ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 86 การตื่นขึ้นของปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 88 จิตวิญญาณเต่า

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 87 เพลิงโลหิต


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 87 เพลิงโลหิต

แปลโดย iPAT  

ในการเผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจ สิ่งแรกที่ผู้ฝึกตนทั่วไปจะนึกถึงคือการวาดล้างพวกมัน ขณะที่กู่เยี่ยนหยินก็มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น แม้ความแข็งแกร่งและความเร็วของหลี่ฉิงซานจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวตนเช่นนาง

อย่างไรก็ตามกู่เยี่ยนหยินไม่มีเจตนาที่จะสังหาร นางสูญเสียรอยยิ้มไร้กังวลตามปกติของนางไปและถูกแทนที่ด้วยความเศร้าเล็กน้อย ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง นางดูเหมือนประติมากรรมหยกเทพธิดาเป็นอย่างมาก

เพียงไม่นานนางก็ปัดเป่าอารมณ์ต่างๆออกไป นางถอนหายใจเบาๆก่อนจะเผยรอยยิ้มอีกครั้ง

“น้อยเล็กฉิงซาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมีเพียงป่าและภูเขาเท่านั้นที่จะเป็นบ้านของเจ้า เราคงไม่ได้พบกันอีก เว้นเพียงเจ้าจะกลายเป็นขุนพลปีศาจหรือผู้บัญชาการปีศาจ เมื่อมันเกิดขึ้น เราอาจเป็นศัตรูกัน ดูแลตัวเองด้วย!”

นางพึมพำกับตนเองโดยไม่สนใจความจริงที่ว่าหลี่ฉิงซานไม่ได้ยินหรือเห็นนาง จากนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อบินออกไปราวกับนกอินทรีย์

หลังจากทั้งหมดนกอินทรีย์ขาวบินลงมาเกาะอยู่ที่ขอบบ่อและเห็นสิ่งที่มันต้องการเห็น กบพิเศษในบ่อน้ำช่วยเพิ่มเรื่องราวที่น่าขบขันให้กับชีวิตของนกอินทรีย์ตัวนี้

อย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะพิเศษเพียงใด กบก็ยังเป็นกบ อย่างมากมันก็แข็งแกร่งกว่ากบตัวอื่นๆเล็กน้อย ยังมีเรื่องสำคัญกว่านี้อีกมากที่รอให้นางจัดการ หากนางไม่พบแมวที่ถูกสาปตัวนั้น การต่อสู้ระหว่างสองนิกายใหญ่อาจปะทุขึ้นและสร้างทะเลเพลิงขนาดใหญ่ที่ลานหลังบ้านของราชา

แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือขณะที่นางกำลังสังเกตหลี่ฉิงซาน วัวดำก็จ้องมองนางอยู่ในความมืดเช่นกัน

กู่เยี่ยนหยินเป็นผู้ฝึกตนแก่นทองคำที่มีความสามารถมากมาย แต่นางกลับไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของวัวดำ

ท้ายที่สุดหากนางสามารถทำนายอนาคตได้จริงๆ นางจะรู้ว่ากบตัวนี้จะไม่ใช่กบตลอดไป

หลี่ฉิงซานกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะสงบลง เสี่ยวอันอยู่เคียงข้างเขาและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปลอบโยนเขา

หลี่ฉิงซานชำเลืองมองเสี่ยวอันและพึ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความรู้สึกที่เด็กน้อยกลายเป็นปีศาจโครงกระดูก

วัวดำโผล่ออกมาจากความมืดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า มันมองหลี่ฉิงซานราวกับกำลังชื่นชมผลงานศิลปะชิ้นเอกที่มันพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

หลี่ฉิงซานกล่าว “ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าจะกลายเป็นเช่นนี้? นี่ไม่เหมือนความแข็งแกร่งของกระทิงและพยัคฆ์เลย!” ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันเกินกว่ากระทิงหนึ่งตัวจะมีได้อย่างแน่นอน บางทีความแข็งแกร่งของกระทิงหนึ่งตัวอาจไม่ได้หมายถึงวัวกระทิงทั่วไปแต่เป็นปีศาจวัว

วัวดำกล่าว “ผลลัพธ์ของมันไม่แย่เลย!”

หลี่ฉิงซานพุ่งเข้าหาวัวดำและเหวี่ยงกรงเล็บที่แหลมคมออกไปด้วยความโกรธ

วัวดำไม่พยายามหลบ มันยังเผยรอยยิ้มต่อไป

เสี่ยวอันเข้ามาสกัดจากด้านข้างและผลักหลี่ฉิงซานออกไป

หลี่ฉิงซานตัวสั่นขณะที่กรงเล็บของเขาแทงลงไปในพื้นดิน “พี่วัว ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับข้า” เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาเต็มไปด้วยกับระเบิด ความโกรธหรือความไม่พอใจเพียงเล็กน้อยก็สามารถจุดระเบิดพวกมันและทำให้เขาเกิดความต้องการฆ่า

แม้เขาจะสงสัยวัวดำ แต่เขาเตรียมจิตใจสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว มันเหมือนกับการทำข้อตกลงกับปีศาจ พวกมันจะไม่มอบพลังให้คนผู้หนึ่งโดยไม่ได้รับาสิ่งตอบแทน มันโหดร้ายแต่มันก็ยุติธรรม

วัวดำแสดงให้เห็นแล้วว่าเคล็ดวิชาที่มันสอนเขาไม่ใช่ทักษะทั่วไปที่เขาสามารถหาจากที่ใดก็ได้ เพียงแปลงร่าง ความแข็งแกร่งของเขาก็บรรลุจึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ

วัวดำกล่าว “จิตใจของเจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะธรรมชาติของปีศาจ แต่เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจมากที่เจ้าทำได้ถึงระดับนี้ เจ้ากล่าวถูกแล้ว แม้สิ่งนี้จะมาจากทักษะการบ่มเพาะร่างกายเหนือธรรมชาติของลักธิเต๋า แต่มันก็ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของเก้ากระทิงและสองพยัคฆ์จริงๆ”

“ไม่มีสิ่งใดจะเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นปีศาจ! ตอนนี้ข้าควรทำอย่างไร ข้าจะกู้คืนร่างมนุษย์ของข้าได้อย่างไร?” หลี่ฉิงซานไม่ต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในป่าและภูเขาที่ห่างไกลเช่นนี้

“ง่ายมาก สิ่งที่เจ้าต้องทำคือก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ครั้งแรกและกลายเป็นขุนพลปีศาจ จากนั้นเจ้าจะสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์”

“ต้องใช้เวลาเท่าใด?”

“อย่างเร็วก็ร้อยปี”

“กระไรนะ!?” ดวงตาของหลี่ฉิงซานกลายเป็นสีแดง “ข้าจะอยู่รอดได้ถึงร้อยปีงั้นหรือ?”

“อย่ากังวล เมื่อเจ้าอยู่ในร่างปีศาจ อายุขัยของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก”

หลี่ฉิงซานกัดฟันแน่น เขากำลังจะพ่ายแพ้ให้กับเจตนาสังหารที่พุ่งพล่านอยู่ในใจ

วัวดำกล่าว “ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกแล้ว”

หลี่ฉิงซานถาม “มีทางอื่นงั้นหรือ?”

วัวดำตอบ “ข้าจะสอนความสามารถอีกอย่างหนึ่งให้เจ้า โอ้ ถูกต้อง ตอนนี้เจ้ายังไม่ใช่ปีศาจอย่างสมบูรณ์”

หลี่ฉิงซานกล่าว “เช่นนั้นข้าจะกลายเป็นปีศาจที่สมบูรณ์เมื่อข้าฝึกความสามารถที่ท่านกล่าวถึงงั้นหรือ?”

วัวดำเพียงเผยรอยยิ้ม หลี่ฉิงซานรู้ว่าทางเลือกเดียวของเขาคือเดินไปบนเส้นทางนี้เท่านั้น

กองไฟขนาดใหญ่ยังลุกโชน หลี่ฉิงซานสบตาเสี่ยวอันก่อนกล่าว “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราทั้งคู่ล้วนไม่ใช่มนุษย์และมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ไม่เกลียดข้า!” ทั้งสองมารวมตัวกันโดยการเล่นตลกของโชคชะตา พวกเขาไม่สามารถเย้ยหยันซึ่งกันและกัน

เสี่ยวอันพยักหน้าและแสดงออกราวกับว่าเขาไม่รังเกียจหลี่ฉิงซานแม้แต่น้อย

หลี่ฉิงซานกล่าว “ไปบ่มเพาะต่อเถอะ” เขาให้เสี่ยวอันใช้ศพบนภูเขาเพื่อบ่มเพาะและฟื้นฟูบาดแผล ในเวลาเดียวกันเขาก็ค้นสมบัติจากศพ

เขาพบยารักษาที่หัวหน้าหออู๋ยังกินไม่หมด เขากลืนยาทั้งหมดเข้าไปในครั้งเดียวและทำให้อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูขึ้นทันที เขาพบยันต์บนร่างของเว่ยตันตง มันดูเหมือนยันต์ของลู่ติงรุ้ย ดังนั้นมันก็ควรจะเป็นยันต์เคลื่อนวายุที่ช่วยเพิ่มความเร็ว เขายังพบยันต์อีกแผ่นจากร่างของชูซิน มันคล้ายยันต์ที่เขาเคยใช้ ดูเหมือนคนผู้นี้จะร่ำรวยจริงๆ

กระบี่อ่อนของลู่ติงรุ้ยยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันเรืองแรงเจิดจ้ามาก ในทางกลับกัน ดาบของเสี่ยวอันลดความสว่างไสวลงมากหลังการต่อสู้ครั้งนี้ มันไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ดังนั้นกระบี่อ่อนจึงเป็นสิ่งทดแทนที่สมบูรณ์แบบ

สุดท้ายเขายังพบยันต์อีกสี่แผ่นจากซากร่างของเฟิงจาง พวกมันเป็นยันต์ที่สามารถปลดปล่อยบอลเพลิงออกไป นอกจากนี้ยังมียารักษา พิจารณาจากความเข้มของแสง พวกมันเหนือกว่ายารักษาของหัวหน้าหออู๋มาก ดังนั้นเขาจึงเก็บมันไว้อย่างระมัดระวัง

หลี่ฉิงซานโยนศพทั้งหมดเข้าไปในกองเพลิง เมื่อเห็นไฟยังไม่แรงพอ เขาก็ส่งยันต์ลูกไฟออกไป อย่างไรก็ตามยันต์กลับร่วงหล่นลงบนพื้น มันไม่ทำงาน

วัวดำกล่าว “ปราณปีศาจไม่สามารถกระตุ้นการทำงานของยันต์และสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ เว้นเพียงเจ้าจะปรับแต่งพวกมัน”

จากนั้นหลี่ฉิงซานก็ทดลองใช้ดาบดาวหาง ดังคาด มันไม่ตอบสนอง มันปฏิเสธที่จะยอมรับปราณปีศาจและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาไม่มีความสามารถในการปรับแต่งมันตอนนี้ เขาทำได้เพียงเก็บมันไว้เท่านั้น

อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเสี่ยวอันหายดีแล้ว กระดูกสีขาวของเขาไม่แตกร้าวและซีดขาวอีกต่อไป มันเงางามเหมือนหยก ดูเหมือนเด็กน้อยจะมีความก้าวหน้าอีกครั้ง

เมื่อเห็นกองไฟอ่อนกำลังลง เสี่ยวอันก็เปิดปากและพ่นไฟสีแดงเลือดออกไป เลือดจากศพเหมือนน้ำมันที่ช่วยให้ไฟลุกโชนขึ้น เปลวไฟสีแดงเลือดกลืนกินเปลวไฟสีส้มและทำลายซากศพทั้งหมดในเวลาเพียงสั้นๆ

นี่เป็นความสามารถหนึ่งของเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ เพลิงโลหิต! มันสามารถทำให้เลือดและเนื้อติดไฟ หากคนผู้หนึ่งถูกโจมตี มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ ไฟจะไม่ดับจนกว่าพวกเขาจะกลายเป็นกองเถ้าถ่าน