ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 93 เทือกเขาไร้ขอบเขต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 95 ถ้ำหนู

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 94 ความสามารถโดยกำเนิด


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 94 ความสามารถโดยกำเนิด

แปลโดย iPAT  

ในสถานการณ์เช่นนี้หลี่ฉิงซานไม่ต้องการสร้างปัญหา แต่สัตว์อสูรทั้งหมดที่กล้าพอที่จะโจมตีพวกเขาล้วนแข็งแกร่งจนน่าตกใจ ซวนเยว่เริ่มระวังตัวมากขึ้นเช่นกัน มันไม่ง่ายดายเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป นางต้องปกปิดปราณปีศาจของตน ดังนั้นหลี่ฉิงซานจึงต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยากลำบาก

หลังจากเข่นฆ่าอย่างไม่รู้สิ้นสุด เขาก็เริ่มคุ้นชินกับการต่อสู้มากขึ้น ท้ายที่สุดสัตว์อสูรเหล่านี้ก็มีสติปัญญาไม่สูงนัก พวกมันเคลื่อนไหวอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีกลอุบายใดๆ ส่วนใหญ่เป็นการทุบตีด้วยกำลังเท่านั้น

อย่างไรก็ตามพวกเขายังพบสัตว์อสูรที่จัดการได้ยากเช่นกัน ต้องขอบคุณเพลิงโลหิตของเซียวอันที่แสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นซ้ำแล้วซ้ำอีก กล่าวได้ว่าโครงกระดูกน้อยดุร้ายยิ่งกว่าหลี่ฉิงซาน

นอกจากนั้นหลังจากเพลิงโลหิตเผาสัตว์อสูรหลายตัว เพลิงโลหิตของเสี่ยวอันก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ซวนเยว่ต้องมองเสี่ยวอันด้วยความประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า นางสงสัยว่าเขาฝึกฝนเคล็ดวิชาใด

เสี่ยวอันไม่สามารถพูด ดังนั้นนางจึงไม่ได้รับคำตอบ อย่างไรก็ตามซากศพของสัตว์อสูรเหล่านี้ไม่สามารถช่วยยกระดับการบ่มเพาะของเสี่ยวอันได้อีก ดูเหมือนหลังจากนี้เขาต้องใช้มนุษย์เป็นเครื่องสังเวยเท่านั้น

ในช่วงเวลาเหล่านี้พวกเขาไม่พบขุนพลปีศาจหรือสัตว์ปีศาจที่ทรงพลังอย่างแท้จริง มันไม่ได้เกิดจากโชคของหลี่ฉิงซานแต่เป็นเพราะซวนเยว่สั่งให้เขาหยุดหรือเปลี่ยนเส้นทาง

ปีศาจก็เหมือนสัตว์ป่า พวกมันมีอาณาเขตเป็นของตนเอง ซวนเยว่สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงและปราณปีศาจซึ่งทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงพื้นที่อันตราย สำหรับหลี่ฉิงซาน เขารับผิดชอบในการตรวจสอบทิศทางอย่างคร่าวๆ

เมื่อเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของพวกเขาก็กลมเกลียวมากขึ้นหรือกล่าวอีกนัยก็คือความอดทนของหลี่ฉิงซานเพิ่มมากขึ้น ด้วยทักษะจิตวิญญาณเต่า จิตใจของเขาค่อยๆสงบลง นอกจากนั้นมันยังเป็นเพราะเม็ดยาจิตวิญญาณและภาพลักษณ์ที่น่ารักของซวนเยว่ที่ช่วยเพิ่มความอดทนให้เขา กล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็คือเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอดทน

ตอนนี้สิ่งที่กระตุ้นจิตใจของเขาให้หมั่นเพียรต่อการฝึกฝนไม่ได้มีเพียงความปรารถนาที่จะกู้คืนร่างมนุษย์เท่านั้นแต่มันยังเป็นภาพที่จะได้เห็นแมวสาวผู้นี้เรียกเขาว่าเจ้านาย เช่นหลักการที่ว่าเนื้อหยาบกระด้างที่อยู่ใกล้มือย่อมดีกว่าเนื้อหงส์ขาวที่เอื้อมไม่ถึง เห็นได้ชัดว่าเขาลดความสำคัญต่อความปรารถนาที่จะรับกู่เยี่ยนหยินเป็นภรรยาลง นอกจากนี้ซวนเยว่ก็ไม่ใช่เนื้อชั้นเลว นางเป็นอาหารเลิศรสของนักชิมทุกคน หากหญิงทั้งสองยืนอยู่ต่อหน้าเพื่อให้เขาเลือก เขาจะลำบากใจมาก เขาเปรียบเทียบหญิงทั้งสองนับครั้งไม่ถ้วนแต่เขาก็ยังไม่สามารถตัดสินใจหากเกิดสถานการณ์นั้นขึ้นจริงๆ

ขณะที่กบกระโดดขึ้นจากพื้น มันก็เริ่มครุ่นคิดว่าหงส์ตัวไหนอร่อยกว่ากัน มันยังคิดวิธีกินเนื้อหงส์ไว้ถึงสิบสองวิธี หลี่ฉิงซานตั้งความหวังไว้สูงมากด้วยความคิดที่ชั่วร้ายต่างๆนานา

กว่าจะรู้ตัวหลายวันก็ผ่านไป ทันใดนั้นซวนเยว่พลันกระซิบที่ข้างหูของหลี่ฉิงซานอย่างกะทันหัน “หยุด!”

หลี่ฉิงซานหยุดเท้าลงทันที เขาซ่อนกลิ่นอายของตนตามวิธีที่เรียนรู้จากเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่า

มีจิ้งจกตัวใหญ่เท่าไดโนเสาร์เดินผ่านหน้าพวกเขา

หากมันเป็นไดโนเสาร์จริงๆ หลี่ฉิงซานอาจไม่กลัวเท่านี้ นี่เป็นเพราะลมหายใจของจิ้งจกยักษ์สามารถแช่แข็งทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลี่ฉิงซานได้เรียนรู้หลายสิ่งเช่นกัน ตัวอย่างเช่นตอนนี้เขารู้วิธีใช้ปราณปีศาจเพื่อแยกแยะความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้แล้ว

เมื่อจิ้งจกน้ำแข็งเดินผ่านไป ซวนเยว่ก็เปิดปากถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร? เจ้าเก็บกลิ่นอายของตนได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือความสามารถโดยกำเนิดของเจ้างั้นหรือ? แต่เจ้ายังไม่ได้หลอมรวมแก่นปีศาจ เจ้าเป็นอสูรวิญญาณงั้นหรือ?”

“ข้าไม่รู้ ข้าเพียงกลั้นหายใจ” หลี่ฉิงซานเข้าใจว่าปีศาจไม่ได้ใช้ทักษะต่างๆเหมือนมนุษย์ พวกมันมักพัฒนาความสามารถโดยกำเนิดอย่างต่อเนื่องผ่านการฝึกฝน แม้มันจะขาดความยืดหยุ่นแต่มันมักทรงพลังมาก

ในความเป็นจริงสิ่งที่เรียกว่าความสามารถโดยกำเนิดอาจไม่ได้มีตั้งแต่แรกกำเนิด พวกมันจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเมื่อแก่นปีศาจถูกควบรวมแล้วและมันจะเติบโตไปพร้อมกับปีศาจตนนั้นซึ่งอาจนำไปสู่การปลุกความสามารถโดยกำเนิดอื่นๆให้ตื่นขึ้นต่อไป

เงาลวงตาและผนึกจันทราเป็นความสามารถโดยกำเนิดของซวนเยว่ พวกมันเป็นความสามารถด้านการเคลื่อนไหวและหลบซ่อนที่หาได้ยาก บางทีนางอาจไม่ใช่ปีศาจแมวทั่วไปแต่เป็นอสูรวิญญาณบางประเภท

“ฮืม!” คำตอบที่ไม่จริงใจของหลี่ฉิงซานทำให้ซวนเยว่ไม่พอใจ อย่างไรก็ตามนางไม่พยายามที่จะล้วงข้อมูลจากเขา โดยทั่วไปแล้วปีศาจทุกตนมักไม่เต็มใจบอกความสามารถโดยกำเนิดของตนให้ผู้อื่นรู้ ดังนั้นในสายตาของซวนเยว่ หลี่ฉิงซานเริ่มลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นลำแสงสายหนึ่งพลันพุ่งผ่านท้องฟ้า สายตาที่คมกริบราวกับดาบกวาดผ่านพื้นดิน

ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของหลี่ฉิงซาน เขามองเห็นร่างที่อยู่ในลำแสงเล็กน้อย

เฒ่ามังกรทะยานเห็นหลี่ฉิงซานเช่นกัน “ขุนพลปีศาจงั้นหรือ? แต่ปราณปีศาจของมันอ่อนแอมาก!” หลังจากทั้งหมดปีศาจร่างมนุษย์ค่อนข้างหาได้ยาก “แต่นั่นคือสิ่งใด?” ชายชราเห็นเสี่ยวอันอยู่ด้านข้างหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานสบตากับเฒ่ามังกรทะยานและรู้สึกตกใจราวกับดาบที่แหลมคมวางอยู่บนลำคอของเขาและพร้อมที่จะตัดมันออกมา

ผู้อมตะ!

แม้เขาจะเคยเห็นกู่เยี่ยนหยินบินมาก่อนแต่เขายังตกใจเมื่อเห็นผู้อมตะในตำนานขี่ดาบบินอยู่บนท้องฟ้า

หลังจากนั้นเขาก็นึกถึงตัวตนและรูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขา เขาเป็นปีศาจ หากชายชราบินลงมาจากท้องฟ้า เขาควรตอบสนองอย่างไร?

หลี่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อลำแสงพุ่งผ่านไป เฒ่ามังกรทะยานมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะใช้เวลากับปีศาจธรรมดาตนหนึ่ง

ซวนเยว่หยุดกลั้นหายใจ นางกล่าว “ไม่นะ เขามาจากวังหลอมรวมดาบ โชคดีที่ผนึกจันทราของข้าทรงพลังพอ แน่นอนว่าเจ้ามีส่วนช่วยในเรื่องนี้เล็กน้อยเช่นกัน ข้าจะให้รางวัลเจ้าด้วยเม็ดยาจิตวิญญาณในภายหลัง” นางลูบศีรษะหลี่ฉิงซาน หากนางเดินทางมาเพียงลำพัง นางคงถูกค้นพบไปแล้ว

“วังหลอมรวมดาบคือสิ่งใด? เขามาหาเจ้างั้นหรือ?” หลี่ฉิงซานรู้สึกสังหรณ์ร้าย ภารกิจนี้อันตรายยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้

ซวนเยว่ไม่ได้ปิดบังสิ่งใด นางอธิบายอย่างคร่าวๆเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างราชินีแห่งความมืดและราชินีแสง นั่นทำให้การแสดงออกของหลี่ฉิงซานยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงปัญหายุ่งยากในอนาคต ต่อให้เขามีหลายชีวิต มันก็ไม่เพียงพอหากเขาถูกลากเข้าไปในวังวนแห่งความขัดแย้งระหว่างตัวตนที่น่ากลัวเช่นนั้น

ซวนเยว่พยายามยกขวัญกำลังใจของหลี่ฉิงซาน “ไม่จำเป็นต้องกังวลให้มากนัก ตราบเท่าที่เราไปถึงมณฑลหลงโจว พวกเขาจะไม่กล้ามาหาพวกเราแม้พวกเขาจะมีความกล้ามากกว่านี้ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะสามารถทำทุกสิ่งได้ตามใจปรารถนา! เมี้ยว...!”

หลี่ฉิงซานไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนนาง อย่างไรก็ตามเขาก้าวเข้ามาบนเส้นทางที่ไม่วันหวนกลับได้แล้ว ดังนั้นไม่ว่ามันจะอันตรายเพียงใด เขาก็ทำได้เพียงเดิมพันกับมันเท่านั้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่ซวนเยว่หยุดยิ้มและกล่าวอย่างจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “หากเราถูกค้นพบ เจ้าต้องกระโดดขึ้นไปกัดเขา ต้าไห่ ไม่ว่าเขาจะพยายามเชือดเจ้าหรือฆ่าเจ้าอย่างไร อย่าปล่อยมือ ข้าจะใช้โอกาสนั้นหลบหนี ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อล้างแค้นให้เจ้าในอนาคต!”