ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 89 สัตว์เลี้ยง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 91 เฒ่ามังกรทะยาน

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 90 แมวของราชินี


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 90 แมวของราชินี

แปลโดย iPAT   

หลี่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวอัน เขาถาม “เสี่ยวอัน เกิดสิ่งใดขึ้น?”

เสี่ยวอันส่ายศีรษะด้วยความสับสน

หลี่ฉิงซานผ่อนคลายลง “เอาล่ะ ซวนเยว่ บอกข้าว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่ไปมณฑลหลงโจวเพียงลำพัง การนำข้าไปด้วยเป็นเพียงการเพิ่มภาระให้เจ้าเท่านั้น”

“เรียกข้าว่าเจ้านายเหมียว! ข้ากำลังถูกไล่ล่า ดังนั้นข้าจึงต้องซ่อนตัวจากพวกเขา”

‘เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่มีความรู้เรื่องทิศทาง!’ หลี่ฉิงซานคิดแต่พูดไม่ได้ อย่างไรก็ตามคำตอบของนางตรงกับการคาดเดาของเขา กู่เยี่ยนหยินกำลังตามหาแมวของราชินีแห่งความมืดและซวนเย่ก็คือแมวตัวนั้น

หลี่ฉิงซานกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ไม่มีปัญหา ซวนเย่ แต่ข้ารู้สึกว่าเราควรวางแผนและหาเส้นทางที่เหมาะสมก่อนออกเดินทาง” เขารู้สึกหวาดกลัวกู่เยี่ยนหยินอย่างมาก บางทีนางอาจกำลังมองเขาจากบนท้องฟ้า ตอนนี้เขากลายเป็นปีศาจไปแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากที่นางจะจัดการเขาทันทีที่พบเห็น

เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของซวนเยว่ “ข้าบอกให้เรียกข้าว่าเจ้านายเหมียว!”

“ตกลง ซวนเยว่”

“เหมียว!!!” หางของซวนเยว่าชูชันขึ้น นางโกรธมาก

หลี่ฉิงซานคว้าเสี่ยวอันที่กำลังจะโต้กลับและปล่อยให้นางทุบตีเขา ระหว่างกระบวนการนี้เขาค้นพบว่าแม้นางจะรวดเร็วมากแต่ความแข็งแกร่งของนางยังไม่ดีนัก ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถอดทนต่อการเตะต่อยของนาง

ซวนเยว่เพียงระบายความโกรธ นางไม่ได้ลงมือรุนแรงมากนัก หลังจากทั้งหมดนางยังต้องพึ่งพาหลี่ฉิงซานในหลายๆเรื่อง ดังนั้นนางจึงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มากับข้า!” นางพาหลี่ฉิงซานกลับไปที่น้ำตกก่อนจะจับเขาโยนเข้าไป

ขณะที่หลี่ฉิงซานคิดว่าเขากำลังจะพุ่งชนกำแพงหินหลังม่านน้ำ ร่างของเขากลับพุ่งผ่านมันไปโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ

ความจริงก็คือกำแพงหินเป็นภาพลวงตา มีถ้ำขนาดใหญ่ซ่อนอยู่หลังน้ำตก เห็นได้ชัดว่ามันพึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนมันจะเป็นที่ซ่อนตัวของนาง

กล่าวได้ว่าสถานที่ที่วัวดำเลือกให้หลี่ฉิงซานเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง

ซวนเยว่หยิบธงขนาดเล็กออกมาจากกระดิ่งของนาง ชัดเจนว่ากระดิ่งของนางเป็นกระเป๋าเก็บของ

‘กระเป๋าสี่มิติอีกครั้ง!’ หลี่ฉิงซานตะลึง

ธงเรืองแสงทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ

ซวนเยว่ปักธงไว้ที่ทางเข้า มันช่วยปิดผนึกและซ่อนถ้ำเอาไว้อย่างมิดชิด กลิ่นอายของปราณปีศาจไม่สามารถเล็ดลอดออกไป

หลังจากนั้นนางก็หยิบอีกหลายสิ่งออกมาจากกระดิ่ง อย่างแรกคือเสื่อหนาที่ทำจากขนสัตว์ จากนั้นนางก็นำโต๊ะตัวเล็กๆออกมา ตามด้วยเครื่องใช้ที่ละเอียดอ่อนซึ่งแกะสลักจากงาช้างหรือหยก

นางมองเห็นอย่างชัดเจนในความมืดแต่นางยังนำตะเกียงออกมา ตะเกียงไม่ได้เรืองแสงด้วยดวงไฟแต่เป็นไข่มุก มันทำให้ถ้ำทั้งหมดสว่างไสวแต่กลับไม่ทำให้ตาพร่า

ในตอนท้ายนางยังหยิบกระถางธูปรูปทรงนกกระเรียนที่ปลดปล่อยกลิ่นหอมอันน่าอัศจรรย์ออกมา

สิ่งของทั้งหมดเรืองแสง ภายใต้แสงสว่างจากไข่มุก กระทั่งพลังปราณในร่างของหลี่ฉิงก็ยังเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาสูดดมกลิ่นหอมจากกระถางธูปนกกระเรียน เขารู้สึกว่าจิตใจของเขาปลอดโปร่งและแจ่มใสขึ้น

ไม่มีสิ่งใดที่สามารถตีราคาได้ด้วยเงิน นางไม่เหมือนสัตว์เลี้ยงแต่เป็นเจ้าหญิงที่กำลังลี้ภัยและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี นางฟุ่มเฟือยมาก!

ซวนเยว่นั่งลงบนเสื่อหนาและนำเนื้อปลาสีขาวราวหิมะออกมา “ได้เวลากินแล้ว!” อย่างไรก็ตามนางไม่ได้ใช้เครื่องเรืองที่ประณีตงดงามที่นำออกมาก่อนหน้าแต่ใช้มือจับและฝังใบหน้าของนางลงไปโดยตรง

หลี่ฉิงซานมองด้วยความตกใจสุดขีด แม้แต่เนื้อปลาก็ยังเรืองแสง!

ซวนเยว่ชำเลืองมองเขา นางคิดถึงวิธีที่เจ้านายของนางปฏิบัติต่อนางและไม่แน่ใจว่าตนเองควรทำตัวเช่นไรเมื่อนางกลายเป็นเจ้านายของสัตว์เลี้ยงทั้งสอง สุดท้ายนางตัดสินใจเรียนรู้จากเจ้านายของนาง นางกล่าวอย่างสงวนท่าทีว่า “ต้าไห่ ข้าจะให้เจ้ากินสิ่งนี้” นางรู้สึกภูมิใจมากที่นางสามารถทำเช่นนี้

‘ต้าไห่งั้นหรือ? ข้าขอชื่อจริงสักครั้งไม่ได้เลยใช่ไหม?’ หลี่ฉิงซานคิด อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการเปิดเผยชื่อจริงของตนในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นต้าไห่หรือชื่อใดๆ เขาก็รีบคว้าเนื้อปลาเรืองแสงและกินมันเข้าไป

แม้จะเป็นเนื้อปลาดิบแต่มันก็อร่อยมาก มันละลายทันทีที่สัมผัสลิ้นของเขา มันยอดเยี่ยมกว่าทุกสิ่งที่เขาเคยกินมาในอดีตและเมื่อเขากลืนมันลงไป ปราณปีศาจของเขาก็ค่อยๆเติบโตขึ้น มันมีผลเหมือนเม็ดยาจิตวิญญาณ

ก่อนหน้านี้เขาสามารถกินกวางทั้งตัวโดยไม่รู้สึกอิ่ม แต่เนื้อปลาชิ้นเล็กๆเพียงชิ้นเดียวกลับทำให้ท้องของเขาพองโตขึ้น “ราชินีแห่งความมืดคือผู้ใด? นางปฏิบัติต่อเจ้าไม่ดีงั้นหรือ?”

ซวนเยว่ชำเลืองมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยันก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพ “ไม่มีผู้ใดบนโลกใบนี้ที่ปฏิบัติต่อเยว่เอ๋อดีไปกว่าเจ้านายอีกแล้ว นางงดงามและทรงพลังมาก เมื่อข้าพบนางครั้งแรก ข้าไม่แม้แต่จะเป็นปีศาจ นางเลี้ยงข้าด้วยเม็ดยาจิตวิญญาณและอื่นๆ เหมียว...”

“แต่เจ้ายังหนี?”

“อย่าขัดจังหวะข้า!” ซวนเยว่มองหลี่ฉิงซานด้วยความไม่พอใจ ดวงตาของนางเบิกกว้างขณะที่นางยกแก้มขึ้น “นางรักข้ามากเกินไป นางกอดเหมียวทั้งวันโดยไม่ยอมปล่อยแม้แต่ตอนที่นางนอนหลับ บอกข้าสิว่าข้าจะทนได้อย่างไร?”

หลี่ฉิงซานคิด ‘หากราชินีแห่งความมืดงดงามและทรงพลังเช่นที่เหมียวเหมียวบรรยาย ข้าจะดีใจมากหากนางปฏิบัติต่อข้าเช่นนั้น’ จากนั้นเขาก็ชำเลืองมองซวนเยว่ราวกับต้องการกล่าวว่า “ข้าจะยอมรับโอบกอดจากเจ้าเช่นกัน”

“ลืมมันไปเถอะ ต่อให้ข้าอธิบาย เจ้าก็ไม่เข้าใจ ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าค่อนข้างฉลาด เจ้าไม่โง่เหมือนปีศาจทั่วไป แต่เจ้าไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกที่ลึกซึ้งและซับซ้อนเช่นนี้ เสรีภาพ เจ้าเข้าใจคำนี้หรือไม่?”

ซวนเยว่พึมพำกับตนเองพร้อมหูที่ตั้งขึ้นโดยไม่ต้องการคำตอบจากฝ่ายตรงข้าม

หลี่ฉิงซานได้รับข้อมูลหลายอย่างจากบทพูดคนเดียวที่หลงตัวเองของนาง ในมณฑลชิงโจวที่นางจากมา มีเพียงภรรยาของผู้ว่ามณฑลเท่านั้นที่มีสิทธิได้รับการขนานนามว่าราชินี นางเป็นราชินีของราชาชูที่ดุร้าย

อำนาจของราชาชูครอบคลุมมฑลชิงโจวทั้งหมด ดังนั้นซวนเยว่จึงต้องหลบหนีออกจากมลฑลชิงโจวและเดินทางไปมลฑลอื่น

หลี่ฉิงซานนึกถึงตำแหน่งของมณฑลชิงโจวในแผนที่ “มลฑลชิงโจวอยู่ทางใต้ของที่นี่ เหตุใดเจ้าไม่เดินทางไปทางใต้แต่ขึ้นเหนือ?”

ซวนเยว่กล่าว “เจ้าจะรู้อะไร มณฑลอู่โจวทางตอนใต้ทุรกันดารมาก ข้าควรไปที่นั่นและอดอาหารงั้นหรือ? มลฑลหลงโจวเป็นสถานที่ที่ดี ราชสำนักตั้งอยู่ที่นั่น มันมีวังที่งดงาม บ้านเมืองที่เจริญรุ่งเรือง และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่ปีศาจเช่นเจ้าไม่สามารถทำความเข้าใจ!”

หลี่ฉิงซานกล่าว “แม้ที่นั่นจะมีสิ่งเหล่านั้นแต่ผู้ใดจะมอบมันให้เจ้า” และคิดต่อ ‘เจ้าคิดว่าตนเองเป็นหมีแพนด้าที่สามารถอยู่รอดได้เพียงเพราะความน่ารักงั้นหรือ?’

ซวนเยว่กล่าว “เจ้าจะรู้อะไร ข้าจะไปหลบภัยอยู่กับจักรพรรดินีจิ้งจอกเก้าหาง นางคือผู้นำของเหล่าปีศาจ หนึ่งในสิบราชาปีศาจ นางทั้งงดงาม สูงส่ง และทรงพลัง…”