ตอนที่แล้วอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 168 วางแผนรายการ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปอาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 170 ต่อรองราคา

อาณาจักร ฮาร์ดี้ 1945 ตอนที่ 169 สาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหก


ตอนที่ 169 สาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหก

ส่วนซีรีย์ 'นักฆ่าเพชรตัดเพชร' จะเป็นการขยายเรื่องราวของภาพยนตร์นักฆ่าเพชรตัดเพชรที่เพิ่งฉายไป

ซึ่งฮาร์ดี้ไม่ได้เขียนเนื้อเรื่องใดๆ ทั้งนั้น เขาจะมอบมันให้ผู้เขียนบทของบริษัทเขาเป็นคนทำ

ในส่วนนักแสดง เขาก็อาจจะให้อีสต์วุดรับบทไป

เพราะตอนนี้เขาไม่ได้แสดงภาพยนตร์อะไร แค่ถ่ายละครทีวีทั่วไปเท่านั้น

ซึ่งอีสต์วุดเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจากการที่ได้แสดงภาพยนตร์นักฆ่าเพชรตัดเพชรมาก่อน

ทำให้ตอนนี้เขามีชื่อเสียงมากขึ้นและบทบาทของเขาก็เป็นที่น่าจดจำ

แต่ว่ามันก็มีข้อเสียคือการที่ผู้ชมจดจำภาพลักษณ์เขาไปแล้ว

ถ้าเขาเล่นหนังเรื่องอื่นที่ไม่ใช่แนวตะวันตกผู้คนก็อาจจะไม่ยอมรับมันสักเท่าไหร่

มันเหมือนกับปล่อยให้คนอย่าง ‘เชน เติ้ง’ เล่นภาพยนตร์ที่จริงจังสักเรื่อง

ซึ่งปกติคุณก็จะหัวเราะเมื่อได้เห็นหน้าเขา ดังนั้นผู้กำกับคนไหนอยากจะให้บทบาทอื่นกับเขาล่ะ?

ถ้ามี…ผู้กำกับคนนั้นต้องมีความกล้าหาญมากๆ ที่ให้บทบาทที่จริงจังกับเขา

ฮาร์ดี้ยังมีความคิดที่จะทำรายการอีกอันหนึ่งขึ้นมา

ตอนนี้เขามีพื้นที่อยู่ในมือประมาณ 8,000 เอเคอร์ในนิวเม็กซิโกที่ที่เขาไปสร้างโรงงานผลิตน้ำแร่ และมันยังเหลือพื้นที่อีกเยอะสำหรับการสร้างฐานถ่ายทำภาพยนตร์ตะวันตก

เขาวางแฟ้มของภาพยนตร์ซีรีย์ลง และฮาร์ดี้ก็หยิบโชว์สำหรับรายการทีวีขึ้นมาอีก

"ลองดูนี่สิ" ฮาร์ดี้ยื่นแผนรายการทีวีช็อปปิ้งให้กับพวกเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันมีรายละเอียดมากกว่ารายการอื่นๆ

หลายคนอ่านมันอย่างตั้งใจ

ทีวีช็อปปิ้งออกอากาศทางโทรทัศน์ตั้งแต่ 14.00 ถึง 18.00 นาฬิกาของทุกวัน โดยเป้าหมายก็คือกลุ่มแม่บ้าน

เพราะครอบครัวของอเมริกัน 90% สำหรับผู้หญิงหลังแต่งงานจะกลายเป็นแม่บ้าน

พวกเธอจะมุ่งเน้นไปที่การดูแลครอบครัว

พวกเธอเป็นคนที่ใช้เงินมากที่สุดในบ้าน ดังนั้นสินค้าทุกอย่างก็มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายกลุ่มนี้

ทีวีช้อปปิ้งสามารถขายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ไวน์ เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว น้ำห้อง อุปกรณ์ครัว หม้อและกระทะ ถ้วย ชุดน้ำชา เครื่องล้านจาน ที่คั้นน้ำผลไม้ และ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก

สิ่งของเหล่านี้มีหลายยี่ห้อและมีลักษณะที่แตกต่างกัน มันไม่สามารถแนะนำได้หมดจริงๆ และแน่นอนว่าฮาร์ดี้เตรียมที่จะนำสินค้าของตัวเองออกขายด้วยเช่นไวน์แดง

ยังไงเขาก็เป็นเจ้าของโรงกลั่นเหล้าองุ่นที่ตั้งอยู่ในฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา และยอดขายมันก็ไม่ค่อยดีนัก

ดังนั้นเขาเลยจะขายมันผ่านทีวีช้อปปิ้งนี้แหละ

เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถในการขายของช้อปปิ้งทีวี เขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับยอดขายอย่างแน่นอน

ดวงตาของอิริน่าเป็นประกายหลังจากอ่านจบ "บอส แม่บ้านเหล่านั้นหลายคนต้องดูแลลูกๆ ของพวกเธอที่บ้าน ทำให้พวกเธอไม่สามารถออกไปช้อปปิ้งได้ รายการนี้จะดึงดูดพวกเธอได้อย่างแน่นอน แถมบริษัทออกอากาศที่อื่นก็ยังไม่มีรายการนี้เลย มันจะต้องดึงดูดผู้ชมอีกนับไม่ถ้วนได้แน่"

ทว่าเอ็ดเวิร์ดก็นึกถึงปัญหาอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ "บอส ถ้าทำตามที่บอสพูดก็คือให้โทรมาที่รายการเพื่อซื้อของ แล้วเรื่องส่งของเราจะทำยังไงดีละ?"

"ฉันเข้าใจในปัญหานั้น ดังนั้นในระยะแรกเราจะให้บริการแค่ไม่กี่เมืองเช่น ลอสแอนเจลิสกับนิวยอร์ก นอกจากนี้ฉันก็วางแผนที่ทำสัญญากับบริษัทขนส่งสักทีเหมือนกัน ซึ่งฉันก็เชื่อว่าถ้าเขาร่วมธุรกิจกับเรา บริษัทขนส่งนั้นก็จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน"

"แล้วถ้ามันไม่มีคนสนใจซื้อก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงมันก็ถือว่าเป็นการส่งเสริมการขายต่อสินค้าเหล่านั้นเหมือนกัน มันถือว่าเป็นการโฆษณารูปแบบหนึ่งเลย และเราสามารถขอค่าโฆษณาจากสินค้าเหล่านั้นได้"

"แถมเมื่อเราขายของได้ พวกเขาก็ต้องให้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายมาด้วย มันก็จะเหมือนกับว่าเราทำเงินได้ตั้งสองด้านเลยทีเดียว"

ซึ่งฮาร์ดี้ยังพูดไม่หมด เพราะนอกเหนือจากการได้รับค่าโฆษณาและค่าคอมมิชชั่นแล้ว เขายังสามารถให้แอนดี้ปั่นหุ้นของบริษัทเหล่านี้ได้ ตราบใดที่สินค้าของพวกเขากำลังขายดี ราคาหุ้นมันก็จะสูงขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้ว

ด้วยวิธีนี้เขาจะมีรายได้มากกว่าการเก็บค่าธรรมเนียมโฆษณาและค่าคอมมิชชั่นซะอีก

และเขาก็ยังมีความคิดอื่นด้วย

เขาสามารถซื้อบริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่ราคาหุ้นยังต่ำอยู่ แต่บริษัทนั้นมีผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม

และเขาก็แค่ทำงานอย่างหนักเพื่อขายผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้ได้ แล้วหลังจากฟื้นฟูบริษัทได้ ราคาหุ้นก็จะพุ่งขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งฮาร์ดี้ก็คิดว่าเขาสามารถหาเงินคืนจากการที่ซื้อบริษัทออกอากาศเอบีซีได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น

การเป็นเจ้าของบริษัทออกอากาศไม่ใช่เพื่อหารายได้จากค่าโฆษณา แต่เพื่อที่จะได้ควบคุมการโฆษณาและความคิดเห็นของสาธารณชนต่างหาก

สิ่งนี้ถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด

หลังจากที่พูดคุยเกี่ยวกับการช้อปปิ้งทางทีวี ฮาร์ดี้ก็เอาแผนการสุดท้ายออกมา

"ลองดูนี่อีกสิ แผนการนี้เรียกว่า 'ซูเปอร์ ดาร์ฟ'!"

"มันคืออะไรเหรอ?" อิริน่าถาม

"มันก็คือการที่เราจะคัดเลือกคนที่ดีที่สุดมาร่วมงาน ซึ่งแผนของฉันคือการดำเนินการจัดกิจกรรมทั่วประเทศ โดยจะเริ่มต้นจากการออดิชั่นหาคนเพื่อจะไปแข่งรอบชิงชนะเลิศ และหาผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่ง อันดับสอง อันดับสาม ระหว่างกิจกรรม"

รายการออดิชั่นของฮาร์ดี้จะคล้ายกับรายการ 'ซูเปอร์เกร์ล' ของจีน แต่ของเขานั้นไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็สามารถเข้าร่วมได้ โดยมันจะเริ่มจากการออดิชั่นและเมื่อออดิชั่นเสร็จก็จะเป็นรอบคัดออก

พร้อมกับรอบชิงชนะเลิศเป็นรอบสุดท้าย

แม้ว่าฮาร์ดี้จะจัดรายการให้เป็นการคัดเลือกระดับประเทศ แต่ตอนนี้เป็นปี 1947 ซึ่งมันก็มีเงื่อนไขหลายอย่างที่อนุญาตให้ไม่ได้  มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนทั่วประเทศ

เขาจึงมีสถานที่เพียงแห่งเดียวให้ลงทะเบียนนั่นก็คือลอสแอนเจลิส

โดยเขาจะเปิดให้ลงทะเบียนที่นี่ดังนั้นผู้คนจากทุกสถานที่ก็จะมาที่ลอสแอนเจลิสเพื่อลงทะเบียน

ซึ่งมันก็คล้ายกับการคัดเลือกระดับชาติเหมือนกัน

และเขาก็เชื่อมั่นว่าจะมีผู้คนมากมายที่มาฮอลลีวูด เพราะมันเป็นเมืองที่สร้างคนดังไว้มากมาย

หลังจากอ่านแล้วเอ็ดเวิร์ดก็พูดด้วยความตื่นเต้น "บอส รายการนี้มันก็เทียบเท่ากับการคัดเลือกผู้มีความสามารถทั่วประเทศเลยใช่ไหม? ดังนั้นถ้าคนเหล่านี้เซ็นสัญญากับบริษัทนายหน้าของเรา บริษัทของเราก็จะมีศิลปินที่โดดเด่นอีกมากมายในอนาคต"

"ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาได้แสดงใบหน้าของพวกเขาในรายการนี้แล้ว พวกเขาก็ถือว่ามีชื่อเสียงเล็กน้อย และยังถือว่ามีข้อได้เปรียบในกิจกรรมอื่นๆ ทำให้พวกเขาสามารถทำเงินได้ในทันที!"

ฮาร์ดี้เปลี่ยนหน้าเอกสารเป็นอีกหน้าและชี้ไปที่มัน "ดูสิ่งนี้สิ ฉันได้เขียนแผนการคร่าวๆ ไว้แล้ว"

เอ็ดเวิร์ดมองไปยังที่ฮาร์ดี้ชี้อยู่ มันก็คือแผนการสำหรับการทำสัญญา

ซึ่งมันเขียนไว้ว่าศิลปินทุกคนต้องเซ็นสัญญากับบริษัทก่อนเข้ารอบชิงชนะเลิศหากใครไม่ลงนามก็จะถูกคัดออก

บอสช่างฉลาดมากจริงๆ

เพราะถ้าคุณไม่เซ็นสัญญากับบริษัท ทำไมเราต้องสนับสนุนพวกคุณด้วย?

ฟ็อกซ์ อิริน่า เอ็ดเวิร์ดก็คิดสิ่งต่างๆ ด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน และเมื่อนึกถึงรายการนี้ที่ชื่อว่า 'ซูเปอร์ดราฟ'

ในใจของพวกเขาก็รู้สึกได้เลยว่ารายการนี้น่าจะดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วนตั้งแต่แรกเริ่ม

ซึ่งฮาร์ดี้ก็เขียนประโยคเชิญชวนไว้ในเอกสารด้วย

'คนธรรมดาก็สามารถไล่ตามความฝันได้!'

'นี้คือเวทีแสดงความสามารถสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นชาวนา ช่างซ่อม คนส่งหนังสือพิมพ์หรือคนทอผ้า ตราบใดที่คุณร้องเพลงได้ไพเราะและมีเสียงที่น่าฟังคุณก็สามารถเข้าร่วมเวทีโชว์นี้ได้!'

ในยุคนี้นั้นไม่มีรายการที่ให้มาแสดงความสามารถเช่นนี้เลย

ที่แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถเข้าร่วมได้

แม้ว่าจะเป็นไปได้ว่ารอบออดิชั่นจะถูกคัดออก แต่มันก็ถือว่าได้แสดงความสามารถออกมาแล้ว

ดังนั้นคนธรรมดาก็สามารถไล่ตามความฝันได้สิ่งนี้มันจึงเป็นส่วนที่น่าสนใจสำหรับซูเปอร์ดราฟ

เพราะมันคือการให้โอกาสทุกคน และก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นดาราดัง

แน่นอนว่ารายการนี้จะดึงดูดผู้ชมนับไม่ถ้วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะผู้ชมส่วนใหญ่ก็เป็นคนธรรมดา

เมื่อพวกเขาเห็นคนเหล่านี้บนเวที พวกเขาก็จะเหมือนมองเห็นเงาของตัวเอง

และความรู้สึกของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก

พวกเขาจะไม่หัวเราะผู้สมัครที่ไปออดิชั่นว่าไร้ความสามารถ แต่จะรู้สึกว่านี้คือแรงกระตุ้น

และการแสดงความสามารถนี้ก็อาจจะกลายเป็นการแสดงระดับโลกเลยก็ได้

"หัวหน้าผมคิดว่าเราควรมีรอบออดิชั่นมากกว่าหนึ่งรอบ เพราะผู้ชมอาจจะชอบคนที่ร้องไม่เข้าจังหวะหรือแม้แต่คนที่หลอกตัวเองว่าร้องเพราะก็ได้" ฟ็อกซ์เสนอ

ฮาร์ดี้ยิ้มและก็เปิดหน้าสุดท้าย

มันเขียนไว้ว่า 'ทุกๆ คนสามารถเป็นดาราได้ ถึงแม้จะมาทำตัวโง่เขลาในรายการก็ตาม ซึ่งสิ่งนี้ก็จะช่วยกระตุ้นคนธรรมดาให้เกิดความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมรอบออดิชั่น ส่วนการคัดเลือกก็จะเอาแต่ผู้เข้าแข่งขันที่มีความสามารถในแต่ละรอบออดิชั่นมาเท่านั้น'

"มันจะทำให้การออดิชั่นสนุกกว่าการเลื่อนขั้นธรรมดา และให้เวลากับรายการสักสองชั่วโมงต่อวันสำหรับการออดิชั่น 5 เดือน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีเวลาเพียงพอที่จะมาลอสแอนเจลิส"

ตอนนี้ฟ็อกซ์ชื่นชมฮาร์ดี้มาก เพราะความรู้และความสามารถของหัวหน้าคนนี้ดีกว่าทุกคนที่เขาเคยเห็น

แผนการของฮาร์ดี้สำหรับรายการเหล่านี้มันเพียงพอที่จะสนับสนุนสถานีโทรทัศน์ให้อยู่รอดแล้ว

เขาเชื่อว่าเมื่อรายการเหล่านี้ถูกปล่อยออกไปสถานีโทรทัศน์อื่นๆ ก็จะสูญเสียความมั่นคงของพวกเขาอย่างแน่นอน และบริษัทเอบีซีก็จะเป็นเจ้าตลาดของธุรกิจออกอากาศของสหรัฐอเมริกาอย่างรวดเร็ว

และพวกเขาก็จะไม่ขาดโฆษณาที่จะเข้ามาอย่างแน่นอน!

อย่าบอกว่าไม่อยากทำเงินจากการโฆษณา!

"ฟ็อกซ์ ผมหวังว่าโครงสร้างของสถานีโทรทัศน์จะสำเร็จได้ในเร็วๆ นี้ และผมก็หวังว่ารายการตอนแรกจะออกอากาศอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า"

"ได้ครับ คุณฮาร์ดี้"

"เอ็ดเวิร์ด นายจะเป็นผู้รับผิดชอบในรายการเหล่านี้ ซึ่งฉันอยากให้จ้างผู้กำกับ นักเขียนบท โปรดิวเซอร์ และนักวางแผนให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยที่ฉันอยากให้มันเสร็จภายในครึ่งเดือน"

"นอกจากนี้ให้ตั้งทีมจัดซื้อเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากบริษัทภาพยนตร์อื่นๆ เพื่อเอามาออกอากาศทางโทรทัศน์ของเรา และลองไปถามเอ็มจีเอ็มด้วยว่ายินดีที่จะขายลิขสิทธ์ 'ทอมแอนเจอร์รี่' ไหม"

"พร้อมกับให้ความสนใจกับการแข่งขันกีฬาใหญ่ๆ เช่น เบสบอส รักบี้ ฟุตบอล เพราะเกมกีฬาพวกนี้จะดึงดูดผู้ชมได้จำนวนมาก โดยนายสามารถใช้เงินบางส่วนซื้อลิทธิ์ในการออกอากาศมาได้เลย" ฮาร์ดี้กล่าว

เอ็ดเวิร์ดยังคงพยักหน้าและจดสิ่งที่บอสสั่งลงในสมุดจด

หลังจากออกคำสั่งเสร็จ เอ็ดเวิร์ด ฟ็อกซ์ อิริน่าก็บอกลาและออกจากห้องทำงานของฮาร์ดี้ไป

ฮาร์ดี้จึงได้มีโอกาสผ่อนคลายและวางเท้าลงบนโต๊ะ

เพราะหลังจากสามวันของการทำงาน ในที่สุดเขาก็ทำสิ่งต่างๆเสร็จ

ดังนั้นต่อไปก็คือให้คนของเขาเป็นคนทำแทน…

ในเวลานี้ประตูก็ถูกเคาะอีกครั้ง

"เข้ามาได้!"

ประตูถูกเปิดเบาๆ และอิริน่าก็โผล่ศีรษะของเธอออกมาแค่ครึ่งเดียว

"บอสคะ ฉันมีเรื่องจะปรึกษากับคุณสักหน่อยได้ไหม?" อิริน่าพูดอย่างระมัดระวัง

"ได้สิ เข้ามาเลย"

อิริน่าเดินไปหาฮาร์ดี้และยืนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยท่าทางลังเล

"มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?"

"บอส ฉันชอบรายการบาร์บี้สาวน้อยมหัศจรรย์มากเลย มันจะต้องดูดีอย่างมากเมื่อถ่ายเสร็จ" อิริน่าพูดด้วยรอยยิ้ม

"แต่มันจะมีเจ้าหญิงแค่สามคนเองเหรอ? ฉันคิดว่าน่าจะมีเจ้าหญิงสักสี่คนน่าจะดี...เพราะยิ่งจำนวนเจ้าหญิงมากเท่าไหร่ การพูดคุยของพวกเธอก็จะยาวขึ้น และระยะเวลาของการ์ตูนเรื่องนี้ก็จะนานขึ้นใช่ไหม?" อิริน่าพูดเบาๆ

"คำพูดของเธอก็ดูมีเหตุผลอยู่..." ฮาร์ดี้พยักหน้า

ตอนนี้เขาเดาได้แล้วว่าเด็กสาวคนนี้ต้องการจะทำอะไร การที่อิริน่ามาพูดถึงเจ้าหญิงบาร์บี้ให้เขาฟัง…

จุดมุ่งหมายของเธอก็คงเป็นการได้เพิ่มเจ้าหญิงเอเลนเข้าไปในการ์ตูน

อิริน่าที่ได้ยินว่าฮาร์ดี้เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เธอก็พูดด้วยใบหน้าตกตะลึง "บอส คุณก็คิดเหมือนกันใช่ไหม? ถ้าเราเพิ่มเจ้าหญิงขึ้นไปยังไงมันก็จะออกมาดีกว่าเดิมแน่ๆ"

"ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันขอเวลาคิดก่อนว่าจะเพิ่มเจ้าหญิงคนไหนดี"

หลังจากพูดจบเขาก็เงยหน้ามองอิริน่าพร้อมกับแกล้งทำเป็นไม่รู้ความคิดของสาวฝรั่งเศส

"มีอะไรอีกไหม?"

อิริน่ารู้สึกกังวลเมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่พิจารณาตัวเองเลย

"บอส คุณลองดูฉันสิ ฉันเป็นเจ้าหญิงเอเลนได้ไหม?"

ฮาร์ดี้มองไปขึ้นลงที่ร่างกายของสาวฝรั่งเศส "สัดส่วนของเธอคือเท่าไหร่?"

ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของอิริน่า

เธอยืนตรงด้วยท่าทางสง่างามทันที

"35-24-35"

เด็กสาวคนนี้สูงถึง 170 เซนติเมตร มีขาที่ยาวและก้นขนาดใหญ่...

สัดส่วนรูปร่างของเธอนั้นใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมาก…

เธอดูสวยงามคล้ายกับนักแสดงหญิงชาวฝรั่งเศสที่ฮาร์ดี้รู้จักในอนาคต

"หุ่นเธอดีขนาดนั้นเลยเหรอ? มันไม่น่าเชื่อจริงๆ..." ฮาร์ดี้ส่ายหัว

"ฉันสามารถหาไม้บรรทัดให้บอสวัดได้ด้วยตัวเองเลย!" สาวฝรั่งเศสพูดโดยไม่ยอมรับความพ่ายแพ้

"เอาล่ะ เธอไปหาคนรับผิดชอบที่โรงงานตุ๊กตาบาร์บี้และบอกกับเขาว่าฉันต้องการที่จะเพิ่ม 'เจ้าหญิงเอเลน' ให้เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ตัวใหม่ และก็จะเพิ่มใน 'สาวน้อยมหัศจรรย์บาร์บี้' ด้วย ซึ่งเธอจะต้องดูแลการผลิตสองเรื่องนี้ด้วยตัวเองและในตอนนี้จำนวนเซเลอร์มูนก็เพิ่มเป็นสี่คนแล้ว" ฮาร์ดี้กล่าว

"บอสจงเจริญ! ฉันจะรักคุณจนตายเลย!"

ในที่สุดความปรารถนาของเธอที่รอคอยมานานก็ได้รับการเติมเต็ม

อิริน่าจึงกระโดดไปมาอย่างตื่นเต้น และเดินไปกอดฮาร์ดี้อย่างแรง พร้อมกับจูบเขาอย่างหนักที่แก้มของฮาร์ดี้

ตอนที่สาวน้อยคนนี้กอดเขา

ฮาร์ดี้ก็ได้รู้ว่าเธอไม่ได้โกหก...สัดส่วนของเธอมัน 35 จริงๆ

………………………………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด