ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0096
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0098

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0097


บทที่ 32 เมืองทะเล, ความฝันของโจรสลัด (1)

* * *

ครั้งหนึ่ง ฉันเคยตั้งคำถามกับลิลี่

“ทำไมในทะเลทรายถึงมีมนุษย์ปลา?”

ตอนแรกลิลี่ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่หลังจากได้ยินคำถาม ดูเธอจะตั้งใจวิเคราะห์หาเหตุผล

“มหาสมุทรคือที่ที่เต็มไปด้วยน้ำ แม้ที่นี่จะเป็นทะเลทราย แต่ก็ยังถือเป็นมหาสมุทร…?”

ก็พอฟังขึ้น ในเมื่อมีเรือ ถ้ามีปลาจะแปลกตรงไหน

แต่ถึงอย่างนั้น ความคาใจของฉันยังไม่หายไป

“แล้วทำไมถึงมีเหงือก”

มนุษย์ปลามีเหงือกแน่นอน

ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีน้ำ ทำไมถึงมีเหงือก?

ทุกอวัยวะของสิ่งมีชีวิตล้วนมีจุดประสงค์ แม้ปัจจุบันจะไม่ได้ใช้งานและเริ่มเสื่อมสภาพ แต่ในอดีตก็ต้องเคยมีจุดประสงค์ เหมือนกับฟันคุดและกระดูกก้นกบของมนุษย์

นั่นคือสิ่งที่ฉันคาใจ เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ที่เคยเดินทางรอบโลก รวมถึงการเตร็ดเตร่อยู่ในต่างโลกหลายปี

ตอนนั้นฉันเลิกคิดเพราะถึงทางตัน แม้จะสงสัย แต่ก็ไม่ได้สำคัญจนต้องเค้นหาความจริงให้ได้

ทว่า ตอนนี้ฉันพบโอกาสที่ควรหยิบประเด็นดังกล่าวกลับมาวิเคราะห์ใหม่

บางที ทะเลทรายอันกว้างใหญ่อาจเคยเป็นทะเลมาก่อน?

“ก่อนจะสงสัยเรื่องอื่น ตอนนี้คิดเรื่องเอาตัวรอดก่อนไหม”

ขณะฉันครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย ลิลี่ถามด้วยเสียงร้อนรน

ใช่ว่าจะไม่อยากคิด แต่ฉันกำลังทึ่งอยู่กับสถานการณ์ตรงหน้า

ตอนแรกรู้แค่ว่าน้ำลึกพอที่จะให้ยักษ์ตกลงมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ขนาดนี้

เมื่อได้สติ ฉันลูบตะเกียง

“เอ็ดเวิร์ด! เรือ!”

เรือที่คุ้นเคยโผล่ขึ้นกลางอากาศและตกลงมาตรงๆ

น้ำกระเซ็นไปทุกทิศ แต่เรือยังลอยอยู่

ในที่สุดก็พบทางรอด

ฉันนำคันศรนักพเนจรออกมาและยิงศรเชือกเกี่ยวกับเรือ

“อี๋…”

หลังจากปีนขึ้นมาบนดาดฟ้า ลิลี่ยืนตัวสั่น

“อุ… ข้าเกลียดน้ำ”

“เธอไม่ชอบอาบน้ำ?”

“เผ่าพันธุ์ข้าเป็นแบบนี้ทั้งหมด”

“ดูเหมือนทุกสิ่งที่เธอทำ จะถูกเหมารวมว่าเป็นนิสัยของแวมไพร์เลยนะ”

พิจารณาจากร่างกายที่กำลังแข็งทื่อ อย่างน้อยก็คงจะจริงที่บอกว่าเกลียดน้ำ

ฉันตรวจสอบสัมภาระ โชคดีที่ของในกระเป๋าห้วงมิติไม่เปียกเลย น้ำที่ซึมเข้าไปจะจับตัวเป็นก้อนภายในกระเป๋า

กล่าวคือ มันก็ถูกมองเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง

ฉันกวาดน้ำข้างในออกมาจนหมดและยื่นเสื้อผ้าไปให้ลิลี่เปลี่ยน

ลิลี่กลับมาใส่ชุดนักสำรวจของเธออีกครั้ง

ได้เวลาตรวจสอบรอบๆ สักที

ซ่า! ซ่า!

เสียงคลื่นซัดกระแทกหิน

ในตอนแรกที่ตกลงมา พวกเรากระโดดจากขอบห้วงลึก และไม่ว่าจะตกลงมาลึกแค่ไหน ผนังห้วงลึกก็ยังอยู่ด้านหลัง

นั่นคือจุดที่คลื่นซัดเข้าใส่

ฉันมองไปทางอื่น ไม่มีทางที่ห้วงลึกจะกว้างแบบไร้สิ้นสุด ดังนั้นต้องมีหน้าผาหรือหุบเขาอยู่อีกฝั่งแน่

แต่เมื่อเพ่งสายตา ฉันกลับมองไม่เห็นผนังจากอีกฝั่ง

คลื่นไหลมาจากอีกฝั่งอย่างต่อเนื่อง ลักษณะจึงดูคล้ายถ้ำหินขนาดใหญ่

แต่พื้นที่กว้างขวางจนหากจะเรียกด้วยคำว่า ‘ถ้ำ’ ก็คงเป็นการดูหมิ่น

ที่นี่เต็มไปด้วยน้ำที่เรายังไม่รู้ระดับความลึก

ไม่สิ ไม่ใช่น้ำ

ซ่า!

ซ่า!

น้ำทะเลต่างหาก

ลิลี่กับฉันมองหน้ากัน

ใบหน้าลิลี่ส่องแสงสีม่วงอ่อน

“…แสงมาจากไหน?”

ไม่ใช่แม่สีหลัก แต่เป็นสีม่วงที่ผสมเข้ากับแสงแดด

พวกเราเงยหน้าขึ้นไป แต่ก็มองไม่เห็นแสงอาทิตย์จากด้านบน มีเพียงท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นทราย

แหล่งกำเนิดแสงมาจากใต้ทะเล

แสงที่ส่องจากด้านล่าง ไม่ใช่ด้านบน คือสิ่งที่ทำให้มิติภายในนี้สว่างไสว

“ในทะเลมีพระอาทิตย์?”

ลิลี่ตั้งสมมติฐานง่ายๆ

ทันใดนั้น กลุ่มแสงคล้ายประกายดาวลอยผ่านเรือไป

เมื่อตั้งใจมอง พวกมันคือฝูงปลาที่มีตะเกียงเชื่อมกับหน้าผาก และกำลังว่ายผ่านเรือด้วยเสียงอึกทึก

ปลาบินเหล่านั้นพยายามกระโดดข้ามเรือ มีหลายตัวตกลงบนดาดฟ้าและรีบกระโดดต่อ

「เจ้าพวกนี้คืออะไร? 」

เอ็ดเวิร์ดกำลังตกตะลึง

“ปลา”

ฉันใจดีตอบให้

「นั่นสินะ ก็หน้าตาคล้ายปลาหนามในทะเลทรายอยู่ พวกมันชอบว่ายผ่านใต้ท้องเรือ」

“มีตัวแบบนั้นอยู่ด้วยหรือ อยากเห็นสักครั้งจัง”

「อย่าดีกว่า สิ่งที่ว่ายอยู่ในทรายต้องแข็งแรงอยู่แล้ว เคยมีเบดูอินหลายคนถูกมันกิน เจ้าพวกนี้สามารถเจาะท้องเรือได้ด้วยซ้ำ ถ้าเจอเข้าล่ะก็เรื่องใหญ่แน่」

ลิลี่นั่งยองมองปลาบินดีดดิ้นบนดาดฟ้า สายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

รูปร่างคล้ายกับปลาบินบนโลก ครีบอยู่ใกล้กับส่วนปีก และร่างกายโปร่งแสงจนเห็นลำไส้ หัวปลามีสิ่งที่คล้ายตะเกียงห้อยอยู่

มันดูเหมือนปลาบิน แต่มีเอกลักษณ์ของปลาน้ำลึก

“ทำไมถึงมีหน้าตาแบบนี้”

“ข้อแรก ร่างกายโปร่งแสงเพราะไม่จำเป็นต้องสร้างเม็ดสี ข้อสอง ตะเกียงมีไว้เพื่อล่ออาหารหรือขู่ให้นักล่ากลัว”

“แล้วเจ้ากลัวไหม? ข้าคิดว่าแสงพวกนั้นยิ่งจะทำให้ซ่อนตัวยากขึ้น”

“ลองคิดดูให้ดี สัตว์ที่นี่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงน้อย พวกมันแทบไม่ต้องพึ่งพาการมองเห็น”

“ก็จริง”

“พวกมันจึงสายตาไม่ดี… แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าปลาว่ายเข้ามาใกล้กัน?”

“หืม…”

ลิลี่มองปลาสักพักก่อนจะครุ่นคิด

“มันจะดูตัวใหญ่ขึ้น?”

“ถูกต้อง”

เฉกเช่นสัตว์บนโลกมนุษย์ หลายสายพันธุ์วิวัฒนาการในแนวทางดังกล่าวเพื่อให้อยู่รอด

แน่นอนว่าคำตอบของฉันอาจไม่ถูกต้องสำหรับต่างโลก แต่… ใครสนกันล่ะ? การพูดคุยกันเองเช่นนี้ต้องอ้างอิงหนังสือวิชาการด้วยหรือ? แค่ได้ลองคาดเดาก็สนุกพอแล้ว

ลิลี่หันมาจ้องฉันด้วยดวงตากลมโต ราวกับคำตอบของฉันน่าทึ่งมาก

“บางครั้งเจ้าก็เหมือนปราชญ์ธรรมชาติจากสถานศึกษาในเมือง”

「ข้าเคยเข้าใจว่าเจ้ามาจากโอเอซิส แต่ดูเหมือนว่าจะมีความรู้มากกว่าที่คิด」

“นายคิดว่าฉันเป็นตัวอะไรกันแน่?”

พูดจบ ฉันเงยหน้าขึ้น

ซ่า!

เสียงคลื่น

ทรายปริมาณมหาศาลกำลังไหลขึ้นไปบนผนัง ด้านล่างเป็นทะเลอันกว้างใหญ่

อีกทั้งยังมีแหล่งกำเนิดแสงสีม่วงจากใต้ทะเล

“…ทะเลที่ยิ่งสว่างเมื่อยิ่งลึกลงไป”

เป็นทิวทัศน์ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ

ถึงกับต้องหยิบกล้องออกจากกระเป๋า

ฉันยังไม่ลืมคำขอร้องจากจินซอยอน ถึงจะเคยลืมไปครู่หนึ่ง แต่กับทิวทัศน์ตรงหน้า ฉันไม่มีความมั่นใจว่าจะอธิบายให้เห็นภาพได้ชัดเจน ขณะเดียวกันก็อยากให้ทุกคนได้ประจักษ์ความงดงามของมัน

ฉันกดชัตเตอร์เมื่อพบทิวทัศน์ที่สร้างความประทับใจ

แชะ!

“อึก!”

ทันทีที่แสงแฟลชสว่าง ลิลี่ที่กำลังยืนเหม่อถึงกับสะดุ้ง

“ช่วยบอกกันก่อนได้ไหม!”

ฉันชอบฟังเสียงบ่นของเธอ ลิลี่จ้องฉันด้วยใบบึ้งตึงเหมือนทุกครั้งก่อนจะพูด

“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ”

“กินอะไรกันก่อน”

“อื้อ”

สภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่ควรบุ่มบ่ามเคลื่อนไหว ต้องเก็บข้อมูลให้มากขึ้น วางแผนให้รัดกุม

คล้ายกับคาดหวังคำตอบแบบนี้อยู่แล้ว เธอเดินลงไปหยิบข้าวของในโกดังชั้นล่างของเรือ

ฉันเสกลูกไฟขึ้นมาย่างปลาบิน

รสชาติคล้ายปลา แต่ขณะเดียวกันก็คลายบุก ถึงจะพอกินเข้าไปได้ แต่ก็ถือเป็นรสที่แปลก

ฉันนั่งบนดาดฟ้าสักพักเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ แน่นอนว่าเรือถูกแล่นไปจอดใกล้กับผนังก่อนจะทิ้งสมอ

จากตรงนี้จะมองเห็นทรายไหลขึ้นไปตามกำแพง ไม่สิ ต้องเรียกว่ากำแพงทั้งหมดคือทรายไหล

“…ข้ามีคำถามมากมาย แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน”

ลิลี่ชิมปลาบินพลางครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็เงยหน้าพูด

“สิ่งที่ข้าอยากรู้มากที่สุดในตอนนี้คือ… เจ้าคิดหาวิธีกลับขึ้นไปหรือยัง”

แทนที่จะตอบ ฉันนำเมล็ดพันธุ์ออกจากอก ลิลี่เข้าใจทันทีและไม่ถามอะไรต่อ

ฉันเชื่อว่าต้องมีเส้นทางใต้ดินที่พลังธรรมชาติไหลผ่าน และนี่คือเมล็ดพันธุ์ป่า ขอแค่มีพลังธรรมชาติก็สามารถให้กำเนิดต้นถั่วงอกยักษ์

“เจ้ามีทางออกให้ตัวเองเสมอ”

「รีบๆ กินเข้าไป! หมดเวลาพักผ่อนแล้ว! พวกเราจะเข้าเมืองเพื่อไปปล้น!!」

“เมืองที่จะปล้นเป็นแบบไหน”

「มันคือความฝันของโจรสลัดทุกคน! ปลายทางสุดท้ายของโจรสลัดทุกคน! โจรสลัดที่ปล้นเมืองนั้นสำเร็จจะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาล!!」

“เป็นความฝันของเด็กชายที่ให้กำเนิดนาย?”

「ใช่!」

เอ็ดเวิร์ดอาจดูเป็นคนนิสัยเสียหากมองจากภายนอก แต่ภูตวิญญาณตนนี้ดำรงอยู่เพื่อปกป้องชะตากรรมของตัวเอง

ฉันเริ่มมองเอ็ดเวิร์ดในมุมที่ต่างออกไปหลังจากเห็นเขาสบถใส่อัศวินแห่งท้องฟ้า

「เด็กชายมีความปรารถนา แต่ตายก่อนที่จะทำให้เป็นจริง! นั่นคือความอับอายของภูตตะเกียง! ข้าต้องตามหาเมืองให้พบเพื่อเติมเต็มความฝันของเขา! มันต้องอยู่ที่ใดสักแห่งในทะเลนี่แหละ!!」

ฉันยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยืน เอ็ดเวิร์ดเองก็ร้อนใจจนนั่งไม่ติด

พวกเราร่วมมือกันดึงสมอเรือขึ้น จับหางเสือและบรรจงเหยียบคันเร่ง เรือที่แล่นไปบนทรายสามารถแล่นไปบนน้ำได้อย่างไร้อุปสรรค

ที่นี่ไม่ต่างอะไรกับทะเลของจริง เรือเริ่มเร่งความเร็วหลังจากกางใบเต็มพิกัด

เนื่องจากยังไม่รู้จุดหมาย พวกเราแล่นลึกเข้าไปโดยใช้เข็มชี้ทองคำแทนเข็มทิศ ไม่นานก็เข้าสู่เขตทะเลที่กว้างกว่าเดิม

“นายรู้ทางไหม”

เอ็ดเวิร์ดกำลังยืนบนหอบังคับในท่ากอดอก ดูเหมือนกัปตันเรือตัวจริง

จากนั้นก็ส่ายหน้า

「ไม่รู้!」

“…เฮ้อ”

ที่นี่ไม่ใช่แค่ถ้ำเล็กๆ

สภาพแวดล้อมไม่ต่างอะไรกับทะเลใหญ่ แต่พวกเรายังคงไร้จุดหมาย

ฉันตัดสินใจตรวจสอบรอบๆ ต่ออีกสักนิด

กล้องส่องทางไกลถูกส่งไปให้ลิลี่ถือ

“ลิลี่ ใช้เจ้านี่มองไปตามเส้นขอบฟ้า ถ้าพบสิ่งผิดปกติให้รีบบอกฉัน”

“อื้อ”

แสงสว่างจากด้านบนเจือจางจางจนเกือบจะมืด แต่แสงสลัวจากด้านล่างช่วยทำให้น้ำทะเลสว่าง เมื่อมองในมุมกว้างจึงเกิดเป็นภาพที่แปลกตา

พวกเราแล่นเรือครึ่งวันในสภาวะนี้ ที่นี่ไม่มีกลางวันหรือกลางคืน

ระหว่างนั้นก็ได้เห็นหลายสิ่ง โดยเฉพาะฝูงปลาเฮร์ริ่งที่ส่องแสงอยู่ใต้ทะเล

หนังปลามีลวดลายส่องแสง พวกมันกระโดดเหนือน้ำประหนึ่งโลมา

และ

“…นั่นอะไร”

ฉันเริ่มพบสิ่งแปลกๆ

แม้จะฝากให้ลิลี่คอยส่องทางไกล แต่เราสองคนก็พบความผิดปกติพร้อมกัน

เหตุผลไม่ซับซ้อน พวกเราเห็นสิ่งก่อสร้างในตำแหน่งไกลออกไป และเริ่มคาดเดาว่าตรงนั้นคงมีเกาะ

หลังจากเห็นดวงไฟ ฉันเชื่อว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวคือประภาคาร

ขณะพวกเราแล่นเข้าใกล้ประภาคาร

「ก็แค่ประภาคารเล็กๆ เอง」

เอ็ดเวิร์ดพูดอย่างไม่แยแส และฉันก็คิดแบบเดียวกันในตอนแรก

แต่พอรู้ตัวอีกทีก็พบว่า ประภาคารไม่ได้ถูกสร้างบนเกาะ แต่มันคือหอคอยที่ผุดขึ้นจากก้นทะเล

“…”

“…”

หลังจากค้นพบความจริงดังกล่าว พวกเราทิ้งสมอข้างประภาคารและแหงนหน้ามอง

ฉันพบทางเข้าเล็กๆ

“เข้าไปกันเถอะ”

“อื้อ”

เมื่อแบกสัมภาระเดินเข้าไป เราพบบันไดวนม้วนลงไปข้างล่าง

“กัปตัน”

เอ็ดเวิร์ดเงียบ

เพราะพวกเราทุกคนเริ่มฉุกคิดได้

ว่าสิ่งที่จะได้เจอที่ขั้นบันไดสุดท้ายคืออะไร

เมืองที่เอ็ดเวิร์ดตามหา อาจไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นด้วยตาเปล่า

“โมห์ส mohs”

เมื่อบรรยากาศสว่างขึ้น ฉันพบอักษรรูนเล็กๆ บนประตู

“มันเขียนว่าอะไร”

ลิลี่ถามหลังจากเห็นฉันเงียบไป

อักษรรูนเหล่านี้ไม่ได้อ่านยากอะไร

แต่เป็นข้อความที่ทำให้ฉันต้องใช้สมอง

“เป็นคำนามเฉพาะ มีความหมายว่า ‘ห้ามลืม’”

“คำนามเฉพาะ?”

“ที่จริงมันมีหลายความหมาย สามารถแปลได้ทั้ง ‘ผู้ถูกลืม’ หรือ ‘อย่าลืม’ หรือ ‘ห้ามลืม’ ก็ได้… อาจเป็นชื่อคนได้เหมือนกัน และฉันก็เคยพบในประโยคสำหรับบอกลา”

“อ่านว่าอะไร?”

แน่นอนว่าในเมื่อเป็นภาษารูน ย่อมไม่มีทางออกเสียงได้ตามปกติ

ฉันเดาว่าคงเป็นประมาณนี้

“แอตแลนติส Atlantis”

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด