ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0095
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0097

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0096


บทที่ 31 ล่า, ยักษ์ (4)

* * *

เรื่องราวการโค่นล้มคราเค่นสำเร็จ แพร่กระจายไปทั่วฝั่งตะวันตกของทะเลทรายอย่างรวดเร็ว

ภายในวันเดียว เบดูอินทั้งหมดที่ได้ยินข่าว ทยอยมารวมตัวกันที่ฐานทัพกองอัศวินเหยี่ยวแดง

บางคนยังไม่เชื่อจนถึงที่สุด

“มนุษย์ที่ข้ามกำแพงตะวันตก ร่วมมือกับอัศวินแห่งท้องฟ้าและโค่นคราเค่นสำเร็จ?”

“น่าเหลือเชื่อเกินไปไหม? แถมยังเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน!”

จนกระทั่งอัศวินพาทุกคนไปยังห้วงลึกในเขตตะวันตก ความกังขาของพวกเขาจึงหายไป

เมื่อเรื่องราวแพร่กระจาย บรรยากาศฝั่งตะวันตกจึงกลายเป็นเทศกาลรื่นเริง

เหล่าสมาคมการค้าเบดูอินที่เคยกระจายตัว มากระจุกกันในจุดเดียวเพื่อจัดงานเลี้ยงที่มีเรือหลายสิบลำเข้าร่วม

ศูนย์กลางย่อมต้องเป็นฐานทัพกองอัศวิน สถานที่ที่มนุษย์และแวมไพร์พักอยู่

เบดูอินเป็นทั้งนักรบและนักเดินเรือแห่งทะเลทราย

ทะเลทรายและนักเดินเรือ สองคำที่ไม่น่าจะอยู่ในประโยคเดียวกันได้ กำลังทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงครื้นเครงสุดขีด

หัวหน้าสมาคมการค้าฮามูดี เข้ามาใกล้พร้อมกับแก้วเหล้าพลางโค้งคำนับ

ฉันไม่ชอบอะไรแบบนี้สักเท่าไร

ถึงจะเริ่มชินขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ธรรมชาติของฉันพยายามปฏิเสธมัน

“คิดไม่ถึงว่าคนที่ช่วยเราจะเป็นท่านผู้หยั่งรู้”

“ในเมื่อเคยได้ยินคำทำนาย ทำไมถึงไม่รู้จักฉัน?”

“คำทำนายเปรียบดังตำนาน คงไม่มีใครคาดคิดว่าช่วงเวลานั้นจะมาถึงจริงๆ”

“…คนที่มอบคำทำนายคงเป็น… ลูกโป่ง? ใช่ไหม?”

“ลูกโป่ง? ข้าไม่ได้ยินคำทำนายด้วยตัวเอง แต่ว่า…”

ฮามูดีคลำหาความทรงจำครู่หนึ่ง

“ผู้พเนจรแห่งผืนนภา… ผู้พเนจรที่เตร็ดเตร่ไปบนดินแดนเหนือเมฆใต้ทวยเทพ ข้าได้ยินว่าดารากรดวงนั้น ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นตัวตนจากโบราณกาล มีความยอดเยี่ยมในด้านปัญญา… ข้ามีข้อมูลแค่นี้”

“…หืม”

“ท่านรู้จักพระองค์หรือ? ผู้พเนจรแห่งผืนนภาเป็นดารากรที่ค่อนข้างโด่งดัง”

“โด่งดัง?”

“โดยเฉพาะชายขอบทางใต้และสหพันธ์ตะวันออก แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นดารากรที่ลึกลับที่สุด ได้ยินว่ามีบางสมาคมคอยติดตามความเคลื่อนไหวของผู้พเนจรแห่งผืนนภา… พวกเราค้าขายไปทั่ว จึงได้ยืนข่าวลือมามาก”

“…”

พูดไม่ออกเลยแฮะ

“เฮ้อ”

ทำได้เพียงถอนหายใจ

ฮามูดีจ้องฉันก่อนจะยิ้ม เขาคงเล็งเห็นว่าฉันไม่ได้สนใจสักเท่าไร

“ว่าแต่ ข้าประหลาดใจมากจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะทำสำเร็จภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากพวกเราแยกกัน”

“ก็แค่โชคดีน่ะ”

“ไม่มีใครทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำเร็จได้ด้วยโชคเพียงอย่างเดียว เจ้าคือวีรบุรุษของทะเลทราย”

วีรบุรุษ

ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่เลวร้ายอะไร หากสิ่งที่ฉันทำลงไปมีประโยชน์ต่อคนอื่น นั่นก็ดีแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น ฉันกดดันทุกครั้งที่ได้รับคำชมซึ่งหน้า ทำไมถึงไม่ชินสักทีนะ?

ราวกับอ่านความคิดฉันออก ลิลี่หันมามองพร้อมกับแก้วเหล้าในมือ

“เจ้าคงสบายใจที่จะอยู่ท่ามกลางต้นไม้มากกว่าผู้คน”

“ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”

“แปลกตรงไหน? ข้าอยู่กับเจ้ามานาน เป็นธรรมดาที่จะดูออก”

นั่นสินะ

เราอยู่กับลิลี่มากี่เดือนแล้ว? น่าจะเกินสี่

ฉันจิบเครื่องดื่มพลางครุ่นคิด ได้ยินว่าเป็นเหล้าที่กลั่นจากนมสัตว์ รสออกหวานจางๆ และกลิ่นหนักแน่นผิดไปจากหน้าตา

เป็นครั้งแรกที่เคยกินรสชาติแบบนี้

เอ็ดเวิร์ดกำลังแสดงกลเทเหล้าสามแก้วด้วยมือข้างเดียว เหล่าเบดูอินมองดูภาพดังกล่าวพลางอ้าปากกว้าง

เป็นบรรยากาศที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก เบดูอินสูงวัยมิได้แยแส เอาแต่ก้มหน้าก้มตากระดกเหล้ารวดเดียวราวกับคนหิวน้ำได้เจอโอเอซิส ส่วนเบดูอินหนุ่มก็ไม่เก็บซ่อนสีหน้าตกตะลึงประหนึ่งเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ฉันถามฮามูดี

“นายไม่ดื่มหรือ”

ฮามูดีพยักหน้าราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

“เพราะอาหารมีไม่พอ? หรือเพราะเหล้าทำมาจากเสบียง?”

“นั่นก็มีส่วนถูก แต่ก่อนที่คราเค่นจะปิดกั้นเส้นทางการค้า ทะเลทรายไม่ได้ขาดแคลนอาหารขนาดนั้น เหตุผลที่เบดูอินส่วนใหญ่ไม่กินเหล้าเพราะอุณหภูมิที่แตกต่างระหว่างวัน ในช่วงกลางวัน พระอาทิตย์สองดวงจะทำให้ทรายร้อน แต่ในตอนกลางคืน พลังงานจากอุนเดราและลา·ชีมาจะทำให้โลกเย็นลง บางครั้งก็หนาวเกินไปชนิดที่ถ้าเผลอทำอะไรโง่ๆ ก็ตายได้”

วัฒนธรรมไม่ดื่มเหล้าในช่วงเวลาปกติ ไม่ใช่แค่เหตุผลตามศาสนาคือขนมธรรมเนียม

แม้วิถีชีวิตจะเต็มไปด้วยตำนานและความเชื่อซึ่งขาดวิทยาศาสตร์รองรับ แต่ในทุกวัฒนธรรมย่อมมีเหตุผลในตัวเอง

จึงนับว่าไร้สาระหากจะตัดสินว่าวัฒนธรรมของใครดีกว่า

วัฒนธรรมไม่มีผิดมีถูก มีเพียงความแตกต่าง

ขณะครุ่นคิด เบดูอินเจ้าของผิวหนังหยาบกร้านเรียกฉันจากไกลๆ

“ท่านคนบ้า! ช่วยพูดอะไรหน่อยสิ!”

“วีรบุรุษของพวกเรา!”

“ท่านคนบ้า! ช่วยแสดงอภินิหารให้กะลาสีโง่เขลาอย่างเราดูหน่อย!”

“เฮ้ย! อย่าแนะนำตัวด้วยมาตรฐานห่วยๆ ของตัวเองสิฟะ! มันน่าขายหน้า!”

ท่ามกลางเสียงอึกทึก ฉันยิ้มเขินๆ พลางโบกมือ เบดูอินนับร้อยที่มารวมตัวกันในงานเลี้ยงบนเรือยักษ์ พากันส่งเสียงหัวเราะสนุกสนาน

“ท่านคนบ้าไม่ค่อยชินกับอะไรแบบนี้หรือ”

“ฉันใช้ชีวิตใต้ผืนฟ้ามากกว่าหลังคา”

“โคตรคม! ฮะฮ่าฮ่า!”

พวกเขาต่างหัวเราะเอร็ดอร่อย สำหรับคนเหล่านี้ สุนทรพจน์ที่ฟังดูสวยหรูคงไม่มีความหมายอะไร

ท่ามกลางความครื้นเครง ฉันชำเลืองสายตาเล็กน้อย

ข้างๆ คือลิลี่ที่แต่งกายในชุดสบายๆ ที่เบดูอินเตรียมไว้ให้

มอบกลิ่นอายคล้ายการผสมผสานระหว่างเสื้อผ้าชาวตะวันออกกลางและกะลาสีโบราณ ถึงจะไม่เหมาะกับลิลี่สักเท่าไร แต่ความไม่เข้ากันก็มอบความเท่ในอีกแง่มุมหนึ่ง

ลิลี่ยิ้มในท่าถือแก้วเหล้า

เมื่อมองย้อนกลับไป การเดินทางบนทะเลทรายไม่ใช่เรื่องง่าย

ถึงจะไม่แสดงออกมา แต่ลิลี่ที่คอยติดตามฉัน ต้องเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากหลายครั้ง

ด้วยความสัตย์จริง ถ้างานเลี้ยงเริ่มซาเมื่อไร ฉันเคยคิดที่จะหาข้ออ้างปลีกตัว

แต่เห็นลิลี่เป็นแบบนี้ก็คงต้องเปลี่ยนใจ ถ้าฉันบอกว่าขอตัว เธอจะตามไปด้วยทันทีโดยไม่สนว่าตัวเองจะสนุกกับงานแค่ไหน

ได้พักผ่อนต่ออีกสักนิดก็ไม่เสียหาย ฉันตัดสินใจยกแก้วในมือ

* * *

“อุ…”

“ยังโอเคไหม”

ลิลี่นั่งข้างๆ ฉันด้วยสีหน้ากึ่งกังวลกึ่งประหลาดใจ

ฉันกำลังนอนซมอยู่บนเตียง ร่างกายบิดงอประหนึ่งซากศพ

“…ปวดหัว”

“เจ้าดื่มไปแค่ไหน”

“เธอก็รู้อยู่แล้ว ยังจะถามทำไมอีก”

“เปล่า… ข้าแค่คิดว่าเจ้าอาจจะป่วยจากเรื่องอื่น”

พูดจบ ลิลี่หันไปต้มน้ำ

“ข้าไม่อยากเชื่อว่า แค่การดื่มเหล้าจะทำให้มีสภาพแบบนี้ได้”

“ฉันเป็นมนุษย์นะ ทำไมคนต่างเผ่าพันธุ์ถึงไม่เห็นใจกันบ้าง!”

จะลิลี่หรือเบดูอินก็ไม่ต่าง พวกเขาเกิดมาพร้อมธรรมชาติที่ดื่มเก่ง

แม้ลิลี่จะอาการออกเร็วหลังจากดื่มไปได้ไม่กี่แก้ว คนจึงชอบคิดว่าเธอคออ่อน แต่ในความเป็นจริง หลังจากนั้นสภาพของเธอแทบไม่เปลี่ยน ไม่ว่าจะดื่มหนักแค่ไหน

หรือต่อให้ตาเยิ้มตัวไหล อย่างมากก็ไม่มีทางเมาค้าง

น่าอิจฉาชะมัด

「ทำไมเจ้าถึงทำให้ข้าผิดหวังได้ขนาดนี้!!」

กัปตันเรือโจรสลัดที่กระโดดออกจากตะเกียง ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวจากด้านข้าง

ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเขากำลังถูกสั่นคลอน

「ลุกขึ้นเร็วเข้า! พวกเราต้องออกปล้นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์! เป้าหมายอยู่ตรงหน้าแล้ว! แต่เจ้ากลับเอาแต่นอนโดยไม่ยอมขยับก้นสักที! จับไอ้เบื๊อกนี่ไปมัดกับเสากระโดง!!」

“อุก… ตอนนี้พวกเราจัดการปัญหาได้หมดแล้ว จะไปถึงช้าเร็วก็ไม่ต่าง ขอพักอีกสักนิดไม่ได้หรือ… อึก”

「หัวใจข้าจะระเบิดอยู่แล้ว!」

ระหว่างเอ็ดเวิร์ดกำลังอาละวาด ลิลี่รินสิ่งที่อยู่ในกาน้ำร้อนและส่งมาให้ฉัน

“เอ้า”

“นี่คือ”

“น้ำผสมเลือดของข้า”

“…”

สิ่งที่เธอยื่นให้ เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก

หลังจากเห็นฉันเหม่อไปสักพัก ลิลี่พูดต่อด้วยสีหน้าค่อนข้างผิดหวัง

“เหตุใดถึงแสดงท่าทีรังเกียจเช่นนี้? เจ้ามีคุณสมบัติของแวมไพร์ เลือดของรอยัลบลัดมีสรรพคุณในการล้างพิษ”

“…ยังทำใจให้ชินไม่ได้น่ะ”

“ใส่ไปแค่หยดเดียว หยดเดียวเท่านั้น… ข้ายอมทำถึงขนาดนี้ เจ้าจะไม่รับเอาไว้หน่อยหรือ”

ฉันลุกขึ้นนั่งและรับแก้วมาถือ ไม่เห็นร่องรอยเลือดแม้จะพยายามเพ่งมอง

หลังจากดื่มเข้าไป ร่างกายของฉันดีขึ้นจริงๆ

“รอดแล้ว…”

“นับแต่นี้ไป ข้าจะเลิกใช้เหล้าปรุงอาหารให้เจ้า”

“ไม่ต้องขนาดนั้น”

การดื่มไม่ได้ ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

หลังจากจ้องฉันเงียบๆ สักพัก ลิลี่เปิดปากพูด

“จะลงไปจริงหรือ? ใต้ห้วงลึกน่ะ”

“แน่นอน”

「ต้องไปอยู่แล้ว! นังแวมไพร์เด็กอวดดี อย่าทำให้เจ้าสมองทึบไขว้เขวสิ!!」

“ข้าไม่ใช่เด็ก ไอ้ผีเฒ่า”

「เจ้าว่ายังไงนะ!!」

ฉันตัดบทสนทนาทันทีเพราะไม่อยากเห็นการทะเลาะแบบเด็กๆ

“ลิลี่ เธอรู้ไหมว่าฉันได้ยินอะไรจากข้างล่าง”

“ไม่รู้”

ขณะฉันกำลังนึกทบทวนอดีต ลิลี่พูดต่อด้วยเสียงกังวล

“ยักษ์ยังไม่ตาย? หรือมีบางสิ่งที่ยักษ์นั่นคอยปกป้อง? ไม่ได้คิดจะพูดแบบนี้ใช่ไหม?”

“จินตนาการของเธอบรรเจิดขึ้นนะ ไม่เลว”

แน่นอนว่าไม่ใช่อะไรแบบนั้น ตามความเห็นของฉัน ยักษ์ตายไปแล้ว

ประเด็นสำคัญก็คือ เสียงการตกของยักษ์

ฉันจงใจเก๊กหน้าขรึมขณะพูด

“ซ่า!”

“…ซ่า?”

“ใช่… ซ่า!”

ลิลี่ใช้เวลาสักพักเพื่อทำความเข้าใจ

ไม่นานสีหน้าก็เปลี่ยนไป คล้ายกับเริ่มฉุกคิดได้

“…ข้างล่างมีน้ำ?”

วินาทีที่ยักษ์ตายและตกลงไปในห้วงลึก

ฉันได้ยินเสียง ‘ซ่า’ จากข้างล่าง

“เหตุผลที่เบดูอินเรียกมันว่า ‘ห้วงลึกไร้ก้น’ คงเพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินเสียงใด ไม่ว่าจะโยนอะไรลงไป”

“ถ้าอย่างนั้น…”

ต้องลึกขนาดที่ว่า วัตถุใหญ่ระดับยักษ์ตกลงไปจึงจะมีเสียง

ด้านล่างห้วงลึก คือน้ำลึกและพื้นที่กว้างๆ

มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากล

ในตอนที่เข้าใกล้ยักษ์ ฉันสัมผัสได้ว่ามีน้ำกระเซ็นมาโดนผิวหนัง

คงไม่รู้คำตอบจนกว่าจะลงไปเห็นด้วยตาตัวเอง

“…แล้วจะลงไปยังไง?”

ลิลี่ถาม

ทันทีที่ได้ยิน ฉันหยิบสิ่งที่คล้ายผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากกระเป๋า

ตอนที่กลับไปยังเบสแคมป์คราวก่อน คุณชาแทชิกส่งมอบสิ่งที่ฉันเคยจ้างให้ผลิต

“หนังปรสิต?”

หงึก

ระบุให้ชัดเจนก็คือ หนังของรังไหมที่หุ้มปรสิต

มีคุณสมบัติดูดซับแรงกระแทกในปริมาณมหาศาล

สิ่งที่ฉันกำลังถือก็คือ ผ้าคลุมผืนใหญ่ที่สร้างจากเปลือกรังไหมนั่น

ใหญ่พอจะห่อตัวฉันกับลิลี่ได้พร้อมกัน

“ถ้ามีเจ้านี่ พวกเราคงกระโดดลงจากความสูงระดับนั้นได้สบาย”

“…”

เป็นครั้งแรกที่ลิลี่กับเอ็ดเวิร์ด ประสานสายตาด้วยสีหน้าแบบเดียวกัน

「ลุยกันเลย!!」

“บ้ากันไปหมดแล้ว! พวกเจ้าทั้งคู่”

สีหน้าเหมือนกัน ใช่ว่าจะมีอารมณ์แบบเดียวกัน

และเมื่อไฟติดแล้ว ฉันก็ไม่คิดจะนอนซมอยู่เฉยๆ

ด้วยความช่วยเหลือจากเบดูอิน พวกเรามาถึงห้วงลึกอีกครั้ง

“บ้าบอสิ้นดี! เจ้ามันบ้า! บ้า! บ้า! บ้า! บ้าที่สุด!”

ลิลี่แหกปากตะโกนในอ้อมแขนของฉันขณะพวกเราทิ้งดิ่ง

ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่า ส่วนบนของผ้าคลุมสองชั้นมีคุณสมบัติเป็นร่มชูชีพ

พวกเราจึงร่อนลงด้วยความ ‘มั่นคง’ กว่าที่คิด

“มั่นคงตรงไหนวะ! ว๊ากกก!”

“เธอไม่เคยสกายไดฟ์วิงหรือ? มันเร็วกว่านี้สามเท่าเลยนะ” (Skydiving)

ลิลี่ไม่ได้ยินเสียงของฉัน

เป็นความลึกในระดับที่แสงอาทิตย์หายไปชั่วขณะ

เมื่อถึงจุดหนึ่ง แสงสว่างกลับมาอีกครั้ง

แสงส่องมาจากด้านล่าง ฉันเตรียมหลับตาหลังจากเห็นทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยน้ำ

แต่ก่อนจะปิดตาสนิท ฉันสังเกตเห็นบางสิ่ง

น้ำมีลักษณะเป็นคลื่น

ซ่า——!

ไม่ใช่เสียงทรายที่เคยได้ยินจนเอียนจากด้านบน

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (1/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด