ตอนที่แล้วย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 144 ข่มขู่? นี่แกกำลังข่มขู่ฉันคนนี้อยู่งั้นเหรอ!!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 146 เหลี่ยมชนขอบประตู

ย้อนเวลากลับสู่วันโลกาวินาศ ตอนที่ 145 เรื่อง! เล็กๆ น้อยๆ


ตอนที่ 145 เรื่อง! เล็กๆ น้อยๆ

“องค์ชาย… พวกเราคุยกับพวกเขาดี ๆ เถอะครับ”

“ชะ ใช่ครับ!”

“บอกให้คนของเราลดปืนลงเถอะครับ คนกลุ่มนี้ไม่ง่ายแบบกลุ่มที่พวกเราเคยเจอ ถ้าสู้กันขึ้นมาพวกเราไม่มีโอกาสชนะเลยนะครับ”

“ใช่แล้ว บอกให้คนของเราเอาปืนลงเถอะครับ”

ชาย 4 คน พยายามโน้มน้าวหวังเทียน สถานการณ์ตอนนี้มันเห็นกันอยู่แล้วว่าใครเหนือกว่า ถ้าหวังเทียนไม่ยอมถอยล่ะก็ ร่างกายของพวกเขาต้องพรุนเป็นรังผึ้งกันแน่นอน

หวังเทียนไม่ได้ตอบอะไรทั้ง 4 คน แต่เหตุผลที่เขาไม่ตอบไม่ใช่เพราะกำลังคิด แต่เป็นเพราะกลัวจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปากต่างหาก ก่อนวันโลกาวินาศเขาเป็นแค่ไอ้คนก่อกวนชาวบ้านไปวัน ๆ งานการไม่ทำ เอาแต่พึ่งพาพ่อเวลาเจอปัญหา

แต่ตอนนี้กลับมาโดนปืนจ่อร่างกายแถมยังไม่ใช่กระบอกเดียว หวังเทียนจะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้ยังไง

“ฉันถามว่า… แกกำลังข่มขู่ฉันอยู่เหรอ”

หลินฟานถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

สถานการณ์ตอนนี้หลินฟานจะทำอะไรก็ได้ ตอนนี้ตัวตนของเขาในสายตาของคนในหมู่บ้านต้นข้าวคือ “???” ใช่แล้ว! พวกนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลินฟานเลยสักอย่าง พวกนี้ไม่รู้เป้าหมายของเขา ไม่รู้ว่าหลินฟานมีพลังขนาดไหน ตอนนี้หลินฟานไม่มีอะไรต้องกังวล

อีกอย่าง ปืนที่กำลังเล็งมาที่เขาตอนนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา หลินฟานเลเวล 77 หนิงซิวเย่เลเวล 61 หลี่หมิงเลเวล 50 ส่วนเวโรนิก้าเลเวล 32 เลเวลของพวกเขาตอนนี้สามารถหลบกระสุนปืนได้สบาย ๆ แต่ถึงจะโดนยิงก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเวโรนิก้ามีพลังรักษาอยู่

พูดง่าย ๆ ตอนนี้หลินฟานคุมเกมเอาไว้ทั้งหมด

“ปะ เปล่า…”

หวังเทียนพูดค่อย ๆ

หลินฟานหดดวงตาลงเล็กน้อยมองหวังเทียน จากนั้นก็พูดว่า

“แล้วเมื่อไหร่ปืนของพวกแกจะเลิกชี้มาทางนี้ ฉันไม่ขัดหรอกนะถ้าต้องการจะต่อสู้”

“เอาปืนลง!!!”

หวังเทียนตะโกนกลับไปทางด้านหลัง

จากนั้นคนที่ถือปืนหลังกำแพงก็เอาปืนลง ลำแสงที่ส่องหลินฟานและคนอื่น ๆ ก็หายไปด้วยเช่นกัน

หวังเทียนพูดต่อ

“ผมขอถามชื่อของคุณได้ไหม?”

หลินฟานพยักหน้าเบา ๆ

“ใช่ การจะคุยกับคนอื่นมันต้องถามชื่อก่อนแบบนี้ ไม่ใช่อยู่ ๆ มาพ้นแต่ความยิ่งใหญ่ของตัวเองและข่มขู่คนอื่น อีกอย่าง พวกแกพ่อลูกมันหน้าด้านกันจริง ๆ ปกครองหมู่บ้านเล็ก ๆ หมู่บ้านเดียว แต่ดันสถาปนาราชวงศ์ เหอะ!”

หลินฟานเว้นช่วงสักพัก จากนั้นก็พูดต่ออีกว่า

“ 30 นาที พวกแกมีเวลาแค่  30 นาที ไปเรียกชาวบ้านในหมู่บ้านมารวมกันที่นี่ให้หมด และไปเรียกพ่อของแกมาด้วย พวกเรากองทัพตระกูลหลินไม่ได้ต้องการผ่านทางหมู่บ้านนี้ แต่พวกเราต้องการปกครอง

“ อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องคิดซ้อนคนเอาไว้ ก่อนเดินทางมาที่นี่พวกเราสืบมาแล้วว่าจำนวนของพวกแกมีเท่าไหร่ ถ้ามีไม่ครบตามจำนวนฉันจะฆ่าแกเป็นคนแรก ส่วนเรื่องหนีก็ไม่ต้องคิดถึงดีกว่า ในป่าตอนนี้มันน่ากลัวกว่าที่แกคิดเยอะ ถึงพวกแกจะหนีจากฉันคนนี้ไปได้ แต่เมื่อเข้าไปในป่าก็ไม่รอดจากสัตว์กลายพันธุ์อยู่ดี

“ไป!! ถ้าฉันไม่เห็นหน้าชาวบ้านทุกคนภายในเวลา 30 นาที หมู่บ้านนี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด”

หลินฟานขึ้นเสียงช่วงท้าย

“ครับ…”

หวังเทียนตอบ

จากนั้นหวังเทียนและคนของเขาก็เดินเข้าไปในกำแพงหมู่บ้าน ถึงหวังเทียนจะทำตัวอวดดีไปบ้างแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ หลินฟานบอกความต้องการอยากชัดเจนว่าต้องการยึดครองหมู่บ้านไม่ใช่ผ่านทาง

เขารู้ดีว่าต่อให้เขาเสนออะไรไปหลินฟานก็ต้องปฏิเสธแน่นอน ส่วนเรื่องต่อสู้… ใครมันจะไปคิดสู้กัน ทางฝั่งหลินฟานมีทหารนับพัน แต่ทางฝั่งราชวงศ์หวังของเขามีคนที่สู้ได้ไม่ถึง 50 คน ถึงจะเอาผู้ชายทั้งหมู่บ้านมาช่วยสู้ ราชวงศ์หวังก็มีคนเพียง 300 – 400 คน

แค่เรื่องจำนวนคนทางฝั่งหลินฟานก็กินขาดแล้ว ยังไม่รวมเรื่องของอาวุธอีก ฝั่งราชวงศ์หวังมีเพียงปืนไม่กี่สิบกระบอก และมากกว่า 80% ของปืนทั้งหมดที่มี พวกมันก็เป็นแค่ปืนสมัยเก่าเท่านั้น

อีกฝั่งมีทั้งปืนทันสมัย มีทั้งรถหุ้มเกราะ ยังไม่สู้ผลมันก็ออกมาเห็น ๆ กันอยู่แล้ว

สู้ไปก็ตายเปล่า!

ณ บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน

“เรื่องก็เป็นแบบที่เล่ามาครับพ่อ พวกเราควรยอมแพ้พวกมันไหม”

หวังเทียนเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาทั้งหมดให้หวังหยานฟัง จากนั้นเขาก็ถามความเห็น

หวังหยานตอบทันทีว่า

“ แกคิดถูกแล้วที่ไม่ทำอะไรพวกมัน ฟังจากที่แกเล่ามาพวกเราไม่มีทางชนะจริง ๆ ถ้าสู้ก็เท่ากับตายสถานเดียว ครั้งนี้ดูเหมือนพวกเราต้องยอมไอ้พวกกองทัพตระกูลหลินกันก่อน

“ฟังจากที่แกเล่ามา กองทัพตระกูลหลินมันคงกำลังขยายพื้นที่ปกครองอยู่ เพราะงั้นถ้าเรายอมแพ้และแสดงจุดยืนว่าจะทำตามคำสั่ง พวกเราก็จะปลอดภัย ยิ่งในหมู่บ้านของเรามีต้นข้าวกลายพันธุ์อยู่ด้วย เราสามารถเอาพวกมันมาเป็นเครื่องมือต่อรองได้”

หวังหยานยิ้มแบบมีแผน

“พ่อกำลังพูดเรื่องอะไร เราจะใช้ต้นข้าวกลายพันธุ์ต่อรองกับพวกมันยังไง???”

หวังเทียนสงสัย จากนั้นเขาก็พูดต่ออีกว่า

“มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าพวกเราเก็บเรื่องต้นข้าวกลายพันธุ์เอาไว้เป็นความลับ ถ้าพวกกองทัพตระกูลหลินไม่รู้ เราก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งข้าวให้พวกมัน”

หวังหยานแสยะยิ้มแล้วตอบว่า

“ แกคิดง่ายเกินไป แกคิดว่าแค่เราไม่บอกกองทัพตระกูลหลินจะไม่รู้หรือไง แกก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้มีชาวบ้านไม่พอใจพวกเราขนาดไหน เราไม่บอกเดี๋ยวพวกมันก็แอบไปบอก ถ้ารู้เรื่องจากชาวบ้านไม่ใช่จากพวกเรา ถึงตอนนั้น จุดยืนของพวกเราในใจของผู้นำกองทัพตระกูลหลินคงลดลงเยอะ

“ กลับกัน ถ้าเรายอมบอกเรื่องต้นข้าวกลายพันธุ์ตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะหมายถึงยอมรับการปกครองแต่โดยดี

“ส่วนเรื่องที่ฉันจะใช้ประโยชน์จากต้นข้าวกลายพันธุ์ยังไง แกคอยดูก็พอ ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีกับแกแน่นอน”

หวังหยานอธิบายแบบใจเย็น

หวังเทียนพยักหน้า หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากพ่อตัวเองเขาก็คิดว่าตัวเองคิดน้อยไปจริง ๆ แต่เรื่องที่จะใช้ต้นข้าวกลายพันธุ์ต่อรองกับกองทัพตระกูลหลิน หวังเทียนคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ

“ผมออกคำสั่งให้ชาวบ้านรวมตัวกันแล้ว แต่… พวกผู้หญิงที่เราขังเอาไว้ต้องเอาไปด้วยไหม สภาพของพวกเธอมัน…”

หวังเทียมถามความเห็น

หวังหยานตอบทันทีว่า

“เอาออกไปด้วย ทางนั้นบอกมาแล้วไม่ใช่หรือไงว่าสืบจำนวนคนของเรามาแล้ว ส่วนเรื่องสภาพของพวกนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้มันวันโลกาวินาศ ตอนนี้มันเป็นเวลาที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แข็งแกร่งเป็นผู้ล่า อ่อนแอเป็นแค่เหยื่อ อีกอย่าง ผู้นำกองทัพที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นไม่มาสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหมู่บ้านเราหรอก”

หวังเทียนรู้สึกโล่งใจหลังได้ยินคำตอบ จากนั้นเขาก็พูดว่า

“ครับ!!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด