ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 71 ดื่มและฝึกฝน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 73 ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 72 เสือดำออกจากถ้ำ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 72 เสือดำออกจากถ้ำ

แปลโดย iPAT  

“ถูกต้อง ถูกต้อง ท่านมือปราบหลี่เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ ท่านย่อมไม่เอาเปรียบโรงเตี้ยมเล็กๆของข้า เป็นข้าเองที่ทำตัวโง่เขลา!” เฒ่าแก่รู้สึกมีความสุขมาก เขาเร่งเก็บตั๋วแลกเงินและตอบกลับอย่างสุภาพ

หลี่ฉิงซานหันหลังกลับและเดินจากไปขณะที่คนถือดาบสองสามคนในโรงเตี้ยมลอบกระซิบ

“นั่นคือเสือโคร่งหลี่ฉิงซานงั้นหรือ? เขายังเด็กมาก!”

“เด็กอันใด? เขาทำลายป้อมวายุทมิฬและนิกายถ้ำมังกร ข้ายังได้ยินมาว่าเขามีท่าสังหารที่เรียกว่า เสือดำควักหัวใจ...”

“หุบปาก! อย่าขัดจังหวะข้า ทุกคนที่เขาฆ่าถูกควักหัวใจออกมา เจ้าทำเช่นนั้นได้หรือไม่?”

“ช่างเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยมนัก!”

“นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องระวังตัวให้มาก!”

หลังจากไม่กี่วัน คนในยุทธภพก็ปรากฏตัวในเมืองชิงหยางมากขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีที่หลี่ฉิงซานเฝ้าคอยยังไม่เกิดขึ้น ทุกคนเพียงเฝ้ามองเขาอย่างเงียบๆ ความโหดเหี้ยมที่เกิดจากการควักหัวใจส่งผลกระทบอย่างมากต่อจิตใจของพวกเขา นอกจากนั้นยิ่งผู้คนมารวมตัวกันมากเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาเกรงว่าการสะกดรอยตามเหยื่อจะทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของบางคน

หลี่ฉิงซานมีความสุขที่ไม่มีผู้ใดมารบกวน เขาสามารถจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามร่างกายของเขากลับซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาเกือบกลับไปอยู่ในสภาพเดิมก่อนเริ่มฝึกทักษะยุทธ์แล้ว

แต่สิ่งที่แตกต่างจากความบอบบางในอดีตคือตอนนี้เขาเหมือนเหล็กชิ้นหนึ่งที่ถูกตีอย่างต่อเนื่องกระทั่งมันหดตัวและควบแน่น เพียงยืนอยู่นิ่งๆ เขาก็เหมือนหอกที่ส่องประกายแหลมคมและไม่มีสิ่งใดสามารถกีดขวาง

หลี่ฉิงซานไม่เคยคิดว่าหมัดปีศาจพยัคฆ์จะหล่อหลอมร่างกายของเขาให้อยู่ในระดับดังกล่าว มันส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาเป็นอย่างมาก

ตอนนี้นอกจากการกินอาหาร เขายังกินโสม ถูกต้อง เขาไม่ได้ดื่มสุราหมักโสมแต่กินมันเข้าไปโดยตรง เมื่อใดก็ตามที่เขารู้สึกเหนื่อยจากการฝึก เขาจะกิมโสมที่มีอายุหลายสิบปีเหมือนของว่าง

โสมแห้งและแข็งพอๆกับท่อนไม้แต่ฟันของเขาคมยิ่งกว่ามีด เขาบดโสมเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและกลืนมันเข้าไปทั้งหมด เขาไม่ต้องกังวลว่ามันจะบำรุงเขามากเกินไปจนทำให้เลือดกำเดาไหล โสมมอบพลังชีวิตให้เขาขณะที่ร่างกายของเขาต้องการพลังงานอย่างเร่งด่วน หลังจากทั้งหมดต้องขอบคุณโสมเหล่านั้นที่ทำให้เขาไม่ผอมไปมากกว่านี้

กว่าครึ่งเดือนผ่านไป

หลี่ฉิงซานกำลังฝึกฝนและอยู่ในท่าม้า ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงสายลมที่พัดเข้ามาทางด้านหลังศีรษะของเขา เขาไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองแต่กระโดดกลับหลังไปเหมือนสปริงมนุษย์

ศีรษะของเขาส่งคนลอบจู่โจมบินไปกระแทกกำแพงหิน

นี่เป็นคนที่สิบเอ็ดที่โจมตีเขาในช่วงที่ผ่านมา แม้คนส่วนใหญ่จะเลือกเฝ้ามองอยู่ห่างๆแต่ยังมีบางคนที่ต้องการเสี่ยงโชคและโชคของพวกเขาก็ไม่ดีนัก

หลี่ฉิงซานยืนขึ้นและสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากรอบๆ เขาคำราม “พวกเจ้าทุกคน ออกไป!” พลังปราณผสานอยู่ในเสียงของเขาทำให้มันดังออกไปในวงกว้าง ผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอจะรูสึกเหมือนถูกตีที่ศีรษะอย่างแรง นั่นทำให้คนเหล่านั้นรีบร้อนจากไป

หลี่ฉิงซานทำเช่นเดียวกับที่ทำกับคนอื่นๆ เขาควักหัวใจของผู้กล้าที่โชคร้ายออกมาก่อนจะโยนศพข้ามกำแพงออกไปอย่างไม่แยแส

เขาดื่มสุราหมักกระดูกพยัคฆ์แปดไห กินโสมสองตะกร้า และเม็ดยาที่ได้รับจากนิกายถ้ำมังกรทั้งหมดแล้ว

ในที่สุดเขาก็อยู่ห่างจากขั้นแรกของหมัดปีศาจพยัคฆ์อีกเพียงก้าวเดียว เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเขายังฝึกไม่พอหรือเพราะจังหวะเวลาของเขาไม่ดี

เขายืนขึ้นและพบว่าเล็บของเขายาวขึ้นอีกครั้ง เพียงมันกวาดผ่านโต๊ะหินเบาๆ เขาก็ฝากรอยขูดฝังลึกไว้ข้างหลัง หากเขาใช้มือเช่นนี้ปลดปล่อยท่าปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ ผลลัพธ์ของมันจะยิ่งยอดเยี่ยม

เขามั่นใจว่าเขาสามารถสังหารทุกคนที่แอบดูเขาแต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น ตราบเท่าที่คนเหล่านั้นไม่โจมตีเขา เขาก็จะไม่ฆ่าพวกเขา อย่างไรก็ตามความอดทนของเขาค่อยๆลดลงทีละเล็กทีละน้อย เมื่อทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์ของเขามีความก้าวหน้า ธรรมชาติที่ดุร้ายของเขาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น

เขาเหมือนเสือที่ติดอยู่ในกรง มันเหวี่ยงกรงเล็บและคมเขี้ยวออกไปด้วยความกระวนกระวาย

‘หากข้าปล่อยให้พวกเขาสอดแนมอย่างอุกอาจ ข้าจะดูเหมือนคนที่สามารถถูกรังแกได้โดยง่ายหรือไม่?’ ความคิดนี้ดังขึ้นในใจของเขาตลอดเวลาและมันก็ดังขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามเขายังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยับยั้งตัวเอง

เสี่ยวอันจับข้อมือหลี่ฉิงซานด้วยความกังวล ท่ามกลางคนทั้งสิบเอ็ดที่หลี่ฉิงซานสังหารในช่วงเวลาที่ผ่านมา เก้าคนหลังเป็นนักสู้ชั้นสองทั้งหมด พลังชีวิตของพวกเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมาก แต่นั่นก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเสี่ยวอันเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้นเช่นกัน

หลี่ฉิงซานกล่าว “ออกไปเดินเล่นกันเถอะ!” เขาสวมชุดเครื่องแบบของหน่วยหมาป่าอินทรีย์และพกดาบพันวายุรุ่นมาตรฐานก่อนจะออกไป เขาเดินไปยังโรงเตี้ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงหยาง เนื่องจากคนในยุทธภพส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่ที่นั่น เขาต้องการทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจในวันนี้

ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกจากลานบ้าน ข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วเมือง “เสือดำออกจาถ้ำแล้ว!”

ในสำนักกำปั้นเหล็ก ราชสีห์เหล้กหลิวหงกำลังเผชิญหน้าอยู่กับชายวัยกลางคนที่มีหนวดและเคราบางๆ หลิวหงกล่าวอย่างสุภาพ “ท่านหัวหน้าหอ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ หลี่ฉิงซานแข็งแกร่งมาก เป็นเรื่องยากที่จะนำโสมจิตวิญญาณมาจากเขาด้วยกำลังและตอนนี้เมืองชิงหยางก็เต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง กระทั่งนักสู้ชั้นหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว พวกเขาต้องการใช้โสมจิตวิญญาณเพื่อก้าวเข้าสู่อาณาจักรของจอมยุทธ์กำลังภายใน อย่างไรก็ตามแม้ท่านจะได้รับโสมจิตวิญญาณ มันก็ยากที่จะกินเข้าไป”

หัวหน้าหออู๋กล่าว “หลิวหง เจ้าใช้เวลาในวัยเกษียณอยู่ในเมืองชิงหยางมานานเกินไป เจ้ากลายเป็นคนขี้ขลาดมากขึ้นเรื่อยๆ สำนักกำปั้นเหล็กของเราต้องกลัวเด็กน้อยผู้หนึ่งงั้นหรือ? หากหลี่ฉิงซานมีสมองอยู่บ้าง เขาก็ควรส่งมอบโสมจิตวิญญาณและเข้าร่วมสำนักกำปั้นเหล็ก แน่นอนว่าเราย่อมไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นธรรม”

หลี่หลงยืนอยู่ด้านหนึ่ง เมื่อเขาได้ยินบางคนเรียกอาจารย์ของเขาด้วยชื่อโดยตรง เขารู้สึกว่านี่เป็นการไม่ให้เกียรติอย่างมาก เขาปฏิเสธที่จะยอมรับอยู่ภายใน ‘ด้วยวิธีการของเจ้า เจ้าจะไม่แม้แต่จะสามารถกล่าวสิ่งใดเมื่อถูกหลี่ฉิงซานควักหัวใจออกมา เจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งนักงั้นหรือ?’

หลิวหงรู้จักศิษย์ของตน เขาเกรงว่าหลี่หลงจะกล่าวสิ่งที่ไม่เหมาะสมออกไป ดังนั้นเขาจึงจับไหล่ของศิษย์คนนี้เอาไว้และกล่าวกับหัวหน้าหอว่า “ท่านหัวหน้าหออู๋ ศิษย์ของข้ามีความสามารถบางอย่าง น่าเสียดายหากเขาต้องอยู่ในเมืองชิงหยาง ครั้งนี้ท่านจะพาเขาติดตามไปดูโลกภายนอกด้วยได้หรือไม่?”

หัวหน้าหออู๋ชำเลืองมองหลี่หลงก่อนกล่าว “เกี่ยวกับเรื่องนั้น เมื่อพิจารณาถึงผลงานที่เจ้าแจ้งข่าวในครั้งนี้ มันไม่ใช่ปัญหาที่ข้าจะพาหนึ่งหรือสองคนไปกับข้า” สำนักกำปั้นเหล็กตั้งสาขาในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ตั้งแต่แรกเพราะพวกเขาต้องการค้นหาอัจฉริยะ ดังนั้นหลังจากสร้างผลงานบางคน มันจึงเป็นไปได้ที่หัวหน้าหออู๋จะนำศิษย์บางคนติดตามไปโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

หลิวหงรู้สึกยินดีมาก “ขอบคุณหัวหน้าหออู๋ เสี่ยวหลง เจ้ารอสิ่งใดอยู่? ขอบคุณท่านหัวหน้าหออู๋เร็วเข้า!”

หลี่หลงไม่สามารถทำลายความหวังดีของผู้เป็นอาจารย์ แม้เขาจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่แสดงความไม่พอใจออกมาและขอบคุณหัวหน้าหออู๋อย่างเชื่อฟัง

“ปัง!”

นอกจากคนทั้งสามยังมีคนอื่นอยู่ในห้อง เขาชื่นชมภาพวาดบนผนังราวกับไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ๆ อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะหมดความอดทนในที่สุด