ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 321 เส้นทางแห่งมหามิติ (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 323 เส้นทางแห่งมหาพสุธากัมปนาท

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 322 ขอบเขตจักรพรรดิรู้แจ้ง


เป็นไปตามที่ซู่เสี่ยวไป่คาดเดาเอาไว้

ตรัสรู้ในคลิกเดียวกับพื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว มีความคล้ายคลึงกัน

“แต่ที่ลำบากกว่าคือต้องหาแหล่งพลังวิถีกับเส้นทางเพื่อนำมาให้ระบบทำการเรียนรู้เนี่ยแหละ”

“แต่ความเร็วภายในพื้นที่ตรัสรู้ในคลิกเดียวนั้น เหนือกว่าพื้นที่ฝึกวิชาอย่างมาก เพียงแค่ระดับ 5 กลับเร่งเวลาภายในพื้นที่ถึง 10,000 เท่า แล้วถ้าเป็นระดับ 10 มันจะเพิ่มขึ้นมากขนาดไหน?”

การใช้งานตรัสรู้ในคลิกเดียวนั้นยุ่งยากกว่ามาก และใช้เงินจำนวนมากในการเพิ่มระดับ

เพราะอย่างความสามารถอื่นๆ ในระดับแรกๆ จำนวนเงินที่ใช้ในการเพิ่มระดับนั้นยังไม่มากเท่าไร แต่ของความสามารถนี้ แค่เปิดใช้งานความสามารถก็ 10,000 ศิลาอมตะระดับสูงแล้ว และที่ระดับ 5 ใช้ศิลาอมตะระดับสูงถึง 656.1 พันล้าน!

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อต้องการเพิ่มระดับตรัสรู้ในคลิกเดียว ไม่รู้ว่าจะต้องเอาเงินมากมายขนาดไหนมาถมถึงจะพอกับความต้องการของความสามารถนี้

“แต่ทุกๆ ศิลาอมตะที่จ่ายไป แม้จะมากก็จริง แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นก็มากมายเช่นเดียวกัน!”

“ด้วยความเร็วในการเรียนรู้ที่เพิ่มขึ้นขนาดนี้ คงไม่ถึงสองวัน เราจะบรรลุเส้นทางแห่งมหามิติได้!”

สำเร็จ 1 เส้นทางแห่งสวรรค์ได้ใน 2 วัน….

ด้วยความเร็วระดับนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้จักรพรรดิอมตะทั่วทั้งดินแดนกระอักเลือดออกมาจนเลือดแทบหมดตัว

“หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เราจะบรรลุเส้นทางมากกว่า 1 เส้นทาง และทำให้เราเองเติบโตจนไปถึงเขตแดนของบรรพชนได้!”

ปกติแล้วเหล่าจักรพรรดิอมตะนั้นจะบรรลุ 1 เส้นทางเพื่อกลายเป็นจักรพรรดิอมตะ

แต่ซู่เสี่ยวไป่นั้น เขาสามารถบรรลุได้สองเส้นทางพร้อมกัน ทำให้เขามีพื้นฐานที่ดีกว่าจักรพรรดิอมตะทุกคน

แล้วตอนนี้เขตแดนบรรพชนจะพอสำหรับเขาอีกงั้นหรอ

ต่อให้เป็นเขตแดนที่มีชื่อว่าโบราณเขาก็ไปถึงได้

“เริ่มเรียนรู้เส้นทางแห่งมหาวิถีว่างเปล่า”

ซู่เสี่ยวไป่สั่งกับระบบทันที

ตอนนี้ทั้งมิติและความว่างเปล่า กำลังถูกเรียนรู้อยู่ภายในพื้นที่ตรัสรู้ในคลิกเดียว

ด้วยสองเส้นทางนี้ ไม่ต้องพูดเลยว่าต่อไปมันจะช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ให้กับเขาขนาดไหน อย่างน้อยๆ มันก็ทำให้เขาสามารถหลบหนีได้จากทุกสิ่ง -ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่แข็งแกร่งในพิภพราชันย์ซู่เสี่ยวไป่ก็สามารถหนีได้อย่างสบายๆ

“หวู่ตี๋…นี่คือสำเนาวิชาระดับจักรพรรดิอมตะที่ตกลงกันไว้”

ในเวลาเดียวกันนั้นเองจักรพรรดิมอตะชางเชิงก็เรียกซู่เสี่ยวไป่ขึ้นพร้อมกับส่งวิชาระดับจักรพรรดิอมตะมาให้

“ยอดเยี่ยมท่านจักรพรรดิอมตะชางเชิง”

ซู่เสี่ยวไป่จ้องมองไปยังวิชาระดับจักรพรรดิอมตะทั้ง 5 วิชา

และเปิดอ่านวิชาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานซู่เสี่ยวไป่ก็จดจำได้ทั้งหมด

“ระบบเอาวิชาทั้งหมดนี้ไปหลอมผสาน”

แล้วทันในวิชาระดับจักรพรรดิอมตะทั้งห้าวิชาที่พึ่งได้มาก็ถูกเตาหลอมผสานดูดเข้าไป ก่อนที่จะมีกลิ่นไอของกึ่งบรรพชนฟุ้งกระจายตามออกมา

“-ติ๊ง!! หลอมผสานสำเร็จได้รับศาสตร์แห่งอาวุธระดับกึ่งบรรพชน *เพลงกระบี่เพลิงสวรรค์รู้แจ้ง*-”

ศาสตร์แห่งกระบี่ระดับกึ่งบรรพชน!

นี่เป็นศาสตร์แห่งอาวุธระดับกึ่งบรรพชนแรกที่เขาได้รับ

แม้ว่าจะไม่ใช่ศาสตร์แห่งมีด แต่มันก็น่าจะมีบทบาทอย่างมากกับซู่เสี่ยวไป่ในอนาคต เพราะซู่เสี่ยวไป่นั้นสามารถเปลี่ยนอาวุธประจำได้ตลอดเวลา

ซู่เสี่ยวไป่รีบเอาตำราวิชานี้ออกมาอ่านทันที และจดจำเนื้อหาอย่างรวดเร็ว

เมื่อยิ่งอ่าน แววตาของซู่เสี่ยวไป่ก็ยิ่งสว่างไสวขึ้น

“เป็นอย่างที่คิด”

“วิชาระดับกึ่งบรรพชนนั้น ต่อให้เป็นศาสตร์แห่งอาวุธก็ตาม ก็มีพลังอื่นผสมผสานอยู่ด้วย”

เพลงกระบี่เพลิงสวรรค์รู้แจ้งนั้น ไม่เพียงเป็นกระบวนท่ากระบี่อย่างเดียว แต่มันยังมีอย่างอื่นแอบแฝงอยู่

นอกจากพลังในการโจมตีของวิชาแล้ว มันยังไปเพิ่มพลังพื้นฐานให้กับวิชาอื่นด้วย เพราะวิชานี้มีธาตุของโลหะอยู่ ซึ่งมันมีความสามารถในการเสริมพลังสิ่งต่างๆ

และคำว่าเพลิงสวรรค์ของมันนั้น หมายถึงว่าวิชานี้สามารถเผาผลาญได้ถึงจิตวิญญาณ

วิชาเดียวแต่มีพลังแอบแฝงอยู่ไม่ต่ำกว่า 5 ถึง 6 อย่างในศาสตร์แห่งกระบี่

การฝึกวิชานี้เพียงวิชาเดียวเท่ากับว่า ได้ฝึกวิชาอื่นอีกพร้อมกันหลายวิชาที่ทรงพลังพอๆ กัน

“ระบบทำการรวมวิชา”

ซู่เสี่ยวไป่ออกำคำสั่งอีกครั้ง

เขานั้นนำศาสตร์แห่งกระบี่รวมกับวิชากึ่งบรรพชนก่อนหน้านี้ เพื่อสร้างวิชาระดับกึ่งบรรพชนขึ้นมาอีก

“-ติ๊ง! รวมวิชาสำเร็จได้รับวิชาระดับกึ่งบรรพชน จารึจ้าววิญญาณมรกตใต้ภพสวรรค์-”

วิชานี้เป็นวิชาควบคุมธาตุระดับกึ่งบรรพชน เมื่อซู่เสี่ยวไป่ได้เปิดอ่านดูแล้วทำให้เขานั้นถึงกับตกตะลึง

เพราะในวิชาเดียวกลับมีธาตุทั้งสามธาตุอยู่ด้วยกัน ทั้งพิษ สายฟ้า น้ำแข็ง และยิ่งอ่านก็พบว่ามันยังมีพลังอื่นแอบแฝงอยู่อีกทั้งโลหะ และพลังจิตวิญญาณ!

“วิชาระดับกึ่งบรรพชนมันสุดยอดจริงๆ!!”

“รอไม่ไหวแล้วที่จะสำเร็จวิชาระดับนี้!”

ซู่เสี่ยวไป่นั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

เขาพึ่งจะได้รับวิชาระดับจักรพรรดิอมตะมา 5 วิชา และเขาก็ได้สร้างวิชาระดับกึ่งบรรพชนออกมาอีก 2 วิชา อีกทั้งยังเอาวิชาระดับจักรพรรดิอมตะที่ได้มารวมกับวิชาระดับเดียวกันที่ยังไม่เคยรวมวิชา ทำให้ได้รับวิชาระดับจักรพรรดิอมตะอีก 3 วิชา

แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็นำวิชาทั้งหมดลงไปในพื้นที่ฝึกวิชาในคลิกเดียว!

วินาทีต่อมาหลังจากที่เริ่มฝึกวิชา

ตูม!!

พลังอันน่าตกตะลึงของวิชาระดับจักรพรรดิอมตะจำนวนมากระเบิดออกมาจากร่างของซู่เสี่ยวไป่

“มันเกิดอะไรขึ้น!”

“บ้าน่า!! นั้นเขาสำเร็จวิชาอีกแล้วงั้นหรอ”

“8…8วิชา เขาสำเร็จวิชาระดับจักรพรรดิอมตะ 8 วิชา!!”

เมื่อจักรพรรดิอมตะชางเชิงกับคนอื่นๆ ในคณะเดินทางสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอและพลังอันน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากร่างของซู่เสี่ยวไป่ พวกเขารับรู้ได้ในทันทีว่า มันเป็นกลิ่นไอของวิชาระดับจักรพรรดิอมตะ

แม้ว่าทุกอย่างรอบๆ จะมืดมิดก็ตาม แต่กระแสพลังของจักรพรรดิแห่งความกลัวนั้นแผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรุนแรง

เกิดแรงดึงดูดอย่างมหาศาลพยายามจะดูดซู่เสี่ยวไป่เข้าไปในช่องมิติ แต่ซู่เสี่ยวไป่ใช้พลังของตัวเองทำลายช่องมิตินั้นก่อน!

ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่จะไปพลาดท่าง่ายๆ แบบนั้นได้อย่างไร?

กระแสพลังมหาศาลระเบิดออกมาทำให้ แรงดึงดูดและมิติกาลเวลาที่กำลังปั่นป่วนนิ่งสงบลง

“เห้อ…..”

“ในที่สุดขอบเขตพลังของเราก็เท่ากับจักรพรรดิรู้แจ้งแล้ว!”

ซู่เสี่ยวไป่ลืมตาขึ้น พร้อมกับร่างกายของเขาที่ปล่อยกลิ่นไอราวกับเป็นเทพพระเจ้า

ตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าวิชาระดับจักรพรรดิอมตะนั้นไม่เพียงพอที่จะยกระดับขอบเขตพลังให้พุ่งทะยานแบบแต่ก่อน

หากเป็นเมื่อก่อนหากว่าสำเร็จวิชาระดับจักรพรรดิมอมตะ เพียงพอแล้วที่จะเพิ่มพลังให้กับเขาอย่างมหาศาล

แต่ตอนนี้วิชาระดับจักรพรรดิอมตะ 8 วิชา พอแค่ทะลวงขอบเขตพลังจากกึ่งจักรพรรดิรู้แจ้ง เป็นจักรพรรดิรู้แจ้งชั้น 1 เท่านั้น

แน่นอนว่ายังมีปัจจัยอื่นอยู่อีก ทั้งระดับชีวิต และขอบเขตตบะบ่มเพาะของเขา

ตอนนี้ตบะบ่มเพาะของซู่เสี่ยวไป่ยังอยู่ในเขตแดนกึ่งจักรพรรดิอมตะอยู่เลยด้วยซ้ำ

แต่ด้วยดวงดาวและดาราจักรแห่งชีวิต ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ระดับชีวิตของเขานั้นเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับจักรพรรดิโกลาหล ตอนนี้ต่อให้ดวงดาวส่องสว่างมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยังไม่อาจจะยกระดับชีวิตของเขาได้

โกลาหล ความกลัว และรู้แจ้ง

ทั้งสามเขตแดนนี้ มีช่องว่างขนาดใหญ่ขวางกั้นอยู่ ไม่สามารถที่จะก้าวข้ามผ่านไปได้ง่ายๆ

ดังนั้นซู่เสี่ยวไป่จึงยังมีปัญญาเรื่องเดิมคือสำเร็จวิชามากเกินไปแต่ระดับชีวิตนั้นยังตามไม่ทันกับระดับวิชา

ตอนนี้เขามีวิชาระดับจักรพรรดิอมตะถึง 33 วิชา แบ่งเป็น 22 วิชาแบบปกติ กับ 11 วิชาที่ได้จากการรวมวิชา

เพื่อจะทำให้วิชาทั้งหมดแสดงพลังได้เต็มที่เขาต้องยกระดับชีวิตให้สูงกว่านี้

“เอ้าหละ เมื่อสามารถเรียนรู้เส้นทางแห่งสวรรค์ได้แล้ว และพวกฉลามราชันย์กาลเวลาก็ถูกเราจัดการเกือบหมดแล้ว”

“คงถึงเวลาที่เราจะออกจากที่บ้าๆ นี้ไปสักที”

ซู่เสี่ยวไป่นำตราที่เป็นอาคมเคลื่อนย้ายที่จักรพรรดิอมตะหลงฟู่ให้ไว้ตอนแรกออกมา

“ทุกคนเตรียมพร้อมเราจะใช้อาคมเคลื่อนย้ายออกไปจากที่นี่กัน!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของซู่เสี่ยวไป่ ทุกคนนันดีใจอย่างมาก

พวกเขานั้นอยากออกจากพื้นที่ต้องห้ามนี้ใจจะขาดอยู่แล้ว

เพราะที่แห่งนี้เต็มไปด้วยภัยอันตรายทุกตารางนิ้ว หากประมาทเพียงเสี้ยววิก็อาจจะถึงความตายได้ หากว่าซู่เสี่ยวไป่ไม่ยืนกรานว่าจะเข้ามาให้ได้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะมาเหยี่ยบที่นี่เด็ดขาด

“แล้วจะเอาไงกับเจ้านั้นดีละ หวู่ตี๋”

จักรพรรดิอมตะจากดินแดนกว้างใหญ่ถามขึ้น พร้อมกับชี้ไปทางจักรพรรดิอมตะชางเชิง

“พวกเรามีตราอาคมเคลื่อนย้ายแค่ 11 อัน และทุกคนมีอย่าง 1 อันแต่ต้องใช้งานพร้อมกันห้ามขาดและห้ามเกิน”

“ไม่เป็นไร เดียวผมพาเขาไปกับผมเอง”

ซู่เสี่ยวไป่ดึงร่างของจักรพรรดิอมตะชางเชิงเข้ามาใกล้ตัวเขา

“เปิดอาคม!!”

หวูบ!!

เกิดลำแสงขึ้น แล้วทุกอย่างรอบๆ คณะเดินทางก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง

ไม่รู้ว่าผ่านออกไปไกลแค่ไหน

เมื่อภาพทุกอย่างชัดเจนขึ้นอีกครั้งทำให้นัยน์ตาของซู่เสี่ยวไป่สว่างใสขึ้น

พวกเขาไม่ได้อยู่ในพื้นที่มืดมิดอีกต่อไปแล้ว ภาพวิวทิวทัศรอบๆ นั้นกลับมาเป็นภาพที่คุ้นเคย เต็มไปด้วยดวงดาวน้อยใหญ่มากมาย

“นั่นนะหรอ…พื้นที่ต้องห้ามช่องมิติกาลเวลา?”

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้นซู่เสี่ยวไป่ก็หันหลังกลับไปมองยังจุดที่พวกเขาจากมา มันคือหน้าตาที่แท้จริงของช่องมิติกาลเวลา

มันเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ที่รอบๆ มีดวงดาวมากมายหมุนเวียนอยู่  มันเหมือนกับรูปก้นหอย รูปร่างไม่ต่างจากกาแล็กซี่ทางช้างเผือกที่ซู่เสี่ยวไป่รู้จักที่โลกเก่าของเขา

ที่ตรงกลางนั้นเป็นช่องมิติกาลเวลาที่มีสีดำสนิทและดูดกลืนแสงทุกอย่างเข้าไป มันช่างดูน่ากลัวอย่างมาก

ราวกับว่ากำลังมองเข้าไปในขุมนรกดำมืดไร้ที่สิ้นสุด มันพร้อมจะดูดกระทั่งจิตวิญญาณของผู้ที่จ้องมองมันเข้าไปด้วย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด