ตอนที่แล้วEp.383 - ทะเลทรายมรณะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.385 - ดรอปสกิลขั้น 4

Ep.384 - กับดัก


1/3

Ep.384 - กับดัก

เมื่อฮังอวี่ใช้เทคนิคตาเหยี่ยวเพื่อตรวจสอบ

อาคารสูงตระหง่านกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตาเขา

ฮังอวี่รู้ดี สิ่งที่ตาเห็นเป็นแค่ส่วนเล็กๆของตัวอาคารเท่านั้น ส่วนใหญ่ยังคงถูกฝังอยู่ใต้ทะเลทราย สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้เป็นเพียงทางเข้า

เซนทอร์ 2 ตัวกำลังเดินไปเดินมา พวกมันดูค่อนข้างตื่นตัวตลอดเวลา คล้ายกำลังสังเกตสภาพแวดล้อมใกล้เคียง

ฮังอวี่หยุดใช้เทคนิคตาเหยี่ยว หันไปพยักหน้าให้คนอื่นๆ “อืม 2ตัวที่เฝ้าทางเข้าไว้น่าจะเป็นนักรบ ตัวหนึ่งถือหอก อีกตัวหนึ่งถือธนู นั่นหมายความว่าตัวนึงเป็นนักสู้ระยะประชิด อีกตัวเป็นนักสู้ระยะไกล”

ร่างจริงของหมาหวังเอ๋อ ตอนนี้ไปอยู่ใกล้ซากปรักหักพังแล้ว มันเปิดใช้งานสกิลล่าสุดหมาป่าเงาปีศาจ เมื่อรวมพลังกับสกิลพรสวรรค์ เจ้าหมาก็สามารถลอบเข้าไปใกล้ได้มากกว่าเดิม

ตราบใดที่มันยังไม่ใกล้เกินไปในระยะ 100 เมตร อีกฝ่ายก็แทบไม่มีโอกาสตรวจพบ ร่างจริงของมันกำลังสอดแนมอยู่ข้างหน้า

ร่างโคลนที่ทิ้งไว้คอยรายงานสถานการณ์ “พลังรบของนักธนูอ่อนแอกว่านิดหน่อยคิดว่าอยู่ในเลเวล13 ตัวถือหอกเก่งกว่าคิดว่าอยู่ในเลเวล14 แต่ถึงจะบอกว่าตัวใช้ธนูอ่อนแอ แต่พลังรบของมันก็ยังมากกว่า ขุนนางเล็ก 2 3 ตัวที่พวกเราเคยโค่นมา”

ฮังอวี่รู้อยู่แล้ว เพราะแค่ความแข็งแกร่งของชาร์โมโด ผู้ส่งสารจากเมืองธารทะเลทรายนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณนางเล็กตัวอื่นๆเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ในเมืองธารทะเลทราย ชาร์โมโดกลับเป็นได้แค่ สมุนรับใช้เท่านั้น สถานะของมันด้อยกว่าลูกน้องส่วนตัวของขุนนางใหญ่คาลิมัวซะอีก

เซนทอร์สองตัวนี้ทรงพลังมาก สมแล้วที่เป็นนักรบแห่งเมืองธารทะเลทราย บางทีพวกมันอาจมีมรดกขั้น 3 มากกว่า 2 อาชีพ ครอบครองสกิลมากมาย อุปกรณ์ครบครัน ฐานค่าคุณสมบัติก็ไม่ต่ำต้อย

หากสู้กันตัวต่อตัว ฮังอวี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะชนะหรือเปล่า ดังนั้นคนอื่นๆไม่ต้องพูดถึง

ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “หนึ่งตีใกล้หนึ่งตีไกลถ้าพวกมันร่วมมือกัน พลังรบไม่อาจดูแคลน บางทีพวกเราควรหาทางแยกพวกมันออกจากกันแล้วฆ่าตัวใดตัวนึงก่อน”

จ้าวหมิงก็กังวลเหมือนกัน เขาพูดว่า “แถวนี้มีแต่พื้นที่โล่ง ด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่ของเซนทอร์ พวกเราน่าจะล่อมันได้ไม่ไกลก็ถูกไล่ตามทัน”

ฮังอวี่สังเกต สภาพแวดล้อมโดยรอบ เริ่มคิดมาตรการรับมือ

ขณะเดียวกันนั้นเอง

เซนทอร์นักรบเลเวล14 ชาเฮย และนักธนูเซนทอร์เลเลว13 ชัค พวกมันกำลังลาดตระเวนอยู่หน้าทางเข้าซากปรักหักพังอย่างน่าเบื่อหน่าย

ชัคถือคันธนูที่เรืองแสงพลังงานวิญญาณสีฟ้า ใบหน้าของมันปราศจากอารมณ์ใดๆ บ่นอุบว่า “ทำไมท่านขุนนางใหญ่ไม่ให้พวกเราเข้าไปในซากปรักหักพังด้วย พวกเราอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

ชาเฮpจ้องมันแล้วพูดว่า “เจ้ากล้าตำหนิ ท่านขุนนางลับหลังหรือ ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้วใช่ไหม”

“ข้าก็แค่เสียดาย ได้ยินมาว่าซากปรักหักพังแห่งนี้จะปรากฏขึ้นในทุกๆ 2-3 ทศวรรษเท่านั้น มีขุมทรัพย์และสมบัตินับไม่ถ้วนถูกฝังอยู่ที่นี่” ชัคเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่กล้าขอสมบัติหรอกแต่ข้าอยากใช้โอกาสนี้เพิ่มความจุแก่นแท้ เพราะข้าใกล้อัพเลเวลไปอีกขั้นแล้ว”

ชาเฮยกล่าวอย่างเฉยเมย “ถึงแถวนี้จะไม่มีขุนนางใหญ่รายอื่นอยู่ใกล้ๆ แต่ก็อาจมีพวกขยะเข้ามาสร้างปัญหา เพราะงั้นอย่าบ่นนักเลย ท่านขุนนางใหญ่ขอให้เจ้าเฝ้า นั่นก็เพราะไว้ใจเจ้า หลังจบเรื่องอย่างน้อยยังไงเจ้าก็ได้รับผลประโยชน์แน่ๆ”

หรือก็คือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเฝ้าอยู่แบบนี้!

ถึงชัคจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ต่อหน้าขุนนางใหญ่คาลิมัวที่มีทั้งอำนาจและพลังเบ็ดเสร็จ มันย่อมไม่กล้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ และชาเฮยที่อยู่ข้างๆก็เป็นลูกน้องที่ท่านขุนนางใหญ่เชื่อใจมากที่สุดเช่นกัน หากเรื่องที่ตนบ่นถูกนำไปฟ้อง เกรงว่าต่อไปคงเดินเหินไม่สะดวก

ชัคกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงสายลมแว่วคล้ายเหยี่ยวโฉบลงมาก็ดังขึ้น

มันไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

รู้สึกตัวอีกที สอน 2 ดอก ก็ตกลงจากฟ้าอย่างกะทันหัน คล้ายนกเหยี่ยวโฉบลงบนล่างอย่างแรง แรงปะทะส่งมันถอยหลังไปหลายก้าว

ชัคก้มลงมองลูกศร สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ศรเหยี่ยวจู่โจม? มีคนลอบโจมตี!

ชาเฮยตัวแข็งไปเช่นกัน

ไม่นึกเลยว่าจะมีใครมาสร้างปัญหาจริงๆ

“เนตรเที่ยงแท้!”

ชัคเองก็ครอบครองอาชีพมรดกของนักธนู และมันสามารถสืบทอดมรดกขั้น 3 ของนักธนูได้แล้ว

ฉะนั้นมันย่อมรู้จักสกิลขั้น 2 อย่างศรเหยี่ยวจู่โจมเป็นอย่างดี และในฐานะนักธนูผู้ทรงคุณวุฒิ

ในฐานะนักธนูที่มีคุณสมบัติในการลาดตระเวน

มันจึงสามารถครอบครองเนตรเที่ยงแท้ที่เป็นสกิลขั้น3 และเฉียบคมเช่นนี้ได้

ชัดล็อคเป้าผู้โจมตีได้ในทันที

‘หือ? เป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ช่างกล้านัก! บังอาจมาโจมตีคนของเมืองธารทะเลทราย’

ระหว่างกล่าวคำ

มันง้างสายธนู ยิงลูกศรขึ้นไปบนฟ้า

เมื่อลูกศรนี้ตกลงมา ขนาดของมันก็ใหญ่ขึ้นเป็นหลายสิบหลายร้อยเท่า กลายเป็นลูกศรขนาดยักษ์ที่ยาวกว่า 10 เมตร เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ พร่ามัวจนคนอื่นมองไม่เห็น

ฮังอวี่ตะโกนทันที “เหล่าเจ้า รีบตั้งรับเร็ว นี่คือศรฟ้าลงทัณฑ์ขั้น 3”

ศรฟ้าลงทัณฑ์คือสกิลยกระดับของศรเยี่ยวจู่โจม มันมีพลังมากกว่า ระยะโจมตีที่ยาวกว่า อีกทั้งยังโจมตีหมู่ และมีเอฟเฟคมึนงงหมู่

ดังนั้นประมาทไม่ได้เด็ดขาด

“โล่ผู้ปกปักสวรรค์!”

สกิลขั้น 3 ก็ต้องเจอกับสกิลขั้น 3!

ลูกศรพลังงานขนาดยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยแสงสีขาว ปะทะเข้ากับแนวป้องกัน และสามารถทำลายแนวป้องกันได้ในชั่วพริบตา

คลื่นกระแทกกวาดเข้าใส่กลุ่มของฮังอวี่

แม้ศรนี้จะอ่อนแอลงแล้ว เพราะถูกขวางเอาไว้ แต่ก็ยังเข้าถึงตัวหลายคน ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และในเวลาเดียวกันก็เกิดอาการมึนงง

จางเสี่ยวเฉียงตกใจมาก “สกิลของหมอนี่โคตรแรงเลย!”

ฮังอวี่ไม่เสียเวลาตอบ “พวกเราถอย”

ชัคเมื่อเห็นว่าโดนไปแค่ศรฟ้าลงทัณฑ์ ศัตรูก็รับมือไม่ได้ เตรียมถอยเสียแล้ว ในใจมันก็อดเยาะเย้ยไม่ได้ “มีพลังแค่นี้ แต่คิดจะฉวยอาหารจากปากเมืองธารทะเลทราย ไปฆ่าพวกมันกันเถอะ หาอะไรๆสนุกทำบ้างระหว่างที่กำลังเบื่อ”

“ถึงคู่ต่อสู้อ่อนแอ แต่ก็อย่าประมาท อย่าลืมว่าภารกิจของพวกเราคืออะไร ห้ามให้หนูแม้แต่ตัวเดียวเข้าไปรบกวนท่านขุนนางใหญ่” ชาเฮยกังวลว่าอีกฝ่ายจะใช้ลูกไม้ล่อเสือออกจากถ้ำ เพราะงั้นมันเลยพูดกับชัคว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่ เจ้าไปจัดการกับพวกมันเอง ถึงศัตรูจะเป็นโจรกระจอกไม่กี่ตัว แต่ก็อย่าได้ออมมือ”

ไม่พูดมากความ ชัคเปิดใช้งานสกิลหลายอย่าง เพิ่มสมรรถนะของตัวเอง และวิ่งออกไปทันทีราวกับสายลมกรรโชก

อย่าได้ออมมือ? ข้าไม่ทำแบบนั้นอยู่แล้ว!

แล้วอีกอย่าง ความว่องไวของเจ้าปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้ช่างเชื่องช้า!

ชัคได้รับโบนัสจากสกิลเสริมความเร็วหลายอย่าง มันคิดว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ของตัวเองสามารถบดขยี้คู่ต่อสู้ได้

ตัวมันคือ มือยิงเทพเจ้าในขั้น 3 ขณะที่ศัตรูที่สามารถโจมตีไกลของอีกฝั่ง เป็นแค่นักลอบยิงในขั้น 2 เท่านั้น และในมือของอีกฝ่ายยังถือแค่ธนูสีเขียว

หมายความว่ามันได้เปรียบทั้งในด้าน ความว่องไว และระยะโจมตี!

แบบนี้ยังมีอะไรต้องเสี่ยงอีก?

“ฝนลูกศรกระแสแสง”

ชัคดึงสายธนูอย่างรวดเร็ว แล้วยิงลูกศรออกไป

เมื่อลูกศรแสงอยู่เหนือของฮังอวี่และคนอื่นๆ มันพลันระเบิดเป็นดอกไม้ไฟทันที ศรแสงหลายร้อยดอกโปรยลงมาดั่งสายฝน รัศมีโจมตีกว้างกว่า 100 เมตร

“ฉันจะช่วยกันให้เอง!”

จ้าวหมิงเปิดใช้งานสกิลพรสวรรค์เกาะเหล็กศักดิ์สิทธิ์

จากนั้นปลดปล่อยเทคนิคป้องกันขั้น 2

บล็อกการโจมตีส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง ปกป้องเสี่ยวเฉียงและฉินมู่ 2 คนที่เปราะบางที่สุดเท่าที่จะทำได้

ส่วนฮังอวี่ ฉูเทียนหัว และเจียงหนาน พลังป้องกันของ 3 คนนี้ไม่ต่ำ ดังนั้นพอป้องกันตัวเองได้

ฮังอวี่ตะโกน “ล่าถอยต่อ!”

มีเซนทอร์ตามมาแค่ตัวเดียว?

ส่วนอีกตัวเลือกที่จะยืนอยู่เฉยๆ

น่าเสียดาย!

ฮังอวี่ยิงศรซุ่มยิงเงามืด ออกไป 2 3 ดอกเพื่อตอบโต้ แต่การโจมตีพวกนี้แทบไม่มีความหมาย อะไรกับนักธนูเซนทอร์

ชัคดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิต และยังคงไล่ตามต่อมา

ในความเห็นของมัน ความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรูเชื่องช้าเกินไป แบบนี้ต่อให้ มีพลังรบแข็งแกร่ง ก็ไม่อาจเป็นภัยคุกคามขอตนเองได้

ไม่นาน

มันก็ไล่ตามออกมาไกลกว่าพันเมตร

ฝั่งฮังอวี่ค่อนข้างสะบักสะบอมเล็กน้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวหมิงช่วยต้านทานความเสียหาย เสี่ยวเฉียงกับฉินมู่คงตายไปแล้ว

แต่ในตอนนี้เอง จากที่กำลังไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด อยู่ๆชัคก็รู้สึกผิดสังเกต ทรายทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของมัน จู่ๆก็มีมดยักษ์มุดขึ้นมาจากใต้ดิน รวมตัวกันอย่างรวดเร็วและล้อมมันไว้

"มอนสเตอร์ป่า?"

มันรับรู้ได้ ว่ามดยักษ์พวกนี้เก่งสุดอยู่ที่เลเวล 11

และตัวที่น่าจะเป็นผู้นำ เก่งสุดอยู่แค่ระดับเจ้าถิ่นขั้นบรอนซ์ ไม่มากพอที่จะเป็นภัยคุกคาม

อย่างไรก็ตามเมื่อคิดได้ดังนี้ มดยักษ์หลายสิบตัวที่อยู่รอบตัวมัน จู่ๆก็สาดแสงสว่างพร้อมกัน

ชัคสังหรณ์ใจไม่ดี มันตัดสินใจเปิดใช้งานสกิลพุ่งเข้าชาร์จ พยายามที่จะหลุดจากวงล้อมของมดยักษ์

แต่ก็สายเกินไป!

พวกมดยักษ์ระเบิดตัวเองพร้อมกัน

แรงระเบิดครอบคลุมรัศมีกว่า 100 เมตร

ร่างของชัคถูกกลืนหายเข้าไปในระเบิดทันที พลังชีวิตของมันลดลงแทบจะเหลือ 0

มดยักษ์กว่า 30 ตัวระเบิดตัวเอง พลังสังหารที่เกิดขึ้นในช่วงพริบตา เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก

ถ้ามันไม่วิ่งออกมา แล้วหลีกเลี่ยงจุดศูนย์กลางของแรงระเบิดได้ทัน เกรงคงถูกฆ่าตายตั้งแต่วินาทีแรกไปแล้ว!