ตอนที่แล้วEp.369 - บดขยี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.371 - ยึดสามเมืองติด

Ep.370 - ยอมจำนน


3/3

Ep.370 - ยอมจำนน

ประมาณ 20 นาทีหรือมากกว่านั้น

“ไฟมอดแล้ว รีบฝ่าออกไป!”

เมื่อเปลวเพลิงในหุบเขาค่อยๆลดลง ศัตรูก็ได้รับบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่งแล้ว  กองทหารที่รอดตายตอนนี้กระจัดกระจาย ยากที่จะจัดระเบียบเป็นขบวนทัพใหม่

ฮังอวี่เห็นว่าถึงเวลาแล้ว เริ่มนำทัพบุกโจมตีขั้นสุดท้ายทันที

ทหารกว่า 2000 นายจากเมืองหุบเขาเดียวดายและมนุษย์อีก 3000 คน ทั้งหมดเดินทัพออกไป และแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มอย่างรวดเร็ว

ผู้นำจากกลุ่มต่างๆพากันนำทัพของตนเอง เข้าเข่นฆ่ากองทัพพันธมิตร

ฮังอวี่แยกตัวออกจากกองทัพทหาร ปล่อยให้ฉูเทียนหัว จ้าวหมิงดูแล

เขากุมหอกคลื่นมังกรปฐพีในมือและออกมาเพียงลำพัง เข้าเข่นฆ่าศัตรูเป็นคนแรก กวาดล้างสมุนทหารที่พลัดหลงกลุ่ม ขณะเดียวกันคอยมองหาเป้าหมาย

เป้าหมายของฮังอวี่คือขุนนางทั้งสาม

ขุนนางพวกนี้คือกุญแจสำหรับการยึดครองดินแดน

หากทั้งสามตนไม่ตาย เกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นตามมาไม่จบไม่สิ้น

หลังจากฮังอวี่สังหารสมุนทหารไปกว่า 20 30 นาย เขาก็พบร่างของเนลูเจ้าเมืองทรายดำ

อาศัยประโยชน์จากสถานการณ์ชุลมุน โดยไม่เอ่ยอะไรซักคำ ปลดปล่อยคลื่นมังกรปฐพีกวาดออกไป

หากเป็นสถานการณ์ปกติ ด้วยพลังรบของเนลูย่อมสามารถตอบสนองได้

แม้พลังและระยะของคลื่นมังกรปฐพีจะไม่อ่อนแอ แต่การโจมตีของมันเป็นในรูปแบบเส้นตรงและลุกลามเฉพาะบนพื้น การหลบเลี่ยงจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ยังไงก็ตาม ปัจจุบันสนามรบตกอยู่ในความโกลาหล มีเปลวเพลิงลุกโชนจากทุกทิศทาง  สกิลและลูกศรบินว่อนทั่วฟ้า

ตอนนี้เนลูเกือบจะเสียสติไปแล้ว มันราวกับหมีบ้าไล่ตะปบสังหารไปรอบๆ ดังนั้นไม่มีทางป้องกันการลอบโจมตีอย่างกะทันหันได้

บรึ้ม!

เนลูและก็อบลินหมีระดับสูงที่อยู่ข้างๆถูกโจมตีพร้อมกัน

สหายก็อบลินหมีข้างกายมันถูกสังหารตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้านเนลูมันได้รับบาดเจ็บสาหัส! ถูกคลื่นกระแทกไกลออกไปสิบเมตรก่อนล้มลงกับพื้น

“เป็นเจ้าอีกแล้ว!”

เมื่อเผชิญหน้ากับฮังอวี่ในสถานะปลุกเลือดปีศาจ เนลูเปล่งเสียงร้องแหลม มันพ่ายแพ้คู่ต่อสู้มาแล้วครั้งหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้มันรู้สึกอับอายและโกรธแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้

และสถานการณ์ในวันนี้ ยิ่งทำให้มันไม่อาจยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง!

ทำไมถึงมีเรื่องแปลกประหลาดมากมายเช่นนี้?

ไม่ว่าจะเป็นหุ่นรบเหนี่ยวนำมนตรา ระเบิดเหนี่ยวนำมนตรา ปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตรา  หรือเจ้าสิ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินแล้วสามารถลุกไหม้ได้ เห็นได้ชัดว่าของพวกนี้ไม่สามารถผลิตในแดนอ้างว้างหรือกระทั่งในแคว้นเดียวดาย ยิ่งเป็นในดินแดนเล็กๆอย่างเมืองหุบเขาเดียวดายยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง

นั่นเป็นเหตุผลที่ขุนนางเล็กทั้งสามไม่อาจรับมือได้อย่างสมบูรณ์

สุดท้ายนำมาสู่ผลลัพธ์อันเลวร้าย

มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!

มีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเมืองหุบเขาเดียวดาย!

ดินแดนเช่นนี้จะมีลูกเล่นมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?

เนลูสังเกตมองกองกำลังของชาวต่างถิ่นที่วิ่งออกมา

มันสามารถระบุได้อย่างชัดเจน ว่าคนส่วนใหญ่ล้วนมีสติปัญญา และจำนวนของพวกเขามากเหนือจินตนาการของมัน!

มีผู้เปิดภูมิปัญญาเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?

พวกเขาปรากฏตัวขึ้นในแคว้นเดียวดายได้อย่างไร?

ตามความเข้าใจของเนลู

ในอาณาเขตวิญญาณของขุนนางน้อย จำนวนผู้ที่สามารถเปิดภูมิปัญญาได้อย่างมากที่สุดมีแค่หลักสิบ และแทบไม่มีโอกาสเกินร้อย แต่ตัดสินจากในสนามรบ ศัตรูเกือบครึ่งที่นี่ล้วนมีสติปัญญา!

นี่มันเป็นไปไม่ได้ ฮ๊าาาาา!

เป็นไปไม่ได้แน่นอน!

เนลูไม่เข้าใจอะไรเลย!

แต่ความจริงเบื้องหน้า ต่อให้มันไม่อยากเชื่อ จุดจบก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ตอนนี้มันต้องตัดสินใจแล้วว่าจะทำยังไงต่อไป!

แต่ที่แน่ๆ หลังจากที่ขุนนางใหญ่ทราบเรื่องนี้ เมืองธารทะเลทรายจะไม่มีวันปล่อยเมืองหุบเขาเดียวดายไวอีกต่อไป!

เนลูตัดสินใจในเสี้ยววินาที

ดึงกริชออกมาจากมิติเก็บของ

มันคือกริชแห่งการถือกำเนิดใหม่ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้

“คิดจะฆ่าตัวตายอีกแล้วหรอ?”

ช่วงเวลาที่เนลูหยิบกริชออกมา เงาร่างของฮังอวี่พลันกระพริบไหว

โจมตีลมกรด!

หอกยาวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง พุ่งแทงเข้าที่ร่างของเนลู

เนลูเผยยิ้มเย็น

โจมตีลมกรด?

มันเคยเห็นลูกเล่นนี้ของฮังอวี่มาก่อน ดังนั้นเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้แล้ว

แหวนสีฟ้าในมือซ้ายของเนลู จู่ๆก็สาดแสงวาบ เกิดเป็นโล่พลังงานคล้ายม่านน้ำ ห่อหุ้มทั้งตัวของมันเอาไว้

ฮังอวี่ทิ่มแทงใบมีดที่ลุกไหม้จากสกิลชุบโลหิต แต่ก็ถูกหยุดด้วยโล่พลังงานนี้

เอฟเฟกต์ของชุบโลหิต สามารถเพิกเฉยต่ออุปสรรคทางกายภาพ แต่มันไม่สามารถเจาะผ่านเกราะป้องกันพลังงานได้

ม่านน้ำแตกเป็นเสี่ยงๆ

ทั้งสองพุ่งสวนกัน

ฮังอวี่หันหลังกลับแต่ก็สายเกินไป

เวลานี้เนลูยกกริชของตนขึ้นแล้ว เตรียมเจาะหัวใจตัวเอง ในดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลนและเยาะเย้ย

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พฤติกรรมของมันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

วินาทีถัดมา

สีหน้าท่าทีของมันพลันแข็งค้าง

ปรากฏว่าทั้งคนทั้งร่างของฮังอวี่วูบไหวเป็นภาพติดตาอีกครั้ง

รวดเร็วเกินไป

ในชั่วพริบตาเดียว ก็มาโผล่เบื้องหน้ามันอีกครั้ง

หอกยาวพุ่งเข้าเสียดแทงด้วยพลังทำลายล้าง : โจมตีลมกรด + ปะทะเดือด!

เนลูถูกกระแทกลอยขึ้นกลางอากาศ เกิดอาการมึนงงช่วงสั้นๆ ในหัวมันเหลือเพียงความคิดเดียว : เป็นไปไม่ได้!

ฮังอวี่พึ่งเปิดใช้งานสกิลโจมตีลมกรดไป แต่ยังไม่ถึงครึ่งวินาที เขาสามารถใช้งานมันอีกครั้งได้อย่างไร? นี่มันขัดกับสามัญสำนักโดยสิ้นเชิง!

ยังไงก็ตาม

การโจมตียังไม่หยุดลงเพียงเท่านี้

ฮังอวี่กลายเป็นภาพติดตาอีกครั้ง

เขาเร่งความเร็วที่เกินขีดจำกัดของตัวเอง เหวี่ยงหอกเข้าใส่เนลูอีกครา แทงอีกฝ่ายลงจากกลางอากาศ ตอกตรึงไว้กับพื้น

โจมตีลมกรดอีกครั้ง!

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ โดยรวมแล้วมีการใช้งานโจมตีลมกรดทั้งสิ้น 4 ครั้ง!

และการโจมตีทั้งสี่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ!

เวลาทั้งหมดที่ใช้ไปประมาณหนึ่งวินาทีเท่านั้น!

คนอื่นๆมองไม่เห็นว่าฮังอวี่โจมตีอย่างไร

พวกเขาเห็นแค่ว่าโล่พลังงานของเนลูถูกทำลายในชั่วพริบตา จากนั้นถูกฟาดลอยขึ้นฟ้า ร่างเงาวูบไหวอย่างรวดเร็วโจมตีเนลูจากทิศทางต่างๆ และสุดท้ายก็แทงหอกตอกมันลงกับพื้น

เวลานี้ดวงตาของฮังอวี่เป็นสีแดงเข้ม จ้องมองเนลูบนพื้นดิน ในแววตาสะท้อนร่องรอยของความดูแคลนมุมปากยกยิ้มเยาะเย้ย ‘ไอ้สารเลวนี่มันประมาทจริงๆ’

นี่ไม่ใช่สกิลขั้น 2 อย่างโจมตีลมกรดอีกต่อไป แต่มันคือสกิลขั้น 3 สังหารลมกรด!

อย่างหลังคือสกิลที่ยกระดับจากอย่างแรก

แม้การใช้งานมันจะสิ้นเปลืองมากกว่าเดิม แต่เอฟเฟกต์ทรงพลังกว่าแน่นอน พูดง่ายๆมันคือการโจมตีลมกรดหลายครั้ง สามารถโจมตีหลายเป้าหมายด้วยความเร็วสูง

หรือสามารถใช้โจมตีเป้าหมายเดียวได้หลายครั้งในเวลาเดียวกัน

เฉียบคม!

สกิลนี้รวดเร็วแค่ไหนน่ะหรือ?

เมื่อฮังอวี่ปลดปล่อยสังหารลมกรด กระทั่งปฏิกิริยาของเขาเองก็ยังตามไม่ทันความเร็วของสกิลตัวเอง เลยจำเป็นต้องใช้เนตรแห่งเงาเข้าช่วยเพื่อให้มองเห็นได้ชัด เพื่อปลดล็อคศักยภาพของมันให้ออกมาได้อย่างเต็มที่

ด้วยพลังโจมตีของขุนนางคลั่ง บวกกับความเร็วอันทรงพลังของนักรบเงาลมกรด

ต่อให้เนลูมีเลเวล 12 พลังรบไม่อ่อนแอ เมื่อต้องเผชิญกับการระเบิดพลังดังกล่าว มันย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮังอวี่

หลังจากแก้ปัญหาเรื่องเนลู

ฮังอวี่รีบดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังจิต เปิดใช้งานเทคนิคตาเหยี่ยวเพื่อค้นหาในสนามรบต่อทันที

ไม่นานก็สามารถล็อคตำแหน่งเจ้าฟันแดงกับเจ้ากระบองทองที่อยู่ไม่ไกล

คราวนี้ถึงตาของสองตนนั้นแล้ว!

สับเปลี่ยนอาวุธ!

ฮังอวี่เปลี่ยนมาสวมกระบี่คำสาปกระดูกสามานย์และขวานปีศาจแมงป่อง ความสามารถในการโจมตีหมู่ของเขาลดลง แต่พลังรบแบบตัวต่อตัวแก่กล้าขึ้น!

จู่โจมมุมอับ!

ฮังอวี่หายวับไป

เปิดใช้งานคลุ้มคลั่งเข้าสังหาร โจมตีสมุนทหารระหว่างทางเพื่อเติมเลือด และมาถึงอีกฝ่ายได้สำเร็จ

“บัดซบ!”

“เขากำลังมาทางนี้!”

เห็นได้ชัดว่ากระบองทองและฟันแดงพบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเนลู

แม้พวกมันจะมองไม่เห็นฮังอวี่ แต่ก็สามารถระบุตำแหน่งของฮังอวี่ได้คร่าวๆ

กระบองทองไม่รีรอ หยิบม้วนคัมภีร์สีเขียวออกมา หลังจากเปิดใช้งานมัน ก็โยนไปในทิศทางของฮังอวี่

เทคนิคโยกย้าย!

ฮังอวี่เปิดใช้งานสกิลใหม่ทันที

ม้วนคัมภีร์สีเขียวที่อยู่กลางอากาศ พริบตานั้นคล้ายถูกกระแสวังวนดูดเข้าไป

ขณะเดียวกัน เบื้องหลังขุนนางทั้งสอง คล้ายปรากฏกระแสวังวนขึ้นพร้อมกัน และกระแสวังวนนั้นคายม้วนคัมภีร์ออกมา

“ไม่ได้การ!”

คัมภีร์สีเขียวอยู่ในสถานะเปิดใช้งานแล้ว

แทบจะในวินาทีถัดมา

บังเกิดเสียงหอนของมังกรยักษ์ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน โดยมีตำแหน่งของคัมภีร์เป็นจุดศูนย์กลาง บริเวณโดยรอบได้รับความเสียดายและติดสถานะมึนงง

ฮังอวี่เปิดใช้งานเทคนิคบลิงค์และปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้ากระบองทองและฟันแดง

กระบี่กระดูกสามานย์แทงเข้าไปในร่างของเจ้ากระบองทอง

ขวานปีศาจแมงป่องฟันเข้าใส่ร่างของเจ้าฟันแดง

เอฟเฟกต์ของอาวุธทั้งสองถูกกระตุ้น ส่งผลให้ขุนนางทั้งสองตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชยิ่งกว่าเดิม

ในความเป็นจริงแล้ว

แม้ฮังอวี่จะแข็งแกร่ง แต่ขุนนางทั้งสองก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน

หากพวกมันร่วมมือกันเขาอาจเอาชนะไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากฝั่งมนุษย์ ไหนจะระเบิดเพลิงจากใต้ดิน มองไปทางไหนก็ถูกปิดล้อม

เผชิญกับสถานการณ์นี้ ขุนนางทั้งสองไม่มีใจจะสู้อีก

อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ไม่พอใจแค่นี้ เขายังคงโจมตีต่อเนื่อง

มรดกขั้น 3 ที่อยู่ในร่างกาย บวกกับสถานะต่างๆที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และเอฟเฟกต์ลดการสั่นสะเทือนจากสนับแขน

มันทำให้วันนี้ฮังอวี่เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งสงคราม สองขุนนางพ่ายแพ้ล่าถอย

“บราโว่!”

“มังกรครามจงเจริญ!”

ทุกคนที่เห็นฉากนี้ เลือดในกายเดือดพล่าน

ฮังอวี่ช่างกล้าหาญและดุดัน พลังรบของเขาช่างแข็งแกร่ง บวกกับการผสมผสานสกิลอันสลับซับซ้อน นำมาซึ่งรูปแบบการต่อสู้อันยอดเยี่ยมไร้ที่ติ

ฉูเทียนหัว จ้าวหมิงเองก็สามารถฆ่าพวกเผ่าพันธุ์ระดับสูงไปได้หลายตัวเหมือนกัน พวกเขานำทัพทั้งจากข้างหน้าและข้างหลัง โอบตีศัตรู ยุติการล่าถอยของกองทหารพันธมิตรสามเมืองอย่างสิ้นเชิง

จากนั้นเริ่มปิดล้อมสังหาร

เฝ้ามองสหายตนแล้วตนเล่าล้มลง

เฝ้ามองจำนวนสมุนทหารลดน้อยลงเรื่อยๆ

เมื่อเทียบกับการสูญเสียของมนุษย์ แทบไม่มีค่าให้พูดถึง

จบสิ้นแล้ว!

ไม่มีหวังอีกต่อไป!

หมดสิ้นโอกาส เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกกระแส!

เมืองหุบเขาเดียวดายไม่เพียงแต่ชนะ พวกเขายังสามารถรักษาพลรบเอาไว้ได้

และต่อจากนี้ไป ย่อมเกิดการชิงดินแดนอย่างแน่นอน

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ล้มเหลวในการขจัดภัยคุกคามอย่างเมืองหุบเขาเดียวดายเท่านั้น

แต่เมืองทรายดำ เมืองเตาหลอมศิลา เมืองขุนเขาเหล็กยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้!

เจ้ากระบองทองและเจ้าฟันแดงต่างสำนึกผิดและตื่นตระหนก

พลังชีวิตของพวกมันลดน้อยลงเรื่อยๆ กำลังเข้าสู่สภาวะอ่อนแรงใกล้ตาย สุดท้ายทนไม่ไหว

“หยุดก่อน”

“ช้าก่อน!”

ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน “ข้าขอยอมแพ้!”