ตอนที่แล้วSN-ตอนที่ 25 ล่ากีสต์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSN-ตอนที่ 27 แก๊งโอดินสัน

SN-ตอนที่ 26 ซุ้มเคลื่อนที่


อัลดิช ได้สูดลมหายใจเข้าลึกขณะที่รัศมีสีเขียวได้หมุนวนรอบตัวของเขา ค่าประสบการณ์ที่ได้รับมาจาก กีสต์ ทำให้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้น 2 เลเวล

[+10 แต้มค่าสถานะที่สามารถกระจายค่าสถานะได้]

“อืม นี่แหล่ะ!” วาเลร่า ได้คร่ำครวญออกมาด้วยความยินดีเมื่อหลังหลั่งไหลเข้าหาเธอ ในขณะที่ออร่าพลังของอัลดิชเป็นสีเขียว ออร่าพลังของเธอก็เป็นสีแดงเลือด

ในฐานะอันเดดที่ถูกเลือก วาเลร่า สามารถเพิ่มเลเวลในอัตราเดียวกันกับ อัลดิช ได้ ดังนั้นเธอจึงได้เลเวล 2 เลเวลเช่นเดียวกัน ทำให้เธอพัฒนาจากเลเวล 10 เป็น 12

“ท่านต้องการให้ข้าจัดสรรแต้มสถานะอย่างไรดีนายท่าน?” วาเลร่า ได้พูดเกี่ยวกับวิธีกระจายค่าสถานะใหม่ของเธอ 10 แต้มนี้

“ความแข็งแกร่ง,ความอึด และ ความว่องไว เอาตามที่เธอชอบเลย แต่การกระจายค่าสถานะไปใน 3 ตัวเลือกนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกับเธอมากที่สุด” อัลดิช ได้กล่าวออกมา เขาต้องการให้ วาเลร่า มีร่างกายที่แข็งแกร่งพอที่จะชดเชยการขาดความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดของเขา

“ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน” วาเลร่า ได้หลับตาและกำหมัดแน่นในขณะที่เธอได้ใช้แต้มสถานะของเธอ

เมื่อ อัลดิช เห็นว่า ค่าสถานะโดยรวมของเธอสูงขึ้นเขาก็รู้สึกยินดี คลาสของเธอคือเดธไนท์ และ คลาสนั้นก็เหมือนกับเนโครแมนเซอร์ที่สามารถเลือก ‘เส้นทาง’ ที่จะทำให้ตนเชี่ยวชาญได้ ในกรณีของ วาเลร่า เธอได้เลือกเส้นทางแห่งคำสาบานแห่งเลือดและกระดูก ซึ่งมันทำให้เธอเชี่ยวชาฯด้านเวทย์มนตร์ประเภทโลหิตและการเสริมพลังทางกายภาพ

โดยทั่วไปแล้ว เวทย์มนตร์โลหิตใช้ทั้งมานาและพลังชีวิต แต่เนื่องจากวาเลร่าเป็นแวมไพร์ เธอจึงสามารถเลือกที่จะเพิ่มค่าสถานะไปที่ความอึดเพื่อเพิ่มพลังชีวิตไว้ใช้แลกกับมานาได้

และด้วยเหตุนี้ เช่นเดียวกับ อัลดิช ความอึดจึงเป็นค่าสถานะที่ดีที่สุดสำหรับ วาเลร่า

ค่าสถานะโดยรวมของเธอจะบวกให้กับ ความแข็งแกร่ง 1.5 เท่า ความอึด 1.5 เท่า และ ความคล่องตัว 1.2 เท่า ทำให้เธอกลายเป็นแทงค์ที่มีประสิทธิภาพ

[อันเดดที่ได้รับเลือก : ค่าสถานะของวาเลร่า]

>>

HP : 120/186

มานา : 21/21

>>

สถานะ -

ความแข็งแกร่ง : 37 > 42

ความคล่องตัว : 22 > 24

ความอึด : 54 > 62

เวทย์มนตร์ : 7

ความสอดคล้อง : 10

ความเข้าใจ : 10

>>

เมื่อ อัลดิช เห็น วาเลร่า ปรับปรุงค่าสถานะ เขาก็ทำเช่นเดียวกัน

[+5 ความสอดคล้อง, +10 พร้อมโบนัสความสัมพันธ์]

[+2 ความคล่องตัว]

[+3 ความอึด, +6 พร้อมโบนัสความสัมพันธ์]

[ความอึด : 14 > 20]

[ความคล่องตัว : 8 >10]

[ความสอดคล้อง : 21 > 30]

[HP : 45/45 > 60/60]

[ยูนิตที่ควบคุม : 8/8 > 8/10]

อัลดิช ได้เพิ่มความสามารถในการกักเก็บยูนิตขึ้นมา 2 หลังจากลงค่าสถานะไปยังความสอดคล้อง ในไม่ช้า เมื่อเขาเพิ่มค่าความสอดคล้องถึง 50 เขาจะสามารถอัพเกรด สกิล [ปลุกอันเดด] ของเขา ให้กลายเป็น [พิธีปลุกอันเดด] ทำให้เขาสามารถฟื้นคืนชีพศพจำนวนมากได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลดคูลดาวน์อย่างมีนัยสำคัญ

“อา นายท่าน การได้เห็นท่านเข้าใกล้ความแข็งแกร่งดั้งเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมากภายในใจ” วาเลร่า ได้กล่าวพูดขณะที่เธอเอามือแตะใบหน้า

“ใช่ อีกไม่นาน ฉันก็จะก้าวไปถึงจุดนั้น เธอก็เช่นเดียวกัน” อัลดิช กล่าวพร้อมกับชี้ไม้เท้าของเขาไปที่ศพของกีสต์ที่ถูกแช่แข็ง “จงตื่น”

[-8 มานา]

[13/84 > 5/84]

เนื่องจาก กีสต์ นั้นมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาทำให้ [ปลุกอันเดด] ไม่ได้ใช้มานาแค่ 5 หน่วย แต่เป็น 10% ของมานาสูงสุดของ อัลดิช โชคดีที่มานาของเขาค่อนข้างต่ำ ดังนั้นหน่วยมานาที่ใช้ไปจึงไม่ได้เยอะขนาดนั้น

ศพของ กีสต์ ได้สั่นพร้อมกับละลาย ผลึกน้ำแข็งได้แตกกระจายไปทั่ว จากนั้นร่างของมันก็เริ่มงอกใหม่อย่างรวดเร็ว เริ่มจากกระดูกสันหลัง ซี่โครง กะโหลกศีรษะ จากนั้น ก็เนื้อและผิวหนัง มันได้กลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ตัวสูงและมีมวลกล้ามอีกครั้ง จากนั้น รอยยิ้มที่น่าขนลุกก็ได้จ้องมองไปที่ อัลดิช

[อันเดดกีสต์ เลเวล 17 ฟื้นคืนชีพ]

[ยูนิตที่ควบคุม : 8/10 > 9/10]

เมื่อ อัลดิช เห็นว่า วิญญาณของ กีสต์จางหายไปโดยการไหลกลับเข้าสู่ตัวของวาแลน เขาก็ค่อนข้างรู้สึกแปลก นั่นหมายความว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้มีวิญญาณงั้นหรือไม่ หรือว่าวิญญาณเป็นเพียงแนวคิดของเกมธรรมดา ที่จำกัด เฉพาะตัวเกมเท่านั้น?

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกและอภัปรายเชิงปรัชญาในภายหลัง

“เยี่ยม” อัลดิชกล่าว “แกมีพลังมากพอที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากจะเลี้ยงดู”

ศพใด ๆ ที่มีเลเวลมากกว่า อัลดิช 10 เลเวล จะถือว่าเป็นศพที่เขาไม่สามารถเลี้ยงได้ แต่หลังจากที่เขาได้เพิ่มเลเวลขึ้นมาหลังจากฆ่า กีสต์ เขาก็สามารถคืนชีพมันขึ้นมาได้ แน่นอนว่า เขาไม่ได้คิดที่จะเอาวิญญาณของกีสต์ไปหลอม เพราะเขาเหลือเหรียญเพียงแค่ 20 เหรียญเท่านั้น อีกทั้งเขายังไม่ต้องการเสี่ยงดวง

ใน Elden World มีสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังอยู่จำนวนมาก แต่ทว่าก็ใช่ว่าพวกมันจะดรอบอุปกรณ์ที่ตรงตามลักษณะของพวกมันเสมอไป

ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นการดีกว่าที่เขาจะชุบชีวิตสัตว์ประหลาดประเภทนี้ขึ้นมาเพื่อให้เขาสามารถใช้งานได้ เมื่อเทียบกับการใช้อาวุธเพียงอย่างเดียว การมีสัตว์ประหลาดคอยช่วยเหลืออีกแรงก็ถือเป็นเรื่องดี

“เคะเคะ (ให้ข้าทำอะไรต่อดีนายท่าน)” กีสต์ ได้กล่าวพูด ตอนนี้ อัลดิช สามารถเข้าใจมันผ่านการเชื่อมโยงทางจิตระหว่างผู้อัญเชิญและผู้ถูกอัญเชิญ

“ตอนนี้ฉันควรจะปกปิดความรู้สึกทางจิตวิญญาณของแกไปด้วย” อัลดิช กล่าวพร้อมกับโบกมือให้ กีสต์เงียบลงเพื่อให้กลายเป็นยูนิตที่ควบคุมได้ง่ายเช่นเดียวกับ ไดนาไมท์เกิร์ล

เมื่อเห็นคนตายพูดได้เช่นนี้ อัลดิช ก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก หากเพียงแต่เขาสามารถฟื้นคืนชีพเร็วขึ้น เขาก็จะสามารถชุบชีวิตอดัมและเอเลเน่ให้คงอยู่พร้อมกับวิญญาณของพวกเขาได้ แต่ทว่าเรื่องนี้มันก็ผ่านไปแล้ว อัลดิช ทำได้เพียงสั่นศีรษะ

สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็คืออดีต นอกจากนี้ แม้แต่ในตำนานก็ยังกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าเหล่าอันเดดที่ฟื้นคืนชีพจะทำให้วิญญาณของพวกเขาบิดเบี้ยวจนแตกต่างไปจากเดิมอย่างที่เคยเป็น ดังนั้นพวกเขาจึงสูญเสียความทรงจำและแม้ว่าพวกเขาจะสามารถรักษษพฤติกรรมขณะที่มีชีวิตอยู่ไว้ได้ แต่พวกเขาก็ได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

อัลดิช มองไปข้างหน้าเหนือป่าทางไป เมืองฮาเว่น ดังนั้นเขาจึงได้ก้าวเดินไปข้างหน้าในทันที

ใช่แล้ว เขาได้ก้าวไปข้างหน้า

ไปสู่การแก้แค้น

==

อัลดิช ไม่พบ วาแลน ที่ทรงพลังอีกต่อไปตลอดระยะทางที่เหลือในการเดินทางไปยังเมืองฮาเว่น แน่นอนว่าเขาพบวาแลนประเภทหมูป่า หรือแม้แต่ บิกส์อาร์ม แต่ วาแลน ธรรมดาเหล่านี้พยายามหลีกเลี่ยง อัลดิช และ วิ่งหนีจากเขา

หรือมากกว่านั้น พวกมันได้หลีกเลี่ยง กีสต์ ที่ฟื้นคืนชีพ เพราะ กีสต์ น่าจะเป็นนักล่าที่อยู่ปลายสุดของป่าแห่งนี้

เพื่อที่จะเติมเต็มช่องว่างให้กับ ยูนิตที่เขาสามารถควบคุมได้ อัลดิช ได้เรียก ดวงตาปีศาจ อีกตัวขึ้นมา ยิ่ง อัลดิช ใช้งานมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งประทับใจในความสามารถของมัน เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันคือตัว ‘สอดแนม’ ที่เอาไว้ใช้ทำลายศัตรูอย่างแท้จริง

สิ่งนี้มันทำให้ อัลดิช มีมุมมองที่สมบูรณ์เกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาต้องการจะไปหรือต้องการจะทำ และ เพื่อไม่ให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย การมีพวกมันไว้จำนวนมาก ก็จะทำให้เขาสามารถวางแผนและประเมินสถานการณ์ได้ดีมากยิ่งขึ้น

“เจ้าสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงตัวนี้จะรับใช้พวกเราเป็นอย่างดี” วาเลร่า กล่าวออกมาขณะที่เธอเดินผ่านอัลดิช เธอได้มองไปที่ กีสต์ จากนั้น ก็มองไปที่ ไดนาไมท์เกิร์ล

เนื่องจากเธอไม่ใช่ซอมบี้ รูปลักษณ์ของเธอจึงไม่เน่าเปื่อย และ ยังคงความน่ารักที่รู้จักกันในชื่อฮีโร่เอาไว้ “เว้นแต่เธอ ฉันจะจับตาดูเธอไว้”

“นั่นไม่จำเป็น” อัลดิช กล่าวออกมา “สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ ฉันวางแผนที่จะเก็บทั้งสองคนเอาไว้โดยที่ยังไม่คิดที่จะใช้งาน”

ดวงตาปีศาจของอัลดิชมองเห็นจุดสิ้นสุดของป่าข้างหน้า 200 เมตร ที่นั่น เป็นจุดสิ้นสุดของแนวต้นไม้และลาดลงสู่ทุ่งหญ้าที่เรียงรายไปด้วยถนน อีกทั้งยังมีรถโฮเวอร์คาร์วิ่งผ่านไปมา

“พวกเรามาถึงแล้ว” อัลดิช กล่าว เขาได้หยุดพร้อมกับหันไปมองกองทัพที่กำลังเติบโตของเขา อัลฟ่าสไตร์เกอร์,สไตร์เกอร์ธรรมดา,ไดนาไมท์เกิร์ล,กีสต์,อดัม,เอเลเน่,โครงกระดูกโจร และ โครงกระดูกนักธนู “พวกแกทุกตัวให้รอฉันที่นี่โดยการเข้าไปซ่อนตัวในป่าลึก”

อัลดิช ชี้ไปที่ ไดนาไมท์เกิร์ล และ กีสต์ และ ให้เจตจำนงค์อิสระอย่างจำกัดผ่านคำสั่ง “สำหรับพวกนายทั้ง 2 คอยปกป้องทุกคนให้ดี โดยเฉพาะ อดัม และ เอเลเน่ ให้พวกเขาคอยหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าและพยายามอย่าให้ใครค้นพบ”

“หากมีใครพบพวกนายทั้ง 2 ให้ฆ่าคนที่พบโดยไม่ต้องถามอะไร”

“จำไว้อย่าให้ใครรู้ว่าพวกนายอยู่ที่นี่”

ไดนาไมท์เกิร์ล และ กีสต์ พยักหน้าพร้อมกับเดินเข้าไปในป่าลึก และ นำ อันเดด ที่เหลือตามหลังไปด้วย

“ตอนนี้ก็เหลือแค่พวกเราแล้ว” อัลดิช กล่าวกับ วาเลร่า

“ใช่แล้ว เหลือแค่พวกเรา” วาเลร่ากล่าวพูดขึ้น เธอได้ลูบถุงมืออย่างเขินอายราวกับหญิงสาวที่กำลังมีความรัก

อัลดิช มองไปที่ วาเลร่า พร้อมกับปรายตามองชุดเกราะของเธอ

“โอ้ นายท่าน เหตุใดท่านถึงมองข้าอย่างนั้นเล่า?”

“เธอ ถอดชุดเกราะนั้นออก” อัลดิช กล่าว

“นะ…นายท่าน” วาเลร่า รู้สึกเขินในทันที

“ชุดของเธอมันโดดเด่นเกินไป นอกจากนี้ เธอยังมี สกิล [Ballroom Night Dress] ใช่มั้ย เปลี่ยนมันซะ เราจะต้องทำให้ดูเป็นผู้เป็นคนมากที่สุด”

“ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน” วาเลร่ากล่าวพร้อมกับโค้งคำนับ เธอเข้าใจว่าอัลดิชกำลังจริงจังอยู่ตอนนี้ “แล้วรูที่หน้าอกของท่านล่ะ นายท่าน?”

อัลดิช ได้ห่อตัวเองด้วยเสื้อคลุมสีส้มสดใสของ ไดนาไมท์เกิร์ล ที่ฉีกขาด “ตอนนี้ก็ทำเช่นนี้ไปก่อน ไว้ฉันค่อยหาอย่างอื่นใส่ในภายหลัง”

==

อัลดิช ได้เดินไปตามถนนที่คดเคี้ยวของเพิงเหล็ก เต็นท์ และ รถพ่วงเคลื่อนที่ที่สร้างขึ้นอย่างเร่งรีบ อีกทั้งยังมี กระท่อมบางแห่งที่ขายอาหาร เสื้อผ้า และ ฮาร์ดแวร์บางส่วน - ภาพอนาจารราคาถูก ชิปข้อมูลที่ถูกขโมย และ อื่น ๆ

ผู้คนต่างเคลื่อนไหวกันไปมาจำนวนมาก พวกเขามีใบหน้าที่สกปรก บ้างก็น่าเกลียดน่ากลัว นอกจากนี้ ยังมีหลายคนที่สวมแว่นตาเหนือศีรษะและแจ็กเก็ตที่มีฮูดอย่างหนาแน่น

ที่โดดเด่นไปกว่านั้นคือ บุคคลเหล่านี้จำนวนมาก มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานสาขาไซเบอร์ หรือ ช่างกล

นอกจากนี้ พวกเขาบางคนก็เป็นพวกเร่ร่อน พวกเขาคือผู้ที่รอดชีวิตมาจากดินแดนรกร้างที่ว่างเปล่า และ ไม่มีสิทธิพิเศษที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบหรือเป็นเพียงอาชญากรในพื้นที่แบนราบ และ เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการปฏิบัติตามกฏหมายของทางเมือง พวกเขาจึงมักส่งเสริมตัวเองไปในด้านสาขาไซเบอร์

ภายในเมืองต่าง ๆ พวก ไซเบอร์เนติกส์ มักจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด นั่นก็เพราะพวกเขามักจะทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า เทคโนมาเนีย ที่เป็นความวิกลจริตที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพของไซเบอร์เนติกมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในสมอง

แม้ว่าภายนอกกำแพงเมืองนี้จะมีกฏหมายที่สำคัญ 2-3 อย่างที่ถูกบังคับใช้ ทำให้ ไซเบอร์เนติกส์เหล่านี้ได้หลั่งไหลเข้ามาอย่างอิสระ เพราะท้ายที่สุด พวกเร่ร่อนต้องใช้ข้อได้เปรียบของพวกเขาทุกประการในการที่พวกเขาจะสามารถหลบหนีหรือต่อสู้กับ วาแลน ขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านดินแดนรกร้างที่กระโดดจากกำแพงเมืองนึงไปยังอีกเมืองนึง

พวกโนแมดส์ ได้สร้างบ้านเคลื่อนที่แม้แต่รถจักรยานยนต์ โดยการตั้งถิ่นฐานนอกกำแพง พวกเขาได้สร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวที่ถูกเรียกว่า ซุ้มเคลื่อนที่

แน่นอนว่า ถ้าพวก วาแลน โจมตี พวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นด้วยเหตุนี้บ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่จึงถูกสร้างขึ้นอย่างต่ำต้อยเพราะมันคงอยู่ได้แค่ชั่วคราว - พวกมันถูกออกแบบและสร้างขึ้นอย่างง่ายดาย เพราะถ้าถึงเวลาที่พวกเขาต้องการจะหลบหนี พวกเขาก็จะหลบหนีได้ทันท่วงที

เป็นที่ทราบกันดีว่าเหล่าอาชญากรส่วนใหญ่มักจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีภายในกำแพง แต่นั่นก็เพราะพวกเขาปฏิบัติตามกฏและพยายามเลี่ยงมันให้ได้มากที่สุด ในขณะเดียวกัน อัลดิช ก็มองเห็น กำแพงสูง 30 เมตรของเมืองฮาเว่นท่ามกลางกรอบสายตาของเขา โดยที่นั่นมีปืนใหญ่อัตโนมัติติดตั้งเอาไว้รอบกำแพงเพื่อคอยเฝ้าระวังพวก วาแลน

สำหรับ ผู้คนจากเมืองฮาเว่น ที่ต้องการซื้อยา เล่นพนัน หรือ เทคโนโลยีผิดกฏหมาย พวกเขามักจะมาที่นี่ และ ครั้งนี้ อัลดิช ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขามั่นใจว่าเขาจะได้รับ CID ปลอม (บัตรประจำตัว) สองใบที่นี่

โนแมดส์ เป็นที่รู้จักกันในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการซื้อขายในตลาดมืด พวกเขาอาจจะดูหยาบคายและสกปรก แต่พวกเขาก็มีความสามารถทางด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง

ไซเบอร์เนติกส์ของพวกเขาสามารถทำใบอนุญาติปลอมได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเขายังมีแฮ็กเกอร์มากความสามารถที่มีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลหรือสร้างข้อมูลขึ้นมาได้อีกด้วย

และนี่คือวิธีการที่พวกเขาหาเลี้ยงชีพในยุคสมัยใหม่ พวกเขาได้หากินกับการพึ่งพาเทคโนโลยีและข้อมูล

อัลดิช ได้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับ วาเลร่า ผ่านซุ้มเคลื่อนที่ จากนั้น เขาก็ได้กลิ่นควันและกลิ่นโลหะที่ไหม้เกรียม กระทั่ง กลิ่นอาหารย่างในอากาศ

นอกจากนี้ วาเลร่า ยังดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก เมื่อไม่มีเกราะเหล็กของเธอ ร่างของเธอก็ค่อนข้างโดดเด่นโดยสมบูรณ์ เธอในตอนนี้ สวมชุดราตรีที่ดูสง่างาม อีกทั้งยังมีเอวที่เพรียวบางอีกด้วย นอกจากนี้ ชุดของเธอยังช่วยรัดให้หน้าอกของเธอดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะส่วนไหล่ของเธอที่เปิดเผยให้เห็นเนื้อหนังที่มาก แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีร่องรอยของกล้ามเนื้อภายในนั้น นี่แสดงให้เห็นว่ามันคือกล้ามเนื้อที่ผ่านมาจากการฝึกฝนตลอดชีวิตของเธอ

ด้วยค่าสถานะของวาเลร่าในปัจจุบันเธอสามารถทุบตีคนจนตายได้เลย

ในระหว่างทาง ก็มักจะมีผู้ชายที่ผิวปากใส่เธอหรือแม้กระทั่งจ้องมองเธออยู่นาน จนทำให้เธอเผยสายตาที่โหดร้ายออกมา เธอได้ใส่สัญชาตญาณการปลุกปั่นลงไป และ ทำให้พวกเขาทะเลาะกันเอง

ทางด้าน อัลดิช เขาได้สวมหน้ากากและเสื้อคลุมของไดนาไมท์เกิร์ลเป็นการชั่วคราว แต่เนื่องจากลักษณะของเขาจึงไม่สามารถระบุตัวได้ นอกจากนี้ พวกโนแมดส์ก็ไม่ได้สนใจกันสักเท่าไหร่

อัลดิช ได้ให้ ดวงตาปีศาจทั้ง 2 ของเขาตรวจสอบเส้นทางบนท้องฟ้าเพื่อค้นหาร้านค้าที่เหมาะสม และ ในไม่กี่นาทีเขาก็ค้นพบ

ที่นั่น เป็นรถพ่วงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งท่อระบายอากาศและมีป้ายนีออนที่มีตัวอักษรสีน้ำเงินสดใสที่อ่านว่า TECH มันทั้งเรียบง่ายและตรงประเด็นเป็นอย่างมาก โดยประตูรถพ่วงก็มีสัญลักษณ์ของชายที่มีหนวดเคราและสวมผ้าปิดตาอยู่

นี่มันคือสัญลักษณ์ของ โอดินสัน ของแก๊ง โนแมดส์ ที่รู้จักกันดีในเรื่องของการปลอมแปลงและการโจรกรรม

อัลดิช ได้หักคอและนิ้วของเขา โอดินสัน เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการใช้ความรุนแรงในการติดต่อกับพวกเขา “วาเลร่า บางทีพวกเราอาจจะต้องต่อสู้กันในเร็ว ๆ นี้”

วาเลร่า ที่ได้ยิน เธอยิ้มกว้างและกำหมัดแน่น ออร่าที่ทรงพลังได้ปลดปล่อยออกมาเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้ พวกเร่ร่อนเหล่านี้ รู้สึกเกร็งขึ้นมาและกระจายตัวออกไปในทันที “ข้าพร้อมเสมอนายท่าน”

“ดีมาก” อัลดิช กล่าวออกมา ตามหลักการแล้ว เขาควรจะได้รับ CID ปลอม 2 อันมาโดยไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น เขาก็พร้อมที่จะหลั่งเลือด โดยเฉพาะกับพวกอาชญากรเหล่านี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด