ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0086
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0088

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0087


บทที่ 29 วิธีเอาตัวรอดในทะเลทราย (3)

* * *

ฉันจับปืนที่สอดอยู่กับซองปืนต้นขา

มีทั้งหมดห้านัด เหลือสี่เนื่องจากใช้ไปแล้วหนึ่ง

การมีกระสุนเยอะๆ คือเรื่องดีเสมอ แต่ฉันก็เข้าใจจุดยืนของ OWIC เช่นนั้น ทางนั้นก็คงมีเหตุผลของตัวเอง

นอกจากนั้น ฉันสร้างกระสุนเองก็ได้ไม่ใช่หรือ

“…ด้วยวัสดุในต่างโลก”

ยิ่งพูดก็ยิ่งน่าตื่นเต้น

ฉันเคยเห็นคลิปยูทูป DIY ผลิตกระสุนมาก่อน พวกเขาใช้แค่กระดาษด้วยซ้ำ

ขณะกำลังคิดแบบนั้น ลิลี่จ้องฉันพร้อมกับเปิดปาก

“นี่”

“หือ?”

“ปืนใช่ไหม? เมื่อครู่ข้าประหลาดใจนิดหน่อย”

“รู้จักปืนด้วยหรือ? นึกว่าจะไม่รู้”

“อาณาจักรของเรามีแต่ปืนใหญ่ ไม่มีปืน แต่หน้าตาก็คล้ายกัน”

ลิลี่แอบชำเลืองไปทางปืนใหญ่ติดกราบเรือ ฝั่งละสี่กระบอก รวมเป็นแปดกระบอก

เป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากหากเทียบกับขนาดเรือ

“พวกมนุษย์ปลาทำท่าทางยังกับไม่เคยเห็นปืนมาก่อน”

“ในทวีปมีระยะห่างทางวัฒนธรรมมากเกินไป บางดินแดนมิอาจติดต่อโลกภายนอกได้เลยเพราะติดกำแพง”

สรุปโดยสั้น บางจุดยังเป็นเหมือนยุคหิน แต่เพื่อนบ้านติดกันอาจอยู่ในยุคอุตสาหกรรม

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่รู้จักทะเลทรายและวัฒนธรรมของที่นี่จนถึงเมื่อครู่”

ฉันเห็นด้วยกับลิลี่ กำแพงที่เพิ่งผ่านมาอย่างง่ายดาย จะมิอาจผ่านได้หากปราศจากภาษาแห่งราชัน

พวกเราสนทนาพลางมองไปทางกลุ่มเบดูอินที่กำลังงานยุ่ง

“ลอว์เรนซ์ พังงาเป็นยังไงบ้าง?”

“ฝืดนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีปัญหา คล้ายกับไม่เคยถูกใช้งานมานาน”

“พี่น้องซิทาเยรับผิดชอบหางเสือ! พวกเราไม่มีเวลาให้คนอื่นทดลองงาน!”

“อายอาย!”

“เจ้าดูชอบมันนะ”

“ข้าอยากเป็นโจรสลัดมาตั้งแต่เด็กแล้ว!”

“…ชู่ว! ถ้าไปพูดที่อื่นอาจจะโดนคนท้องถิ่นขับไล่ออกจากดินแดน”

สมาคมการค้ามีเรือของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อมีสมาชิกขึ้นเรือกว่าสามสิบคน เป็นธรรมดาที่จะมีคนว่าง

ฉันไม่ต้องทำอะไรเลยในสถานการณ์แบบนี้

แค่ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดก็พอ

กลุ่มคนที่เคยงานยุ่งเริ่มทยอยมายืนรวมตัว นั่นหมายความว่าการเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เอ็มเวิร์ดที่ลอยอยู่ข้างๆ ฉันในสภาพเชื่อมต่อกับตะเกียงตรงเอว ตะโกนด้วยสีหน้าขึงขังสุดขีด

「ห้ามปล่อยพังงาเด็ดขาด! จงควบคุมทิศทางของเรือจนกว่าจะแล่นด้วยความเร็วสูงสุด! จับมันอย่างดุดันและตั้งใจประหนึ่งจับขวดเหล้า! ห้ามมองไปทางอื่น! ให้เตือนตัวตลอดเวลาว่าเรือบรรทุกอะไรมาบ้าง! เข้าใจไหม!? 」

“อายอาย!”

「ออกเรือ!!」

“ออกเรือ!”

ฉันมีความสุขที่ได้เห็นกะลาสีชำนาญการเชื่อฟังคำสั่งอย่างขยันขันแข็ง ทันทีที่ใบเรือกางออก นายท้ายเรือย่ำลงบนบางสิ่งที่ดูเหมือนคันเร่ง ช่วยให้เรือหนักๆ เริ่มแล่นผ่านผืนทรายไปข้างหน้า

“โฮ่…”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การแล่นเรือบนทรายคือสิ่งที่อยู่เหนือสามัญสำนึก

โดยปรกติแล้ว เรือโจรสลัดจะอาศัยแรงส่งจากลมหรือไม้พาย แต่ดูเหมือนว่าเรือลำนี้จะมีบางสิ่งคล้ายกับเครื่องยนต์ของยานพาหนะสมัยใหม่

ใบเรือเริ่มหอบลมร้อนที่พัดผ่านทะเลทราย ใบพัดที่ติดตั้งอยู่ด้านบนสุดเริ่มหมุนและส่งพลังงานไปยังเครื่องยนต์ด้านล่าง เพื่อผลักให้เรือแล่นไปข้างหน้า

ทรายที่กระแทกกราบเรือกระเด็นขึ้นมา และกองสุมบนดาดฟ้าอย่างรวดเร็ว สมาชิกที่รออยู่พร้อมไม้กวาดรีบกวาดทรายออกจากเรือ

นี่คือวิธีแล่นเรือในทะเลทราย

ฉันตัดสินใจทำใจสิ่งที่ตัวเองถนัด

“มาร์คามา ทูมาร์ค เดอโมห์ส marlkaama to marlk de mohs”

ลูกไฟสว่างขึ้นและเรียงตัวเป็นแถว

ปลายทางคือเป้าหมายของเรา — รังโจร

นายท้ายหันหัวเรือไปยังทิศทางดังกล่าว เรือแล่นไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มพิกัด

เมื่อการเดินเรือเข้าสู่เสถียรภาพ ผู้คนเริ่มทำงานของตัวเอง

ตรวจสอบอาวุธเสร็จ ใครบางคนปีนใบเรือเพื่อสังเกตการณ์รอบๆ

ฉันมองภาพดังกล่าวก่อนจะหันมามองลิลี่ เธอกำลังหลับตาพลางสัมผัสถึงสายลม

การเดินเรือดำเนินไปกว่าครึ่งวัน

* * *

เผ่าเบดูอินจะมีสังคมแบบตระกูล พวกเขามักสร้างสมาคมการค้าและวนเวียนค้าขายอยู่ในเขตหนึ่งไปตลอดชีวิต

จากบรรดาทั้งหมด คนหนุ่มนามว่าฮามูดี ผู้เป็นเจ้าของสมาคมการค้าเล็กๆ กำลังยืนแหงนมองท้องฟ้า

แวมไพร์ข้างๆ ขมวดคิ้วพลางถุยทรายออกจากปาก

“ถุด! ถุด! ข้าชอบบรรยากาศนะ แต่ทรายมันเยอะเกินไป”

มนุษย์ผมดำนำผ้าสองชิ้นจากในเสื้อมาปิดปากแวมไพร์

แวมไพร์รับไว้พร้อมกับพยักหน้าขอบคุณ

มนุษย์กล่าวขณะมองไปยังเส้นขอบฟ้าที่เป็นระลอกคลื่น

“ถ้าเธอรำคาญ จะเข้าไปข้างในก็ได้ อีกเดี๋ยวก็มืดแล้ว”

“ทุกคนกำลังทำงานหนัก ข้าไม่อยากพัก”

แวมไพร์เป็นเผ่าพันธุ์หัวโบราณ ไม่ชอบทำตัวเสื่อมเสียเกียรติและเป็นภาระใคร

ฮามูดีเป็นพ่อค้ามากประสบการณ์ จึงมีสายตาเฉียบแหลม มองครู่เดียวก็ทราบได้ทันทีว่าแวมไพร์ตนนี้เป็นขุนนาง

แต่ถึงอย่างนั้น เธอกลับไม่รังเกียจที่จะผจญภัยแบบเกลือกกลั้วดินทราย

มนุษย์และแวมไพร์ เผ่าพันธุ์ที่สูงส่งที่สุดและต่ำต้อยที่สุด

เป็นภาพที่แปลกตามาก

ฮามูดีคิดเช่นนั้น จึงเดินไปทางพังงาเรือและพูดกับมนุษย์ชาย

“ก่อนหน้านี้พวกเรากำลังยุ่ง ข้าจึงไม่มีโอกาสได้พูดสักที”

ฮามูดีวางมือแนบอกพร้อมกับคำนับ

“ขอบคุณที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เจ้าคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเรา แถมยังรับปากว่าจะช่วยทวงคืนเรือให้อีก ข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี”

“ตอบแทน…?”

“พวกเราเป็นพ่อค้า ถือหลักว่า ต้องตอบแทนให้เท่าเทียมกับสิ่งที่ได้รับ”

ได้ยินเช่นนั้น มนุษย์ชายจมอยู่กับความคิดสักพักก่อนจะยิ้ม

“ไม่ต้องตอบแทนก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข”

“เงื่อนไข? หากทำได้ ข้ายินดีทำตามทุกเรื่อง”

“…อาวุธที่สามารถจับคราเค่น ยกให้ฉัน”

ฮามูดีกระอักกระอ่วนทันทีที่ได้ยิน

“ช่วยบอกเหตุผลได้ไหม? พวกเราจำเป็นต้องจับคราเค่นให้ได้จริงๆ”

“ฉันก็จะจับมันเหมือนกัน ในเมื่อมีเป้าหมายเดียวกันก็น่าจะคุยกันง่ายไม่ใช่หรือ”

ฮามูดีเริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่คังซอนฮูกำลังจะสื่อ

“เจ้าจะสู้กับคราเค่นเหมือนกัน?”

“ใช่”

“ทำไมถึง… เจ้าเป็นพลเมืองทะเลทราย? ข้าคิดว่าคงไม่ใช่…”

“ไม่ใช่”

“แล้วทำไมถึงต้องเสี่ยงชีวิต? แค่เลี่ยงไปก็ได้แล้วนี่”

“ฉันต้องไปทำธุระในห้วงลึกที่คราเค่นเฝ้าอยู่”

เขาไม่รู้จะถามอะไรต่อ มนุษย์ตรงหน้าเล่าเป้าหมายให้ฟังหมดแล้ว

แต่นั่นยิ่งทำให้คำถามกองสุมในใจฮามูดี

ขณะมองเข้าไปในดวงตามนุษย์ชาย เขาเห็นชีวิตชีวาในแววตาอีกฝ่าย

“…เจ้าเหมือนกับหัวหน้าอัศวินที่ผู้คนเลื่องลือ”

มนุษย์ชายมองหน้าฮามูดี

“หัวหน้าอัศวิน?”

“เมื่อราวร้อยปีก่อน อัศวินคนหนึ่งเดินทางมาจากฝั่งตะวันตก ได้ยินว่าเขาทำให้เหล่านักรบทะเลทรายทึ่งกับวีรกรรมที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมจนยอมติดตามรับใช้ เจ้ามีบางสิ่งที่คล้ายกับเขา”

แววตามนุษย์เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ตอนนี้อัศวินกำลังทำอะไร?”

“…เขาโยนดาบลงไปในห้วงลึก และได้ยินว่าเอาแต่เก็บตัวอยู่บนภูเขาหิมะ”

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

ฮามูดีส่ายหน้า

“ข้าเองก็ไม่ทราบ เหล่าอัศวินพยายามโน้มน้าวเขาแล้ว…”

ทันใดนั้น

“พบแสงสว่าง! จากสามนาฬิกา!”

คังซอนฮูวิ่งลงมายังดาดฟ้าเรือทันทีที่ได้ยิน ลูกเรือคนอื่นที่ไม่ต้องประจำการ ต่างกรูมายังทิศทางที่กะลาสีชี้ไป

ที่นั่นมีภูเขาทรายลูกใหญ่ซึ่งแตกต่างจากทรายอื่น — มันไม่เป็นคลื่นหรือยุบตัวขึ้นลง

เอาแต่ตั้งตระหง่านโดยไม่สั่นไหว

ขณะเรือแล่นเข้าไปใกล้ สิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังภูเขาเริ่มเผยตัวตนให้เห็น

“…นั่นสินะ เหมือนกับในทะเล”

“…เกาะ”

ลิลี่และคังซอนฮูแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ที่นั่นมีหินแบนๆ ก้อนใหญ่คอยป้องกันไม่ให้สิ่งที่อยู่ด้านบนจมลงไปในทราย

สถานที่แห่งเดียวบนมหาสมุทรทรายที่สามารถนอนเล่นได้โดยไม่จม — เกาะ

คังซอนฮูนำกล้องส่องทางไกลคุณภาพสูงออกจากกระเป๋าเสื้อและมองไปยังเป้าหมาย แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลย

“…ไม่มีอะไรเลย เดี๋ยวนะ”

ภาษารูนที่ให้แสงสว่างถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง

พวกมันเรียงแถวไปทางเกาะ

“ที่นี่แหละ”

ยิ่งเรือแล่นเข้าไปใกล้ ทางเข้าที่ถูกภูเขาทรายบังไว้ก็เริ่มเผยตัว แต่ดูเหมือนข้างในจะไม่มีอะไร

แม้ท้องฟ้าจะค่อนข้างมีด แต่ทุกคนก็มั่นใจว่าดูไม่ผิด

คังซอนฮูใช้กล้องส่องทางไกลมองเข้าไปสักพัก

จากนั้นตระหนักได้ทันทีว่า เหตุใดชาวเบดูอินถึงหารังโจรไม่พบสักที

“นี่มัน…”

“กระจกเงา?”

“กระจกเงาปิดทางเข้าเอาไว้”

ภาพเรือโจรสลัดกำลังสะท้อนอยู่บนผิวกระจกบริเวณทางเข้า

“…นี่คือเหตุผลที่พวกนายไม่เคยเห็นรังโจรเลยสักครั้ง”

“เจ้ารู้จักที่นี่หรือ”

“ลิลี่”

“อื้อ”

“ที่นี่คือโบราณสถานทองคำ”

“ใช่ ข้าก็คิดเหมือนกัน”

“ใช้โบราณสถานทองคำเป็นแหล่งกบดานสินะ… พวกมันเข้าไปได้ยังไง”

“คงบังเอิญพบทางเข้าล่ะมั้ง ข้าก็ไม่ทราบ”

ดูเหมือนแวมไพร์กับมนุษย์จะรู้จักที่นี่ดี

“มีวิธีทำลายกำแพงเข้าไปไหม?”

เบดูอินร่างใหญ่ที่คอยควบคุมลูกเรือข้างล่างถามขึ้น

คังซอนฮูส่ายหน้า

“ต่อให้ใช้ระเบิดก็คงทำลายไม่ได้ มันคือบาเรียโบราณ”

“…ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เสียเวลาเปล่า”

“ก็ไม่แน่เสมอไป”

คังซอนฮูก้มมองหลังมือซ้าย

“กัปตัน”

「มีอะไร!」

“พุ่งเข้าชนกระจกนั่นด้วยความเร็วสูงสุด!”

「ไอ้เด็กอวดดี! ข้าคือกัปตัน! ส่วนเจ้าคือรองกัปตัน!! ใครอนุญาตให้ออกคำสั่ง!!」

เอ็ดเวิร์ดหัวเราะหลังจากพูดจบ จากนั้นก็ตะโกน

「แต่ข้าชอบความอวดดีนั่น! เจ้าพวกหอยทาก! มัวทำอะไรกันอยู่? ไม่ได้ยินหรือไง! หันหัวเรือ!! ทิศทางคือกระจกเงานั่น! แล่นเรือเต็มกำลัง! กางใบเรือเต็มพิกัด! เทพธิดาแห่งสายลมกำลังอวยพรพวกเรา!!」

“…หา?”

ลูกเรือทุกคนรวมถึงฮามูดี ต่างพากันงุนงง

ไหนบอกว่ากำแพงนั่นทำลายไม่ได้ไง?

มนุษย์ชายปีนขึ้นไปบนหัวเรือที่ยื่นออกไปข้างหน้า

จากนั้นก็ทำท่าเตรียมกระโจน

“พวกนายทุกคนอยากทวงเรือคืนไม่ใช่หรือ”

“…ก็ใช่น่ะสิ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องยอมเสี่ยง! เท่าที่ฉันเคยได้ยินมา พวกกะลาสีไม่ใช่แมวขี้กลัวสักหน่อย ใช่ไหมล่ะเอ็ดเวิร์ด?”

「น่าขายหน้าชะมัด! ยังไม่รีบทำตามคำสั่งอีก! ถ้าเกิดมาเป็นบุรุษล่ะก็ แสดงให้เห็นถึงความกล้าสิ! รีบย้ายก้นเร็วเข้า!!」

“…ทุกคนจับเชือกให้แน่น คีย์โรลงไปข้างล่าง บรรจุกระสุนปืนใหญ่และแต่งตั้งคนคุมสมอเรือ”

「โจรสลัดไม่ออกคำสั่งเหยาะแหยะแบบนั้น!」

เอ็ดเวิร์ด กัปตันเรือโจรสลัดที่กระโจนออกจากตะเกียง กล่าวพลางแกว่งดาบโค้ง

「โจรสลัดไม่มีแผนการ! จงบุกตะลุยเข้าไปเยี่ยงโจรสลัด! ปฏิบัติ!!」

“ปฏิบัติ!”

“เอาใหม่!”

“อ…อายอาย!!”

คำพูดคังซอนฮูระคายเคืองศักดิ์ศรีของพวกเขา?

ชาวสมาคมการค้าที่ลังเลเล็กน้อยจนถึงเมื่อครู่ ตระหนักว่าหากพวกตนไม่ได้เรือคืน ชีวิตก็คงไม่เหลืออะไรอยู่ดี จึงเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งบ้าๆ ของคนแปลกหน้า

รากฐานของความเชื่อใจมาจาก ภาพที่คนแปลกหน้าเดินผ่านเข้าออกกำแพงได้ตามใจชอบ

รวมถึงความไว้ใจที่ขุนนางแวมไพร์มอบให้มนุษย์

หัวเรือหมุนในทันที และพุ่งเข้าหาบาเรียกระจกที่ปิดทางเข้าโบราณสถานทองคำ

* * *

ข่าวคราวการเสียชีวิตของหัวหน้า กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในหมู่โจรแถบทะเลทรายตะวันตก

นอกจากนั้น หัวหน้าของพวกมันมิได้ตายเพราะสงคราม แต่เป็นเพราะถูกคนแปลกหน้าฆ่าทิ้งขณะไล่ล่าทาส

“ฟังดูแหม่งๆ นะว่าไหม”

“…อาจมีคนจัดฉาก เบื้องหลังคงเป็นเกมการเมือง”

มนุษย์ปลาหัวฉลามหัวเราะให้กับข่าวลือ ฟันทรงสามเหลี่ยมส่องแสงแวววาวจนดูน่ากลัว

“แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบาลูร์คือคนที่รวบรวมมนุษย์ปลาแถบตะวันตกให้เป็นหนึ่งเดียว… แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อ?”

น้องชายผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าต่อจากบาลูร์·กาซุนอย่างชอบธรรม มองออกไปยังชายฝั่งในท่ากอดอก

ท่ามกลางคลื่นทราย พระจันทร์ดวงใหญ่เริ่มเคลื่อนคล้อย

มันเห็นเรือลำหนึ่งกำลังแล่นผ่านทราย

อาจมีเรือไม่น้อยแล่นผ่านแถบนี้ แต่ไม่มีใครเคยล่วงรู้ตัวจริงของที่นี่

มนุษย์ปลาฝั่งตะวันตกค้นพบโบราณสถานทองคำโดยบังเอิญ และดัดแปลงใช้งานบาเรียกระจกสำเร็จ

วิธีการไม่ซับซ้อน

เพราะหัวหน้าคนต่อไปของเหล่ามนุษย์ปลา บัลคาน·กาซุนที่กำลังยืนกอดอก เกิดมาพร้อมกับโฉมผู้ปกครอง

รอยสักส่องแสงบนแผ่นหลังอันเปลือยเปล่าสักพักก่อนจะเลือนหาย

“ในที่สุดก็ได้เป็นบอสใหญ่ของเราแล้วสินะ? ท่านนักล่า”

“ผู้ปกครองก็ต้องอยู่ในตำแหน่งปกครองสิ”

“แล้วจะทำยังไงกับคนที่ฆ่าบาลูร์? ให้ส่งคนไปจัดการไหม”

บัลคานหลับตาลงก่อนจะเปิดปาก

“หาให้พบ ฆ่ามัน กระชากแขนออกมา”

“ตกลง พรุ่งนี้ข้าจะส่งเด็กๆ ไปจัดการ…”

ทันใดนั้น เวรยามคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“บาลูร์… ไม่สิ ท่านบัลคาน! เรือลำหนึ่งบนหาด… จู่ๆ ก็แล่นตรงมาทางพวกเรา!”

“หืม?”

มนุษย์ปลาตัวหนึ่งแสยะยิ้ม

“บาเรียเปิดอยู่ไหม”

“ไม่”

เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังขึ้นจากทุกทิศ

“คิดจะฆ่าตัวตายรึไงนะ… แล้วเจ้ามาบอกข้าทำไม เรียกไปดูเรือจม?”

“ข้าแค่มารายงานตามหน้าที่…”

“หัวหน้า ไปดูใกล้ๆ กันไหม?”

บัลคานพยักหน้า

ท่าเรืออยู่ไม่ไกลจากที่นี่

ท่าเรือซึ่งปัจจุบันมีเรือเทียบท่าอยู่สามลำ รายล้อมไปด้วยภูเขาทรายยักษ์สองลูก ทางเข้าจึงอยู่กึ่งกลาง

เป็นภูมิประเทศที่เหมาะแก่การตั้งรับ แต่อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องตั้งรับ เพราะที่นี่คือโบราณสถานทองคำซึ่งปกคลุมด้วยสุดยอดบาเรียจากอารยธรรมโบราณ

พวกมันยืนอยู่ริมท่าเรือและมองเรือลำหนึ่งกำลังพุ่งเข้าหา

จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

“อยากดูพลางกินเนื้อตากแห้งชะมัด… หัวหน้า ให้ข้าเตรียมสู้ไหม?”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็จบแล้ว”

ระหว่างที่มนุษย์ปลากำลังหัวเราะคิกคัก บัลคานมองตรงออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เรือลำดังกล่าวกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง

เร็วเกินไป

ถ้ามองจากข้างในอาจเห็นเป็นกระจกใส แต่ในมุมมองของเรือ นี่ไม่ต่างอะไรกับการพุ่งชนกระจกเงา

เรือเริ่มเข้าใกล้บาเรีย และนั่นคือวินาทีที่บัลคานเห็น

ใครบางคนกำลังยืนชันเข่าอยู่บนหัวเรือ

ทันทีที่อีกฝ่ายเหยียดแขนเข้าใกล้บาเรีย มันสัมผัสถึงภัยคุกคามที่ยากอธิบาย

เพียงไม่นานก็เข้าใจว่า ความรู้สึกดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด

ชิ้ง—!

บาเรียถูกยกเลิกในพริบตา

“อ…อะไรกัน!”

เหล่ามนุษย์ปลาตกตะลึงจนเกือบลืมหายใจ

แม้จะอยู่ห่าง แต่บัลคานเห็นชัดเจน

รอยสักสีแดงรูปเขี้ยวสัตว์ บนหลังมือมนุษย์ที่กำลังยืนบนหัวเรือ

แววตาที่เคยว่างเปล่าของมันกลับมามีสติอีกครั้ง

เรือลำดังกล่าวพุ่งเข้าใส่ท่าเรือด้วยความเร็วสูง และไม่มีวี่แววว่าจะลดความเร็ว

ถ้าพุ่งชนท่า เรือต้องเสียหายหนักแน่นอน

นั่นคือโอกาสโต้กลับ

โชคดีที่มีโจรบางคนพร้อมลงมืออยู่แล้ว

ไม่ต้องกังวลไป

ขณะบัลคานได้ข้อสรุป

“ทิ้งสมอ!”

「ทิ้งสมอ!!」

เสียงคำสั่งที่ยากจะทำความเข้าใจดังกังวานไปทั่วเรือ ตามด้วยเสียงโซ่ไหลอย่างบ้าคลั่ง

สมอเรือยักษ์จมลงใต้ทรายอย่างรวดเร็ว

ตึง!

และ

ครึก!

ทันทีที่สมอเรือชนเข้ากับหินยักษ์ใต้พื้นดิน เรือที่กำลังแล่นด้วยความเร็วสูงสุดถูกตรึงให้อยู่กับที่

ความเร็วที่สั่งสมกลายเป็นแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ เรือเริ่มหมุนรอบจุดปักสมอ

คว้าง!

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…!”

มนุษย์ปลาบางคนเอาแต่ยืนแน่นิ่ง เพราะสมองของมันมิอาจทำความเข้าใจสถานการณ์

เรือผู้บุกรุกกำลังหมุนเป็นวงกลมรอบจุดปักสมอ บางเวลาเอียงเหมือนจะล้ม แต่สุดท้ายก็รักษาสมดุลไว้ได้

ทรายกระจัดกระจายไปทั่วท่าเรือจนเกิดฝุ่นฟุ้ง

ฟ้าว!

ทันทีที่เรือหันกราบข้างหนึ่งมาทางพวกมัน

มนุษย์ปลาเพิ่งตระหนักว่าปืนใหญ่สี่กระบอกกำลังเล็งมา

“ยิง!”

ปังปังปังปัง!

ยังไม่ทันที่พวกมันจะได้วิเคราะห์สถานการณ์ เปลวไฟสว่างขึ้นจากปากกระบอกปืนใหญ่

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (4/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด