ตอนที่แล้วEp.394 - มอนสเตอร์น่าสะพรึงเบื้องล่างทะเลสาบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.396 - ไอเท็มสีม่วง

Ep.395 - ทรราชย์ขุมนรก


3/3

Ep.395 - ทรราชย์ขุมนรก

ต่อหน้ายอดฝีมือของเมืองธารทะเลทราย

มอนสเตอร์อันทรงพลังอีกตัวในคุกโบราณชั้น 3 จบชีวิตลง

ไม่ต่างจากที่คาดไว้ ยอดฝีมือทั้ง 8 จากเมืองธารทะเลทรายไม่ใช่เซนทอร์ทั้งหมด

มีหกตนเป็นเซนทอร์ อีกสองตน หนึ่งเป็นมิโนทอร์ อีกหนึ่งเป็นโทรลล์ พวกมันคือข้ารับใช้ของเมืองธารทะเลทราย

แม้จะกล่าวว่าเป็นข้ารับใช้ แต่การที่สามารถมีคุณสมบัติได้เป็นข้ารับใช้ของเมืองธารทะเลทราย นั่นหมายความว่าตราบใดที่พวกมันต้องการสถานะขุนนางเล็ก เมืองธารทะเลทรายสามารถยกเมือง 1 ให้พวกมันได้ทันที

มิโนทอร์เป็นนักรบโล่ยักษ์ที่ทรงพลัง

โทรลล์เป็นนักบวชที่รับผิดชอบในการรักษาและสนับสนุน

เกือบทั้งหมดในทีมมีพลังรบอยู่ในเลเวล 14  ยกเว้นเพียงตนเดียว คือหัวหน้าทีมทีมนี้ ไม่ใช่ใครอื่น มันคือขุนนางแห่งเมืองธารทะเลทรายจ้าวสงครามคาลิมัว!

อุปกรณ์ทั้งหมดของมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกชิ้นเรืองแสงพลังงานวิญญาณสีฟ้า

เจ้านี่แทบจะเรียกได้ว่าสวมชุดสีฟ้าเต็มตัว และกลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างกายมัน ทำให้คนที่รับรู้ได้รู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับยอดเขาสูงตระหง่าน

เพราะยังไงซะ คาลิมัวก็ครอบครองมรดกขั้น 3 ถึงสามอาชีพ และมรดกขั้น 4 อันแก่กล้าอีกหนึ่งอาชีพ !

และทุกอย่างนี้ใช้เวลาแค่ไม่นานเท่านั้น!

ย้อนไปในตอนแรก เดิมทีมันเป็นเพียงลูกน้องของขุนนางเล็ก ทว่าสิ่งที่แตกต่างระหว่างคาลิมัวกับชาวโลกวิญญาณตนอื่นๆก็คือความดุร้ายและความโลภที่ไม่เหมือนใคร คาลิมัวไม่เต็มใจที่จะอยู่ภายใต้คำสั่งของคนอื่น มันจึงสมคบคิดกับกองกำลังภายนอกสังหารเจ้านายตัวเอง จนในที่สุดก็ได้ขึ้นเป็นขุนนางเล็ก

และหลังจากที่ได้เป็นขุนนางเล็กแล้ว คาลิมัวก็ยังไม่พอใจ

มันไม่พอใจกับลูกน้องไม่กี่ตัวตนของตัวเอง

ไม่พอใจที่จะครอบครองกองทหารที่จำกัดของเมืองเล็ก ไม่พอใจกับอาณาเขตอันน้อยนิดของขุนนางเล็ก ดังนั้นในระหว่างที่คอยส่งส่วยให้แก่ขุนนางใหญ่ ขณะเดียวกันมันก็คอยดึงดูดเซนทอร์หลายตัวและกองกำลังร่อนตนอื่นๆมาเข้าร่วม ค่อยๆสะสมขุมกำลังเอาไว้

เตรียมการอย่างเงียบเชียบ

เฝ้ารอเวลาที่เหมาะสม

หลังจากนั้นอีกประมาณ 5 หรือ 6 ปี โอกาสก็มาถึง ขุนนางใหญ่ของเมืองธารทะเลทรายในขณะนั้นเกิดการปะทะกันกับขุนนางใหญ่ที่อยู่ในอาณาเขตใกล้เคียง ทั้งสองฝ่ายต่างเกิดการสูญเสียและไม่มีใครได้รับประโยชน์จากสถานการณ์นี้

คาลิมัวฉวยโอกาสระหว่างที่ขุมกำลังของขุนนางใหญ่ในขณะนั้นได้รับบาดเจ็บ มันไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้มีเวลาพักฟื้น บังคับขุนนางเล็กหลายตนร่วมมือกับตัวเองทำสงครามแย่งชิงดินแดน

และเมื่อการต่อสู้อันดุเดือดสิ้นสุดลง

ความพยายามของคาลิมัวที่สั่งสมขุมกำลังมาหลายปีก็สัมฤทธิ์ผล บวกกับความช่วยเหลือของขุนนางเล็กอีกหลายตน ทำให้มันสามารถคว้าเมืองธารทะเลทรายได้สำเร็จ

สามารถขึ้นเป็นขุนนางใหญ่คนใหม่ของเมืองธารทะเลทราย

และจนถึงวันนี้

เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปกว่า 10 ปีแล้ว

หลังจากที่คาลิมัวสามารถวางรากฐานได้อย่างมั่นคง มันก็เริ่มเอารัดเอาเปรียบขุนนางเล็ก สั่งให้จ่ายส่วยเพิ่มขึ้น ช่วงชิงทรัพยากรอย่างบ้าคลั่ง

ทรัพยากรจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่เมืองธารทะเลทราย ทางหนึ่งเป็นการสะกดขุนนางเล็กไม่ให้เหิมเกริม และอีกทางหนึ่งช่วยให้เมืองธารทะเลทรายกลายเป็นมหาอำนาจอย่างรวดเร็ว

เวลานี้ คาลิมัวมาถึงเลเวล 15 แล้ว และมันได้สวมชุดสีฟ้าทั้งตัว บวกกับได้ครอบครองมรดกขั้น 4 อันทรงพลัง สามารถกล่าวได้ว่าความสำเร็จของมันเหนือยิ่งกว่าขุนนางใหญ่คนก่อน

กระนั้น ความพยายามและความปรารถนาของมันยังไม่สิ้นสุดลง

คาลิมัวเริ่มไม่พอใจกับการได้ครอบครองแค่เมืองธารทะเลทรายอีกต่อไป มันต้องการเมืองที่ดีกว่านี้ ต้องการสถานะที่สูงกว่านี้

คาลิมัวในวันนี้มีความโลภคิดหมายปองตำแหน่งผู้ครองแแคว้น แม้จะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างขุมกำลังระดับผู้ครองแคว้นกับขุนนางใหญ่ ทว่าคาลิมัวก็ยังพอมีโอกาส

เพราะในตอนนี้สถานการณ์ในแคว้นเดียวดายก็ยังไม่ค่อยมั่นคง ตราบใดที่ทำเหมือนเมื่อก่อน พยายามอดทนแล้วเตรียมตัวให้พร้อม ก็จะสามารถคว้าโอกาสที่มาถึงได้

จะต้องคว้าให้จงได้!

อย่างไรก็ตาม คาลิมัวกำลังประสบปัญหาเล็กน้อย เวลานี้มีดินแดนเล็กๆที่เรียกว่าเมืองหุบเขาเดียวดาย เดิมมันเป็นแค่อาณาเขตที่ไม่โดดเด่นและอ่อนแอที่สุดในบรรดาเมืองมากมายภายใต้การปกครองของเมืองธารทะเลทราย

กระนั้นพวกขยะมนุษย์จิ้งจอกกลับไม่สามารถปกป้องมันเอาไว้ได้ สุดท้ายถูกยึดครองโดยโจรเร่ร่อน

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คาลิมัวไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก เพราะเมืองในโลกวิญญาณมักถูกปล้นแล้วปล้นอีก การเปลี่ยนมือเจ้าของเป็นเรื่องปกติ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาลิมัวรู้สึกเซอร์ไพรส์ก็คือ เจ้ากลุ่มที่ดูเหมือนไม่แข็งแกร่งอะไรพวกนี้ กลับใช้เวลาเพียง 20 วันระเบิดพลังออกมา ยึด 3 เมืองติดต่อกัน เข้าควบคุม 4 เมืองในคราวเดียว

คาลิมัวไม่พอใจมาก!

นี่มันเหมือนการตบหน้าเขา!

มันคือการข้ามหน้าข้ามตากันชัดๆ!

คาลิมัวเองก็เคยเป็นขุนนางเล็กผู้แย่งชิงบัลลังก์คนอื่นมาก่อน ดังนั้นมันจึงอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มาก เมืองหุบเขาเดียวดายนับว่าได้แตะเกล็ดย้อนของมัน ดังนั้นเมืองนี้และเผ่าพันธุ์นี้จะอยู่ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด!

แน่นอน

คาลิมัวยังไม่ถือว่าเมืองหุบเขาเดียวดายอยู่ในสายตา

ในความคิดของมัน

เจ้าเผ่าพันธุ์นี้แม้มีความทะเยอทะยานอยู่บ้าง แต่สุดท้ายใจร้อนเกินไป ไม่รู้ว่าเวลาไหนควรก้มหน้าก้มตาทำตัวดีๆ ไม่รู้จักวางแผนให้รอบคอบ ไม่ได้สืบหาข้อมูลสักนิดว่าเมืองธารทะเลทรายมีทหารชั้นยอดอยู่มากถึง 20,000 นาย

สถานะของเมืองธารทะเลทรายแข็งแกร่ง ไม่เหมือนในอดีตที่เคยถูกช่วงชิงไปอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นเมืองหุบเขาเดียวดายจึงไม่นับเป็นตัวผายลมอันใด!

เจ้าพวกนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ยิ่งกว่าตัวมันเมื่อก่อนมาก!

คาลิมัวได้สั่งให้ขุนนางเหล็กที่ไว้ใจได้หลายตนทำการทดสอบพวกเขา รอจนคุกโบราณสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ อย่างแรกที่จะทำคือรวบรวมกำลังทหาร และเข้าบดขยี้เมืองทั้ง 4 แห่งด้วยตัวมันเอง

มันไม่สามารถทนต่อการล่วงเกินของขุนนางใต้บังคับบัญชาได้

บ้านไม่สามารถทานทนต่อความทะเยอทะยานใดๆ ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตของตัวเอง

“ท่านขุนนาง พวกเราจะโจมตีห้องขังต่อไปเลยหรือไม่?” เซนทอร์ผู้ใต้บังคับบัญชาของคาลิมัวเอ่ยถาม

คาลิมัวกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้งว่า “ชัคกับชาเฮย เจ้าขยะ 2 ตัวนี้ถูกกำจัดแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีคนตามมา ถึงจากการรับรู้ของข้า ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้แก่กล้าอะไรมากนัก มีโอกาสสูงที่จะเป็นโจรเร่ร่อน แต่พวกเราก็ไม่ควรประมาท”

พูดถึงเรื่องนี้

มันจ้องมองลึกเข้าไปข้างหน้า “ก่อนอื่นพวกเราต้องกำจัดทรราชย์แห่งขุมนรกเสียก่อน ส่วนที่เหลือค่อยว่ากัน”

“ขอรับ!”

ทีมจากเมืองธารทะเลทรายเดินออกจากห้องขัง มุ่งหน้าผ่านทางเดินชั้น 3 อย่างรวดเร็ว เนื่องจากทุกตนล้วนเป็นยอดฝีมือ และมีกระทั่งขุมพลังระดับขุนนางใหญ่ ดังนั้นสามารถเก็บกวาดมอนสเตอร์ไปได้ตลอดทาง

“พวกเรามาถึงแล้ว”

“เป็นที่นี่”

เมื่อเทียบกับข้อมูลที่ได้มามันไม่น่าจะผิดพลาด

การปรากฏตัวของห้องขังยักษ์เบื้องหน้านี้เหมือนกันทุกประการกับข้อมูล กล่าวต่อว่า “ตัวตนที่อยู่ที่นี่ทรงพลังมาก จากข้อมูลที่ได้มา ถ้าอยู่ในน้ำพลังรบของมันจะทวีคูณ อีกทั้งยังมีความสามารถในการฟื้นฟูพลังชีวิตอันน่าทึ่ง เรียกได้ว่าแทบจะคงกระพัน ดังนั้นพวกเราต้องล่อมันออกไป ให้มันตกอยู่ในกับดักค่ายกล”

ยอดฝีมือจากเมืองธารทะเลทรายเริ่มเตรียมการในทันที

อันดับแรกพวกมันติดตั้งค่ายกล แล้ววางกับดักแล้วกับดักเล่า

แต่ละตนมีชีวิตอยู่มายาวนานกว่า 10 หรือ 20 ปี มีประสบการณ์มากมาย

ตราบใดที่สามารถล่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างในออกมาได้ รับประกันเลยว่าในช่วงเวลาสั้นๆ มันไม่มีทางหนีรอดไปได้

คาลิมัวตัดสินใจล่อมอนสเตอร์ด้วยตัวเอง

มันกุมหอกยาวสีฟ้าใสมุ่งหน้าสู่ทะเลสาบสีเทาดำ ตามด้วยเสียงแผดต่ำ ปราณสงครามแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้น เพียงแต่ว่ามันไม่กระจายออกไป ทั้งหมดถูกรวบเข้ามายังตัวหอก สุดท้ายไหลขึ้นไปตรงปลายหอก

คมหอกฟาดฟันลง น้ำนิ่งในทะเลสาบถูกพละกำลังอันแข็งแกร่งพัดพาออกไปอีก

ในคมหอกเดียว ผิวน้ำเหนือทะเลสาบถูกแบ่งครึ่ง เนิ่นนานไม่หายไป และภายใต้น้ำลึกนี้ มีเงามหึมาที่กำลังส่งกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว

“จงออกมาให้ข้า!”

คาลิมัวคำราม ฟาดฟันหอกยาวออกไป เปิดใช้งานสกิลเสริมในอาวุธ - ขว้างสายฟ้า!

ทันทีที่หอกหลุดจากมือ มันแปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าคะนอง กระแทกเข้าใส่เงาใหญ่อย่างแรง

“ฮู้มมมมม”

เงาใหญ่ตอบสนอง ปลดปล่อยคลื่นที่มองไม่ออกด้วยตาเปล่า ระเบิดคลื่นจิตวิญญาณอันทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กวาดฮือออกไปทั่วรัศมีหลายร้อยเมตรทันที

กระทั่งคาลิมัวยังสั่นสะท้านถอยหลังไปหลายก้าว เข้าสู่สถานะมึนงง สูญเสียพลังชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

ร่างอันสูงตระหง่านราวกับขุนเขาลูกเล็กๆ ค่อยๆลุกขึ้นจากทะเลสาบอย่างช้าๆ

มันสูงกว่าสิบเมตร มีโครงร่างเหมือนมนุษย์ ปีกค้างคาวขนาดใหญ่ด้านหลัง มีหนวดปลาหมึกเต็มคอ แขน ไหล่ หลัง เต็มไปด้วยหนวดขนาดยักษ์ และหนวดทุกเส้นปกคลุมไปด้วยดวงตา

ณ เวลานี้

ดวงตาแต่ละข้างเปิดออกแล้ว

เพียงมองไปยังม่านตาสีเลือดเหลือนั้น แค่แวบเดียวก็ชวนให้เกิดอาการหนังศีรษะด้านชา

คาลิมัวไม่เคยจัดการกับมอนสเตอร์ที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน เขารู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าคืออสูร

อสูรจะแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ และมีหลายประเภทที่สามารถแบ่งแยกย่อย

ไม่ว่าจะเป็นอสูรเล็ก หรืออสูรผู้ยิ่งใหญ่  , ปีศาจเงา , ซัคคิวบัส , ปีศาจโลกันต์ ฯลฯ

แต่เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้า เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับที่กล่าวมา เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่ไม่เคยพบเจออย่างสิ้นเชิง

มันคืออสูรนรก!

โลกขุมนรกคือหนึ่งในดินแดนที่น่าสะพรึงที่สุดเพียงไม่กี่แห่งในโลกวิญญาณ ว่ากันว่าต่อให้เป็นพลังอำนาจระดับทวยเทพก็ยังควบคุมโลกขุมนรกที่เต็มไปด้วยอสูรนรกไม่ได้

ร่ำลือว่าอสูรนรกในโลกแห่งนั้น ในหมู่พวกมัน ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดมีพลังรบเทียบได้เลยกับระดับทวยเทพ

และการปรากฏตัวของอสูรนรกนั้นคาดเดาไม่ได้ พวกมันไม่เคยมีรูปลักษณ์ที่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่อสูรนรกมีเหมือนกัน ก็คือส่วนใหญ่มีค่าคุณสมบัติจิตวิญญาณ ที่สูงมาก

ซึ่งนี่ตรงกับข้อมูลโบราณได้เป็นอย่างดี

มันคือ BOSS ใหญ่ของคุกโบราณชั้น 3

ระดับทรราชย์ขั้นซิลเวอร์ในเลเวล 15 - ทรราชย์ขุมนรก!

หลังจากคาลิมัวได้สติ มันรีบล่าถอยทันที ทรราชย์ขุมนรกเห็นได้ชัดว่ารู้สึกไม่พอใจกับการโจมตีของคาลิมัว เริ่มเคลื่อนร่างใหญ่ ไล่ติดตามออกจากทะเลสาบ

แม้ดูเทอะทะ แต่แท้จริงแล้วคล่องแคล่วมาก ไม่ช้ามันก็ไล่ตามออกจากห้องขังยักษ์ไป

ณ มุมตะวันออกของห้องขัง

ตรงจุดไหนสักแห่ง

ความมืดค่อยๆสลายหาย

ฮังอวี่ออกอจากสถานะพรางตัว ยกมือขึ้นลูบหัวด้วยความเจ็บปวด “ถึงจะอยู่ไกลขนาดนี้แต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากการคลื่นโจมตีทางจิต พลังของทรราชย์ขุมนรกช่างบิดเบือนจริงๆ”

ไม่กี่นาทีต่อมา

แสงรอบตัวเขาสว่างวาบ

คนอื่นๆที่ออฟไลน์ไปได้กลับมา

“เวลามีจำกัด นี่คือโอกาสทองที่พวกเราสามารถคว้าได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นห้ามผิดพลาด!” ฮังอวี่อธิบายสถานการณ์คร่าวๆ

“ทุกคนลงมือได้!”