ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 68 จบภารกิจอย่างรวดเร็ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 70 โลกแห่งแสง

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 69 นักสู้ชั้นหนึ่ง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 69 นักสู้ชั้นหนึ่ง

แปลโดย iPAT  

แรกเริ่มหลิวหงยังลังเลที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของเขาต่อหลี่ฉิงซาน เขารู้สึกว่าหลี่ฉิงซานสามารถคุกคามเขาเพราะเขาไม่ได้ใช้อาวุธ หลิวหงรู้วิธีใช้ดาบเช่นกัน เพียงเมื่อหลี่ฉิงซานทำลายป้อมวายุทมิฬด้วยตัวคนเดียว หลิวหงจึงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เขาก็ปฏิบัติต่อหลี่ฉิงซานเหมือนคนที่มีความสามารถใกล้เคียงกันและดีกว่าตนเองเพียงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามตอนนี้หลิวหงรู้สึกว่าตราบเท่าที่หลี่ฉิงซานต้องการ เขาจะจบชีวิตลงทันทีโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อสู้หรือหลบหนี นี่คือสัญชาตญาณของคนที่มีประสบการณ์

‘เขากลายเป็นนักสู้ชั้นหนึ่งแล้วงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ มันพึ่งวันเดียว!’ หลิวหงคิดแต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่อยู่ตรงหน้า เขาลังเลว่าควรรายงานเรื่องโสมจิตวิญญาณไปยังสาขาหลักของสำนักกำปั้นเหล็กในมณฑลชิงเหอหรือไม่ เจ้าสำนักจะส่งคนออกมาอย่างแน่นอน ท้ายที่สุดทุกคนก็รู้ถึงคุณค่าของโสมจิตวิญญาณ

อย่างไรก็ตามแม้เขาจะไม่ทำเช่นนั้น ข่าวก็จะแพร่กระจายไปทั่วมณฑลชิงเหอไม่ช้าก็เร็วภายใต้ความพยายามของหยางอันจื่อ ชาวยุทธ์จะมารวมตัวกันที่นี่ในไม่ช้า

หลี่หลงอยู่ในงานเลี้ยงเช่นกัน เมื่อเขามองเด็กหนุ่มที่มาจากหมู่บ้านกระทิงหมอบเช่นเดียวกับเขาที่ทั้งกล้าหาญ เต็มไปด้วยพลัง และได้รับการเคารพนับถือจากเหล่าขุนนาง เขารู้สึกไม่แน่ใจว่าตนเองควรชื่นชมหรืออิจฉา อารมณ์ของเขาค่อนข้างสับสนวุ่นวาย

แต่เขาสัมผัสได้ถึงการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไปของหลิวหง ดังนั้นเขาจึงเปิดปากถาม “ท่านอาจารย์ ท่านสบายดีหรือไม่?”

หลี่ฉิงซานได้ยิน เขาเผยรอยยิ้ม “วีรบุรุษเฒ่าหลิว ก่อนหน้านี้ข้ารีบร้อนเกินไป ข้าขัดจังหวะการดื่มของทุกคน โปรดรับการคารวะจากข้าแทนคำขอโทษ”

หลิวหงผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “เห้อ...ฉิงซาน เจ้าต้องการเยาะเย้ยข้างั้นหรือ? วีรบุรุษอันใด? มีเพียงคำว่าเฒ่าเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง ยุทธภพเป็นของคนรุ่นใหม่เช่นพวกเจ้า เสี่ยงหลง ลุกขึ้นเร็ว พวกเจ้าทั้งสองมาจากหมู่บ้านเดียวกัน ดังนั้นพวกเจ้าควรดื่มให้กันและกัน ฉิงซาน ข้าขอฝากศิษย์ของข้าด้วย ในอนาคต โปรดดูแลเขาด้วย”

การแสดงออกของทุกคนกลายเป็นแปลกประหลาด สำนักกำปั้นเหล็กมีสาขามากมายในมณฑลชิงเหอ พวกเขาเป็นองค์กรขนาดใหญ่แต่หลิวหงกลับต้องการให้คนนอกดูแลศิษย์ของเขา

หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่เขายังเผยรอยยิ้ม “แน่นอน!” จากนั้นเขาก็ดื่มสุราจนหมดจอก มันเป็นการกระทำที่ธรรมดามากแต่มันก็ทำให้เสียงโห่ร้องดังขึ้น

หลังจากดื่มสุรา ท้องของหลี่ฉิงซานก็ดังขึ้น หลายคนยิ้มก่อนจะซ่อนรอยยิ้มไว้อย่างรวดเร็ว

เย่ต้าฉวนกล่าว “เร็ว นั่งลงและกินอาหาร เสี่ยวเอ้อ นำสุราอาหารมาเพิ่ม!” ยิ่งเขามองหลี่ฉิงซาน เขาก็ยิ่งชอบฝ่ายหลัง ตราบเท่าที่มือปราบหลี่ยังอยู่ เมืองชิงหยางจะอยู่ในกำมือของเขา เขาจะสามารถดำเนินชีวิตตามที่ควรจะเป็นในฐานะเจ้าเมือง นอกจากความแข็งแกร่งและน้ำใจของหลี่ฉิงซาน เด็กหนุ่มยังสุภาพและรู้ว่าเมื่อใดควรทำสิ่งใด เขาไม่เหมือนเด็กหนุ่มที่หยิ่งผยองที่ไม่สนใจผู้อื่น บางครั้งเขาดูมีความรอบรู้มากจนดูไม่เหมือนเด็ก

หลี่ฉิงซานไม่รู้ว่าเย่ต้าฉวนกำลังคิดสิ่งใด ตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงสุราอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ แรกเริ่มเขายังพยายามรักษามารยาทบนโต๊ะอาหาร แต่หลังจากเริ่มกินไปสองสามคำ เขาก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก เขาเริ่มยัดอาหารเข้าปากและเคี้ยวอย่างจริงจัง

ไก่ย่างเกือบครึ่งตัวหายไปในคำเดียว เขาไม่แม้แต่จะคายกระดูกออกมา ตรงข้าม เขาบดขยี้มันและกลืนลงไปพร้อมกับสิ่งอื่น จากนั้นไก่ย่างทั้งตัวก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว

ทุกคนเฝ้ามองด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นผู้ใดกินอย่างดุเดือดเช่นนี้มาก่อน

เพียงไม่นานหลี่ฉิงซานก็ทำให้อาหารครึ่งโต๊ะหายไปแต่เขายังไม่อิ่ม ท้องของเขาเหมือนเตาหลอมที่ไร้ก้นบึ้ง มันย่อยและดูดซับสารอาหารก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลังงานส่งไปยังส่วนต่างๆของร่างกายอย่างรวดเร็ว

เสียงโห่ร้องดังขึ้นในโรงเตี้ยมอีกครั้ง

“วีรบุรุษหนุ่มหลี่เป็นผู้กล้าตัวจริง!”

“วีรบุรุษหนุ่มอันใด? เขาคือมือปราบหลี่ มีมือปราบหลี่คอยปกป้องพวกเรา พวกเรายังต้องกลัวโจรอีกงั้นหรือ?”

หนึ่งคนกินขณะที่กลุ่มคนเฝ้ามองและส่งเสียงเชียร์ แม้แต่หลี่ฉิงซานยังรู้สึกประหลาด เขารู้ว่าตนเองกินอาหารโดยไม่สนมารยาท หากเป็นก่อนหน้า ขุนนางที่ใช้ชีวิตหรูหราและให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เหล่านี้คงตราหน้าว่าเขาเป็นคนบ้านนอกหรือผีที่หิวโหยไปแล้ว

อย่างไรก็ตามคำชมส่วนใหญ่จริงใจ หากเป็นคนธรรมดา พวกเขาคงถูกเย้ยหยันและรังเกียจไปนานแล้ว แต่หลี่ฉิงซานไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคนทรงอิทธิพลที่ทำลายล้างสองกองกำลังใหญ่ของเมืองชิงหยาง ดังนั้นตำแหน่งของหลี่ฉิงซานในใจของขุนนางเหล่านี้จึงอยู่ค่อนข้างสูง

หลี่ฉิงซานยัดสุราอาหารเข้าปากอย่างต่อเนื่อง เพียงเมื่ออาหารสามชุดหมดไป เขาจึงหยุด

มันดึกแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไป หลี่ฉิงซานได้รับการจัดสรรบ้านที่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ในเมืองชิงหยาง

เขาไม่รู้ว่าตนเองดื่มสุราไปมากเพียงใด นั่นทำให้เขารู้สึกค่อนข้างเมา เมื่อเขากลับถึงบ้านพัก เขาก็ทรุดตัวลงบนเตียงทันที เขาพึมพำว่า “เสี่ยวอัน” ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไป เขาหลับสนิทมาก หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของเสี่ยวอัน เขาย่อมไม่กล้าดื่มสุราและนอนหลับอย่างอิสระเช่นนี้ ตรงข้าม เขาจะถูกบังคับให้เฝ้าระวังตลอดเวลา

นี่เป็นแง่มุมที่น่ากลัวหลังจากตกเป็นเป้าหมายของทุกคน หากสิ่งนี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน ไม่ว่าทักษะการต่อสู้ของเขาจะยอดเยี่ยมเพียงใด จิตใจของเขาก็จะพังทลายและหมดแรงในที่สุด

เสี่ยวอันช่วยถอดรอดเท้าและเสื้อผ้าของหลี่ฉิงซานอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ห่มผ้าให้ฝ่ายหลังก่อนจะจับดาบและนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงเหมือนยาม บางทีการกระทำของหลี่ฉิงซานในคืนนั้นอาจทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกหวาดกลัวหรือบางทีอาจมีบางคนเฝ้ามองเขาอยู่ในความมืด อย่างไรก็ตามคืนนั้นหลี่ฉิงซานสามารถนอนหลับได้อย่างสะดวกสบาย ไม่มีคนโง่แม้เพียงคนเดียวที่กล้ารบกวนเขา

เขาหลับไปจนถึงรุ่งเช้า เขาลุกขึ้นนั่งด้วยอาการมึนงงขณะหวนคิดถึงความฝันเมื่อคืนนี้ เขาไม่ได้ฝันถึงชีวิตในอดีตอีกต่อไปแต่มันเป็นความฝันใหม่ สำหรับรายละเอียด เขาจำแทบไม่ได้

ขณะที่เขากำลังงุนงง เสี่ยวอันก็นำกะละมังใส่น้ำวางลงด้านหน้าเขา หลี่ฉิงซานขอบคุณก่อนจะก้มหน้าและมองภาพที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ “หือ ข้าดูผอมลง!?” เขาใช้มือสัมผัสใบหน้าและรู้สึกว่าตนเองผอมลงจริงๆ เขากินเนื้อจำนวนมากเมื่ออยู่บนภูเขา หลังจากบรรลุความแข็งแกร่งของกระทิงหนึ่งตัว ร่างกายของเขาก็แข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเขาดูเอิบอิ่ม มันไม่ผอมเหมือนในอดีต เขาเต็มไปด้วยพลังงานและแข็งแรงเหมือนวัว

‘เป็นเพราะข้าเหน็ดเหนื่อยเกินไปในช่วงสองวันที่ผ่านมางั้นหรือ?’ เขาพึมพำกับตัวเองในใจ เขาก้มศีรษะลงไปในน้ำก่อนจะดึงมันขึ้นมา นั่นทำให้จิตใจของเขาแจ่มใสขึ้นทันที “ไปกันเถอะ ได้เวลาฝึกแล้ว!”

บ้านพักของหลี่ฉิงซานอยู่ค่อนข้างข้างไกล มันเงียบมากและมันก็กว้างขวางมากเช่นกัน แต่ด้วยเหตุนี้มันจึงเหมาะสำหรับการฝึกวิชาและมันก็ตรงตามความต้องการของหลี่ฉิงซาน เมื่อเขาเดินออกจากตัวบ้าน เขาพบว่าหิมะหยุดตกแล้ว แสงแดดในฤดูหนาวส่องประกายเจิดจ้า

หลี่ฉิงซานก้าวออกมารับแสงจากดวงอาทิตย์แต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อมองย้อนกลับไปคือเสี่ยวอันที่อยู่ในเงามืดรู้สึกกลัวที่จะก้าวออกมาจากประตู

หลี่ฉิงซานยิ้มและยื่นมือออกไป “มาเถอะ”