ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 77 ผู้บัญชาการหมาป่าทองแดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 79 กู่เยี่ยนหยิน

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 78 ผู้บัญชาการอินทรีย์เงิน


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 78 ผู้บัญชาการอินทรีย์เงิน

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานทำได้เพียงติดตามเขาไป การปฏิเสธจะเป็นเพียงการนำความอัปยศมาสู่ตนเองเท่านั้น หากไร้ความแข็งแกร่ง ไม่มีผู้ใดสามารถพูดคำว่าไม่ ระหว่างกระบวนการนี้ เขาคิดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาเห็นและได้ยิน ‘จอมยุทธ์ขั้นสอง? มันควรจะเป็นระดับขั้นในอาณาจักรของจอมยุทธ์กำลังภายใน คนที่ข้ากำลังจะไปพบน่าจะเป็นบุคคลสำคัญของหน่วยหมาป่าอินทรีย์ แต่เหตุใดพวกเขาถึงต้องการพบข้า เพราะโสมจิตวิญญาณงั้นหรือ?’

ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ ความแข็งแกร่งของทางการเกินจินตนาการของเขาไปไกลมาก เขาควรกล่าวว่าผู้มีอำนาจสร้างจักรวรรดิและระบบราชการขึ้นมาเพื่อปกปครองโลกมากกว่าทางการใช้ความมั่งคั่งและชื่อเสียงในการสรรหาผู้มีอำนาจมารับใช้พวกเขา ท้ายที่สุดอำนาจก็มาพร้อมกับความแข็งแกร่งเสมอ

คนทั้งสามเดินทางออกจากเมือง ฮัวเฉิงซานอยู่ด้านหน้า ราวกับเขาบินได้ เขาเคลื่อนที่เร็วมากและเร็วขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้เบื้องหลัง

เฟิงจางใช้พลังปราณทั้งหมดของเขาและทำงานอย่างหนักเพื่อติดตามไป แม้เขาจะดูไม่สง่างามเท่าฮัวเฉิงซาน แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ดูคล้ายคลึงกับอีกฝ่าย

ในทางกลับกัน หลี่ฉิงซานไม่มีส่วนไหนใกล้เคียงกับความสง่างามของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เขาทั้งกระโจนและกระโดดไปรอบๆ เขาเคลื่อนที่ราวกับสัตว์ป่าที่วิ่งไปตามพื้น ใช้กระดูกและกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย รูปแบบการเคลื่อนไหวของเขาดูฟุ่มเฟือยและหยาบมาก อย่างไรก็ตามเขายังสามารถติดตามคนทั้งสอง

ท่ามกลางพวกเขา ฮัวเฉิงซานและเฟิงจางใช้พลังปราณในการเคลื่อนที่ มีเพียงหลี่ฉิงซานที่ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย

เฟิงจางคิด ‘หากเด็กคนนี้หลบหนีด้วยพลังทั้งหมด ข้าอาจตามเขาไม่ทัน ดูเหมือนเขาจะไม่ง่ายเหมือนนักสู้ชั้นหนึ่งทั่วไป เมื่อข้าพบผู้คุมกฎหวัง ข้าจะทำให้เขาพิการก่อน แล้วมาดูกันหลังจากนั้น!’

ความเข้าใจของฮัวเฉิงซานเหนือกว่านั้นมาก เขาลอบประเมินหลี่ฉิงซานอย่างลับๆ พลังปราณของเด็กหนุ่มยังอ่อนแอมาก เขาคิดว่ามันอาจเกิดจากโสมจิตวิญญาณ นอกจากนี้เด็กหนุ่มยังฝึกเคล็ดวิชาบางอย่างเกี่ยวกับการบ่มเพาะร่างกาย ดังนั้นเขาจึงมีพละกำลังมหาศาล

เฟิงจางรวบรวมความกล้าถาม “ผู้บัญชาการฮัว ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าเหตุใดท่านถึงมาที่นี่กับผู้คุมกฎหวัง? เรื่องสำคัญใดที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาทั้งสองต้องออกมาพร้อมกัน?”

ฮัวเฉิงซานชำเลืองมองก่อนจะเผยรอยยิ้มตอบ “หัวหน้ากู่มาด้วย ส่วนรายละเอียด กระทั่งข้าก็ไม่รู้”

ทั้งหมดที่หลี่ฉิงซานเห็นก็คือเฟิงจางมึนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก พลังปราณของเขากลายเป็นปั่นป่วน เขาเดินโซเซและเกือบจะล้มลงก่อนที่จะกลับคืนสภาพเดิมอย่างยากลำบาก จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลง

หลี่ฉิงซานเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ‘ผู้ใดคือหัวหน้ากู่? ฮัวเฉิงซานบอกว่ามีคนต้องการพบข้าและไม่ใช่ตาแก่หวัง บางทีคนผู้นั้นอาจเป็นหัวหน้ากู่ผู้นี้งั้นหรือ?’

นอกเมืองชิงหยาง ท่ามกลางโลกสีเงินของหิมะและน้ำแข็ง โต๊ะสี่เหลี่ยมถูกจัดวางไว้ใต้ต้นสนที่โดดเดี่ยว มันเป็นโต๊ะเล็กๆที่มีเหยือกสุราและจอกที่ประณีตวางอยู่ ด้านข้างยังมีเตาผิงขนาดเล็กที่ช่วยมอบความอบอุ่น

สองคนนั่งอยู่ที่นั่น พวกเขาดื่มสุราและชมทิวทัศน์ราวกับเทพเซียนที่ลงมาท่องเที่ยวบนโลกมนุษย์

หนึ่งในนั้นคือหวังฝูซื่อ ผู้คุ้มกฎแห่งมณฑลชิงเหอ เขาอายุแปดสิบปีแต่เขายังดูเหมือนอายุสี่สิบปี นี่เกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังปราณของเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมของเขากลับถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ

นกอินทรีย์ตัวหนึ่งส่งจดหมายให้เขา ข้อความในจดหมายบอกให้เขาเดินทางไกลมากกว่าพันลี้มายังเมืองชิงเหอ อย่างไรก็ตามเขาไม่โกรธแต่กลับรู้สึกเป็นเกียรติ

“ตาแก่หวัง การบ่มเพาะของเจ้าก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว อีกไม่นานมณฑลชิงเหอคงไม่สามารถกักขังเจ้าเอาไว้”

ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเรียกหวังฝูซื่อด้วยชื่อนี้ กระทั่งฮัวเฉิงซานจะเรียกชายชราว่าตาแก่หวังแต่เขายังสุภาพมาก อย่างไรก็ตามหวังฝูซื่อกลับรู้สึกเป็นเกียรติที่ถูกคนผู้นี้เรียกเขาเช่นนั้น เขาก้มศีรษะลง “ข้ายินดีรับใช้ท่านเสมอ”

“เดิมทีข้าต้องการให้เสี่ยวฮัวรับตำแหน่งแทนเจ้าแต่เขาปฏิเสธ”

“เสี่ยวฮัวช่างน่าผิดหวังนัก เขาทำลายความคาดหวังของท่าน โอ้ พวกเขามาแล้ว”

“หัวหน้ากู่ ข้าพาคนมาแล้ว!” ฮัวเฉิงซานยิ้มและเดินเข้าไป “ตาแก่หวัง สุราพร้อมหรือยัง?”

หวังฝูซื่อเคาะมือฮัวเฉิงซาน “อย่าเรียกข้าเช่นนั้น นั่งลง สุราต้องรออีกยี่สิบห้านาที มีเพียงเวลานั้นที่รสชาติของมันจะน่าพอใจ”

ฮัวเฉิงซานสูดหายใจและนั่งลง “ตาแก่หวัง ท่านมือหนักไปแล้ว” จากนั้นเขาก็กล่าวกับอีกคน “ท่านรู้หรือไม่ว่าเขามักรังแกข้าเสมอ”

หลี่ฉิงซานเห็นคนทั้งสองนั่งอยู่ใต้ต้นสนจากระยะไกล หากพลังปราณของฮัวเฉิงซานเหมือนสายน้ำ หวังฝูซื่อก็เหมือนน้ำแข็ง มันหนักและแน่นมาก ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสามารถสร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม มันเต็มไปด้วยความลึกลับที่ไม่สามารถอธิบาย

อย่างไรก็ตามเมื่อหลี่ฉิงซานมาถึงใต้ต้นสน ความสนใจทั้งหมดของเขากลับพุ่งไปที่อีกคนที่น่าจะเป็นหัวหน้ากู่ ไม่ว่าหวังฝูซื่อจะน่าอัศจรรย์เพียงใด แต่หลี่ฉิงซานก็ไม่สามารถละสายตาจากคนผู้นี้

นางสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่สง่างามและดูราวกับเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้

นางมองหลี่ฉิงซานด้วยรอยยิ้มบาง ทั้งหมดทำให้นางดูงดงามราวกับเจ้าหญิงหิมะแต่นางกลับซ่อนความสามารถที่น่าตกใจเอาไว้

เดิมทีหลี่ฉิงซานไม่เคยเชื่อในรักแรกพบ เขาฝึกจิตใจของตนเองมาตลอดในชีวิตก่อนหน้าภายใต้การโจมตีนับครั้งไม่ถ้วนจากสาวๆในอินเทอร์เน็ต

แต่ตอนนี้เขาเชื่อแล้ว เขาเชื่อในรักแรกพบ เขาเชื่อในการดำรงอยู่ของความสุขที่ชีวิตก่อนหน้าไม่สามารถมอบให้เขา หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป

ครั้งหนึ่งเขาเคยสาบานว่าเขาจะดื่มสุราที่ดีที่สุดและหลับนอนกับผู้หญิงที่งดงามที่สุด เดิมทีมันเป็นเพียงเรื่องตลกที่เขากล่าวออกมาหลังจากดื่มจนเมา แต่ตอนนี้ความปรารถนาอันแรงกล้านี้กลับเบ่งบานขึ้นในใจของเขา เขาต้องการรับนางเป็นภรรยา!

อย่างไรก็ตามปฏิกิริยาของเฟิงจางกลับตรงข้าม เขาเพียงชำเลืองมองหญิงสาวก่อนจะก้มหน้าลงราวกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่หญิงงามแต่เป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสยดสยอง

ฮัวเฉิงซานมองผ่านเฟิงจางด้วยท่าทีเย้ยหยันก่อนจะหยุดสายตาที่หลี่ฉิงซานด้วยรอยยิ้มและเห็นใจ มีเพียงผู้ที่หยิ่งผยองที่สุดหรือผู้ที่ภาคภูมิใจในตัวเองที่สุดเท่านั้นจึงจะกล้ามองเข้าไปในดวงตาของหญิงงามผู้นี้โดยตรงก่อนที่พวกเขาจะจมลงสู่ความมืดมิดและสูญเสียการควบคุมตนเอง

หัวหน้ากู่ไอเบาๆและย่นจมูกของนางก่อนกล่าว “เจ้าอาบน้ำครั้งล่าสุดเมื่อใด?”

เสียงของนางไพเราะราวกับเสียงน้ำพุบนภูเขา แต่คำกล่าวของนางกลับทำให้หลี่ฉิงซานตกตะลึง เขาตะโกนเสียงดังอยู่ในใจว่า “เจ้าไม่ควรพูดเช่นนี้!” ในความคิดของเขา แม้นางจะไม่สามารถทำให้ดอกไม้ผลิบานด้วยถ้อยคำที่หอมหวาน แต่อย่างน้อยคำกล่าวของนางก็ควรเป็นบทกวีหรือสร้างสุนทรียะมากกว่านี้

ฮัวเฉิงซานอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ข้า...” หลี่ฉิงซานชะงักไปชั่วครู่ แม้เขาจะฝึกฝนทุกวันแต่เขาก็ไม่ได้โสโครกถึงเพียงนั้น อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเรื่องนี้ที่ทำให้เขาได้สติกลับมาอีกครั้ง

เป็นเพียงเวลานี้ที่หลี่ฉิงซานสังเกตเห็นป้ายรูปนกอินทรีย์สีเงินห้อยอยู่ที่เอวของนาง ภายใต้แสงสะท้อนของหิมะ มันดูเหมือนนกอินทรีย์สีเงินที่กำลังกระพืออยู่บนเสือผ้าสีขาวของนาง

นางคือผู้บัญชาการอินทรีย์เงิน!