ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0092
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0094

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0093


บทที่ 31 ล่า, ยักษ์ (1)

* * *

“สรุปว่าจะไปโค่นคราเค่นด้วยกันไหม”

“ขอเวลาหนึ่งวัน ข้าต้องรวบรวมความเห็นจากอัศวินทั้งหมด เรื่องแบบนี้ทำเล่นๆ ไม่ได้”

ในวันนั้น พวกเราตัดสินใจพักอยู่ในห้องว่างที่อัศวินหามาให้

ค่ำคืนดำเนินไปตามปกติ ทะเลทรายช่วงค่ำมีบรรยากาศเย็นๆ ที่แวมไพร์ชื่นชอบ

พระอาทิตย์สองดวงลับขอบฟ้าไปทีละหนึ่ง เผยให้เห็นร่างจริงของท้องฟ้าที่ซ่อนอยู่ใต้ม่านสีคราม

ลิลี่แหงนหน้ามอง

บนผ้าม่านสีม่วงเข้ม เบียดเสียดไปด้วยเหล่าดารากร

ซู่ว!

หลับตาลงและเพ่งสมาธิอยู่กับเสียงคลื่น สายลมที่มีทรายปะปนพัดผ่านผิวหนัง

ลมทั้งแห้งและหยาบเกินกว่าผิวหนังอันบอบบางของลิลี่จะรับไหว แต่การลองสัมผัสประสบการณ์ทำนองนี้สักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

คังซอนฮูเคยกล่าวเอาไว้ ถ้ายังยิ้มออก นั่นไม่ใช่ความทรมาน แต่เป็นประสบการณ์

ก่อนจะได้พบกับคังซอนฮู เธอยังไม่ลืมวันที่ตระกูลล่มสลายและต้องระหกระเหินไปทั่วโลก

ลิลี่เลือกเตร็ดเตร่ไปตามเทือกเขาเพราะไม่อยากพบเจอผู้คน

ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก คิดถึงมันสักพัก ลิลี่หยิบกุญแจทองเหลืองดอกใหญ่ที่ห้อยไว้ตรงคอออกมาดู

กุญแจห้องใต้ดินของตระกูล ที่มารดาของเธอฝากผ่านซอจีอา

「ถ้าเลือกผู้ปกครองที่จะนำทางได้แล้ว จงพาเขามาที่ห้องใต้ดินของตระกูล」

“…ที่นั่นมีอะไรอยู่กันแน่”

คิดถึงตรงนี้ เธอส่ายหน้าพลางนำกุญแจเก็บกลับไปในเสื้อ

เดี๋ยวก็คงได้รู้ในสักวัน และระหว่างทางก็ไม่ได้น่าเบื่ออะไร

“ทำอะไรอยู่”

หันกลับไปมอง ลิลี่เห็นคังซอนฮูเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยืนพิงราวจับข้างๆ

“ดูทราย”

“เธอเพิ่งเคยเห็นทราย?”

“ข้าเพิ่งเคยมาที่ทะเลทราย ระหว่างเดินทางตามลำพัง ข้าผ่านกำแพงนั่นไม่ได้”

คังซอนฮูพยักหน้ารับขณะมองไปยังคลื่นทราย

ลิลี่ยังคงจ้องหน้าชายหนุ่ม

เธอนึกถึงกลุ่มดารากรของคังซอนฮูที่ปรากฏขึ้นบนจอก

ดารากรทรงพลังสองตน ออกหน้าคุ้มครองคังซอนฮูโดยมิได้เกรงกลัวอำนาจของเหล่าเทวราชา

และกลุ่มดารากรอีกนับพันที่ปรากฏขึ้น ภาพนั้นสามารถตีความได้ว่า แม้จะมิได้ปกป้อง แต่เหล่าดารากรยอมรับและคอยเฝ้ามองคังซอนฮู

“ดารากรบนฟ้ากำลังเฝ้าดูการเดินทางของเจ้า”

“คงเพราะรูนที่ฉันใช้ส่งดาวดำขึ้นสวรรค์ มันคงดึงดูดความสนใจจากพวกเขา”

“เป็นไปได้”

แม้ความสำเร็จดังกล่าวจะเกินตัวปุถุชนไปมาก แต่คังซอนฮูกลับยังทำตัวตามสบาย

ชายหนุ่มหยิบอุปกรณ์สี่เหลี่ยมออกจากกระเป๋าและเปิดเครื่อง

จากนั้นก็ใช้สายเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์หนาๆ

สมาร์ตโฟนและแบตเตอรี่สำรอง

ลิลี่ไม่เคยเห็นมาก่อน ย่อมไม่รู้หลักการทำงาน

ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นสมบัติที่พบในโบราณสถาน เพราะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

คังซอนฮูจ้องหน้าจอสักพักก่อนจะพูดเป็นนัย

“ลิลี่”

“อื้อ”

“เธอคงคาใจอยู่ใช่ไหม ว่าหมู่บ้านของฉันมีอะไรแปลกๆ”

ลิลี่ครุ่นคิดสักพัก ตามด้วยพยักหน้า

“ฉันมาจากโลกอื่น ประตูมิติของที่นี่เชื่อมต่อกับโลกใบนั้น”

“…อื้อ ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าไม่ใช่คนของโลกนี้”

“ดูตกใจน้อยกว่าคิดนะ”

“ถ้าได้ยินเมื่อสองเดือนก่อน ข้าคงตกตะลึงมาก แต่ตอนนี้เริ่มจะเดาได้บ้าง แล้วก็…”

ลิลี่จ้องหน้าคังซอนฮู

“ในตำนาน มีหลายครั้งที่วีรชนเป็นคนของต่างโลก… ข้าอยากจะเห็นเหมือนกันว่าโลกของเจ้ามีหน้าตาแบบไหน”

“ฉันจะพาเธอไปถ้ามีโอกาส ต้องสนุกมากๆ แน่”

คังซอนฮูพูดพลางเล่นซ้ำวิดีโอที่คราเค่นฟาดหนวดใส่โดรน

เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลบางอย่าง

“คราเค่นเริ่มเคลื่อนไหวบนทะเลทรายเมื่อสามปีก่อน และวิดีโอนี้ถูกถ่ายเมื่อสามปีก่อนพอดี”

คังซอนฮูครุ่นคิด

“บางที คนของโลกฉันอาจจะไปกระตุ้นให้คราเค่นโมโห”

“เจ้ารู้สึกผิด?”

“ไม่ถึงขนาดนั้น”

ลิลี่จ้องหน้าคังซอนฮู อารมณ์ของอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่ดูก็รู้ทันทีว่ากำลังจมอยู่ในความคิด

“…พอจะมีจิตสำนึกอยู่บ้างสินะ”

หนึ่งในเหตุผลที่คังซอนฮูต้องการจับคราเค่น คือการรับผิดชอบในสิ่งที่ชาวโลกทำ?

เธอยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เพราะคังซอนฮูปฏิเสธที่จะพูดถึง

คังซอนฮูเล่นซ้ำวิดีโอคราเค่นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกสามเล่มออกจากกระเป๋า

“นี่ต้องเป็น… ฉันว่าฉันจำได้นะ”

คังซอนฮูไล่อ่านบันทึกของตน บางทีคงเป็นเพราะจำตำแหน่งของเนื้อหาไม่ได้ จึงค้นหาสลับไปมาระหว่างเล่มที่หนึ่งกับสาม

ผ่านไปประมาณสิบนาที คังซอนฮูเริ่มเพ่งความสนใจลงบนกระดาษแผ่นหนึ่ง

“เจ้าพบอะไรหรือ”

ลิลี่มองสมุดบันทึกด้วยความสนใจ แต่เธออ่านไม่ออก

ถึงจะเริ่มเข้าใจภาษา แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ศึกษาตัวหนังสือ

คังซอนฮูเพ่งสายตาอยู่ในตำแหน่งเดิมเป็นเวลานาน

“ลิลี่”

ลิลี่ไม่ขานรับ เพียงมองสลับไปมาระหว่างคังซอนฮู หน้าจอโทรศัพท์ และสมุดบันทึกที่ไม่รู้ว่าเขียนอะไรไว้

“ฉันรู้แล้วว่า… คราเค่นคือตัวอะไร”

“เจ้าค้นพบอะไร?”

“ไม่ได้ค้นพบ”

คังซอนฮูส่ายหน้า

“ฉันนึกออก”

คังซอนฮูหยิบอัญมณีสีขาวออกจากด้านหลังเข็มชี้

อัญมณีสว่างขึ้นในมือและกลายเป็นหนังสือเล่มหนา

หนังสือที่คล้ายกับสมุดบันทึกของคังซอนฮูมาก

สมบัติทองคำที่ได้จากเกาะท้องฟ้าซึ่งมีกิโฮเต้อาศัยอยู่

“หนังสือนักพยากรณ์…”

คังซอนฮูนำหนังสือนักพยากรณ์ออกมากาง

สมบัติชิ้นนี้สามารถฉายซ้ำเรื่องราวที่ถูกบันทึกลงไป

คังซอนฮูเคยเรียกมันว่า เครื่องเล่นวิดีโอโฮโลแกรม

เขาจะใช้ทำอะไร?

คังซอนฮูมองสลับไปมาระหว่างหนังสือนักพยากรณ์กับสมุดบันทึก

“…แปลกมาก ทำไมสมุดบันทึกของเจ้าถึงเหมือนกับสมบัติทองคำ?”

“นั่นน่ะสิ”

เป็นปัญหาที่ฉันไม่ควรปล่อยผ่าน แต่ก็ไม่รู้จะหาคำตอบยังไง

คังซอนฮูจ้องสักพักก่อนจะเปิดปาก

“ลิลี่”

“อื้อ”

“เธอเคยบอกว่า สมบัติทองคำจะแสดงพลังตามเจตนารมณ์ของผู้ใช้ใช่ไหม”

ลิลี่พยักหน้า ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่คังซอนฮูกังวลว่าลูกธนูเชือกจะหายไป เธอจึงพูดเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

“สมบัติทองคำมีความยืดหยุ่นสูง สามารถเข้าใจและเคารพเจตนารมณ์ของผู้ใช้งานภายใต้ขอบเขตของพลัง ดูได้จากการที่ศรเชือกไม่หายไปเร็วเหมือนกับศรประเภทอื่น”

“…หนังสือพยากรณ์มีพลังในการจำลองเหตุการณ์ตามเนื้อหาถูกบันทึกลงไป”

“ใช่… เจ้าคิดจะคัดลอกเนื้อหาในสมุดบันทึกใส่สมบัติ?”

พูดจบ ลิลี่ส่ายหน้า

“ไม่สำเร็จหรอก ถึงจะเป็นเรื่องราวในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ลำพังการคัดลอกตัวหนังสือจะไม่ช่วยให้…”

คังซอนฮูใช้มือจับหน้ากระดาษแผ่นหนึ่งบนสมุดบันทึก

จากนั้น

แคว่ก!

ฉีกจนขาด ลิลี่หยุดพูดและเอาแต่เฝ้ามองการกระทำของคังซอนฮู

ชายหนุ่มกล่าวพลางมองกระดาษที่ถูกฉีก

“นี่คือสิ่งที่ฉันเขียนในวันที่ถูกไล่ออกจากเมือง”

“เขียนไว้ว่าอะไร”

คังซอนฮูส่ายหน้า

“ไม่รู้เหมือนกัน เขียนไปเรื่อยเปื่อย ตอนนั้นฉันคงไม่มีสติ ก็เลยจำเหตุการณ์ไม่ได้ แต่ว่า…”

ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มก้มหน้ามองหนังสือพยากรณ์

“แต่เจ้านี่ต้องบอกได้แน่ ว่าวันนั้นฉันทำอะไรลงไปบ้าง”

“ยังไง…?”

คังซอนฮูนำแผ่นกระดาษที่ถูกฉีก วางสอดไว้ระหว่างหน้ากระดาษของหนังสือนักพยากรณ์ประหนึ่งที่คั่นกระดาษ

ทันใดนั้น

“…เชื่อมกันแล้ว”

มันกลายเป็นหนึ่งในหน้ากระดาษของหนังสือนักพยากรณ์

คังซอนฮูมองสมบัติทองคำพลางยิ้ม

“บรรลุเงื่อนไข”

คังซอนฮูกางหน้ากระดาษและวางลง

จากนั้น หนังสือนักพยากรณ์ถูกกระตุ้นการทำงาน ฉากที่คังซอนฮูเขียนอธิบายไว้เริ่มฉายออกมาเป็นโฮโลแกรม

ลิลี่และคังซอนฮูลุกขึ้นยืน

ภาพของเทือกเขาโปร่งแสงที่ส่องประกายระยิบระยับ ถูกฉายจนเต็มโต๊ะทำงาน

รอบเทือกเขารายล้อมด้วยทุ่งกว้าง ร่างของมนุษย์คนหนึ่งปรากฏขึ้น

มนุษย์กำลังอยู่ในท่าชกหมัดลงพื้น

นี่คือคังซอนฮู? ความไม่คมชัดของภาพทำให้ไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร เธอทำได้เพียงคาดเดา

รู้ตัวอีกที ลิลี่ตระหนักว่าคังซอนฮูกำลังเพ่งจ้องบุคคลดังกล่าว

“นี่คือ…?”

ลิลี่และคังซอนฮูจ้องมนุษย์ที่กำลังชกกำปั้นลงพื้นอยู่สักพัก

ไม่นานก็เริ่มตระหนักได้

“นี่ไม่ใช่เจ้า…”

คังซอนฮูพยักหน้า ตามด้วยคุกเข่า

“ฉันอยู่ตรงนี้”

ลิลี่ลดสายตาตามนิ้วคังซอนฮู

มนุษย์ที่สูงเท่านิ้วหัวแม่เท้าของบุคคลแรก กำลังเผชิญหน้ากับกำปั้นของอีกฝ่าย

“มนุษย์ตัวเล็กๆ นี่คือฉัน”

“ถ้าอย่างนั้น นี่คือ…”

ร่างนั้นไม่ใช่มนุษย์

เพราะใหญ่เกินกว่าจะเรียกว่ามนุษย์

“ยักษ์”

สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาที่ลิลี่เคยได้ยินแค่ในตำนาน — ยักษ์

แสงของบางสิ่งกำลังกะพริบอยู่ตรงหน้าอก

วัตถุที่ดูคล้ายหัวใจยักษ์ ถูกเผยออกมาในสภาพกะพริบแสง

ในวันที่ไดอารีถูกเขียน คังซอนฮูต่อสู้กับยักษ์

ขณะมองฉากดังกล่าวอย่างเงียบงัน เธอชำเลืองคังซอนฮูด้วยสายตาเหลือเชื่อ

ปากเปิดกว้างโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่มีคำใดหลุดออกมา

คังซอนฮูหยิบสมาร์ตโฟนออกมาดูวิดีโอคราเค่นอีกครั้ง

ภายในไม่ถึงหนึ่งวินาทีของวิดีโอ วัตถุทรงกลมขนาดใหญ่โผล่ขึ้นท่ามกลางกลุ่มหนวดคราเค่น ก่อนจะหายไปในพริบตา

“ฉันรู้แล้วว่าคราเค่นคืออะไร”

“คราเค่นในห้วงลึก คือยักษ์ที่เหลือรอดมาจากโบราณกาล?”

ลิลี่ช่วยเสริม คล้ายกับเริ่มจับทางได้

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

“…นี่เจ้า”

“มีอะไร”

“กำลังจะบอกว่า เจ้าเคยสู้กับมันมาแล้ว?”

“ก็คงใช่ เพราะมันเขียนไว้ในสมุดบันทึกของฉัน”

“การที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่…”

ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตโบราณ — ยักษ์ และได้รับชัยชนะ

ไม่มีความหมายอื่นนอกจากนี้

ลิลี่เคยได้ยิน เมื่อนานมาแล้ว โลกเคยเกิดสงครามระหว่างนิรันดร์ชนกับคนยักษ์

ไม่มีฝ่ายใดได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นหลังจบสงคราม

สิ่งมีชีวิตที่แม้แต่นิรันดร์ชนยังเอาชนะไม่ได้ ปุถุชนคนหนึ่งกลับโค่นลงสำเร็จ

และเช่นเคย คังซอนฮูไม่ได้มองเป็นเรื่องใหญ่

สิ่งเดียวที่เขากำลังสนใจก็คือ

“ถ้าเคยชนะมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่สองก็ไม่น่าจะยาก จริงไหม?”

“…เจ้าใช้ชีวิตมาแบบไหนกันแน่”

“คงได้พบคำตอบหลังจากเดินทางไปเรื่อยๆ”

ลิลี่ตามสถานการณ์ไม่ทัน ส่วนคังซอนฮูเอาแต่ยิ้มอย่างตื่นเต้น

“เข้าไปกันเถอะ ฉันมีบางสิ่งต้องเตรียมให้เสร็จ”

เธอทำได้เพียงพยักหน้ารับและปฏิบัติตามคังซอนฮู

* * *

หลังจบการประชุมอัศวินระดับสูง ชีราฮิลล์ยังคงอยู่ในห้องพร้อมกับคณะกรรมการ

ไม่มีใครเปิดปากพูด แต่ทุกคนกำลังกังวลในสิ่งเดียวกัน

พวกเขาตัดสินใจทำตามความต้องการของมนุษย์ และพยายามโค่นล้มคราเค่น

ข้อเท็จจริงที่ว่า มีดารากรมากถึงสองดวงคอยปกป้องมนุษย์ ส่งผลต่อการตัดสินใจมาก

อย่างไรก็ดี ชีราฮิลล์ยังไม่คลายความกังวลจนถึงที่สุด

เพราะผลลัพธ์ของศึกนี้คือตัวตัดสินชะตากรรมของชาวเบดูอิน

ปัจจุบันเหลือเรือเพียงสามลำ หากฝืนเกินตัว เรือที่มีอาจเสียหายทั้งหมด

และจำนวนเพียงเท่านี้ก็ยังไม่มากพอที่จะปะทะกับคราเค่น พวกตนยังขาดอาวุธที่เหมาะสมสำหรับออกศึก

ทันใดนั้น เสียงที่ไม่คุ้นเคยเปิดประตูและเดินเข้ามา

เป็นมนุษย์ที่เคยโน้มน้าวตนเมื่อวาน

ทำไมถึงทำตัวหยาบคายนัก?

แต่ชีราฮิลล์ไม่ได้พูดอะไร

มนุษย์ที่ถูกคุ้มครองโดยสองดารากร ย่อมมีคุณค่าไม่ธรรมดา

“หัวหน้า?”

“มีอะไร”

“เคยสู้กับคราเค่นไหม”

“…เหตุผลที่พวกเรากำลังย่ำแย่เช่นนี้ เพราะยังฟื้นฟูความเสียหายจากศึกนั้นไม่ได้”

มนุษย์นั่งลงฝั่งตรงข้ามโต๊ะทำงาน

คิดจะมาพูดอะไร?

เพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียว จะมีอะไรคืบหน้าได้ยังไง?

คังซอนฮูคลี่กระดาษแผ่นใหญ่

สีหน้าของชีราฮิลล์เปลี่ยนไปทันที

“…”

เป็นภาพที่บรรยายถึงองค์ประกอบของคราเค่นอย่างแม่นยำ

“เจ้าเคยเห็นคราเค่น?”

“ไม่เคย”

นั่นสินะ

แล้วรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?

“แวมไพร์ของเราวาดรูปเก่งมาก… ช่างมันเถอะ ดูนี่”

คังซอนฮูชี้ไปยังโครงสร้างทรงกลมใจกลางคราเค่น

“นี่คือ?”

“จุดอ่อนของมัน”

อยู่กึ่งกลางระหว่างหนวดรยางค์ของคราเค่น ซึ่งแปดออกเป็นแปดแขนง

“ตอนนี้คราเค่นกำลังปีนขึ้นมาในลักษณะคว่ำหัว ฉันก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน แต่นั่นทำให้จุดอ่อนเปิดกว้าง”

“เดี๋ยวก่อน เจ้ารู้เรื่องนั้นได้ยังไง?”

“คราเค่นคือยักษ์”

ยักษ์?

ชีราฮิลล์พยายามสงบจิตใจ ซึ่งฟุ้งซ่านเพราะข้อมูลจากปากมนุษย์

“ข้าตามไม่ทัน ช่วยอธิบายอย่างละเอียดได้ไหม”

มนุษย์ชายครุ่นคิดสักพัก

“ตอนเข้าใกล้คราเค่น นายไม่ได้กลิ่นอะไรเลยหรือ”

ชีราฮิลล์นึกทบทวนความทรงจำ

“…มีสิ”

“กำมะถันใช่ไหม?”

“…”

“และหนวดนั่นคงแผ่ความร้อน”

“เดี๋ยว…”

“บางที ในห้วงลึกอาจจะ…”

ชายคนนี้มีโฉมนักพยากรณ์หรือไง?

เป็นอีกครั้งที่ชีราฮิลล์สับสนกับสมมติฐานจากปากมนุษย์ ผู้ไม่เคยเห็นคราเค่นตัวจริง

มนุษย์ยังคงไม่หยุดพูด

“ทรายไหลออกมาจากห้วงลึก ไม่ใช่ไหลลงไปสินะ”

“…ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องพวกนี้?”

ถามโดยเบดูอินสาวที่ฟังอยู่เงียบๆ จากด้านข้าง

“เพราะฉันเคยสู้กับยักษ์”

คังซอนฮูชักมีดที่เคยยกให้ลิลี่ อากัปกิริยาที่คล่องแคล่วทำเอาเหล่าอัศวินพากันสะดุ้ง

คังซอนฮูวางมีดล่าสัตว์ลงบนโต๊ะ

“…นี่คือ?”

ลิลี่มองมีดเล่มดังกล่าวโดยไม่พูดอะไร

มีดที่คังซอนฮูยกให้เธอหลังจากสร้างกูรข่าในป่าเบอร์มิวด้า

การใช้มีดบ่อยครั้ง ช่วยให้ลิลี่ตระหนัก

มีดเล่มนี้ไม่ธรรมดา

ไม่ใช่แค่นั้น ตั้งแต่เห็นว่าพลังผุกร่อนของปรสิตตัวแรกไม่มีผลกับมีด ลิลี่รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว

เธอนึกสงสัยมาตลอดว่า มันสร้างจากวัสดุชนิดใดกันแน่

“มีดเล่มนี้ทำจากกระดูกยักษ์”

เหล่าคณะกรรมการที่กำลังกระซิบกระซาบกัน เงียบเสียงในทันที

ด้วยความสงสัยว่าคำกล่าวอ้างของมนุษย์อาจเป็นเรื่องเท็จ ทุกคนทยอยลุกจากที่นั่งและเดินมาตรวจสอบ

แต่ถึงจะไม่ตรวจสอบ หลายคนก็มั่นใจ

นั่นคงไม่ใช่คำโกหก

มนุษย์คนนี้มีข้อมูลมากจนไม่มีความจำเป็นต้องโกหก

หลังจากปล่อยให้คณะกรรมการมีเวลาขบคิดสักพัก มนุษย์พูดขึ้น

“หลังจากนี้หนึ่งชั่วโมง ให้ทุกคนแยกย้ายไปเตรียมตัวล่าคราเค่น เราจะออกเดินทางทันทีที่พร้อม”

* * *

อัศวินแห่งท้องฟ้ากำลังเดินไปบนคลื่นทราย

ร่างของเขาซึ่งสร้างจากเทคโนโลยีอาณาจักรโบราณ มีคุณสมบัติไม่จมลงไปในมหาสมุทรทราย

เขาบินได้เล็กน้อยก็จริง แต่ก็ไม่อยากทำตัวไม่สง่างาม

อัศวินแห่งท้องฟ้าชำเลืองปีกที่หักของตน ก่อนจะย่างกรายผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่

เขากำลังมุ่งหน้าไปยังห้วงนรก

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงเคลื่อนไหวเช่นนี้

ไม่ว่าจะครุ่นคิดสักเพียงใด คำตอบก็มีเพียง ‘ความอยากรู้’

มนุษย์คนนั้นจะท้าทายคราเค่นจริงหรือ?

มนุษย์จะต่อสู้และเอาชนะสัตว์ประหลาดที่แม่แต่อัศวินแห่งท้องฟ้าก็ยังจนปัญญา?

เขาก้าวเดินด้วยความรู้สึกแบบนั้น

ผ่านไปกี่วันแล้วนะ

ฝุ่นทรายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของห้วงลึก เริ่มมองเห็นได้จากระยะไกล

เขตควันธรรมชาติ เกิดจากทรายปริมาณมหาศาลที่พรั่งพรูออกจากห้วงลึก

ที่นั่นคือแหล่งกบดานของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา — ต้นตอที่ทำให้จิตใจอัศวินแห่งท้องฟ้าแหลกสลาย

สามเหลี่ยมภายในใจเริ่มกลิ้งอีกครั้ง

ภาพของเรือโจรสลัดลำเล็กที่เด็กชายโดยสารมาด้วย กำลังแล่นเข้าใกล้ห้วงลึกโดยไม่รู้ประสา ย้อนกลับมาฉายภายในความคิดอีกครั้ง

อัศวินแห่งท้องฟ้าอยากจะหลับตา แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีตา

เพราะดูเหมือนว่าตนกำลังเห็นภาพหลอน ที่เรือลำเล็กๆ กำลังแล่นเข้าหาห้วงลึก

ทว่า

เขาเริ่มตระหนักว่านั่นไม่ใช่ภาพหลอน

จากระยะไกล เรือลำเล็กกำลังตัดผ่านทรายและขยับเข้าใกล้ห้วงลึกมากขึ้นเรื่อยๆ

อัศวินแห่งท้องฟ้ารีบเพ่งสายตา

ทันใดนั้น

เรือกลุ่มหนึ่งโผล่ขึ้นจากฝุ่นทราย

สาม ไม่สิ ห้าลำ

ไม่สิ เจ็ด หรืออาจจะแปดลำ และยังไม่หมด

อัศวินแห่งท้องฟ้าครุ่นคิด ผ่านมาแล้วกี่วันนับตั้งแต่มนุษย์คนนั้นเดินลงมา?

ภายในระยะเวลาแสนสั้น เขาก่อตั้งกองทัพเรือสำเร็จ?

เมื่อตระหนักถึงกองเรือที่แล่นเข้ามาจากจุดห่างไกล ยักษ์ในห้วงลึกตอบสนองต่อภัยคุกคามทันที

หนวดรยางค์ผงาดขึ้นในแนวตั้งผ่านฝุ่นทรายเหนือห้วงลึก

จากนั้นก็ปะทะกับเรือลำแรกสุด

ครืนนนน!

เขาสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนแม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในจุดห่างไกล

เรือนำขบวนถูกหนวดรยางค์กระแทกเข้าอย่างจัง

นี่คือจุดจบของมนุษย์หนุ่มคนนั้น?

ขณะเขากำลังคิด

บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!

เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นบนเรือ คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก ว่าสิ่งใดสามารถสร้างการระเบิดแบบนี้ได้

อัศวินแห่งท้องฟ้าหยุดเดินโดยไม่รู้ตัว และเอาแต่เพ่งมองฉากดังกล่าว

เพียงพริบตา บนหนวดมหึมาของคราเค่นเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (2/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด