ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 92 ขึ้นเหนือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 94 ความสามารถโดยกำเนิด

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 93 เทือกเขาไร้ขอบเขต


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 93 เทือกเขาไร้ขอบเขต

แปลโดย iPAT  

“เจ้ากำลังทำสิ่งใด?” เขาคู่ของหลี่ฉิงซานแข็งเหมือนเหล็ก การแกะสลักพวกมันของซวนเยว่ทำให้เขารู้สึกราวกับกระดูกในร่างกายถูกกรีดเฉือน

“อย่าขยับ!” ซวนเยว่ตะโกน

หลี่ฉิงซานไม่สน เขายื่นมือไปจับนางแต่นางหลบออกไป หลังจากชั่วครู่นางก็เปิดปากกล่าว “เสร็จแล้ว!” ต่อมานางก็นำกระจกสีทองแดงออกมาให้หลี่ฉิงซานดู

หลี่ฉิงซานเห็นตัวอักษรถูกสลักอยู่บนเขาข้างซ้ายและขวาของเขา หนึ่งคือคำว่าทิศเหนือ อีกหนึ่งคือคำว่าดวงจันทร์

“นั่นคือคำสัญญาของเรา!” ซวนเยว่หัวเราะอย่างมีความสุข

“ไปตายซะ!” หลี่ฉิงซานโกรธมาก

เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง พวกเขาก็เข้าไปพักในถ้ำแห่งหนึ่ง

หลี่ฉิงซานยื่นมือออกไปด้วยใบหน้าเย็นชา “เม็ดยาจิตวิญญาณ!”

ซวนเยว่ยิ้ม “เด็กดี อย่าโกรธ อ้าปาก!” นางถือเม็ดยาจิตวิญญาณเอาไว้และปฏิเสธที่จะวางมันลงบนมือของหลี่ฉิงซาน

ทั้งสองจ้องตากัน หลังจากไม่นานหลี่ฉิงซานก็อ้าปากกัดมือของนาง ฟันของเขาแหลมคมเหมือนใบมีด มันสามารถกัดเหล็กได้โดยไม่ต้องกล่าวถึงมือเรียวบางของหญิงสาว

อย่างไรก็ตามซวนเยว่ยังสามารถหมุนมือหลบ ทั้งหมดที่หลี่ฉิงซานกัดลงไปคือเม็ดยาจิตวิญญาณ จากนั้นนางก็ลูบศีรษะหลี่ฉิงซาน “ช่างรุนแรงนัก!”

หลี่ฉิงซานกินยาจิตวิญญาณและเริ่มนั่งสมาธิเพื่อฝึกเคล็ดวิชาจิตวิญญาณเต่าต่อไป บางเวลาเขาจะถือกระจกส่องดูตัวอักษรที่ถูกสลักไว้บนเขาคู่และถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง เขาสงสัยว่าเขาจะลบมันออกได้หรือไม่

ในช่วงไม่กี่วันนี้ทั้งสามจะพักผ่อนระหว่างวันและเดินทางในตอนกลางคืน เมื่อใดก็ตามที่ซวนเยว่เบื่อ นางจะเล่นสนุกกับหลี่ฉิงซาน แม้หลี่ฉิงซานจะต่อต้านแต่มันก็ไร้ประโยชน์ เขาทำได้เพียงยอมรับมันเท่านั้น

ตราบเท่าที่เขาได้รับเม็ดยาจิตวิญญาณ การบ่มเพาะของเขาจะไม่สะดุด เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขายังต้องกลัวว่าจะไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้อีกงั้นหรือ?

ในช่วงเวลาเหล่านี้หลี่ฉิงซานได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับปีศาจ ปีศาจที่ยังไม่สามารถควบรวมแก่นพลังปีศาจ พวกมันจะถูกพิจารณาว่าเป็นสัตว์ป่าที่ทรงพลังหรือสัตว์อสูรเท่านั้น เพียงเมื่อพวกมันสามารถสร้างแก่นพลังงานไว้ในร่างกาย พวกมันจึงจะถูกมองว่าเป็นสัตว์ปีศาจ

ปีศาจมีการแบ่งระดับเช่นกัน มันขึ้นอยู่กับภัยพิบัติสรรค์ที่พวกเขาก้าวข้าม พวกเขาจะกลายเป็นขุนพลปีศาจเมื่อพวกเขาก้าวผ่านภัยพิบัติสวรรค์ครั้งแรกและเป็นผู้บัญชาการปีศาจหลังจากผ่านภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สอง เพียงเมื่อพวกเขาก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ครั้งที่สาม พวกเขาจึงจะถูกเรียกว่าราชาปีศาจ

ราชาปีศาจแต่ละตนมีเขตปกครองของตนเอง พวกเขายังมีผู้บัญชาการปีศาจและขุนพลปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ภายใต้อาณัติของพวกเขา แม้การแบ่งอาณาเขตของฝ่ายปีศาจจะแตกต่างจากฝ่ายมนุษย์เล็กน้อย แต่มันก็มีความคล้ายคลึงกัน ราชาปีศาจที่ปกครองมณฑลชิงโจวคือราชามังกรทะเลดำ

ซวนเยว่เป็นปีศาจระดับขุนพลปีศาจ นางค่อนข้างทรงอำนาจแม้นางจะพึ่งก้าวเข้าสู่โลกของปีศาจที่แท้จริงก็ตาม หลี่ฉิงซานพยายามนึกภาพว่าผู้บัญชาการปีศาจและราชาปีศาจจะทรงพลังและยิ่งใหญ่กว่านางถึงระดับใด นี่ทำให้หัวใจของเขาลุกไหม้ขึ้นด้วยความทะเยอทะยาน ไม่ว่าเขาจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ เขาเพียงต้องการเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีผู้ใดสามารถเหยียบย่ำเขา

ปัจจุบันซวนเยว่กำลังฮัมเพลงอยู่กับตนเอง นางยืนอยู่บนศีรษะของหลี่ฉิงซานโดยจับเขาของเขาเอาไว้และมองไปในระยะไกล

หลี่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงภาพที่นางจับมือเขาและฟังนางเรียกเขาว่านายท่านด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน นั่นทำให้ท้องส่วนล่างของเขาร้อนขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดจากจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ทั้งหมด

ด้วยความทะเยอทะยานอันสูงส่ง หลี่ฉิงซานรู้สึกพลุ่นพล่านไปด้วยเพลิงแห่งความปรารถนา ขณะที่เขาอยู่ท่ามกลางจินตนาการ สายลมกรรโชกแรงก็พัดมาจากยอดไม้ แต่ซวนเยว่เพียงโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ปฏิกิริยาของเจ้าช้าเกินไป!” นางกระโดดเป็นเส้นโค้งสีเงินขึ้นไปในอากาศ

หัวงูขนาดเท่าอ่างน้ำร่วงลงมาพร้อมเลือดที่สาดกระจาย มันเป็นอสรพิษขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าและรอคอยเหยื่ออยู่อย่างอดทน

หลี่ฉิงซานหลบเลือดที่สาดกระเซ็นเข้ามาและเงยหน้าขึ้นเพื่อมองร่างของอสรพิษที่รัดพันอยู่บนต้นไม้ มันมีความยาวหลายเมตรและมีสีเหมือนเปลือกไม้ เขาคงไม่พบมันหากเขาไม่ค้นหาอย่างระมัดระวัง นี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในภาพยนตร์เรื่องอนาคอนด้า แม้เขาจะเคยเห็นสิ่งแปลกประหลาดมามากมายแต่เขายังอดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมาด้วยความประหลาดใจ โลกนี้มีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงกลัวอยู่มากมาย หากพวกมันบุกเข้าไปในหมู่บ้านมนุษย์ พวกมันสามารถกวาดล้างหมู่บ้านได้อย่างง่ายดาย

หลี่ฉิงซานได้กลิ่นปราณปีศาจจากร่างงู เขาบอกได้ว่านี่เป็นสัตว์ป่าที่กลายเป็นสัตว์อสูร เขาเคยอ่านนิยายของอู๋เสวีย ดังนั้นเขาจึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อเก็บถุงน้ำดีอสรพิษ นั่นทำให้เขาพบว่าผิวหนังของอสรพิษตัวนี้ทั้งเหนียวและแข็งมาก แม้หลี่ฉิงซานจะได้รับการสนับสนุนจากปราณปีศาจ เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามพอสมควรในการถลกหนังของมัน เขาได้เรียนรู้ถึงความน่ากลัวของปีศาจบนโลกใบนี้อีกครั้ง น่าเสียดายที่มันเลือกเป้าหมายผิดและถูกซวนเยว่สังหารในจังหวะเดียว

หลี่ฉิงซานคว้าถุงสีเข้มออกมาจากร่างงูก่อนจะปิดเปลือกตากลืนมันเข้าไปและรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง

เสี่ยวอันมองเขาด้วยความตกใจ

“เหตุใดเจ้าจึงกินถุงพิษของมัน?” ซวนเยว่ถามด้วยความสงสัย

“อันใด!? ถุงพิษงั้นหรือ?” การแสดงออกของหลี่ฉิงซานเปลี่ยนไป ใบหน้าสีดำของเขายิ่งดำมืดมากขึ้นไปอีก หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นเมื่อพิษพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของเขา โดยพื้นฐานแล้วหลี่ฉิงซานไม่เคยเห็นสิ่งที่เรียกว่าถุงน้ำดีอสรพิษมาก่อนแม้จะรวมประสบการณ์จากทั้งสองชีวิตเข้าด้วยกัน แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร เขาจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเอาชีวิตรอดเพียงเพราะเขาสามารถเดินทางข้ามโลกงั้นหรือ?

“เมี้ยว...!” ซวนเยว่ก้มตัวลงหัวเราะเสียงดังเมื่อนางเห็นหลี่ฉิงซานทรุดตัวลงบนพื้น จากนั้นนางก็หยิบลูกบอลทรงกลมออกมาจากร่างงูและยัดมันเข้าไปในปากของหลี่ฉิงซาน “นี่คือถุงน้ำดี”

ร่างของหลี่ฉิงซานแข็งไปหมดแล้ว เขากลืนถุงน้ำดีอสรพิษเข้าไปอย่างยากลำบาก แต่พิษก็บรรเทาลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซวนเยว่หยิบเม็ดยาออกมาจากกระดิ่งของนาง “นี่คือยาล้างพิษ!”

หลี่ฉิงซานนอนอยู่บนพื้นและรอให้ฤทธิ์ยากำจัดพิษงูออกไปอย่างช้าๆ ในเวลาต่อมาเขาก็ลุกขึ้นนั่งและกล่าวกับเสี่ยวอันที่เต็มไปด้วยความกังวล “ข้าไม่เป็นไร”

ซวนเยว่หยิบเม็ดยาออกมาและมอบให้เขาอีกครั้ง “นี่คือรางวัลของเจ้า!”

“รางวัลสำหรับสิ่งใด?”

“เจ้าตลกเกินไป เจ้าทำให้ข้าสนุก เจ้าต้องทำงานให้หนักขึ้นในอนาคตและทำให้เจ้านายเหมียวของเจ้ามีความสุข”

นี่ทำให้หลี่ฉิงซานรับเม็ดยาไปด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

เสี่ยวอันพ่นเพลิงโลหิตออกมาเผาซากศพอสรพิษและทำลายมันอย่างรวดเร็ว ชัดเจนว่ามันคือการแก้แค้นให้หลี่ฉิงซาน

เพลิงโลหิตเผาเนื้ออสรพิษและทิ้งกระดูกเอาไว้ จากนั้นมันก็ม้วนเป็นเกลียวและพุ่งกลับเข้าไปในปากของเสี่ยวอัน พลังชีวิตของสัตว์อสูรเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าพลังชีวิตของมนุษย์ร้อยคน ดังนั้นมันจึงมีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของเขา

ซวนเยว่ตกตะลึงกับภาพที่เห็น “นั่นคือสิ่งที่เสี่ยวไป๋กินงั้นหรือ?”

หลี่ฉิงซานต้องการหาเหยื่อให้เสี่ยวอันมากกว่านี้

เมื่อพวกเขาเดินทางลึกเข้าไปในเทือกเขาไร้ขอบเขต ต้นไม้ก็ค่อยๆสูงขึ้น หลี่ฉิงซานรู้สึกถึงความไร้นัยสำคัญของตนแม้เขาจะสูงกว่าสิบฟุตก็ตาม

สัตว์อสูรที่พวกเขาพบระหว่างทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน สัตว์ประหลาดทุกประเภทที่ปรากฏในตำนานหรือจินตนากรแสดงตัวออกมาต่อหน้าเขา

นกขนาดใหญ่ที่มีปีกยาวกว่าสามสิบเมตรบินอยู่บนท้องฟ้าขณะที่สายฟ้าแลบลั่นอยู่รอบตัวของมัน แมงมุมขนาดใหญ่เท่าโต๊ะมีหัวกะโหลกอยู่บนแผ่นหลังสร้างใยขนาดเท่าสนามฟุตบอลไว้ระหว่างต้นไม้นับสิบต้น

โชคดีที่ไม่ใช่ทุกตัวที่โจมตีพวกเขา ตัวอย่างเช่นเสือดาวตัวหนึ่งที่สูงพอๆกับผู้ใหญ่เพียงเฝ้ามองพวกเขาก่อนจะหันหลังและจากไป แม้สัตว์อสูรเหล่านี้จะไม่ฉลาดมากนักแต่สัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดของพวกมันยังเหนือกว่ามนุษย์ พวกมันระวังตัวมาก พวกมันจะไม่โจมตีโดยปราศจากการพิจารณาอย่างรอบคอบ พวกมันไม่เหมือนสัตว์ประหลาดใจเกมส์ที่ไม่สนใจชีวิต ท้ายที่สุดสัตว์ป่าเหล่านี้ก็มีชีวิต