ตอนที่แล้วEp.352 - หัวใจของราชาธาตุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.354 - ชมฐาน

Ep.353 - เพิ่มพลังทวีคูณ


3/4

Ep.353 - เพิ่มพลังทวีคูณ

ฮังอวี่ยอมรับคำขอของฉูเทียนหัว ตกลงเป็นเลขานุการกิตติมศักดิ์ของสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง

แม้มีคำว่ากิตติมศักดิ์ แต่ยังมีอำนาจจริงๆ

ตัวอย่างเช่น

หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินทางทหาร แล้วบังเอิญฉูเทียนหัวไม่อยู่ในเจียงเฉิง สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสามารถเชิญฮังอวี่มาเป็นหัวหน้าสั่งการได้ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของสำนักข่าวจะไปต่อในช่วงเวลาวิกฤติ

แน่นอน เรื่องข้อมูลความเป็นส่วนตัวของฮังอวี่

มีเฉพาะเหล่าระดับสูงของสำนักข่าวและสกายเน็ตเท่านั้นที่จะรู้

และฮังอวี่ได้รับตำแหน่งนี้

ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ต่อเขา

ห้ามลืมสิว่าสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิงนั้นมีโครงสร้างมาจากหน่วยสืบราชการลับ พวกเขามีหน้าที่ในการตรวจสอบทั่วทั้งเจียงเฉิง คอยรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของมอนสเตอร์และการรุกรานของชาวโลกวิญญาณ

หลังจากที่ฮังอวี่ได้เป็นเลขานุการกิตติมศักดิ์ เขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลระดับสูง ได้ล่วงรู้ความลับมากมายที่คนทั่วไปจับต้องไม่ได้

ฮังอวี่สามารถสอบถามฉูเทียนหัวได้ตลอดเวลาหรือกระทั่งขอตรวจสอบมันด้วยตัวเอง

นี่เท่ากับเป็นการเปิดประตูแห่งความสะดวกสบาย

กิจวัตรหลายอย่างในอนาคตจะสะดวกสบายกว่าเดิมมาก

หลังจากฮังอวี่นำผลึกอาคมเหล็กเย็นกลับมา ในที่สุดก็รวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นครบถ้วน

เสี่ยวไป๋ใช้วัสดุทันที และสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จในการสร้างอุปกรณ์สีฟ้าเลเวล 11 ‘ขวานปีศาจแมงป่อง!’

[ขวานปีศาจแมงป่อง] อุปกรณ์เลเวล 11 , สีฟ้าคุณภาพกลาง , การโจมตีทางกายภาพ +40 ,​ พละกำลัง +9 , ว่องไว +6 , สกิลเสริม : สาดพิษ

‘สาดพิษ’ คือสกิลพิเศษ การเปิดใช้งานมันแต่ละครั้งผู้ถืออุปกรณ์ต้องจ่ายพลังจิต 5 หน่วย ซึ่งสามารถตีพิษกระจายใส่ศัตรู ทำให้เป้าหมายเข้าสู่สถานะติดพิษได้

สถานะติดพิษที่เกิดจากพิษกระจาย : พละกำลังกับว่องไว -3 , ร่างกายกับเจตจำนง -2 , จิตวิญญาณ จิตรับรู้ ความเร็วในการเคลื่อนที่ -1, สูญเสียพลังชีวิต 1 หน่วยต่อวินาที ระยะเวลาคงอยู่ : 20 วินาที , ซ้อนทับได้ 5 ครั้ง

ขวานปีศาจแมงป่องคือหนึ่งในอุปกรณ์สีฟ้าอ่อนที่แม้ดูไม่ได้ทรงพลังเป็นพิเศษ ทว่ายังคงเป็นอาวุธต่อสู้ที่เอฟเฟกต์ของอุปกรณ์สีเขียวไม่อาจเทียบได้

อย่างแรกเลย ค่าคุณสมบัติของขวานปีศาจแมงป่องนั้นสูงมาก

ฮังอวี่มีเอฟเฟกต์ที่เกิดจากสกิลควงอาวุธคู่ ทำให้พลังโจมตียามที่เขาถืออาวุธคู่ มันไม่ด้อยไปกว่าหอกคลื่นมังกรปฐพี  และเนื่องจากมีอาวุธสองชนิดโจมตีพร้อมกัน ดังนั้นความถี่ในการโจมตีจึงต่อเนื่องยิ่งกว่าเดิมมาก

ประการที่สอง

เอฟเฟกต์สกิลเสริมที่มาพร้อมกับขวานปีศาจแมงป่อง ‘สาดพิษ’ เป็นสกิลสนับสนุนที่น่ารำคาญมาก

มันแตกต่างจาก ‘คำสาปกระดูกสามานย์’ ที่มาพร้อมกับกระบี่คำสาป

เอฟเฟกต์ของคำสาปกระดูกสามานย์นั้นทรงพลังมาก แต่จะแสดงผลก็ต่อเมื่อโจมตีโดนตัวเป้าหมายเท่านั้น หากเปิดใช้งานสกิลแล้วถูกปัดป้องหรือคู่ต่อสู้หลบได้มันจะไม่แสดงผลใดๆ อีกทั้งยังเสียค่าพลังจิตไปเปล่าๆ

ขณะที่สาดพิษของขวานปีศาจแมงป่องไม่มีข้อจำกัดนี้

เมื่อเปิดใช้งานแล้วฟาดฟัน พิษจะกระเด็นออกมาจากอาวุธโดยตรง เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้โล่บังไว้ทั้งตัวหรือมีสกิลสายป้องกันที่ไม่มีจุดบอด มิฉะนั้นอย่าหวังว่าจะหยุดสกิลนี้ได้

และด้วยเอฟเฟกต์ที่สามารถซ้อนทับได้ถึง 5 ครั้ง ในทางทฤษฏีแล้ว ตามหลักการศัตรูสมควรตกอยู่ในสถานะ : พละกำลังกับความว่องไว - 15 , ร่างกายกับเจตจำนง - 10 , จิตวิญญาณ จิตรับรู้ ความเร็วในการเคลื่อนที่ -5 , สูญเสียพลังชีวิต 5 หน่วยต่อวินาที

สำหรับมนุษย์ในช่วงนี้

เอฟเฟกต์ดังกล่าวให้ผลลัพธ์ไม่ต่างอะไรกับการลดเลเวลพวกเขา!

อีกทั้งสถานะเชิลบของพิษนี้ไม่สามารถปัดเป่าได้ด้วยสกิลอย่างปราณสงคราม  แต่ต้องเป็นสกิลชำระล้างของนักบวชเท่านั้น

แค่สกิลนี้เพียงอย่างเดียก็รับมือยากมากแล้ว หากยังใช้มันร่วมกับสกิลคำสาปกระดูกสามานย์ คงไม่มีใครสู้เขาได้!

ฮังอวี่หยิบขวานรบขึ้นมา และสัมผัสได้ถึงพลังของอาวุธ! โบนัสค่าคุณสมบัติของมันแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย

เจ้าสิ่งนี้ค่อนข้างหยาบและหนัก แต่จับได้ถนัดมือ มีความยาวประมาณสามฟุตครึ่ง

มือซ้ายถือกระบี่กระดูกสามานย์

มือขวาถือขวานปีศาจแมงป่อง

หอกคลื่นมังกรไว้ใช้ในตอนต่อสู้แบบกลุ่ม

สมบูรณ์แบบ!

ฮังอวี่วางอาวุธแล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวไป๋ เธอเก่งจริงๆ ไม่ทำให้ฉันผิดหวังเลย!”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮังเสี่ยวไป๋ “ตอนนี้พลังรบของพี่ชายยิ่งมายิ่งแก่กล้า เสี่ยวไป๋ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ชายอีกแล้ว”

พอฮังอวี่อัพเลเวล 11

เสี่ยวไป๋ก็อัพเลเวล 11 ตาม

ความแข็งแกร่งของฮังเสี่ยวไป๋เมื่อเทียบกับคนในสมาคมฤาษีลี้ลับ พลังรบของเธออยู่ไม่ไกลกับมือกระบี่ดาร์คเอลฟ์ ที่ด้อยกว่าก็เพราะความถี่ในการโจมตียังมีไม่เยอะ

ฮังอวี่หัวเราะ “เสี่ยวไป๋ พื้นฐานของเธอดีมาก อย่างน้อยฐานค่าคุณสมบัติก็สูงกว่าฉัน ตอนนี้เธอแค่ไม่ได้สวมอุปกรณ์ดีๆก็เท่านั้น อย่าลืมสิว่ายังเหลือที่ว่างอีกมากสำหรับการเพิ่มพูนพลังรบในอนาคต!” ​

ฮังเสี่ยวไป๋คล้ายไม่มีความสนใจที่จะเพิ่มพูนพลังรบของธอนัก

ธรรมชาติของเผ่าภูติมักเกียจคร้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผ่าภูติมายา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอพัฒนาได้เร็วมาก เสี่ยวไป๋ก็รู้สึกอยากแข็งแกร่งขึ้นบ้าง

เพราะถ้าแข็งแกร่งขึ้น

เธอก็จะสามารถช่วยเหลืออะไรพี่ชายได้มากกว่านี้

ทั้งคู่ไม่มีใครคิดหยุดพัก

อย่างฮังอวี่ แม้ได้ครอบครองอาวุธสีฟ้าถึงสามชิ้นในมือ พลังรบเกินกว่าคนทั่วไปมาก แต่ก็ยังไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้น

ในคืนเดียวกันหลังจากเข้าสู่โลกวิญญาณ เขาไล่สะสมแต้มวิญญาณจำนวนมาก จนสามารถสืบทอดมรดกขั้นสาม ‘ขุนนางคลั่ง’ ได้อย่างเป็นทางการ!

ฮังอวี่ได้กลายเป็นบุคคลแรกในเจียงเฉิงที่สามารถสืบทอดมรดกขั้น 3 ที่สมบูรณ์!

ผลที่เพิ่มขึ้นจากการสืบทอดมรดกขั้น 3 ดีกว่ามรดกขั้น 2 ถึงสามเท่า

พลังรบของฮังอวี่เพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

และนี่คือเอฟเฟกต์ที่ได้รับจากการสืบทอดมรดกขั้น 3

[ขุนนางคลั่ง] มรดกขั้น 3 , พละกำลัง +12 , ร่างกาย +10 , ว่องไว +5 , ค่าพลังชีวิต +15 , ค่าพลังจิต +8 , การโจมตีทางกายภาพ +15 , พลังป้องกันทางกายภาพ +7 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +8 , มีภูมิคุ้มกันต่อสถานะอ่อนแรงใกล้ตาย

ฐานค่าพลังชีวิตของฮังอวี่กลายเป็น 165 หน่วย , ค่าพลังจิตขึ้นเป็น 118 หน่วย , พละกำลัง 38 , ว่องไว 33. , ร่างกาย 19 , การโจมตีทางกายภาพและการป้องกันเพิ่มขึ้นมาก ยิ่งมายิ่งระเบิดการโจมตีได้รุนแรงขึ้น

ตัวเขาตอนนี้ไม่ต่างจากอาวุธฮิวแมนนอยด์

เมื่อสืบทอดมรดกขั้น 3 ของขุนนางคลั่ง สกิลทั้งสามอย่าง : ปลุกเลือดปีศาจ , ชุบโลหิต และปราณสงครามคลั่งก็กลายเป็นเวอร์ชั่นอัพเกรด

นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงที่คาดไว้ก่อนแล้วข้างต้น

คราวนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน

กลิ่นอายของฮังอวี่เปลี่ยนไป

หากเขาไม่จงใจระงับกลิ่นอายของตน เมื่อทุกคนเจอเขา จะเกิดความรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นอันไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้!

มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนแกะพบเสือ หรือไก่พบอินทรี!

พูดได้เลยว่า ผู้เผชิญหน้ากับฮังอวี่จะเกิดความกลัวจากส่วนลึกของจิตใจ แม้พวกเขาจะเห็นชัดเจนว่าที่อยู่ตรงหน้าคือชายหนุ่ม แต่อันที่จริงแล้ว ในความรู้สึกมันราวกับว่าฮังอวี่คือสัตว์ร้ายที่สวมผิวหนังมนุษย์

ฮังอวี่รู้ดีว่าทำไมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น

แท้จริงแล้วนี่คือการข่มสิ่งมีชีวิตระดับล่าง

มรดกขั้น 1 และ 2 ถือเป็นมรดกระดับล่าง นอกไปจากการได้รับสกิลลและเพิ่มประสิทธิภาพที่ต่ำแล้ว โดยพื้นฐานมันจะไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆกับร่างกาย

ขณะที่มรดกขั้น 3 คือมรดกขั้นกลาง มันมิได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแค่ในด้านพลังเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งแนวคิดอันลึกซึ้งและกว้างใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เหนือระดับของสิ่งมีชีวิต

ซึ่งจุดสิ้นสุดของการสืบทอดมรดกในโลกวิญญาณคือระดับพระเจ้า!

ถ้าสามารถไปถึงจุดนี้ได้จริงๆ

คุณจะกลายเป็นพระเจ้า!

แน่นอน

กว่าจะถึงวันนั้นคงยุ่งยากและอีกยาวนาน

ในความทรงจำของจอมปราชญ์ ฮังอวี่ลองค้นดูแล้วก็ยังไม่พบข้อมูลของเรื่องนี้ นั่นหมายความว่ากระทั่งจอมปราชญ์ก็ยังไปไม่ถึงระดับนั้น อย่างน้อยที่สุดอาจไปถึงมหากาพย์ และตายลงแค่ในระดับตำนาน

แต่จะยังไงก็ช่าง

เพราะนับแต่นี้ไป ร่างกายของฮังอวี่ถือได้ว่าหลุดพ้นจากปถุชนแล้ว

เริ่มจากสกิลขั้น 3 ขึ้นไป ในทุกๆครั้งที่ปีนป่ายได้สูงขึ้น มันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงต่อรางกาย ยิ่งนานเขาจะยิ่งได้รับความแข็งแกร่งมากขึ้น ไม่อ่อนแอเหมือนดั่งเช่นคนที่กำลังสืบทอดมรดกระดับล่างอีกต่อไป

...

สองวันถัดมา ไม่มีเหตุการณ์พิเศษใดๆ

ฮังอวี่ใช้เวลาในโลกวิญญาณเพื่อเตรียมพร้อมทำสงคราม ส่วนเวลาที่เหลือออกมาช่วยฉูเทียนหัวคัดเลือกตัวแทน

ด้วยความช่วยเหลือจากฮังอวี่ สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิงค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทุกวัน

อย่างไรก็ตาม ในวันนั้นเอง ซูหยุนปิงได้มาหาเขา “ฮังอวี่มีบางอย่างเกิดขึ้นทางฝั่งชาลู่ เรื่องนี้ต้องการความช่วยเหลือจากนาย”

ฮังอวี่ขมวดคิ้ว ในบรรดาคนของเขา นอกเหนือจากหวังเอ๋อและเสี่ยวไป๋ อาจารย์ซูคือผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อถือได้มากที่สุด เธอเก่งมาก สามารถทำสิ่งต่างๆได้โดยไม่ต้องให้เขาช่วยเหลือ ดังนั้นตามปกติแล้วจะไม่มีการรายงานใดๆด้วยซ้ำ เพราะสุดท้ายเธอสามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้อย่างง่ายดาย

แต่เนื่องจากมีรายงานส่งมาถึงฮังอวี่แบบนี้ นั่นหมายความว่ามันต้องเป็นปัญหาที่ยุ่งยากมาก

ฐานการผลิตของมนุษย์ปลาชาลู่ได้ดำเนินการแล้ว

ฝ่ายการผลิตและรวบรวมวัตถุดิบของมนุษย์ปลาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่านับจากเดิม ตอนนี้อยู่ระหว่างกระบวนการผลิต เป็นอุตสาหกรรมที่ฮังอวี่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ดังนั้นจะมีอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นกับมันไม่ได้

ฮังอวี่เอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่นานมานี้ ชาลู่ตกเป็นเป้าหมายของผู้เบิกทางเผ่าวายุคลั่งอีกตนหนึ่ง” ซูหยุนปิงอธิบายสถานการณ์โดยสังเขป “และผู้เบิกทางตนนี้มีพลังกว่าชาลู่มาก มันตัดสินใจที่จะผนวกกลุ่มของชาลู่”

จากนั้น

เธอก็อธิบายเหตุผลว่าทำไม

เหล่าผู้เบิกทางนั้นภักดีต่อเผ่าวายุคลั่งอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าสุดท้ายพวกมันยังมีความเห็นแก่ตัว ใครๆก็อยากได้รับความดีความชอบ ดังนั้นเมื่อก้าวเข้ามาบุกเบิกในอีกโลกหนึ่ง จึงย่อมเกิดการปะทะแย่งชิงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และเผ่าวายุคลั่งคล้ายไม่สนใจเรื่องนี้

ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ นี่คือเรื่องธรรมชาติ ในโลกวิญญาณก็เป็นเช่นนี้เสมอมา

ความล้มเหลวในการพัฒนาของชาลู่ในช่วงต้น ทำให้ตกเป็นรองผู้เบิกทางตนอื่นๆ ดังนั้นย่อมกลายเป็นเป้าหมายของผู้เบิกทางที่มีอำนาจมากกว่า

เจ้านั่นอาจตั้งใจจะขับไล่ชาลู่ออกไป หรืออ้าแขนรับไว้เป็นลูกน้องก็เป็นได้ทั้งนั้น

แต่ที่แน่ๆกองกำลังและดินแดนของชาลู่ จะถูกอีกฝ่ายฮุบไปแบบเต็มจำนวน

ซึ่งชัดเจนว่าเรื่องนี้คุกคามต่อผลประโยชน์หลักของกลุ่มมังกรฟ้า

ฮังอวี่ในฐานะหัวหน้าใหญ่จะทนได้อย่างไร?

ทว่าอีกฝ่ายคงแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ

เพราะกระทั่งซูหยุนปิงซึ่งเป็นคนฉลาดหลักแหลมยังแก้ปัญหานี้ไม่ได้

อย่างไรเสียกลุ่มมังกรฟ้าเป็นเพียงกองกำลังพลเรือนฝั่งตะวันตกของเมืองเจียงเฉิงเท่านั้น พวกเขายังไม่แกร่งพอที่จะสู้กองทัพชาวโลกวิญญาณได้ นี่คือเหตุผลที่เธอต้องมาแจ้งเขา

“เข้าใจแล้ว ไมจำเป็นต้องกังวล ที่จริงแล้วถึงไม่มีเหตุการณ์นี้ แต่ผมก็ตั้งใจจะช่วยชาลู่ผนวกดินแดนของผู้เบิกทางตนอื่นๆอยู่แล้ว และในเมื่อพวกมันเป็นฝ่ายหันปากกระบอกปืนใส่ก่อน งั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพ”

ฮังอวี่เคาะโต๊ะเบาๆ

“สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิงพึ่งจัดตั้งอย่างเป็นทางการ พวกเขากำลังรอโอกาสสร้างผลงานโชว์คนอื่นๆอยู่พอดี รบกวนอาจารย์ช่วยบอกชาลู่ให้เอาข้อมูลทั้งหมดของอีกฝ่ายมา รายละเอียดยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี”

ซูหยุนปิงยิ้มบาง “ฉันเดาไว้แล้วว่านายต้องทำแบบนั้น เลยรวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมกับเป็นอาจารย์ซู ช่วยประหยัดเวลาผมได้จริงๆ”

ฮังอวี่กวาดสายตาอ่านข้อมูลด้วยความพอใจ เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรออก

“สวัสดีเหล่าฉู ผมเอง ผมมีข้อมูลดีๆจะบอก อืม .... ถ้าคุยกันอย่างเดียวคงไม่เห็นภาพ ผมว่าคุณควรมาดูด้วยตาตัวเอง!”