ตอนที่แล้วEp.382 - สกิลใหม่ของหวังเอ๋อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.384 - กับดัก

Ep.383 - ทะเลทรายมรณะ


2/2

Ep.383 - ทะเลทรายมรณะ

สิ่งที่ฮังอวี่ตัดสินใจไปแล้ว เจ้าหมาจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร?

หลังจากเสี่ยวไป๋กลั่นโพชั่นมนตรา ‘อินทรีจ้าวสายลม’ เสร็จแล้ว ฉูเทียนหัวกับจ้าวหมิงก็มาถึงเมืองหุบเขาเดียวดาย ทั้งหมดรวมตัวกัน ออกเดินทางไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหุบเขาเดียวดาย

สมาชิกในทีมได้แก่ ฮังอวี่ จ้าวหมิง ฉูเทียนหัว เจียงหนาน จางเสี่ยวเฉียง ฉินมู่ และเจ้าหมาหวังเอ๋อ

ด้านพลังรบอาจมีมากน้อยต่างกัน แต่เนื่องจากทุกคนสามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ใช่ปัญหา

เป็นทีมที่เชื่อถือได้!

ส่วนฮังเสี่ยวไป๋ เธอรั้งอยู่ในเมืองหุบเขาเดียวดาย ทำหน้าที่เป็นรองขุนนางเมือง เพราะคนอื่นๆที่ฮังอวี่ไว้ใจนอกจากทีมๆนี้ ก็คือเสี่ยวไป๋

แม้บุคลิกของเสี่ยวไป๋จะค่อนข้างทึ่ม แต่เด็กสาวมีประสบการณ์มากมายในฐานะขุนนางโลกวิญญาณ แค่ทำหน้าที่ผู้รักษาการสักสองสามวัน ป้องกันการโจมตีจากศัตรูเป็นครั้งคราว ด้วยความสามารถของเธอ ยังไงก็ทำได้

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเมืองหุบเขาเดียวดาย มียอดฝีมือจากมังกรครามมากมายคอยช่วยเหลือ

ทางด้านจ้าวหมิง เขาทิ้งเมืองเตาหลอมศิลาให้ปันหลงลูกน้องที่เชื่อใจได้จัดการ ฝั่งเมืองขุนเขาเหล็กฉูเทียนหัวก็เลือกรองขุนนางที่ไว้ใจให้ดูแล

...

ณ ทะเลทรายมรณะ

สภาพแวดล้อมของที่นี่กว้างขวางและแห้งแล้ง

แม้ในโลกวิญญาณจะมีเมืองและอาณาเขตอยู่ แต่แท้จริงแล้วพื้นที่อาณาเขตที่เมืองครอบครองมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่น อาณาจักรมังกรโลกา อาณาเขตที่อยู่ในรัศมีควบคุมของเมือง มีน้อยกว่า 1 %ในแผนที่

หรือก็คือพื้นที่ส่วนใหญ่ในโลกวิญญาณ เกือบทั้งหมดเป็นสถานที่ที่ไม่มีเจ้าของ

เมื่อทีมของฮังอวี่เดินเข้ามาในทะเลทรายแห้งแล้งนี้ มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา พวกเขาเห็นแค่เนินทรายสีเหลือง ขยายออกไปไร้ที่สิ้นสุด

สุดายตาไม่มีอะไรเลย ไม่มีสิ่งมีชีวิต ไม่มีพืชพรรณ อ้างว้างและเดียวดาย

และด้วยอุณหภูมิที่สูง ทำให้ทรายเกิดความร้อน อากาศบิดเบี้ยว ความแข็งแกร่งทางกายภาพถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็ว

หากไม่จัดเตรียมอุปกรณ์ในการรับมือมามากพอ คงเป็นเรื่องยากที่จะอยู่รอดที่นี่

อย่างไรก็ตาม ทะเลทรายที่ว่างเปล่าแห้งแล้งเบื้องหน้านี้

แท้จริงแล้วมันเป็นแค่รูปลักษณ์เพียงผิวเผินเท่านั้น

ภายในทะเลทรายถูกฝังไว้ด้วยซากปรักหักพังและเขตแดนลับมากมาย หากขุดคุ้ยลงไปอาจมีสมบัติอันน่าทึ่งซ่อนอยู่ ไม่ก็กับดักมรณะที่อาจทำให้ถึงตาย

ที่กล่าวมามักเปิดขึ้นตามเวลาหรือโอกาสพิเศษ จึงดึงดูดชาวโลกวิญญาณมากมายในบริเวณใกล้เคียงให้มาสำรวจ

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว

ยังมีภัยอันตรายถึงตายอื่นๆอยู่ทั่วทุกที่

นอกจากพายุทรายอันน่าสยดสยองที่โล่มาเป็นครั้งคราวแล้ว ในทะเลทรายยังเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกอันเดธและแมลง

ตามปกติแล้วเจ้าพวกนี้มักซ่อนอยู่ใต้ดิน ลูกเล่นที่ใช้สอดแนมตามปกติมักไม่ค่อยได้ผล กว่าจะรู้ตัวพวกมันอาจเข้าประชิดและถูกโจมตีแล้ว

“ฮ่ง เปิ่นหวังได้กลิ่นอันตราย ... มีตะขาบฝูงใหญ่กำลังเข้าใกล้พวกเรา!”

หมาหวังเอ๋อส่งเสียงเตือน

ทุกคนสังเกตเห็นทันที ว่าท่ามกลางเนินทราย มีรอยยกขึ้นเล็กน้อย แถมจำนวนยังเยอะมาก คล้ายปฏิบัติการร่วมกันเป็นทีม ราวกับใต้ผืนทะเลทราย มีงูเหลือมขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่

“โล่ผู้ปกปักษ์สวรรค์!”

จ้าวหมิงยกโล่ยักษ์และประทับมันลงใต้เท้าของเขา

โล่ยักษ์ราวกับมีม่านพลังงานถูกปลดปล่อยออกมา

เทคนิคการป้องกันหมู่จากสกิลขั้น 3 อันทรงพลังนี้ ช่วยปกป้องสมาชิกทีมทุกคนในทันที

“ฟ่อ ฟ่ออ ฟ่อออ!”

เสียงอันน่าขนลุกดังขึ้น

ทรายละเอียดกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง ฝุ่งทรายนับไม่ถ้วนปกคลุมทั่วฟ้า สภาพแวดล้อมโดยรอบมืดลงอย่างกะทันหัน และสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ถึงรูปร่างของมอนสเตอร์อันน่าสยดสยองที่โผล่ขึ้นมา

กรงเล็บและขามากมายปรากฏขึ้นกลางฝุ่นทราย

เจียงหนานกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง “มอนสเตอร์ตัวนี้ ... ชวนให้หนังศีรษะเสียวซ่านจริงๆ”

ถูกต้อง

มันคือตะขาบที่ถูกขยายใหญ่ขึ้นพันเท่า

ยาวกว่าสิบเมตร มีเหลืองเหลืองอมน้ำตาลทั้งตัว ทุกรายละเอียดสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เท้านับพันหรืออาจถึงหมื่นของตะขาบยักษ์ขยับไปมา นี่มากพอที่จะสั่นคลอนจิตใจผู้คนที่มอง

และประเด็นก็คือมันมีมากกว่าหนึ่ง

ยังมีอีกเป็นสิบตัวอยู่รอบๆ

และถ้านับตัวอื่นๆที่กำลังตามมาสมทบ คาดว่าน่าจะมีเกินหลัก 100

และในบรรดาพวกมันมีหนึ่งในห้ามีขนาดตัวสูงกว่าปกติ พวกมันคือตะขาบมรณะชั้นยอด และมีเลเวลสูงสุดถึง 13

ขณะที่ตะขาบมรณะที่เหลือ มีพลังรบไม่ด้อยไปกว่ามอนสเตอร์เลเวล 10 ชั้นยอด

“ฆ่าพวกมันให้หมด”

“เจ้าพวกนี้ใช้พิษได้”

“ถ้าต้องสู้กันนานๆ ต่อให้เป็นผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน”

ฮังอวี่หยิบหอกคลื่นมังกรปฐพีออกมา อันดับแรกเขาปลดปล่อยคลื่นมังกรปฐพี แรงสั่นสะเทือนฉีกกระชากร่างตะขาบมรณะ 4 -5 ตัวในชั่วพริบตา ชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนร่วงตกลง

จากนั้นเขาเปลี่ยนร่างเป็นขุนนางเลือดปีศาจ เปิดใช้งานชุบโลหิตเข้าเข่นฆ่ามัน

ฉูเทียนหัววิ่งตามไปติดๆ เขาเห็นตะขาบระดับเจ้าถิ่นซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง

ดั่งคำกล่าวที่ว่าคิดจับโจรต้องจับหัวหน้า พลังรบของตะขาบมรณะระดับเจ้าถิ่นเลเวล 13 ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะสามารถดูแคลนได้

ต้องรีบฆ่ามันให้เร็วที่สุด

นักรบสองคนที่มีพลังในการต่อสู้อันยอดเยี่ยมเปิดทาง

มองไปดั่งคมมีดทะลุทะลวงฝูงตะขาบ

จางเสี่ยวเฉียงภายใต้การปกป้องจากจ้าวหมิง เขาร่ายคาถาอย่างสบายใจ  เปิดใช้งานสกิลขั้น 3 ‘ฝนเพลิงร่วงโรย’ ที่กินรัศมีโจมตีกว่า  200 ตารางเมตร และดาเมจที่ทำได้ก็น่าแตกตื่นตกใจเช่นกัน บดขยี้ตะขาบมรณะในบริเวณใกล้เคียง แผดเผาพวกมันจนตายในไม่กี่วินาที

ฉินมู่ขว้างมนตร์วาจาต้องห้ามใส่ตะขาบมรณะระดับเจ้าถิ่น

เจียงหนานร่ายสกิลสนับสนุนให้ฮังอวี่กับฉูเทียนหัวอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองตรงเข้าหาตะขาบเจ้าถิ่น ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังได้รับผลกระทบจากเอฟเฟกต์ใบ้ ทำให้ไม่สามารถเปิดใช้งานการโจมตีด้วยสกิลที่ทรงพลัง

จู่โจมอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว ขณะเดียวกันฝนเพลิงของเสี่ยวเฉียงยังคงโปรยปรายต่อไป ทำให้ตะขาบที่อยู่รอบๆเข้ามาแทรกแซงได้ยาก

ไม่นาน ตะขาบเจ้าถิ่นก็ได้รับดาเมจร้ายแรง มันมุดหัวลง เริ่มขุดเนินทราย พร้อมที่จะหนีเข้าไป

ฉินมู่พอเห็นแบบนั้นรีบเปิดใช้งานสกิลขั้น 3 ‘ผนึกแขนขา’ ทันที

นี่คือสกิลประเภทผนึก ตะขาบเจ้าถิ่นรู้สึกว่าตนเองสูญเสียการควบคุมร่างกายไป จู่ๆก็นิ่งงันขยับตัวไม่ได้

จางเสี่ยวเฉียงยกคทาขึ้น ตะโกนว่า “ระเบิดเพลิงต่อเนื่อง!”

ลูกไฟสี่ลูกถูกยิงออกไป ตกลงบนร่างตะขาบเจ้าถิ่น เกิดการระเบิดติดต่อกันอย่างรุนแรง เปลวไฟลุกลามและแผดเผาร่างมัน

ฮังอวี่ตะโกน “เหล่าฉูช่วยปกป้องผมที!”

ฉูเทียนหัวเหวี่ยงกระบี่หนักของเขาออกไปในสายลม ปราณกระบี่วินาศหลายสายสะบั้นตะขาบมรณะหลายตัวที่อยู่ใกล้ๆ จากนั้นฟันกระบี่อีกหลายครั้ง สับร่างตะขาบที่พยายามมุดขึ้นจากพื้นทราย

ร่างแยกของหวังเอ๋อก็กระโจนเข้ามาช่วยเหลือเช่นกัน

ปิดกั้นฝูงตะขาบเอาไว้

“ปลดปล่อยสัจธรรม!”

ฮังอวี่ใช้โอกาสนี้เปิดใช้งานสกิลใหม่ ช่วยให้ระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลหายไปอย่างรวดเร็ว

เขานำขวานปีศาจแมงป่องและกระบี่คำสาปกระดูกออกมา ฟาดฟันพวกมันด้วยปราณกระบี่ลมกรด 2 ครั้งติดกัน และตามต่อด้วยปราณสงครามคลั่ง

ร่างใหญ่ของตะขาบเจ้าถิ่นถูกยกลอยขึ้นไปกลางอากาศ

ทั้งคนทั้งร่างของฮังอวี่หายวับไปจากจุดเดิม กลายเป็นเงามืดหกสายในพริบตา โจมตีจากทิศทางต่างๆในฉับพลัน

ตะขาบเจ้าถิ่นถูกทุบตีเกือบตาย

ก่อนที่สุดท้ายจะถูกเขาปิดฉากด้วยสกิลปะทะเดือด

สะบั้นหัวตะขาบเจ้าถิ่นกระเด็น ทำลายพลังชีวิตทั้งหมดของมัน

เมื่อสังหารระดับเจ้าถิ่นเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้นการกวาดล้างตะขาบตัวอื่นๆก็เป็นไปอย่างราบรื่น แม้จำนวนของพวกมันจะเยอะ แต่หกคนกับหนึ่งหมาไม่ใช่ตัวตนธรรมดา บวกกับการที่สามารถร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี การกำจัดมอนสเตอร์ทั้งฝูงจึงไม่มีอุปสรรคใดๆ

“ทะเลทรายนี่ดูแห้งแล้งมาก แต่กลับมีมอนสเตอร์ค่อนข้างเยอะ” เจียงหนานพูดขณะร่ายเทคนิครักษา ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของทุกคน “น่ากลัวว่าพวกเราคงถูกโจมตีแบบนี้อีกหลายครั้ง”

จางเสี่ยวเฉียงบ่นอุบ “มีมอนสเตอร์ตั้งเยอะในทะเลทรายมณะ แต่อัตราการดรอปต่ำชะมัด ตะขาบเส็งเคร็งพวกนี้ไม่ดรอปของดีๆสักชิ้นเลยด้วยซ้ำ”

นอกจากตะขาบเจ้าถิ่นที่ดรอปอุปกรณ์สีเขียวเลเวล 12 แล้ว

ตะขาบมรณะที่เหลือเป็นร้อยตัวไม่ดรอปของอะไรที่พอมีค่าเลย!

ฮังอวี่กล่าวว่า “พวกเรามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อฟาร์มมอนสเตอร์ป่าแล้วดรอปอุปกรณ์ แต่เป้าหมายของเราคือคุกโบราณในทะเลทรายมรณะ คำนวณจากที่เดินมาไกลถึงขนาดนี้ ฉันว่าน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้ว”

หลังเก็บรวบรวมสินสงคราม

พวกเขาก็เดินหน้าต่อ

ทุกคนเปิดใช้งานคัมภีร์อัญเชิญสัตว์ขี่เพื่อมุ่งหน้าลึกเข้าไปในทะเลทราย

ต่อมา ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หวังเอ๋อก็ร้องขึ้น

“ฮ่ง เจ้านาย เปิ่นหวังสัมผัสได้!”

“มีกลุ่มคนที่แข็งแกร่งมากๆเคยผ่านมาทางนี้!”

“หนึ่งในนั้นร้ายกาจเป็นพิเศษ อย่างน้อย ... อย่างน้อยต้องมีเลเวล 14 และอยู่ในระดับทรราช สมควรเป็นขุนนางใหญ่คาลิมัว”

ทุกคนพอได้ยินเรื่องนี้

ก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที

ฮังอวี่รีบถาม “พวกมันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?”

หวังเอ๋อตอบว่า “น่าจะยังไม่นาน ประมาณ 4 ชั่วโมงได้ ดูเหมือนพวกมันไม่คิดว่าจะมีคนตาม เพราะงั้นเลยไม่จงใจซ่อนกลิ่นอาย”

ยอดเยี่ยม!

ในที่สุดก็เจอพวกมัน!

“อีกฝ่ายเหนือกว่าเรา อย่าเผชิญหน้าตรงๆ ไม่งั้นพวกเราจะตายกันหมด” ฮังอวี่ไม่กล้าประมาท

เขาสั่งทันที “เจ้าหมา นายไปสำรวจทางข้างหน้า รายงานทันทีที่พบศัตรู”

“น้อมรับคำสั่ง!”

หวังเอ๋อทิ้งร่างแยกไว้ข้างหลัง

ส่งร่างจริงออกไปเอง รีบตามกลิ่น ตามรอยทีมเมืองธารทะเลทราย

มีร่องรอยการต่อสู้ตลอดเส้นทาง เนื่องจากทีมเมืองธารทะเลทรายเก็บกวาดให้แล้ว กลุ่มของฮังอวี่ในหลายชั่วโมงต่อมาจึงไม่พบการโจมตีจากมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่อีกเลย

ร่างแยกของหวังเอ๋อพูดขึ้น “ฮ่ง เจ้านาย ดูเหมือนพวกเราจะมาถึงแล้ว!”

คนอื่นๆเงยหน้าขึ้น

มองไกลๆผ่านพายุทราย

เห็นแค่เพียงใจกลางเนินทรายนับไม่ถ้วนที่อยู่ไกลๆ ปรากฏอาคารลึกลับที่ดูเก่าแก่และงดงาม

หมาหวังเอ๋อกล่าวต่อว่า “มีศัตรูสองตนอยู่ข้างหน้า พวกมันน่าจะคอยเฝ้าทางเข้า พวกเราจะเอายังไงดี?”

จ้าวหมิงดูเคร่งขรึม “เป็นยอดฝีมือของเมืองธารทะเลทรายรึเปล่า?”

“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น” ฉูเทียนหัวเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ กำกระบี่หนักในมือแน่น “ถึงแม้ศัตรูจะมีแค่สองตน แต่การที่ได้ติดตามขุนนางใหญ่ แสดงว่าพวกมันต้องไม่ธรรมดา ไปดูกันดีกว่า ว่าพลังรบของเมืองธารทะเลทรายจะแน่ซักแค่ไหน!”

*พรุ่งนี้งดประจำสัปดาห์ครับ