ตอนที่แล้วEp.370 - ยอมจำนน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.372 - ผลกำไรอันน่าเบิกบานใจ

Ep.371 - ยึดสามเมืองติด


1/3

Ep.371 - ยึดสามเมืองติด

สงครามใกล้สิ้นสุด

เมืองหุบเขาเดียวดายกวาดล้างกองทัพพันธมิตรของทั้งสามเมืองไปเกือบหมด

คนแคระเทาและมนุษย์หมูปาระดับสูง 30 - 40 ตนในตอนแรก เวลานี้เหลือรอดสิบกว่าตน

แต่พวกมันเลิกต่อต้านแล้ว ยอมจำนนรับการผนึกแต่โดยดี

แม้ว่านี่จะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของเมืองหุบเขาเดียวดาย แต่ผลลัพธ์มันเกินกว่าที่คาดไว้

ก็ใครจะไปคิดกัน ว่าพวกเขาจะสามารถจับเป็นได้มากขนาดนี้ ซึ่งเชลยที่จับได้มีกระทั่งขุนนางของเมืองเตาหลอมศิลาและเมืองขุนเขาเหล็ก

ฮังอวี่หยุดมือในวินาทีสุดท้าย เขาทุบตีเจ้าฟันแดงและกระบองทองจนเกือบตาย ทำให้พวกมันไม่สามารถต่อต้าน แต่สุดท้าก็ไม่ได้ฆ่ามัน เลือกใช้วิธีผนึกเข้าปราบปราม

เจ้ากระบองทองกับฟันแดงแม้ไม่ใช่ขุนนางใหญ่ แต่ยังไงซะพวกมันเป็นถึงขุนนางน้อย ตอนนี้ต้องยอมจำนน ตกเป็นเชลยของอีกฝ่าย ช่างน่าอับอาย!

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่มีทางเลือก ขืนไม่ยอม สิ่งที่รอพวกมันอยู่คือหายนะอย่างสมบูรณ์

เจ้าฟันแดงและกระบองทองไม่อยากเสียดินแดนของตนเองไป แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากตายแล้วสูญสลายไปเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์พลิกกลับไม่ได้ บวกกับบทเรียนจากเนลูเมื่อครู่ เลยมีแต่ต้องเลือกแบบนี้

พลังรบของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ทำลายความเย่อหยิ่งและความเชื่อมั่นในตัวเองของพวกมันไปอย่างสิ้นเชิง

ทำให้พวกมันคิดว่าแม้จะเริ่มต้นสงครามใหม่อีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม

ตราบใดที่ยังเป็นสิ่งมีชีวิต ทุกตนย่อมมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด

เมื่อจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พังทลายลง เลยเลือกที่จะยอมแพ้!

โลกวิญญาณคือโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ

เมื่อพลังรบของคุณไม่ได้แก่กล้าเหมือนคนอื่นๆ

เพื่อความอยู่รอด

มีแต่ต้องประนีประนอมเท่านั้น ต่อให้ต้องสูญเสียดินแดนไป  แต่ตราบใดที่ไม่ตาย ก็ถือว่ายังโชคดีในความโชคร้าย

“เอาล่ะ”

“จับพวกมันทั้งหมดไปขัง”

“ยกเว้นสองคนนี้ ที่เหลือส่งเข้าคุกใต้ดินให้หมด!”

ฮังอวี่สั่งให้เหล่าฉูนำเชลยนอกเหนือจากขุนนางทั้งสองไปขัง จากนั้นหันมาพูดกับเหล่าจ้าวว่า “นับจำนวนสินสงครามที่ริบได้ พวกเราจะตีเมืองทรายดำ เมืองเตาหลอมศิลา และเมืองขุนเขาเหล็กในขณะที่กำลังฮึกเหิม!”

“รับทราบ!”

ทั้งคู่รู้สึกเบิกบานใจมาก

วันนี้นับเป็นชัยชนะอันรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง!

กองกำลังหลักของทั้งสามเมืองถูกกำจัด เมืองของพวกมันอยู่ในสภาพแทบว่างเปล่า ถ้าถูกโจมตีในเวลานี้ การเข้ายึดทั้งสามเมืองในคราเดียวย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน

สินสงครามที่ได้มาถูกนับจำนวนอย่างรวดเร็ว

ผลกำไรจากการเก็บเกี่ยวครั้งนี้ใหญ่กว่าการทำสงครามกับเมืองทรายดำครั้งก่อน

การเก็บเกี่ยววัสดุและอุปกรณ์มีขนาดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า การเก็บเกี่ยวไอเท็มคุณภาพสูง มากกว่าเดิมหลายเท่า

มีหินสกิลขั้น 3 ที่ดรอปในครั้งนี้มากกว่า 10 ก้อน และในบรรดาพวกมันมีหินสกิลที่เป็นสีฟ้าถึงสามก้อน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์สีเขียวใสมากกว่า 20 ชิ้น และอุปกรณ์สีฟ้า 5 ชิ้น

นอกจากนี้เชลยอีกนับสิบตนที่ถูกจับ

เอาไว้รอจนพวกมันถูกส่งเข้าคุกแล้วสั่งให้มอบของทุกอย่างที่มี พวกเขาอาจได้อุปกรณ์สีฟ้าเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 3 ชิ้นและอุปกรณ์สีเขียวอีกเป็นสิบชิ้น

ผลกำไรเช่นนี้ เรียกได้ว่าปลื้มปริ่มสุดๆ มันน่าตื่นเต้นมาก

ฮังอวี่ไม่รีบร้อนแบ่งสินสงคราม เนื่องจากเวลามีจำกัด จะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้ เขาประกาศว่า “ตอนนี้พวกเราจะนับสินสงครามที่ได้ก่อน และหลังจากยึดสามเมืองแล้วตรวจค้นทรัพยากรข้างใน พวกเราจะมาแบ่งเท่าๆกันอีกที”

เขาหยุดและพูดต่อว่า “ลุค คริส ไดอาน่า ผมจะมอบทหารครึ่งหนึ่งในที่นี้ให้คุณ รีบพาพวกเขาไปยึดเมืองทรายดำ ตราบใดที่ทำได้ เมืองทรายดำจะเป็นของพวกคุณนับแต่นี้ไป”

พอได้ฟัง สมาชิกของสำนักกระบี่วิญญาณรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

พวกเขารับปาก สัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ลุล่วง

ไม่รอช้า รับคนไปครึ่งหนึ่งแล้วมุ่งหน้าสู่เมืองทรายดำทันที

กองทหารรักษาการณ์ของเมืองทรายดำไม่น่าจะมีเยอะ เมื่อเทียบกับกองทหารครึ่งหนึ่งของเมืองหุบเขาเดียวดาย มองยังไงก็ไม่มีทางต้านไหว

เจียงหนานเร่งถาม “แล้วพวกเราล่ะ? พวกเราต้องไปสู้กับเมืองไหน?”

“เมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กน่าจะเหลือกองหลังอยู่เยอะพอควร แต่ขุนนางของพวกมันอยู่ในมือเรา ตราบใดที่สองตนนี้ให้ความร่วมมืออย่างจริงใจ พวกเราก็สามารถเข้ายึดเมืองได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียทหารแม้แต่นายเดียว”

ฮังอวี่ยิ้มบางและเอ่ยว่า “เหล่าจ้าว เหล่าฉู พวกคุณสองคนพาเจ้าฟันแดงกับทหารอีกพันนายไปยึดเมืองขุนเขาเหล็ก ส่วนเมืองเตาหลอมศิลาปล่อยให้ผมจัดการเอง”

“รับทราบ!”

ทั้งสองน้อมรับคำสั่ง

ฮังอวี่พาเจียงหนานและสมาชิกมังกรครามอีกราวๆ 200 คน พร้อมสมุนทหารอีก 500 นายแยกไปอีกทาง

เอาจริงๆด้วยจำนวนคนเพียงเท่านี้ไม่น่าจะพอใช้เข้าตีเมืองได้

แต่ฮังอวี่มีเจ้ากระบองทอง ขุนนางแห่งเมืองเตาหลอมศิลาอยู่ในมือ

แม้เมืองเตาหลอมศิลาจะยังมีทหารเหลืออยู่มากกว่า 1500 นายและคนแคระเทาระดับสูงอีกหลายตนประจำการอยู่ ทว่าขุนนางน่ะมีอำนาจในการควบคุมดินแดนค่อนข้างสูง ตราบใดที่เจ้ากระบองทองออกคำสั่ง ทหารในดินแดนจะเลิกต่อต้าน

ต่อให้คนแคระเทาตนอื่นๆไม่เชื่อฟัง แต่เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์นี้ พวกมันก็ไร้กำลังจะต่อต้าน

ยิ่งไปกว่านั้น แม้กล่าวว่าสมุนทหารในเมืองเตาหลอมศิลาจะมีจำนวนมาก แต่ในบรรดาพวกมัน มีทหารฝ่ายผลิตเป็นจำนวนมากเช่นกัน

จากสมุนทหารคนแคระเทา 1500 นายที่เหลือ มีทหารฝ่ายผลิตอย่างน้อย  900-1,000 นาย

นี่ก็เพราะคนแคระเทาคือหนึ่งในสายพันธุ์สาขาของคนแคระ

คนแคระโดยทั่วไปมักมีพรสวรรค์โดยกำเนิดในด้านการหลอมอาวุธ เล่นแร่แปรธาตุ หรือกระท่งศาสตร์เหนี่ยวนำมนตรา

ทหารฝ่ายผลิตของพวกมันจึงถือเป็นหนึ่งในสมุนทหารระดับล่างที่ดีที่สุด

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ารอบๆเมืองเตาหลอมศิลาจึงเต็มไปด้วยกับดัก และอุปกรณ์ป้องกันที่มากที่สุดในดินแดนใกล้เคียง การบุกยึดเป็นเรื่องยุ่งยากมาก

แม้พวกมันจะหยุดยั้งกองทัพเต็มจำนวนของเมืองหุบเขาเดียวดายไม่ได้ แต่ศึกนี้คงไม่พ้นเกิดการสูญเสียอย่างหนัก

โชคดีก็คือเจ้ากระบองทองยอมจำนนแล้ว และกำลังถูกจับเป็นตัวประกัน

นี่ช่วยให้ฮังอวี่ประหยัดเวลาและขจัดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้มากมาย

หลังจากฮังอวี่พากองทัพรวมๆ 700 - 800 นายเข้าสู่เมืองเตาหลอมศิลาได้สำเร็จ

สิ่งแรกที่เขาทำ

คือการคุมตัวคนแคระเทาระดับสูงหลายตนไว้ในเมืองเตาหลอมศิลาก่อน จากนั้นขังพวกมันไว้ในคุกใต้ดินพร้อมกับขุนนางกระบองทอง แยกทหารสายต่อสู้ของเมืองไปรวมตัวกันในจุดเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องไม่คาดฝันในนาทีสุดท้าย

เจียงหนานกุมโล่และขวานเล็ก กล่าวด้วยสีหน้าระแวดระวัง “ยังมีคนแคระอยู่ที่นี่อีกมาก เราปล่อยพวกมันไว้แบบนี้ มันจะไม่เป็นปัญหาเอาหรอ? ยังไงซะนี่ไม่ใช่กองทัพของพวกเรา ดูไว้ใจไม่ได้!”

คนอื่นๆ ก็สงสัยเช่นเดียวกัน

ทำไมไม่ฆ่าพวกมันทิ้งให้จบๆไปซะ?

จะมากจะน้อยก็ยังสามารถดรอปวัสดุบางอย่างได้

ฮังอวี่กล่าวว่า “ตราบใดที่เราครอบครองเมืองเตาหลอมศิลา ทหารพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นของพวกเราหรือ?”

เจียงหนานตกใจ “แต่เห็นๆกันอยู่ว่านี่ไม่ใช่ทหารของเรา พวกเราสามารถใช้มันได้ด้วยหรอ?”

ฮังอวี่กล่าว “ใช้ได้สิ แต่นั่นต้องให้กระบองทองยอมสละตำแหน่งขุนนางโดยสมัครใจ เพราะทหารรักษาการณ์ในดินแดนจะถวายความจงรักภักดีต่อขุนนางเท่านั้น ถึงแม้กระบองทองกับคนแคระเทาระดับสูงตนอื่นๆจะยังคงมีอำนาจสั่งการทหารคนแคระ แต่ลำดับการสั่งการจะต่ำกว่าขุนนางผู้ครองเมือง”

ดินแดนในโลกวิญญาณสามารถดูดซับเผ่าพันธุ์อื่นมาเป็นข้ารับใช้ได้

อย่างไรก็ตาม

สัดส่วนทหารที่ข้ารับใช้สามารถครอบครอง ในทางทฤษฎีต้องไม่เกิน 10%!

ยกเว้นพวกมันยอมจำนนในขณะที่มีจำนวนทหารเกิน เพราะมีอยู่แล้วก่อนเข้ายึดครอง

นี่คือเหตุผลที่ฮังอวี่ไม่ฆ่าขุนนางทั้งสองอย่างเจ้ากระบองทองและฟันแดง

ทางหนึ่งเพื่ออำนวยความสะดวกในการยึดเมืองและลดการสูญเสีย

อีกทางหนึ่งเพื่อผนวกกองกำลังที่เหลือเข้าโดยตรง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารฝ่ายผลิตของคนแคระเทา

หากต้องสร้างทหารเหล่านี้ขึ้นเอง เกรงว่าคงใช้เงินเป็นจำนวนมาก

ขณะที่การฆ่าพวกมันจะได้รับวัสดุในการสร้างเพียงเล็กน้อย อาจนำไปสร้างได้น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนทหารในที่ได้ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะเก็บไว้

ฮังอวี่บุกยึดสามเมืองติดต่อกันโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

เมืองธารทะเลทรายเมื่อทราบข่าวย่อมอยู่ไม่สุขแน่นอน

“ฮ่ง! เจ้านาย พวกเรารวยแล้ว! ข้างในโกดังเมืองนี้มีของเต็มไปหมดเลย!”

ฮัสกี้วิ่งกระโดดเข้ามาหาเขาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง แลบลิ้นห้อย กล่าวด้วยใบหน้ามีความสุข ราวกับได้พบขุมทรัพย์ และเบื้องหลังฮัสกี้ตัวนี้ คือฮังเสี่ยวไป๋ที่กระพือปีกตามมาติดๆ

เธอรายงานกับฮังอวี่ว่า “พี่ชาย พวกเรายึดทรัพยากรของเมืองเตาหลอมศิลาแล้ว มีทรัพยากรหลักที่ใช้สร้างทหารอยู่ราวๆ 40000 ชิ้น ทรัพยากรรองอีก 8000 ชิ้น อุปกรณ์ที่ได้จากการล่าอีก 2000 ชิ้น หินสกิลประมาณ 300 ก้อน ฯลฯ”

เมืองเตาหลอมศิลาไม่ใช่เมืองแร้นแค้นอย่างเมืองหุบเขาเดียวดาย

เมืองนี้ปักหลักอย่างมั่นคงมานานหลายปี

ฮังอวี่หัวเราะ “ดีมาก บันทึกมันลงไป แล้วรอฟังข่าวจากอีกสองเมือง”

จ้าวหมิง ฉูเทียนหัวส่งข่าวตามมาในไม่ช้า บอกว่าพวกเขายึดเมืองขุนเขาเหล็กได้สำเร็จแล้ว และสามารถคุมตัวทหารมนุษย์หมูป่าได้มากกว่า 1000 นาย กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น แทบไม่เกิดการต่อสู้

ข่าวจากเมืองทรายดำมาช้านิดหน่อย

แม้สำนักกระบี่วิญญาณแห่งนิวยอร์กจะนำทหารไปเป็นจำนวนมาก แต่ก่อนจะเข้าเมืองทรายดำ พวกมันต้องเผชิญกับการต่อต้านเฮือกสุดท้ายของก็อบลินหมี

เพียงแต่ว่าเมืองทรายดำได้พ่ายแพ้ไปแล้วถึงสองครั้ง ส่งผลให้ทหารในเมืองอ่อนแอมาก สุดท้ายไม่อาจหยุดยั้งกองทัพเมืองหุบเขาเดียวดายได้

หลังจากยื้อกันไปซักพัก รองขุนนางก็อบลินหมีก็ประกาศยอมแพ้

สามเมืองในโลกวิญญาณ

ถูกเมืองหุบเขาเดียวดายยึดเสร็จภายในหนึ่งวัน!

ตามที่ตกลงกัน

เมืองทรายดำมอบให้แก่สำนักกระบี่วิญญาณ

ส่วนเมืองเตาหลอมศิลากับเมืองขุนเขาเหล็กถูกผนวกเข้ากับองค์กรมังกรคราม

อย่างไรก็ตาม คนๆหนึ่งสามารถเป็นขุนนางของดินแดนได้แห่งเดียวเท่านั้น เมืองขุนเขาเหล็กและเมืองเตาหลอมศิลาจึงต้องส่งมอบให้แก่คนที่เชื่อถือได้

ส่วนเรื่องที่ว่าใครจะได้ตำแหน่งขุนนางไป คงไม่ต้องเดา

ฮังอวี่ประกาศทันที

จ้าวหมิงได้เป็นขุนนางเมืองเตาหลอมศิลาคนใหม่!

ฉูเทียนหัวได้เป็นขุนนางเมืองขุนเขาเหล็กคนใหม่!

ด้วยประการฉะนี้

เท่ากับว่าองค์กรมังกรครามในอาณาจักรมังกรโลกา สามารถควบคุมได้สามเมือง แล้วอีกอย่างดินแดนทั้งสามแห่งนี้เชื่อมต่อกัน เท่ากับว่าขุมกำลังและพลังรบของพวกเขาพุ่งทะยานไปอีกขั้น!