งขอที่ตนไม่ใช้ให้เด็กเหล่านี้ได้เช่นกัน ไม่นานนัก ผู้ที่ไม่ได้รับเลือกจากเหล่าปรมาจารย์ขุนเขาก็ยืนอยู่ในโถงด้วยความคับแค้นใจ

ในหมู่พวกเขามีหลินชิงจู้รวมอยู่ด้วย นางไม่รู้ว่าพรสวรรค์ของตนย่ำแย่ขนาดไหน เหตุใดจึงไม่มีใครเลือกนางแม้แต่ผู้เดียว นางกำหมัดแน่นดด้วยความดื้อรั้น แต่ความเป็นจริงกลับตบหน้านางอย่างแรง จินตนาการของนางที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งก็ได้พังทลายลงในที่สุด ตอนนี้ไม่มีใครแม้แต่ผู้เดียวที่เลือกนาง นางเหลือหนทางเดียวเท่านั้น นางจะต้องเริ่มต้นจากการเป็นศิษย์แรงงาน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีใครเลือกนาง แสดงว่าความสามารถของนางต่ำมาก แล้วการเป็นศิษย์แรงงานจะเรียบง่ายได้เช่นไรกัน?

ขณะที่นางรู้สึกสิ้นหวัง ร่างสีขาวก็ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านาง ราวกับแสงอรุณรุ่งในความมืดแห่งความสิ้นหวังหลินชิงจู้รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็พบกับปรมาจารย์หนุ่มที่เคยนั่งอยู่มุมห้อง

“เจ้ายินดีรับข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าหรือไม่” เย่ชิวกล่าวอย่างใจเย็น

“ข้าเต็มใจ ศิษย์หลินชิงจู้คำนับท่านอาจารย์…” ในขณะนี้หลินชิงจู้ไม่กล้าที่จะลังเลเลยแม้แต่น้อย นางคุกเข่าคำนับเย่ชิวในทันที

ในสถานการณ์ที่น่าอับอายนี้ เย่ชิวได้เป็นผู้มอบศักดิ์ศรีและความหวังสุดท้ายให้กับนาง ตราบใดที่นางสามารถกลายเป็นศิษย์ของเขาได้ นางก็มีโอกาสที่จะแก้แค้น

แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเยาว์วัยและนางไม่รู้ว่าเย่ชิวแข็งแกร่งแค่ไหน อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นปรมาจารย์ขุนเขา หากนางไม่ยอมรับอีกฝ่ายเป็นอาจารย์ของตนในตอนนี้ นางจะได้รับโอกาสเช่นนี้อีกตอนไหนกัน

“อืม มากับข้า” เย่ชิวกล่าวเบา ๆ และเดินออกจากห้องโถงใหญ่

หลินชิงจู้รีบตามเขาไป ก่อนที่นางจะจากไป นางก็ได้ยินคำพูดประชดประชันตามมา

นั่นคือเสียงของฉีอู๋ฮุ่ย

“ฮ่าฮ่า ปรมาจารย์ที่ไร้ค่าได้รับลูกศิษย์ไร้ค่าเข้ามา ช่างเป็นการรวมตัวที่ทรงพลังยิ่งนัก ดังคำกล่าวที่ว่า คนแบบเดียวกันต้องอยู่ด้วยกัน น่าเสียดายที่มรดกพันปีของ ขุนเขาเมฆาม่วงจะต้องสูญหายไปกับคนธรรมดาสองคนนี้”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้หลินชิงจู้ก็รู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง เย่ชิวได้เดินนำหน้านาง เขารับรู้ถึงความคิดภายในใจของนางเป็นอย่างดี

หลังจากเดินมาได้ไม่นานเขาก็หยุดกะทันหัน

“ท่านอาจารย์?”หลินชิงจู้ตกตะลึงครู่หนึ่งและตะโกนโดยไม่รู้ตัว

เย่ชิวมองกลับมาที่นางและกล่าวว่า “หลังจากที่เจ้าได้ยินสิ่งที่พวกเขากล่าวเมื่อครู่นี้ เจ้าคิดอย่างไรบ้าง?”

หลินชิงจู้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะนั้นนางสับสนและโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง เหตุใดฉีอู๋ฮุ่ยถึงต้องว่าร้ายพวกเขา? แม้ว่านางจะเพิ่งยอมรับเย่ชิวเป็นอาจารย์ แต่นางก็ยอมรับเขาด้วยใจของนาง แม้ว่าอาจารย์ของนางจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ยังคงเป็นอาจารย์ของนาง เป็นอาจารย์ที่มอบศักดิ์ศรีและโอกาสครั้งสุดท้ายให้กับนางในขณะที่ตนอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง คนอื่นสามารถต่อว่านางเช่นใดก็ได้ แต่ไม่ใช่กับอาจารย์ของนาง

“ท่านอาจารย์ ข้าไม่รู้หลักการอันใดนัก แต่ข้ารู้อยู่สิ่งหนึ่ง เป็นอาจารย์หนึ่งวัน ก็เปรียบเสมือนเป็นบิดาไปชั่วชีวิต ในขณะที่ไม่มีใครต้องการรับข้าเป็นศิษย์ ท่านอาจารย์เป็นผู้ให้ความหวังแก่ข้า ข้าจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อปกป้องชื่อเสียงของท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ลำบากใจ แม้ว่าข้าจะต้องถูกสาปแช่งไปชั่วนิรันดร์ก็ตาม”

“อาจารย์ไม่ต้องห่วง! ข้าจะพยายามให้หนัก วันหนึ่งข้าจะพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าอาจารย์ไม่ใช่คนธรรมดาและข้าก็ไม่ใช่ขยะอย่างที่พวกเขาคิด…”หลินชิงจู้กำหมัดของนางและพูดอย่างเย็นชา

เย่ชิวรู้สึกพอใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ เหมือนว่าศิษย์ผู้นี้จะไม่ทำให้โอกาสที่เขามอบให้นางสูญเปล่า ขณะที่อยู่ในห้องโถง เขาคอยเฝ้าสังเกตและไม่ได้แก่งแย่งศิษย์กับปรมาจารย์เหล่านั้น เป็นเพราะเขารู้ว่าตนเองไม่สามารถแย่งชิงไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเลือกผู้ที่ไร้โอกาสเช่นเดียวกับตน

โดยปกติ ในเวลานี้ ผู้ที่ไม่ได้รับเลือกคงจะรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง และเขาก็บังเอิญเลือกนาง

หากนางเป็นคนปกติทั่วไป นางจะต้องรู้สึกขอบคุณเขาอย่างถึงที่สุด แม้จะไม่ถึงขั้นที่อุทิศตนให้กับเขาก็ตาม

“ดีมาก! ไปกันเถอะ…” เย่ชิวไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาเรียกกระบี่เมฆาม่วงออกมาและคว้ามือของหลินชิงจู้ก่อนที่จะบินไปยังขุนเขาเมฆาม่วง

[1] เจินเหริน 真人, Zhēnrén หมายถึง นักพรต/ผู้สมบูรณ์แบบ

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด