ตอนที่แล้วบทที่ 2 อาจารย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 มรดกจากเทพแห่งปราชญ์

บทที่ 3 เลือกเทคนิคการบ่มเพาะ


เย่เฉินรู้ว่าอาจารย์ของเขาสามารถบินได้ แต่เขาไม่คิดว่าอาจารย์จะพาเขาออกมานอกชั้นบรรยากาศของโลก หลุมดำปรากฏขึ้นตรงหน้าเย่เฉิน

เย่เฉินไม่รู้ว่าอาจารย์ของเขาจะพาเขาไปไหน และเย่เฉินก็ยังไม่รู้ชื่ออาจารย์ของเขาเลยด้วยซ้ำ “อาจารย์ ผมยังไม่รู้ชื่อของคุณเลย”

ชายชราลึกลับ: “โอ้ ข้าตื่นเต้นจนเกือบลืมไปเลย ข้าชื่อกู่เซวียน แล้วเจ้าล่ะ?”

“ศิษย์ชื่อเย่เฉินครับ” เย่เฉินบอกชื่อของเขาให้กู่เซวียนฟัง

เย่เฉินมองไปรอบๆ ไกลสุดสายตามีเพียงความมืดมิดและสายฟ้าที่เริ่มโจมตีเขากับอาจารย์ โชคดีที่อาจารย์ของเขาสร้างม่านคุ้มกันสีครามไว้รอบตัวทั้งสองคนและมันปกป้องพวกเขาจากสายฟ้าฟาดนับไม่ถ้วน

เย่เฉินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อาจารย์ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกัน?”

"ตอนนี้เราอยู่ในช่องว่างระหว่างมิติ การไหลของกระแสมิตินี้ทำให้เราไปที่ดาวดวงนั้นได้เร็วขึ้น มีสองวิธีในการเปิดใช้งานมัน หนึ่งคือต้องมีความแข็งแกร่งถึงระดับที่กำหนดหรือสองคือใช้สมบัติพิเศษ"

กู่เซวียน: “ถ้าคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำเปิดมันโดยไม่มีสมบัติพิเศษ คนๆนั้นจะโดนสายฟ้าพวกนี้ฟาดใส่”

แม้ว่าเย่เฉินจะยังไม่เข้าใจคำอธิบายของกู่เซวียน แต่เย่เฉินก็พยักหน้าราวกับว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่กู่เซวียนพูด

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาทั้งสองก็ออกมาสู่พื้นที่มิติดั้งเดิม เย่เฉินเห็นดาวเคราะห์สีเขียวอยู่ตรงหน้าเขา แล้วกู่เซวียนก็พาเย่เฉินไปที่ดาวเคราะห์สีเขียว

เมื่อเย่เฉินมาถึง เย่เฉินมองไปไกลสุดลูกหูลูกตาและเห็นแต่เพียงต้นไม้ อากาศในที่นี้สะอาดและสดชื่นมาก

“นี่คือสถานที่ฝึกฝนของเจ้าในอนาคต ข้าจะติดตั้งค่ายกลบางอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เวทย์เข้ามาที่นี่” กู่เซวียนเหาะและหายตัวไปจากมุมมองของเย่เฉิน

ระหว่างรออาจารย์กลับมา เย่เฉินมองหาที่พักพิงและพบต้นไม้ตนหนึ่ง เย่เฉินนั่งลงและรอให้กู่เซวียนกลับมา

เย่เฉินรู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอยให้กู่เซวียนกลับมา ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วที่กู่เซวียนจากไป เย่เฉินกังวลว่ากู่เซวียนจะทิ้งเขาไว้บนดาวดวงนี้เพียงลำพัง

หลังจากเห็นกู่เซวียนลงมาจากท้องฟ้า ความกังวลของเย่เฉินก็หายไป

เย่เฉินเข้าหากู่เซวียนทันทีและตะโกนว่า "อาจารย์" แต่เมื่อเย่เฉินกำลังจะเข้าใกล้กู่เซวียน เขาก็ถูกปิดกั้นไว้ด้วยพลังที่มองไม่เห็น

ปรากฎว่ากู่เซวียนจงใจไม่ให้เย่เฉินเข้าไปใกล้ เพราะเขาตั้งใจที่จะเปิดใช้งานค่ายกล ทันใดนั้น ร่างของกู่เซวียนก็เปล่งแสงสีครามและแสงนั้นก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เหนือท้องฟ้าอันไกลโพ้น ปรากฏเสาสี่ต้นที่เกิดจากแสงสีครามของกู่เซวียน

แสงไฟจากเสาสี่ต้นของกู่เซวียนพุ่งเข้าหากันทันที

ปัง!... ปัง!...

มีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งเหนือท้องฟ้า หลังจากการระเบิดของแสงสีคราม แสงนั้นก็ก่อตัวเป็นม่านพลังขนาดยักษ์บนท้องฟ้าและค่อยๆเคลื่อนลงมาที่พื้น ม่านพลังนี้ครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยลี้

กู่เซวียน: “พลังปราณทั้งหมดภายในรัศมี 700 ลี้จะมารวมกันที่ตำแหน่งปัจจุบันของเรา”

(T/N: 1 ลี้ = 0.5 กิโลเมตร)

เย่เฉินยังคงสับสน เพราะเขาไม่รู้ว่าพลังปราณคืออะไร เมื่อเห็นเย่เฉินสับสน ในที่สุดกู่เซวียนก็จำได้ว่าเขายังไม่ได้สอนพื้นฐานการบ่มเพาะให้กับเย่เฉิน ดังนั้นเย่เฉินจึงยังไม่รู้ถึงประโยชน์ของพลังปราณ

“อะแฮ่ม ลืมมันไปเสีย ก่อนอื่นเจ้าต้องเลือกเทคนิคการบ่มเพาะที่เหมาะกับตัวเอง” กู่เซวียนโบกมือ และสิ่งก่อสร้างที่ดูโบราณก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเย่เฉิน อาคารนี้มีทั้งหมดสามชั้น

เย่เฉินเริ่มชินกับการได้เห็นเหตุการณ์แปลกๆเช่นนี้แล้ว

"เข้ามาสิ" กู่เซวียนเดินไปที่ประตูหน้าอาคาร และเย่เฉินก็เดินตามไป

หลังจากที่ประตูของอาคารถูกเปิดออก เย่เฉินเห็นว่ามีคัมภีร์และม้วนคัมภีร์จำนวนนับไม่ถ้วนที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบบนหิ้ง

“เอาล่ะเฉินเอ๋อร์ นี่เป็นเทคนิคระดับต่ำสำหรับผู้เริ่มต้นสู่เส้นทางการเป็นผู้ฝึกตน เจ้าสามารถเลือกพวกมันได้”

“อาจารย์ไม่มีพวกเทคนิคสุดยอดๆให้ผมหรอ?” เย่เฉินถามเพราะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับเทคนิคระดับต่ำเหล่านี้

“ฮ่าๆๆ เจ้าคิดง่ายเกินไป เพราะเจ้าเพิ่งจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งการบ่มเพาะ ดังนั้นเจ้าต้องเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน เพื่อให้เข้าใจการบ่มเพาะ บางคนใช้เวลากับมันนานมาก โดยเฉพาะยิ่งระดับสูง ความยากในการทำความเข้าใจก็ยิ่งมากขึ้น” กู่เซวียนพยายามอธิบายให้เย่เฉินฟัง

เมื่อได้ยินสิ่งนี้เย่เฉินก็ผงะเล็กน้อย เย่เฉินไม่คิดว่าการเรียนรู้เทคนิคการบ่มเพาะจะค่อนข้างยากและต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน

“เฉินเอ๋อร์ ตอนนี้ก็ไปเลือกเทคนิคที่เจ้าคิดว่าดีและเหมาะสำหรับเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฉินก็เริ่มดูคัมภีร์ทีละเล่มบนชั้นวางทันที แต่หลังจากที่ดูและอ่านไปมากมายแล้ว กลับกลายเป็นว่าเย่เฉินยังไม่พบเทคนิคที่เขาสนใจ

จนกระทั่งเย่เฉินเห็นคัมภีร์หนามากเล่มหนึ่ง คัมภีร์เล่มนั้นถูกโซ่พันไว้รอบ เย่เฉินจึงถามด้วยความสงสัย “อาจารย์ ทำไมคัมภีร์เล่มนั้นถึงต้องพันโซ่ไว้ด้วยล่ะ?”

มองตามที่นิ้วของเย่เฉินกำลังชี้ไป กู่เซวียนเห็นคัมภีร์เก่าๆเล่มหนึ่งที่มีโซ่พันไว้

กู่เซวียน: “โอ้ มันเป็นคัมภีร์ที่ข้าได้รับมาโดยบังเอิญ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถทำลายผนึกของมันได้ เพราะข้าไม่รู้ว่าเทคนิคข้างในนั้นคืออะไรและอยู่ระดับไหน ข้าก็เลยเอามันมาวางไว้ที่ชั้น 1 นี้เอง”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เย่เฉินรู้สึกคุ้นเคยกับคัมภีร์เล่มนี้ มันเหมือนกับแม่เหล็กที่พยายามดึงเย่เฉินเข้าไปใกล้

ในที่สุด เย่เฉินก็เดินไปทางคัมภีร์และพยายามหยิบมันขึ้นมา เมื่อนิ้วของเย่เฉินแตะโซ่บนคัมภีร์ ทันใดนั้น เย่เฉินก็รู้สึกถึงความร้อนที่อกของเขา

เมื่อเย่เฉินก้มหน้าลง เขาก็เห็นสร้อยคอที่ปู่ของเขามอบให้กำลังเรืองแสง และโซ่ที่พันอยู่รอบคัมภีร์ก็เริ่มขยับ

แคร็ก... แคร็ก

หลังจากเสียงโซ่ที่แตกออก คัมภีร์ก็ลอยออกมาและเปิดขึ้นทีละหน้าอย่างรวดเร็ว

กู่เซวียนที่เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นก็ค่อนข้างแปลกใจ หลังจากที่คัมภีร์หยุดการเปลี่ยนหน้า แสงสีขาวก็พุ่งออกมาและผลักกู่เซวียนออกจากห้องทันที

สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าระดับความแข็งแกร่งของกู่เซวียนนั้นเกือบจะเท่ากับราชันย์ของแดนดาราระดับสูง เพื่อให้สามารถผลักเขาออกมาได้ มันง่ายมากที่จะพิสูจน์ว่าแสงนั้นแข็งแกร่งมาก

กู่เซวียนเห็นประตูปิดพร้อมกับม่านพลังที่ปรากฏขึ้นและปกคลุมทั่วทั้งอาคาร

**********