ตอนที่แล้วตอนที่ 11 - ท่าทีของจางเหลียง, ตกตะลึงพรึงเพริด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13 - เรนเจอร์ธาตุคลาส 3 – อเดเลีย!

ตอนที่ 12 - ท่านลอร์ดที่เศร้าโศกก็ยังคงหล่อเหลาไม่เบา!


“น้อยเกินไป ไม่คุ้มเลย”

เมื่อมองดูค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นของที่หลบภัยหลังจากจัดตั้งพันธมิตรแล้ว หลินเย่ก็ส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ

วิธีการเพิ่มค่าประสบการณ์ของที่หลบภัยที่เขารู้ในตอนนี้คือการเปลี่ยนสภาพศพซอมบี้และการยึดครองสุสานของคนอื่น

ผลลัพธ์ของวิธีการทั้งสองนั้นค่อนข้างดี

หากเป็นซอมบี้เลเวล 1 เครื่องเปลี่ยนสภาพซอมบี้จะให้ค่าประสบการณ์ 10 แต้มสำหรับซากศพซอมบี้ทุกๆ ร่างที่ถูกเปลี่ยนสภาพ

จากเลเวล 1 ถึงเลเวล 2 ใช้ค่าประสบการณ์ 1,000 แต้ม

ในตอนแรกเขาได้เปลี่ยนสภาพซอมบี้เลเวล 1 จำนวน 45 ตัว และซอมบี้เลเวล 2 อีก 1 ตัว จากนั้นเขาได้ยึดครองสุสานของเจิ้งจิ่งเจ๋อ ซึ่งเพิ่มค่าประสบการณ์อย่างมาก

ที่หลบภัยอัพเป็นเลเวล 2 ทันที และแถบค่าประสบการณ์ได้เพิ่มขึ้นเกินกว่าครึ่งหลอด

กล่าวอีกนัยหนึ่ง การยึดครองแม้แต่สุสานที่ห่วยแตกที่สุดก็ยังเพิ่มค่าประสบการณ์ให้อย่างน้อย 1,500 แต้ม

หากอีกฝ่ายมีโครงสร้างพื้นฐานมากกว่านี้ ผลประโยชน์ที่เขาได้ก็คงมากขึ้นไปอีก

พันธมิตรที่เขาเพิ่งจัดตั้งขึ้นเป็นวิธีที่สามในการเพิ่มค่าประสบการณ์

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของมันแย่มาก ค่าประสบการณ์ที่เขาได้นั้นเป็นเพียงหนึ่งในสิบของการยึดครองสุสาน

คงจะดีถ้านี่เป็นเกมปกติ แต่นี่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย

ดังนั้นเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น หลินเย่ทำได้เพียงขอโทษคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดทั้งแปดคน

นอกจากจางเหลียงที่เขาค้นพบแล้ว

ยังมีอีกเจ็ดคนที่อยู่ห่างจากเขาไปราวๆ 1,000 - 2,000 เมตร

แม้แผนที่สีดำจะไม่สามารถแสดงข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับพวกเขาได้ แต่หลินเย่สามารถระบุตำแหน่งของพวกเขาได้คร่าวๆ ด้วยความช่วยเหลือของจุดสีทอง

หลังจากนี้ เขาก็แค่ต้องยึดครองสุสานทั้งหมดของพวกเขา

ที่หลบภัยของเขาคงจะเลเวลอัพอย่างน้อยสองสามครั้ง และคงไม่ใช่ปัญหาเลยที่อาณาเขตของเขาจะขยายรัศมีเป็นห้าถึงหกพันเมตร

ถึงตอนนั้น เขาก็คงพบเห็นคนอื่นได้มากขึ้น

เช่นนี้อีกไม่นาน อาณาเขตของเขาก็คงครอบคลุมพื้นที่ที่พ่อกับแม่ของเขาอยู่

เมื่อถึงเวลานั้น วิกฤตในครอบครัวของเขาก็จะคลี่คลาย

แม้ระยะทางที่ไกลจะทำให้ทหารไปได้ยาก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถจัดตั้งตลาดการค้าพันธมิตรและส่งทรัพยากรกับอาวุธไปให้พ่อของเขาได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเย่ก็รู้สึกมีแรงจูงใจเพิ่มขึ้นทันที

เขาทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเนื้อวัวและเนื้อย่างเสียบไม้เสร็จภายในไม่กี่คำ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าคนงานพื้นถิ่นจะก่อกบฏ เขาคงให้คนงานเหล่านี้ทำงานล่วงเวลาและเข้ากะ

“อ่า นั่นเป็นความคิดที่อันตราย…”

ดวงตาของหลินเย่สั่นไหว แต่ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น

เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ นิโคลและเชฟคนอื่นๆ ก็เริ่มทำความสะอาด ในขณะที่คนงานพื้นถิ่นทิ้งขยะทั้งหมดลงในหลุมศพ

เอฟเฟกต์ของเครื่องเปลี่ยนสภาพซอมบี้นั้นน่าทึ่งมาก

ความสามารถหลักคือการเปลี่ยนสภาพศพให้เป็นวิญญาณซอมบี้ นอกจากนี้ยังสามารถย่อยสลายขยะซึ่งช่วยป้องกันการปนเปื้อนในพื้นที่เนื่องจากขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลินเย่ต้องยกนิ้วให้ระบบในเรื่องนี้

ในเวลานี้ ระบบก็ได้ส่งข้อความแสดงความยินดีมา

“คุณได้รับวิญญาณซอมบี้ 49 ดวง”

“เอฟเฟกต์รางวัล 100 เท่าแสดงผล ได้รับวิญญาณซอมบี้ 4,900 ดวง”

[ขอแสดงความยินดีกับผู้รอดชีวิตหลินเย่ แถบค่าประสบการณ์ของที่หลบภัยเต็มแล้ว คุณต้องการอัปเกรดที่หลบภัยเป็นเลเวล 3 หรือไม่?]

“อัปเกรด” หลินเย่พยักหน้า

ซากศพซอมบี้ 49 ร่างเท่ากับค่าประสบกรณ์สำหรับที่หลบภัย 490 แต้ม

แถบค่าประสบการณ์ของที่หลบภัยใกล้เต็มแล้ว ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่จะเลเวลอัพ

ฟู่ววว—

ครู่ต่อมาลำแสงพลังงานอัปเกรดอันลึกลับก็ส่องลงมา ที่หลบภัยเปล่งแสงจางๆ แล้วเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

หนึ่งชั่วโมงต่อมา การอัพเลเวลของที่หลบภัยก็เสร็จสมบูรณ์

อาณาเขต: ที่หลบภัย

เลเวล: 3

ขอบเขต: 3,000 เมตร

ขีดจำกัดของจำนวนประชากร: 1,000 [497/1,000]

คำสั่งระดมพล: คำสั่งระดมพลคนงานพื้นถิ่น (ไม่จำกัด การระดมพลนั้นใช้เพียงวิญญาณซอมบี้)

คำสั่งระดมพลทหารที่ยังไม่ได้รับการฝึกเลเวล 1 (สำหรับกองกำลัง คุณต้องจับคู่กับพิมพ์เขียวทหารอื่นๆ ไม่จำกัด การระดมพลนั้นใช้เพียงวิญญาณซอมบี้)

"ไม่เลว!" หลินเย่ตรวจสอบดูและรู้สึกพอใจมาก

ในไม่ช้า ค่ำคืนก็มาเยือน คนงานพื้นถิ่นหลายคนหาว

หลินเย่ทิ้งคนงานพื้นถิ่นไว้ 20 คนสำหรับกะกลางคืนเพื่อคุ้มกันพื้นที่ ในขณะที่คนอื่นๆ ไปพักผ่อนในเต็นท์

อย่างไรก็ตาม เชฟหูแมว 100 คนที่อยู่ข้างหน้าเขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เต็นท์ 80 หลังนั้นเพียงพอสำหรับแค่ชาวพื้นถิ่นอาศัยอยู่

หลินเย่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้เชฟทุกคนอาศัยอยู่ในที่หลบภัยไปสักพักก่อน

โชคดีที่ที่หลบภัยเลเวล 3 มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อก่อนถึงสามเท่า มันมีพื้นที่มากกว่า 60 ตารางเมตร และมี 2 ชั้น

โอ้ พระเจ้า ด้วยการที่มีคนมากกว่าร้อยคนอัดแน่นอยู่ในนี้ หลินเย่จึงรู้สึกแย่มาก

“นิโคล เจ้าผายลม?”

ในตอนกลางดึก หลินเย่ถามขึ้นมาอย่างเย็นชา

“???”

ใบหน้าของนิโคลัสแดงเรื่อ ท่ามกลางเสียงกลั้นหัวเราะรอบๆ เธอตะโกนออกมาด้วยความเขินอาย “ไม่ใช่ข้า! เห็นได้ชัดว่า…”

“เอาล่ะ อย่าจริงจังนักเลย แค่เรื่องขำๆ”

หลินเย่กระแอมเบาๆ และบังคับตัวเองให้ขยับตัวเพื่อให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น เขาถามด้วยความสงสัย “นิโคล ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?”

นิโคลตะลึงไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกอับอายและโมโหของเธอไม่มีที่ระบายจนทำให้เธอหายใจไม่ออก

เธอป่องแก้มและตอบอย่างไม่มีความสุข “ท่านลอร์ดต้องการทราบเรื่องอะไร?”

“ข้าต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้ เช่น ซอมบี้ คนงานพื้นถิ่น และเผ่าหูแมวของเจ้า” หลินเย่กล่าว

นิโคลเหลือบมองเขาและเดาได้คร่าวๆ ว่าหลินเย่คิดอะไรอยู่ เธอพูดช้าๆ “อย่างที่ท่านเห็น โลกของเราเป็นโลกที่ล่มสลาย เนื่องจากพิธีกรรมชั่วร้าย ประตูสู่นรกจึงถูกเปิดออก ซอมบี้มากมายนับไม่ถ้วนบุกรุกทั่วทุกทวีป”

“สงครามเป็นเรื่องน่าเศร้า อาณาจักรและทหารชั้นยอดต่างถูกทำลายไปเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด เพื่อรักษาอารยธรรมของเราไว้ เผ่าต่างๆ จึงเลือกที่จะอาศัยอยู่ใต้ดิน”

“ชีวิตใต้ดินนั้นขมขื่น เราไม่สามารถปลูกผักและข้าวได้เพราะไม่มีแสงแดด เราพึ่งพาได้เพียงวิญญาณซอมบี้จำนวนมากมายที่ได้รับตกทอดมาจากแต่ละเผ่าเพื่อแลกกับอาหาร”

“อย่างไรก็ตาม คงมีสักวันที่แม้แต่สิ่งนั้นจะถูกใช้จนหมด ดังนั้นเผ่าต่างๆ จึงคิดเรื่องคำสั่งรับระดมพล ตราบใดที่มนุษย์จากโลกอื่นมาเยือน พวกเขาสามารถอัญเชิญเราผ่านคำสั่งนี้ได้ เราจะรับใช้ลอร์ดคนใหม่เพื่อแลกกับค่าตอบแทน เพื่อที่เราจะสามารถทำมาหาเลี้ยงชีพผู้คนของเราที่อาศัยอยู่ใต้ดินได้”

หลินเย่ตกอยู่ในความเงียบงันเมื่อได้ยินเรื่องนี้ คลื่นแห่งความตกใจผุดขึ้นในใจเขา

ตามที่นิโคลกล่าว ก่อนที่พวกเขาจะถูกย้ายมิติมา มนุษย์คนอื่นๆ จากโลกอื่นได้มาเยือนทวีปนี้แล้วเช่นกัน

แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

พวกเขาแพ้หรือชนะ?

เขามีคำตอบอยู่เลาๆ

บางทีอาจเป็นเพราะว่าเรื่องนี้เศร้าเกินไป หลังจากพูดไปไม่กี่คำ หลินเย่ก็รู้สึกหดหู่สิ้นหวัง แม้แต่ความสุขจากการอัพเลเวลที่หลบภัยก็ถูกทำลายจนสิ้น

เขาลูบหัวนิโคลเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ราตรีสวัสดิ์ พักผ่อนเถอะ ในวันพรุ่งนี้เรายังต้องทำงานหนักเพื่อขยายสุสาน”

"ตกลง"

นิโคลพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าท่านลอร์ดของเธอกำลังรู้สึกแย่

โอ้ แม้เขาจะรู้สึกหดหู่ แต่ท่านลอร์ดก็ยังดูหล่อเหลา!

เมื่อมองไปที่เงาของหลินเย่ ดวงตาที่พร่างพราวดั่งดวงดาวของนิโคลก็เผยให้เห็นถึงสายตาชื่นชม

ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น

นิโคลก็สังเกตเห็นว่าหลินเย่ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่และรีบเรียกเชฟหูแมวมาทำอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว

แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องทะลุม่านหมอกและสาดไปทั่วทั้งสุสาน

ราวกับจะขับไล่ภูติผี อากาศนั้นแจ่มใส ดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงเจิดจ้า มันไม่หนาวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ด้านนอกที่หลบภัย หลินเย่ได้เข้าร่วมกับคนอื่นๆ ในการก่อสร้างด้วยตัวเอง ประสิทธิภาพในการก่อสร้างค่ายทหารจึงพุ่งสูงขึ้น

ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ระบบก็ได้ส่งการแจ้งเตือนมาอย่างต่อเนื่อง

—จบตอน—

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด