ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0089
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0091

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0090


บทที่ 29 วิธีเอาตัวรอดในทะเลทราย (6)

* * *

「จงขับขานบทเพลงแห่งชัยชนะ!」

「อุนเดราผู้เฝ้ามองผืนทรายมากกว่าใคร พระองค์เปรียบดังบิดาของพวกเรา! ทะเลทรายยามค่ำคืนจะโอบกอดเราดุจดังมารดา!! 」

ณ ค่ำคืนที่จันทร์สองดวงสาดแสงลงมายังผืนทราย ที่แห่งนี้กลายเป็นดินแดนรื่นเริงสำหรับเหล่าเบดูอินที่หิวโหยมาเป็นเวลานาน

ผู้คนต่างถือขวดเหล้าเดินเตร็ดเตร่

สิ่งที่น่าขันก็คือ เบดูอินชอบทำงานไปพลางดื่มและกิน อาจเป็นเพราะต้องอาศัยอยู่ในทะเลทราย จึงมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

ท่ามกลางเสียงเพลง เสียงค้อนยักษ์ทุบตะปูใหญ่ดังกังวานไปทั่วท่าเรือ

ตรงนี้คืออีกฝั่งหนึ่งของเกาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบัลลิสต้ายักษ์

หลังจากแล่นเรือมาจอด ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับการลากบัลลิสต้าขึ้นเรือ โชคดีที่ในหมู่ทาสมนุษย์ปลามีช่างฝีมือที่เก่งกาจ และเขายินดีที่จะให้ความร่วมมือ

「ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่คนมาแตะต้องเรือของข้า!」

ดูเหมือนเอ็ดเวิร์ดจะไม่พอใจที่เรือถูกตอกตะปู

“ไม่ชอบหรือ”

「ก็ต้องไม่ชอบอยู่แล้ว! สำหรับโจรสลัด เรือเปรียบดังพวกพ้องคนสำคัญ! ไม่มีชาวทะเลคนใดชอบให้ผู้อื่นมาแตะต้องพวกพ้อง! 」

ลิลี่ที่ยืนข้างๆ จ้องสักพักก่อนจะเปิดปาก

“แต่เจ้าดูตื่นเต้นมากเลยนะในตอนที่สั่งให้ทิ้งสมอ”

「นังแวมไพร์อวดดี! ข้าจะตัดลิ้นเจ้า!」

“หึ…”

「กล้าหัวเราะข้าหรือ? เจ้าหัวเราะสินะ!」

ลิลี่กับโจรสลัดไม่ค่อยลงรอยกันนัก ฉันจึงต้องเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ย

“เธอพูดถูก นายไม่ได้คัดค้านในตอนที่ฉันบอกให้ทิ้งสมอเรือ… แล้วก็ เธอเป็นพวกพ้องคนสำคัญของเราเหมือนกัน”

「แต่ข้าชอบพวกพ้องที่กล้าหาญ!」

เป็นภูตวิญญาณที่เอาแต่ใจจริงๆ

เทียบกับเซลฟี ไม่น่าเชื่อว่าภูตวิญญาณเหมือนกันจะมีนิสัยแตกต่างกันขนาดนี้

「นอกจากนั้น หากพวกเราจัดการกับหมักยักษ์นั่นได้และประสบความสำเร็จในการปล้นครั้งใหญ่… เรือจะไม่เหลือที่ว่างพอให้ขนของน่ะสิ」

เอ็ดเวิร์ดพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

แตกต่างจากบรรยากาศสนุกสนานในยามปรกติ โจรสลัดรายนี้ดูเอาจริงเอาจังกับการปล้นเมืองในห้วงลึกเป็นพิเศษ

「แต่ช่างเถอะ ขอแค่ให้ได้ไปถึงที่นั่น ข้ายอมแลกกับทุกสิ่ง!」

“หืม…”

ภูตตะเกียงคือภูตแห่งความปรารถนา เกิดจากกลุ่มก้อนความปรารถนาของผู้คน และเป้าหมายคือการบรรลุสิ่งนั้น

เอ็ดเวิร์ดเกิดมาพร้อมความปรารถนาแบบไหน?

ฉันอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ยังมีเวลาให้ถามอีกมาก

มองไปทางมหาสมุทรทรายที่ทอดยาวไปถึงเส้นขอบฟ้า

ความกว้างใหญ่ของมัน หมายถึงเวลาอันเหลือเฟือที่ฉันมี ซึ่งนั่นแปลว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

เคร้ง!

ทันทีที่สิ้นเสียงตอกตะปูครั้งสุดท้าย คนงานบนเรือทยอยเดินลงมา

เรือโจรสลัดของเอ็ดเวิร์ดมีดาดฟ้าแบบสองชั้น เป็นประเภทที่พังงาอยู่บนชั้นสองซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปในภาพยนตร์

แต่ปัจจุบัน พื้นที่ว่างทั้งหมดด้านหลังพังงาถูกยึดครองโดยบัลลิสต้า

เนื่องจากบัลลิสต้าใหญ่กว่าความกว้างของเรือ เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นรูปตัว ‘T’

เรือของเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ถือว่าเล็ก ภาพที่เกิดขึ้นจึงช่วยให้รับรู้ได้ว่า ‘หอกพิฆาตสัตว์ร้าย’ มีขนาดมหึมาเพียงใด

ฉันเดินขึ้นไปคุยกับช่างที่ช่วยติดตั้ง

“ทำได้ดีมาก”

“ข้าเสียใจที่ช่วยท่านได้แค่นี้… ภรรยาและลูกของข้าต่างก็ปลอดภัยเพราะท่านผู้มีพระคุณ”

ช่างปาดเหงื่อพลางแหงนมองบัลลิสต้า

“สัตว์ประหลาดชัดๆ …”

“เพราะมันถูกสร้างขึ้นเพื่อจับสัตว์ประหลาด”

ฉันบอกไม่ได้ว่าทำมาจากวัสดุอะไร ลวดลายที่น่าจะเป็นตัวอักษรก็แทบไม่เหลือเค้าเดิม แถมรูปแบบก็เลือนหายจนอ่านไม่ออก

สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือหอกโลหะยักษ์ที่เต็มไปด้วยหนามแบบย้อนศร ขนาดของมันเทียบเท่าต้นไม้ใหญ่ ถูกบรรจุในรางเตรียมพร้อมขึ้นลำ

“ท่านจะจับคราเค่นหรือ”

หงึก

เบดูอินเป็นประเภทที่ไม่ชอบให้คนนอกสะสางปัญหาแทนตัวเอง

“แปลกคนจริงๆ … สำหรับเจ้านี่ การใช้งานไม่ยุ่งยาก ถ้าหมุนรอกตรงนี้จะเป็นการบรรจุ ถ้าดึงคันโยกตรงนี้จะเป็นการยิง ส่วนรอกที่เหลือใช้สำหรับเล็ง”

เป็นวิธีการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน ถึงไม่อธิบายก็คงใช้เซนส์เดาได้

ฉันคิดมาสักพักแล้วว่ามันเหมือนกับอาวุธในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเคยเห็นผ่านตาในหนังมาบ้าง

ฉันพยักหน้าพร้อมกับขอบคุณ

“ข้าซึ้งใจมาก… ขอทราบชื่อเจ้าได้ไหม”

“คังซอนฮู”

ลิลี่มักเป็นคนตอบแทน

น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งนั่นทำให้ฉันเคอะเขินทุกครั้งที่ได้ยิน

หลังจากเดินลงเรือ ฉันเห็นเบดูอินหลายคนกำลังแหงนมองเรืออีกลำที่จอดเทียบท่าอยู่

ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเรือของใคร

“ได้เรือคืนมาแล้ว! ฮะฮ่าฮ่า!”

“มีความสุขจังเลย~”

ฮามูดีมองเรือสักพักก่อนจะหันมาทางฉัน

“ถึงข้าจะรู้ว่านี่คือความจริง แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป”

“ทำไมล่ะ”

“ข้าเคยถูกแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่มี… แม้กระทั่งเรือที่สำคัญเท่าชีวิต และเกือบจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ”

ฮามูดีแหงนมองฟ้า

“นั่นคือเรื่องราวจนถึงเมื่อเที่ยง แต่ตอนนี้พวกเราสามารถทวงคืนทุกสิ่งคืนมาจากไอ้พวกระยำที่ข่มเหงมานาน ดูยังไงก็ความฝันชัดๆ”

“หืม… ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้านายมีความสุขก็ดีใจด้วย”

เบดูอินทุกคน รวมถึงสมาคมการค้าและตัวฮามูดี ต่างก้มศีรษะคำนับฉันอย่างพร้อมเพรียง

“ขอบคุณมาก”

“ขอบคุณท่านมาก! รวมถึงเมียแวมไพร์ที่อยู่ข้างๆ ด้วย! เจ้าสู้ได้สง่างามมาก!”

“…ข้าไม่ใช่เมีย”

ลิลี่ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้

ไม่สิ ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากอยู่ เพราะไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง เธอกับถึงคิดว่า ‘เมื่อไรจะไปกันสักที’

“ยินดีกับพวกเจ้าด้วยที่ได้ทรัพย์สินคืน”

แต่ตรงกันข้าม ลิลี่มักเลือกที่จะวางตัวสูงส่งในสถานการณ์แบบนี้

“พวกท่านจะทำอะไรต่อ?”

“แล้วพวกนายล่ะ?”

“คงต้องพาชาวเบดูอินที่เคยถูกจับกลับไปยังหมู่บ้านก่อน”

หมู่บ้านเบดูอิน

ฉันอยากรู้อยากเห็น แต่ก่อนหน้านั้นต้องแวะไปบางที่ก่อน

“ขอถามอะไรหน่อย เกี่ยวกับหัวหน้าอัศวินที่มาตั้งกลุ่มอัศวินที่นี่”

“อ้อ หมายถึงตำนานอัศวินจากตะวันตกเมื่อร้อยปีก่อนใช่ไหม”

“นายเล่าว่าอัศวินคนนั้นโยนอาวุธลงไปในห้วงลึก และเก็บตัวสันโดษอยู่บนภูเขาหิมะที่ไม่ควรดำรงอยู่?”

“ใช่ นั่นคือทั้งหมดที่พวกเราเคยได้ยิน”

“ภูเขาหิมะนั่นอยู่ที่ไหน”

ฮามูดีหันไปมองพวกพ้อง สีหน้าแต่ละคนเผยความอึดอัดใจ

ฉันถามในสิ่งที่ไม่ควรรึเปล่านะ?

เมื่อได้ยินคำตอบ ดูเหมือนจะไม่ใช่

“เหล่าอัศวินรู้ว่าภูเขาลูกนั้นอยู่ที่ไหน แต่… ไม่ว่าจะทำยังไงพวกเขาก็ไม่ยอมบอก”

“มีทางอื่นที่จะช่วยให้รู้ข้อมูลไหม”

ฮามูดีลังเลเล็กน้อย ฉันเห็นความกังวลจากสายตาเขา

คล้ายกับอีกฝ่ายกลัวว่าข้อมูลที่ตนกำลังจะพูด อาจนำพาไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้าย

ลังเลไม่นาน ฮามูดีเปิดปากอีกครั้ง

“…กล่าวกันว่า ผู้ที่ได้รับการคุ้มครองจากดารากรจะไปเยือนภูเขาลูกนั้นได้ มันคือภูเขามีอยู่ในตำนานเก่าแก่ของท่องถิ่น”

“งั้นหรือ”

เมื่อเห็นฉันทำหน้าโล่งใจ ฮามูดีรีบเสริมด้วยความกังวล

“แวมไพร์ข้างกายเจ้าน่าจะเป็นขุนนาง รอยัลบลัดคือเผ่าพันธุ์ที่ได้รับการอวยพรจากดารากร ถ้ามีเธอช่วยนำทาง เจ้าคงไปถึงได้ไม่ยาก แต่ว่า… ที่นั่นอันตรายมาก”

“อันตราย?”

“มีข่าวลือน่ะ”

เบดูอินร่างใหญ่ ผู้แอบฟังอย่างเงียบงันมาสักพักพูดขึ้น

“เหล่าอัศวินหนุ่มที่ถูกส่งไปโน้มน้าวหัวหน้าอัศวิน ไม่เคยมีใครได้กลับมา… คงเพราะเบดูอินอย่างเราไม่มีดารากรคอยอวยพร”

ก็คงอย่างนั้น

เหมือนกับป่าก่อนหน้านี้ ผู้บุกรุกจะได้รับอันตรายหากไม่มีความคุ้มครองจากดารากร

“นั่นคือทุกเรื่องที่ข้าทราบ”

“แค่นี้ก็พอแล้ว”

“เจ้าจะทำยังไงต่อ?”

“ต้องไปอยู่แล้ว ภูเขาหิมะน่ะ”

เบดูอินต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ และตกตะลึงยิ่งกว่าเมื่อเห็นลิลี่ทำเพียงก้มจัดกระเป๋าโดยไม่คัดค้าน

หลังจากลังเลอยู่สักพัก ราวกับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อ ทุกคนทำหน้าถอดใจ

“ได้โปรดรับนี่ไว้”

ฮามูดียื่นไข่มุกแก้วให้ฉัน ขนาดของมันใหญ่ประมาณหนึ่งกำมือ ด้านในมีผึ้งเป็นๆ กำลังบินไปมา

“ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ทำลายแก้วและปล่อยให้ผึ้งบินหนีไป จากนั้นพวกเราจะมาช่วยเจ้า”

ดูเหมือนจะเป็นวิธีติดต่อสื่อสารของชาวทะเลทราย

ฉันมองดูสักพัก เก็บใส่กระเป๋าเสื้อและพยักหน้า

“พวกเราขอขอบคุณอีกครั้ง… ชาวเบดูอินถือหลักว่า ได้รับมากเท่าไรก็ต้องตอบแทนมากเท่านั้น พวกเราจะตอบแทนเจ้าแน่นอน”

พูดจบ ชาวเบดูอินช่วยยกน้ำและอาหารปริมาณมากขึ้นเรือโจรสลัด

หลังจากกล่าวคำอำลา ฉันขึ้นเรือและมองดูเรือของเบดูอินแล่นออกไปก่อน

ลิลี่พูดเป็นนัยด้วยความกังวลว่า ตอนนี้ไม่มีลูกเรือแล้วนะ

กุญแจอยู่กับฉัน จึงเดินไปเหยียบคันเร่งอย่างระมัดระวังเหมือนกับที่นายท้ายเบดูอินเคยทำ

ไม่นานเรือก็ค่อยๆ แล่นออกจากท่า

“เจ้าจะไปจริงหรือ”

“เธอคิดว่ายังไง”

“ก็ไปสิ… จริงๆ ข้าไม่ควรถาม แต่มันชินปาก”

ไม่มีใครที่ปีนภูเขาหิมะแล้วได้กลับมา

ต้องได้รับความคุ้มครองจากดารากรเท่านั้นจึงจะค้นหาตำแหน่งพบ

ไม่มีสิ่งไหนเลยที่เป็นอุปสรรคสำหรับฉัน

* * *

“แฮ่ก… แฮ่ก…”

เบดูอินคือชาวทะเลทราย

เกิดบนทะเลทราย และแผ่นดินสุดท้ายที่อยากทิ้งตัวนอนก็คือทะเลทราย

อาจไม่ใช่กับเบดูอินที่อพยพไปอยู่ชายขอบ แต่เบดูอินเกือบทั้งหมดใช้ชีวิตด้วยหลักคิดแบบนี้

ทะเลทรายคือดินแดนที่ทั้งรักทั้งชังสำหรับพวกเขา

ในบางเวลาก็เป็นปีศาจที่กลืนกิน แต่บางเวลาก็เปรียบดังมารดาที่คอยโอบกอดยามค่ำคืน

ดังนั้นไม่ว่าชาวเบดูอินจะมีจุดจบเช่นไร อย่างน้อยก็ขอตายบนผืนทราย

เบดูอินหนุ่มจึงกำลังคิดว่า

ไม่ได้เด็ดขาด

ไม่ใช่ที่นี่

ฟ้าว!

เมล็ดข้าวสีขาวเล็กๆ กำลังปลิวว่อนทั่วท้องฟ้า บางส่วนกองสุมลงบนพื้น ความเย็นจากพวกมันกำลังแผ่ซ่านเข้าไปในผิวหนัง

เบดูอินหนุ่มผู้ไม่เคยออกจากทะเลทราย ย่อมไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือหิมะ

เขากำลังพาตัวเองลงจากภูเขาหิมะโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งใดกำลังจะฆ่าตน สองมือชาๆ ถูกันอย่างไร้ความหวัง

เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี ที่มีอัศวินค้นพบเส้นทางสู่ยอดเขาหิมะ เขาจึงมีหน้าที่ลงจากภูเขาเพื่อไปบอกให้อัศวินคนอื่นรับรู้เส้นทาง

กองอัศวินจะได้ส่งคนขึ้นไปโน้มน้าวหัวหน้าอัศวิน ผู้เกิดมาพร้อม ‘โฉมนักพิพากษา’ ที่เก็บตัวสันโดษอยู่ด้านบน

ทว่า

“แฮ่ก… แฮ่ก…”

ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว? ครึ่งวัน? ไม่สิ สามวัน?

ไม่ว่าจะเดินลงมานานแค่ไหนก็ไม่เห็นทางออก ไม่เห็นแม้แต่พื้นดิน

ไม่มีดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ที่มองเห็นได้จากทะเลทราย เมฆดำกระจัดกระจายท่ามกลางพายุหิมะที่ปกคลุมผืนฟ้า

เป็นสถานที่ที่แปลกมาก ลำพังภูเขาหิมะใจกลางทะเลทรายก็แปลกพอแล้ว แต่ทันทีที่เข้ามา เขากลับมองเห็นเมฆประหลาดๆ ที่แผ่ขยายไปตามแนวเส้นขอบฟ้า

ดินแดนสุดประหลาด

ดินแดนต้องคำสาป

เขาคิดถึงทรายในมหาสมุทร คิดถึงแสงแดดที่แผดเผาผิวหนัง

ต่อให้ต้องตาย ก็อยากตายในที่แบบนั้น

น้ำตาของอัศวินฝึกหัดไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็แข็งติดเปลือกตาทันที

มองไม่เห็นทางแล้ว

ดังนั้น

ตุ้บ!

เขาล้มลง

คงต้องตายที่นี่เป็นแน่

เขาหาทางขึ้นได้ แต่หาทางลงไม่ได้

ไม่ว่าจะเดินไกลแค่ไหนก็รู้สึกเหมือนย่ำอยู่ที่เดิม มิอาจหลุดพ้นจากการเร่ร่อนอันไร้จุดหมาย

ทันใดนั้นเอง

เขาสัมผัสถึงความอบอุ่น

ได้ขึ้นสวรรค์แล้วหรือ?

พระเจ้าสงสารอัศวินที่ไร้ดารากรคุ้มครองอย่างฉัน?

แต่เมื่อเวลาผ่านไป สติของเขาเริ่มกลับคืน

สิ่งที่แน่ชัดก็คือ เขายังไม่ตายจากโลกนี้

ความเจ็บปวดเลือนหายไป และความอบอุ่นค่อยๆ แทรกซึมไปทั่วร่างกาย

น้ำตาที่เคยเยือกแข็ง เริ่มละลายและไหลไปตามร่องแก้ม

จนกระทั่งเบดูอินลืมตาขึ้น

เขาได้พบกับมนุษย์ผมสีดำ

และแวมไพร์สาวหนึ่งตน

ในมือมนุษย์กำลังถือหินรูปไข่ที่ส่งแสงสีส้มประหลาด ความอบอุ่นจากมันคอยฟื้นฟูร่างกายอัศวินหนุ่ม

แค่มองก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือปาฏิหาริย์

ขณะมนุษย์กำลังถือวัตถุศักดิ์สิทธิ์ แวมไพร์ด้านหลังก้มมองอัศวินด้วยสีหน้าเห็นใจเจือกังวล

“ลิลี่ คิดว่ายังไงบ้าง? เห็นโฉมวิญญาณของเขาไหม”

“เห็น โชคดีที่ยังทันเวลา”

ขุนนางแวมไพร์และมนุษย์ผมดำ

อัศวินหนุ่มหวนนึกถึงตำนานเก่าแก่ที่ถูกเล่าขานภายในหมู่บ้าน

ผู้หยั่งรู้ที่จะมาสังหารศัตรูของทะเลทรายและสร้างกฎระเบียบใหม่

“…ท่านคนบ้า!”

“ทำไมฉันถึงถูกเรียกว่าคนบ้าอีกแล้วล่ะ”

“ไม่มีคำไหนนิยามเจ้าได้ชัดเจนกว่านี้แล้ว”

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด