ตอนที่แล้วบทที่ 3 เลือกเทคนิคการบ่มเพาะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 เทคนิคหัวใจแห่งราชันย์

บทที่ 4 มรดกจากเทพแห่งปราชญ์


การได้เห็นกู่เซวียนถูกผลักออกจากห้องนี้อย่างง่ายดาย พิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งต่างๆในคัมภีร์เล่มนี้มีประสิทธิภาพเพียงใด แสงสีขาวปกคลุมทั่วทั้งอาคารและร่างของชายคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเย่เฉิน

ร่างนั้นมองไปที่เย่เฉินจากบนลงล่าง “ร่างหยางโบราณ ไม่เลวเลย” ร่างที่ลอยอยู่ชื่นชมเย่เฉินเล็กน้อย

“ข้าคือเทพแห่งปราชญ์ หนึ่งในห้าเทพแท้จริงที่ทรงอำนาจที่สุดในอดีต ข้าตั้งใจทิ้งเศษเสี้ยววิญญาณไว้ในคัมภีร์เล่มนี้ เพื่อที่วันหนึ่งจะมีใครสักคนมาสืบทอดพลังของข้า และวันนี้เจ้าได้เปิดใช้งานมรดกที่ข้าทิ้งไว้แล้ว” คนที่เรียกตัวเองว่าเทพแห่งปราชญ์กล่าว

หากคนอื่นในแดนเทพได้ยินชื่อเทพแห่งปราชญ์ พวกเขาคงจะมีความสุขมาก ยิ่งกว่านั้น การรู้ว่าพวกเขาจะได้รับมรดกของเทพแห่งปราชญ์ พวกเขาคงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความปิติยินดีอย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถใช้หลักการนั้นกับเย่เฉินได้

“ผู้อาวุโส บางทีท่านอาจจะเข้าใจผิด ผมเพียงแค่แตะคัมภีร์และไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย” คนๆนี้สามารถขับไล่กู่เซวียนได้อย่างง่ายดาย มันพิสูจน์ความแข็งแกร่งของบุคคลนี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าเขาต้องการทำร้ายหรือฆ่าเย่เฉินก็คงจะเป็นเรื่องง่าย

เมื่อเห็นเย่เฉินดูลำบากใจ ในที่สุดเทพแห่งปราชญ์ก็พูดขึ้น “ใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า ข้าจะอธิบายให้เจ้าเข้าใจเอง”

“เพื่อเปิดใช้งานมรดกของข้า นอกจากจะมีคัมภีร์เล่มนี้แล้ว เจ้าต้องมีกุญแจพิเศษด้วย กุญแจเพื่อเปิดใช้งานมรกดของข้าคือสิ่งที่อยู่บนคอของเจ้า” เทพแห่งปราชญ์ชี้ไปที่สร้อยคอของเย่เฉิน

ในที่สุดเย่เฉินก็ตระหนักว่าสร้อยคอของเขาเรืองแสงสีแดงเพราะอะไร ด้วยความอยากรู้ เย่เฉินจึงถามว่า "ผู้อาวุโส แท้จริงแล้วสร้อยคอนี้คืออะไรกันแน่?"

เทพแห่งปราชญ์: "มันคือผลึกอัคคีที่เป็นหนึ่งในผลึกของธาตุทั้งแปด แปดธาตุได้แก่ อัคคี วารี วายุปฐพี อัสนี แสงสว่าง ความมืด และมิติ ผลึกทั้งแปดนี้กระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล หนึ่งในนั้นคือสิ่งที่อยู่บนคอของเจ้า"

“ข้าไม่มีเวลามาตอบคำถามทั้งหมดของเจ้า ดังนั้นเจ้าเตรียมตัวรับมรดกของข้าได้แล้ว” ที่ปลายนิ้วของเทพแห่งปราชญ์ มีหยดเลือดปรากฏขึ้น

“นี่คือหยดเลือดของข้าที่ถูกขัดเกลามาหลายล้านปีเพื่อให้ได้หยดเลือดที่เป็นอมตะ หลังจากที่หยดเลือดนี้เข้าสู่ร่างกายของเจ้าแล้ว เส้นเลือดและเส้นชีพจรทั้งหมดของเจ้าจะถูกแทนที่ด้วยเส้นชีพจรเดียวกันกับที่ข้ามี ระหว่างกระบวนการมันอาจจะเจ็บเล็กน้อย”

จากนั้นเทพแห่งปราชญ์ก็ผลักหยดเลือดไปที่หน้าอกของเย่เฉิน หยดเลือดเข้าไปในผิวหนังและเริ่มหลอมรวมกับเลือดในร่างกายของเย่เฉิน

เมื่อหยดเลือดเข้าสู่ร่างกาย เย่เฉินรู้สึกราวกับมีบางอย่างกำลังกัดกินเส้นเลือดของเขา ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเกิดขึ้นทั่วร่างกายของเย่เฉิน เย่เฉินรู้สึกเหมือนถูกแทงและสับด้วยดาบนับพัน เย่เฉินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

กู่เซวียนที่อยู่ข้างนอกกำลังพยายามทำลายม่านพลังที่ห่อหุ้มอาคาร กู่เซวียนใช้พลังมากถึงแปดส่วนเพื่อพยายามทำลายม่านพลังนี้ แต่น่าเสียดายที่ม่านพลังไม่สั่นสะเทือนแม้แต่น้อย

กู่เซวียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่เฉินข้างในนั้น หากเกิดอะไรขึ้นกับเย่เฉินจริงๆ กู่เซวียนคงจะเสียใจอย่างแน่นอน เพราะมันยากมากที่จะหาลูกศิษย์ที่มีร่างกายพิเศษเหมือนเย่เฉิน

"อ๊ากกกกกก..." เสียงร้องของความเจ็บปวดดังออกมาจากอาคาร

ในที่สุดสิ่งที่กู่เซวียนกลัวก็เกิดขึ้น เย่เฉินต้องพบเจออะไรบางอย่างที่น่ากลัวอยู่ในนั้น

กู่เซวียนถูกบังคับให้ใช้เทคนิคขั้นสูงสุดของเขา สถานที่ทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับดาวเคราะห์กำลังจะพังทลาย พลังปราณที่แข็งแกร่งสุดขั้วรวมตัวกันในร่างของกู่เซวียน กู่เซวียนส่งพลังปราณทั้งหมดไปยังม่านพลัง

บูมมมม

เสียงระเบิดดังไปไกลหลายร้อยหลายพันไมล์ ฝุ่นตลบอบอวลไปทุกหนแห่งทั่วพื้นที่หลายร้อยลี้

เมื่อฝุ่นผงหายไป ม่านพลังยังคงแข็งแกร่งดังเดิม ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความเสียหาย

เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู่เซวียนทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ กู่เซวียนทำได้เพียงภาวนาให้เย่เฉินปลอดภัย

หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง เสียงกรีดร้องก็หยุดลง ร่างกายของเย่เฉินและเลือดของเทพแห่งปราชญ์ก็หลอมหลวมกันอย่างสมบูรณ์

เย่เฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขาเบามากและมีพลังมากมายไหลเวียนอยู่ จิตใจของเย่เฉินเองก็แจ่มชัดมากเช่นกัน

“ตอนนี้เจ้าได้รับมรดกของข้าแล้ว ถึงแม้ว่าเจ้าจะยังสืบทอดพลังของข้าได้ไม่เต็มที่ แต่หากเจ้าพบผลึกอีกเจ็ดอันที่เหลือ เจ้าก็จะได้รับพลังทั้งหมดของข้าไป”

“ผู้อาวุโส ถ้าอย่างนั้นผมจะหาผลึกที่เหลืออีกเจ็ดอันได้ที่ไหน?” เย่เฉินถาม

“มันขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้า เพราะผลึกกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล เป็นไปได้ที่ผลึกบางอันจะอยู่ในมือของคนอื่น”

เทพแห่งปราชญ์: “สำหรับเทคนิคการบ่มเพาะและสิ่งอื่นๆล้วนมีอยู่ในคัมภีร์เล่มนี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะทำภารกิจที่ข้าไม่สามารถทำได้ในอดีตให้สำเร็จ”

เทพแห่งปราชญ์: “เพราะเจ้าสืบทอดมรดกของข้า สิ่งที่เจ้าต้องแบกรับในอนาคตจะหนักหนาสาหัสยิ่ง งานของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ถึงเวลาที่ข้าต้องจากไป” เทพแห่งปราชญ์ปิดตาลง ร่างของเทพแห่งปราชญ์เริ่มโปร่งใสมากขึ้นและในที่สุดก็หายไปจากโลกนี้

“เดี๋ยวก่อน ผู้อาวุโส อธิบายเรื่องภารกิจให้ผมฟังก่อน มันหมายความว่ายังไง?” ก่อนที่เย่เฉินจะพูดจบ เทพแห่งปราชญ์ก็หายไปจากโลกนี้แล้ว

คัมภีร์ที่แต่เดิมลอยอยู่กลางอากาศได้กลายเป็นลำแสงและเข้าไปในความคิดของเย่เฉิน เย่เฉินได้รับข้อมูลต่างๆตั้งแต่เทคนิคการบ่มเพาะของเทพปราชญ์และทักษะระดับสวรรค์บางอย่างที่เทพปราชญ์เท่านั้นที่ใช้ได้

เย่เฉินเรียนรู้มันทีละอย่าง ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลังจากที่เย่เฉินสืบทอดพลังของเทพปราชญ์แล้ว เย่เฉินก็สามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

จากสิ่งที่เย่เฉินเพิ่งเรียนรู้ ผู้ฝึกตนมีจุดชีพจรทั้งหมด 52 จุด แต่ตอนนี้เย่เฉินมีทั้งหมด 60 จุด

จุดชีพจรเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกตนทุกคน ยิ่งสามารถเปิดจุดชีพจรได้มากเท่าไรก็ยิ่งดูดซับพลังปราณและบ่มเพาะได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น

แปดจุดชีพจรที่เพิ่มมาเหล่านี้แสดงถึงธาตุดั้งเดิมทั้งแปดของเทพแห่งปราชญ์ และจากจุดชีพจรแปดจุดนี้ มีจุดนึงที่เปิดอยู่

ต้องใช้ผลึกอัคคีในการเปิดจุดชีพจร

ทักษะพิเศษ: เพิ่มความแข็งแกร่งของผู้ใช้ได้หลายสิบเท่าในช่วงเวลาหนึ่ง หากระดับการบ่มเพาะของผู้ใช้อ่อนแอ มันจะทำรายตัวผู้ใช้เอง

คัมภีร์เล่มนี้เป็นเหมือนกับระบบ มันแสดงเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับจุดชีพจรอัคคีและทักษะการใช้เพลิง สำหรับจุดชีพจรอื่นๆข้อมูลยังคงว่างเปล่า

ระดับความคิดของเย่เฉินสูงขึ้น ดังนั้นเขาจึงรู้โดยอัตโนมัติว่าถ้าเขาต้องการเปิดข้อมูลและทักษะอื่นๆ เย่เฉินจะต้องค้นหาผลึกชิ้นอื่นของเทพแห่งปราชญ์

นอกจากเทคนิคของธาตุอีก 7 อย่างที่ยังคงว่างเปล่า เทคนิคที่เหลือทั้งหมดถูกแสดงให้เย่เฉินเห็น สิ่งที่สะดุดตาที่สุดสำหรับเย่เฉินคือเทคนิคที่เรียกว่า กายาเทพแท้จริง

มันมีทั้งหมด 10 ขั้น แต่ละขั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายผู้ใช้หลายเท่าตัว

นี่เป็นเทคนิคที่เทพแห่งปราชญ์บ่มเพาะ เพื่อทำให้เทคนิคนี้ก้าวหน้า ผู้ใช้ต้องฝึกร่างกายของพวกเขาอย่างหนัก

หลังจากเรียนรู้เทคนิคที่ทรงพลังบางอย่างแล้ว เย่เฉินก็ลุกขึ้นทันทีและต้องการออกจากอาคารนี้ แต่ดูเหมือนว่าม่านพลังที่ปกคลุมไว้ยังไม่หายไป

ขณะกำลังคิดวิธีจัดการ ม่านพลังก็หายไปไหนพริบตาก่อนที่เย่เฉินจะรู้ตัว และทันใดนั้น ร่างเงาก็พุ่งเข้ามาและยืนอยู่ตรงหน้าเย่เฉิน

**********

T/N: ต้นฉบับใช้ ‘deep vein(หลอดเลือดดำชั้นลึก)’ ผมขอใช้คำว่า จุดชีพจรไปก่อน ถ้าใครมีคำดีๆก็แนะนำกันได้