“พูดถึงเรื่องนี้ต้องขอบคุณพี่มหาเทพที่ส่งจดหมายเปิดผนึก ไม่งั้นเมืองทรายดำคงไม่มีทางได้พิมพ์เขียวมาอย่างราบรื่นแบบนี้ จากนี้ไปสี่เมืองจะได้เดินทางหากันได้สะดวกซักที”

ฮังอวี่พยักหน้าด้วยความพอใจ “จริงอยู่ที่ค่ายกลเทเลพอร์ตหายาก มันมีฟังก์ชั่นเหมือนแผ่นศิลาเทเลพอร์ต แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับแผ่นศิลาเทเลพอร์ตอยู่ดี เพราะสุดท้ายมันเป็นแค่ค่ายกล”

เจียงหนานถามว่า “แล้วมันแตกต่างกันยังไง?”

ฮังอวี่ตอบ “แผ่นศิลาเทเลพอร์ตในโลกวิญญาณ แม้ว่าจะมีระยะเทเลพอร์ตที่จำกัด แต่ค่าใช้จ่ายในการเปิดใช้งานมันค่อนข้างถูก แต่ประสิทธิภาพในการเทเลพอร์ตและความเร็วของมันสูงมาก”

“ขณะที่ค่ายกลเทเลพอร์ตของเมืองทรายดำถึงจะหายาก แต่ก็ยังไม่สามารถเทเลพอร์ตกองกำลังขนาดใหญ่ได้”

เจียงหนานเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

ยังไงก็ตาม แม้จะเทเลพอร์ตกองทหารขนาดใหญ่ไม่ได้ แต่สำหรับบุคคลหรือกองกำลังขนาดเล็กก็น่าจะใช้ได้ดีไม่มีปัญหา มีแค่ตอนเปิดใช้งานเท่านั้น ที่จะสิ้นเปลืองกว่าแผ่นศิลาเทเลพอร์ต

แล้วอีกอย่าง ค่ายกลมีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อจำนวนเทเลพอร์ตถึงที่กำหนด ค่ายกลจะพังทลาย แล้วต้องสร้างใหม่อีกครั้ง

แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่ก็มีข้อดีที่ชัดเจนมากเช่นกัน

อย่างน้อยที่สุดตำแหน่งของค่ายกลเทเลพอร์ตก็ไม่ถูกจำกัด คุณสามารถตั้งตำแหน่งได้ทุกที่ที่ต้องการ

นอกจากนี้ค่ายกลเทเลพอร์ตและแผ่นศิลาเทเลพอร์ตสามารถสร้างเชื่อมกันได้ นี่เท่ากับว่าไม่เพียงเชื่อมต่อแผ่นศิลาของทั้งสี่เมืองเข้าด้วยกันเท่านั้น แต่พื้นที่รอยต่อของดินแดนทั้งหมดที่อยู่เกินรัศมีก็จะถูกเชื่อมต่อด้วยเช่นกัน สามารถแก้ปัญหาการเดินทางได้ทันที

เมื่อเมืองถูกโจมตี

กองกำลังชั้นยอดจากอีกสามเมืองก็จะเร่งเข้าสนับสนุนได้อย่างทันท่วงที เรื่องนี้มีความสำคัญมาก แม้ต้นทุนค่าใช้จ่ายจะไม่น้อย แต่ก็ยังคุ้มค่า

เจียงหนานกล่าวต่อว่า “ผู้คนในเมืองทรายดำได้สำรวจแล้ว และพบว่าตรงรอยต่อระหว่างสี่เมือง มีถ้ำที่พอใช้เป็นฐานที่มั่นซ่อนอยู่มากมาย สถานที่แถวนั้นค่อนข้างปลอดภัย สามารถตั้งค่ายกลเทเลพอร์ตชุดแรกได้ เพียงแต่ว่า ...”

“แต่อะไร?”

เจียงหนานย่นคิ้วดั่งใบหลิวเล็กน้อยและพูดว่า “เพียงแต่ว่าค่าก่อสร้างค่ายกลเทเลพอร์ตค่อนข้างสูง ราคาประมาณ 400 หินคริสตัลฟ้า ถึงเมืองทรายดำช่วยแชร์ แต่พวกเรามีสามเมือง แสดงว่าต้องจ่ายถึง 300!”

“นั่นสูงเกินไป”

ฮังอวี่ไม่พอใจกับเรื่องนี้

300 หินคริสตัลฟ้าใช่ว่ามังกรครามจะจ่ายไม่ได้

แต่ในกรณีที่ต้องจ่ายแบบไม่ยุติธรรม อันนี้ไม่ทำแน่นอน

ฮังอวี่กล่าว “บอกพวกเขาไป มังกรครามไม่โง่ แต่เห็นแก่ผลประโยชน์ที่พวกเขาตั้งใจทำงานอย่างดีจนได้รับเทคโนโลยีนี้มา พวกเราสามารถจ่ายให้ก่อน 100 หินคริสตัลฟ้า เพื่อแลกกับส่วนลดค่าธรรมเนียมในการเทเลพอร์ตสมาชิกของมังกรคราม .... รู้ไว้เถอะว่าหลังจากค่ายกลพวกนี้เปิดใช้งาน พวกเขานั่นแหละคือคนที่จะได้ประโยชน์สูงสุด”

“รับทราบ!”

มหาเทพต่อราคาได้โหดมาก

จาก 300 เหลือ 100 เดียว

แต่เจียงหนานไม่คิดมากเรื่องนี้ ถ่ายทอดคำสั่งของฮังอวี่ออกไป

ฮังอวี่ไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนใจดำหรือโหดเหี้ยมอะไร จริงอยู่ที่พิมพ์เขียวค่ายกลเทเลพอร์ตเป็นของหายาก และมังกรครามไม่สามารถคว้ามันมาครองได้ในเวลานี้ จึงได้แต่ยอมใช้เทคโนโลยีจากเมืองทรายดำจัดหามาเท่านั้น แต่เหตุผลที่สำนักกระบี่วิญญาณได้รับค่ายกลมา นี่ก็ต้องขอบคุณมังกรครามเช่นกันถูกไหม? เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขายังติดหนี้บุญคุณฮังอวี่อยู่

ประการที่สอง

ค่ายกลเทเลพอร์ตขนาดเล็ก ราคาค่าสร้างมันไม่น่าใช่ 400 หินคริสตัลฟ้าแน่ๆ

ฮังอวี่คิดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 150 - 200 หินคริสตัลฟ้า ซึ่งถ้ามังกรครามจ่ายไป 100 ก็น่าจะเป็นจำนวนที่เกินครึ่งแล้ว

อย่างไรเสียค่ายกลเทเลพอร์ตคือเทคโนโลยีหลักของเมืองทรายดำ หลังจากมันเริ่มทำงาน ถึงทุกคนจะใช้งานมันได้อย่างอิสระแต่ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม แบบนี้ยังไงเงินก็ตกไปอยู่ที่เมืองทรายดำแน่ๆ และมันจะกลายเป็นหนึ่งในช่องทางสร้างรายได้ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเมืองทรายดำ

ค่ายกลเทเลพอร์ตเชื่อมต่อทั้งสี่เมือง สำหรับองค์กรมังกรครามมันมีไว้ใช้อำนวยความสะดวกเท่านั้น แต่สำหรับเมืองทรายดำมันคือผลกำไร

เจียงหนานถ่ายทอดเจตจำนงของฮังอวี่ไปยังเมืองทรายดำ และเมืองทรายดำตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาเห็นด้วยกับแผนของฮังอวี่

ยังไงซะเรื่องนี้ไม่อาจล่าช้า นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าต้องลงมือทันที

ปรมาจารย์ค่ายกลของเมืองทรายดำถูกนำทางไปยังถ้ำที่จะใช้เป็นฐานที่มั่นในการวางค่ายกลโดยชุดคุ้มกันของสองทีม

ค่ายกลเทเลพอร์ตคาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลาสามวัน

และในเวลานั้นเอง

ฮังอวี่ก็ได้รับข่าวดีอีกอย่างหนึ่ง

หวังเอ๋อกลับกลับมาจากการล่าพร้อมกับทีม มันวิ่งเข้าหาฮังอวี่พร้อมเห่าหอน “ฮ่ง เจ้านาย ลองดูเปิ่นหวังสิ เห็นไหมว่ามีบางอย่างต่างไปจากเดิม!”

หางของหวังเอ๋อชี้ฟ้า

ฮังอวี่ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน “นายวิวัฒนาการแล้ว”

แม้รูปลักษณ์ของสุนัขจะไม่เปลี่ยนไป แต่จิตวิญญาณบนตัวเจ้าหมาสดใสยิ่งกว่าเดิม ทั้งยังให้ความรู้สึกที่ดีขึ้น

แม้จะไม่ค่อยอยากชมสุนัขเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าหมอนี่พัฒนาขึ้นเป็นเจ้าถิ่นขั้นซิลเวอร์แล้ว

ระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงมานาน ในที่สุดก็เพิ่มขึ้นเสียที

ฐานค่าคุณสมบัติโดยรวมเพิ่มขึ้นเกือบ 20%

ได้รับสกิลสัตว์วิญญาณใหม่ ‘หมาป่าเงาปีศาจ’

[หมาป่าเงาปีศาจ] สกิลพรสวรรค์ , จ่ายพลังจิต 50 หน่วย , เวลาร่าย 2 วินาที , เมื่อเข้าสู่โหมดหมาป่าเงา ความเร็วในการเคลื่อนที่ +15% , พลังโจมตี +30 , ภูมิคุ้มกันดาเมจทางกายภาพ +80 , สิ้นเปลืองค่าพลังจิต 5 หน่วยต่อวินาที

ฮังอวี่ตรวจสอบสกิลใหม่ของหวังเอ๋อ

เขาคิดว่าสกิลนี้ไม่เลว

ข้อมูลของมันอาจฟังเหมือนเป็นสกิลเปลี่ยนร่าง แต่อันที่จริงมันคือสกิลเปลี่ยนสถานะ

โดยทั่วไปแล้วสกิลเปลี่ยนร่างจะไม่สามารถใช้ซ้อนทับกันได้ แต่สกิลสถานะสามารถซ้อนทับและใช้พร้อมกับสกิลเปลี่ยนร่างได้

เดิมสุนัขมีสกิลเปลี่ยนร่างอยู่แล้ว หลังจากเปลี่ยนร่าง ค่าคุณสมับิตทั้งหมดของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก พลังรบแก่กล้าไม่ด้อยไปกว่ามอนสเตอร์ป่าระดับเจ้าถิ่น

แต่ด้วยสกิลใหม่นี้ เจ้าหมาไม่ใช่แค่เปลี่ยนร่างได้ แต่ยังได้รับสถานะเงาปีศาจได้เช่นกัน เมื่อใช้งานทั้งสองพร้อมกันจะทำให้ค่าคุณสมับิตมีพลังมากยิ่งขึ้น!

หมาป่าเงาปีศาจเป็นสกิลที่ทรงพลังมาก เมื่อเปิดใช้งาน มันจะเข้าสู่โหมดร่างเงา และโหมดร่างเงาถือเป็นสถานะร่างวิญญาณประเภทหนึ่ง

ไม่เพียงแต่สามารถเจะาทะลุสิ่งกีดขวางทางกายภาพได้โดยตรงเท่านั้น

แต่ยังได้รับภูมิคุ้มกันมหาศาลต่อการโจมตีทางกายภาพ

อีกทั้งหมาป่าเงาปีศาจยังมีความสามารถในการพรางตัว นี่เป็นสกิลสายนักฆ่าขั้นสุดยอด มันทำให้เจ้าหมาหายตัวไป สะกดอาชีพสายนักรบได้ดี

แน่นอน

ช่วงเวลาที่หวังเอ๋อโจมตี สถานะร่างวิญญาณจะหายไป ร่างเนื้อกลับมาชั่วคราวเช่นกัน

หากศัตรูฉวยโอกาสโจมตีหวังเอ๋อในเวลานั้น เจ้าหมาจะไม่ได้รับเอฟเฟกต์ภูมิคุ้มกันดาเมจทางกายภาพ

แต่โดยรวมแล้ว

นี่เป็นสกิลที่แข็งแกร่ง กระทั่งมอนสเตอร์ป่าระดับเจ้าถิ่น หากมีสกิลนี้ฮังอวี่ยังรับมือได้ยาก ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงหวังเอ๋อที่มีสติปัญญา

การได้รับสกิลนี้มา มันช่วยให้พลังรบของหวังเอ๋อแก่กล้าขึ้นมาก คนธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอีกต่อไป

นอกจากนี้

ต่อให้ไม่ใช้ในการต่อสู้ก็ยังคุ้มค่า เพราะท้ายที่สุดแล้วความสามารถหลักของหวังเอ๋อคือการสอดแนม

หมาป่าเงาปีศาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสอดแนมของเจ้าหมาได้มาก

หวังเอ๋อกระดิกหู “ฮ่ง เจ้านาย งั้นแสดงว่าจากนี้ไป หวังเอ๋อสามารถกลายเป็น ‘นักฆ่าหวัง’ ได้อย่างเป็นทางการแล้วสิ!”

“สกิลนี้ไม่เลวก็จริง แต่อย่าประมาท เลเวลของนายยังน้อย ต้องรีบอัพเลเวล 11 ให้เร็วที่สุด”

ฮังอวี่กล่าวต่อว่า “วิวัฒนาการครั้งนี้มาได้เวลาเหมาะพอดี ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับจากชาร์โมโด ขุนนางใหญ่เมืองธารทะเลทรายจะออกเดินทางวันนี้ ดังนั้นพวกเราต้องลงมือทันทีเพื่อไล่ตามพวกมัน!”

ตอนแรกหวังเอ๋อดีใจมาก แต่พอได้ยินแบบนั้น หูของมันตั้งตรง เข่าอ่อนลงทันที เริ่มแสดงความขี้ขลาดออกมา

“ฮ่ง เจ้านาย นี่พวกเราต้องไล่ตามขุนนางใหญ่คาลิมัวจริงๆหรือ? ถ้าอีกฝ่ายรู้ตัวเข้า ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้ยังไงก็หนีพวกเซนทอร์ไม่พ้น มีหวังถูกกระทืบตายเอาแน่ๆ”