ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 67 ดาบลอบสังหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 69 นักสู้ชั้นหนึ่ง

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 68 จบภารกิจอย่างรวดเร็ว


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 68 จบภารกิจอย่างรวดเร็ว

แปลโดย iPAT  

ทันทีที่หยางอันจื่อก้าวเท้าออกไป เขาก็ทรุดตัวลงกับพื้นราวกับถูกสายฟ้าฟาด เขาตัวสั่นไปทั้งร่าง เลือดไหลออกจากทุกรูขุมขน ไม่นานร่างกายของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเลือด

ปรากฏว่าปราณดาบไม่ได้แยกแยะมิตรหรือศัตรู หลี่ฉิงซานไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักเพราะพลังปราณช่วยปกป้องร่างกายของเขาเอาไว้ แต่หยางอันจื่อมีเพียงกำลังภายในซึ่งแตกต่างจากพลังปราณที่แท้จริงในเชิงคุณภาพ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถหยุดปราณดาบ

ห้องโถงบรรพชนเริ่มส่งเสียงแตกร้าว ฝุ่นและเศษไม้ร่วงหล่นลงมา ปราณดาบทำลายโครงสร้างทั้งหมดของมัน ตอนนี้มันกำลังจะพังทลาย

ด้วยไม้และดินจำนวนมากที่ตกลงมา แม้แต่หลี่ฉิงซานยังรู้สึกไม่ปลอดภัย เขาตะโกน “เสี่ยวอัน ออกไปเร็วเข้า!” อย่างไรก็ตามเขากลับพุ่งตรงไปทางหยางอันจื่อ

การพังทลายของห้องโถงบรรพชนส่งเสียงดังไปไกลกว่าห้ากิโลเมตร ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งอยู่รอบๆนิกายถ้ำมังกรทำให้ศิษย์ทั้งหมดที่ยืนเฝ้ายามอยู่ในป่าตกใจและรีบขึ้นไปบนภูเขา

ห้องโถงใหญ่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน ร่างของหลี่ฉิงซานปรากฏขึ้นพร้อมกับหัวใจในกำมือ

เสี่ยวอันก้มศีรษะลงด้วยความละอายใจ หากไม่ใช่เพราะเขาที่ชิงรับการโจมตีของหยางอันจื่อก่อนหน้านี้ หยางอันจื่อคงไม่มีโอกาสหนีไปยังห้องโถงบรรพชน ขณะที่หลี่ฉิงซานจะไม่ต้องเสี่ยงอันตรายมากนัก

หลี่ฉิงซานลูบศีรษะเสี่ยวอัน “มันไม่เป็นไร” เขาเป็นเหมือนพ่อที่สปอยล์ลูก พี่ชายที่ปล่อยให้น้องชายทำตามอำเภอใจ

สองขั้วตรงข้ามระหว่างความโหดเหี้ยมและความอบอุ่นปรากฏขึ้นบนตัวเขาพร้อมกัน มันข้อแย้งอย่างมากแต่มันก็ดูเป็นการผสมผสานที่น่าประทับใจ

ด้วยท่าปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ เขาควักหัวใจของผู้อาสุโสนิกายถ้ำมังกรมากกว่าสิบคนออกมา หลังจากนั้นเสี่ยวอันก็ดูดเลือดจากพวกมัน เปลวไฟในเบ้าตาของเขาสว่างไสวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือความเร็ว พวกมันต่างพัฒนาขึ้นอย่างมาก เด็กน้อยมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วสมกับที่มันเป็นเคล็ดวิชาเหนือธรรมชาติ

หลี่ฉิงซานเก็บดาบที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของหยางอันจื่อขึ้นมา มันด้อยกว่าดาบมังกรทะยานเล็กน้อยแต่มันมีขนาดเล็กและสั้นกว่าดาบมังกรทะยาน ดังนั้นมันจึงเหมาะสมกับเสี่ยวอัน

หลี่ฉิงซานยังรื้อค้นนิกายถ้ำมังกรและเปลี่ยนชุดใหม่ อย่างไรก็ตามเขาไม่พบคลังสมบัติเหมือนป้อมวายุทมิฬ หลังจากทั้งหมดนิกายถ้ำมังกรไม่สามารถสะสมเงินทองเอาไว้มากเกินไปเพราะพวกเขาไม่ใช่โจร สินค้าที่ขโมยมาขายยาก นั่นเป็นเหตุผลที่ป้อมวายุทมิฬต้องเก็บพวกมันไว้ในคลังสมบัติ

แต่ถึงกระนั้นหลี่ฉิงซานก็ยังพบขวดยาจำนวนมาก พวกมันติดป้ายชื่อที่หลายหลายเช่นเม็ดยาโสมเก้าชีวิต เม็ดยาชำระไขกระดูก และอื่นๆ แม้จะไม่มียาวิเศษหรือยาอมตะ แต่พวกมันก็ยังเป็นยาราคาแพง กระทั่งฤทธิ์ของพวกมันจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับโสมจิตวิญญาณ แต่พวกมันก็ยังดีกว่าสุราหมักโสมธรรมดา มันมีค่าที่จะเก็บเกี่ยว

อย่างไรก็ตามกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขามาจากร่างของนายน้อยหยางจุน มันเป็นตั๋วแลกเงินมูลค่าหลายหมื่นตำลึง! หยางอันจื่อเตรียมตัวหลบหนี ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนทรัพย์สินทั้งหมดเป็นตั๋วแลกเงินและมอบให้บุตรชายเป็นผู้ดูแลเผื่อในกรณีฉุกเฉิน แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าหลี่ฉิงซานจะมาเร็วและดุร้ายถึงเพียงนี้

ศิษย์นิกายถ้ำมังกรมาถึงในที่สุด เมื่อพวกเขาเห็นห้องโถงบรรพชนถล่มลงมา พวกเขาก็มองหน้ากันราวกับต้องการกล่าวว่า “เกิดสิ่งใดขึ้น?”

พวกเขารีบเข้าไปในห้องโถงใหญ่และตกตะลึงกับภาพอันน่าสยดสยองในทันที ศพนอนอยู่รอบๆโดยมีรูอยู่บนหน้าอก มีเพียงร่างเดียวที่ยืนอยู่ที่นั่นในลักษณะหันหลังให้พวกเขา

เหล่าศิษย์รวบรวมความกล้าตะโกนออกไป “เจ้าเป็นผู้ใด?”

หลี่ฉิงซานตบแจกันกระเบื้องเบาๆเพื่อปลอบโยนเสี่ยวอันก่อนจะหันหน้ากลับไป “ข้าคือหลี่ฉิงซาน นิกายถ้ำมังกรถูกทำลายแล้ว แยกย้ายกันไปซะ!” หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องโถง

โจรป้อมวายุทมิฬล้วนเป็นคนบาป ดังนั้นเขาจึงสังหารหมู่คนเหล่านั้น สำหรับผู้อาวุโสที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ของนิกายถ้ำมังกร พวกเขาปฏิบัติต่อเขาเหมือนศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องปลิดชีพพวกเขา อย่างไรก็ตามศิษย์เหล่านี้เป็นเพียงตัวหมากเบี้ยที่ถูกใช้เป็นเครื่องสังเวย แม้เขาจะต้องการช่วยให้เสี่ยวอันได้รับร่างกายอย่างรวดเร็วที่สุดแต่เขาก็ไม่ต้องการฆ่าผู้บริสุทธิ์

แน่นอนว่าหากศิษย์นิกายถ้ำมังกรคนใดชักดาบออกมาและโจมตีเขา เขาจะไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย นักดาบต้องพร้อมที่จะตายร่วมกับดาบ นักฆ่าต้องเตรียมใจให้พร้อมกับการการถูกฆ่า

หลี่ฉิงซานเดินผ่านศิษย์นิกายถ้ำมังกรหลายสิบคนขณะที่คนเหล่านั้นต่างเปิดทางให้เขา

เมื่อหลี่ฉิงซานกำลังจะไปถึงประตู บางคนก็ชักดาบออกมาและคำราม “ข้าจะฆ่าเจ้า!” จากนั้นก็พุ่งเข้าหาเขา

หลี่ฉิงซานชำเลืองคนใจกล้าอย่างเฉยเมย สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารเหมือนดาบที่แทงเข้าไปในหัวใจของฝ่ายตรงข้าม คนผู้นั้นหยุดชะงักทันที ดาบในมือของเขาตกลงบนพื้นและส่งเสียงดังขณะที่เขาทรุดตัวลงและกล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่มนุษย์ เจ้าเป็นปีศาจ ปีศาจ!”

หลี่ฉิงซานไม่สนใจมันแม้แต่น้อย เขาเดินออกไปอย่างสะดวกสบาย เขาเข้าใจว่ามันคือวิธีสุดท้ายที่จะระบายความคับข้องใจออกมา

บนยอดเขาที่โดดเดี่ยว ศิษย์นิกายถ้ำมังกรเดินตามหลังหลี่ฉิงซานไปอย่างช้าๆด้วยร่างสั่นเทา เมื่อหลี่ฉิงซานมาถึงหน้าผาทิศตะวันออก เขาก็กระโดดลงไปและหายตัวไปในความมืดที่เต็มไปด้วยหิมะและสายลมกรรโชกแรง

มีคำกล่าวที่ว่าขึ้นภูเขาง่ายกว่าลงภูเขา เปรียบเทียบกับการปีนขึ้นภูเขา เส้นทางที่หลี่ฉิงซานลงไปอันตรายกว่ามาก เขาต้องใช้ทักษะหมัดปีศาจพยัคฆ์อย่างเต็มที่เพื่อควบคุมร่างกายและพละกำลังทั้งหมดอย่างระมัดระวัง หากประมาทเพียงเล็กน้อย ร่างกายของเขาอาจระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์จากครั้งก่อน เขาสามารถปีนลงภูเขาได้อย่างปลอดภัย เขาคุ้นเคยกับการใช้หมัดปีศาจพยัคฆ์มากขึ้นแล้ว เมื่อลงมาถึงพื้นราบ ท้องของเขาก็เริ่มส่งเสียงประท้วง ความรู้สึกหิวที่รุนแรงพุ่งเข้าโจมตีเขา คืนก่อนเขารีบร้อนไปที่ป้อมวายุทมิฬและต่อสู้เป็นเวลานาน แต่เขาก็ยังไม่หิวเหมือนตอนนี้

เขาวิ่งอย่างดุเดือดไปตามพื้นเพื่อกลับเมืองชิงหยาง เขาพบประตูเมืองที่ปิดสนิท แต่ด้วยการกระโดดเช่นพยัคฆ์ เขาก็กลับไปยังโรงเตี้ยมเดิมได้ในที่สุด

โรงเตี้ยมยังสว่างไสว งานเลี้ยงยังไม่เลิกลา ทุกคนยังดื่มสุราอย่างออกรสและพูดคุยกันระหว่างรอข่าวของหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้งอย่างกะทันหัน ทุกคนยังสงสัวว่าเขาไปที่นิกายถ้ำมังกรมาแล้วหรือยัง ท้ายที่สุดเขาก็จากไปและกลับมาภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับคนทั่วไปที่จะเดินทางไปยังนิกายถ้ำมังกร

แม้หลี่ฉิงซานจะใช้หิะะเพื่อขจัดคราบเลือดออกไป แต่กลิ่นคาวเลือดยังไม่กระจายหายไปจากตัวเขา

เย่ต้าฉวนเรียก “ฉิงซาน!”

หลี่ฉิงซานกล่าว “โปรดนั่งลงก่อน นิกายถ้ำมังกรถูกทำลายแล้ว หยางอันจื่อ หยางจุน และกลุ่มอาชญากรถูกจัดการทั้งหมด สำหรับศิษย์คนอื่นๆ ข้าปล่อยให้พวกเขาแยกย้ายกันไป”

ทุกคนในโรงเตี้ยมอ้าปากค้าง หากพวกเขาไม่ถูกขัดขวางด้วยความแข็งแกร่งของหลี่ฉิงซาน พวกเขาจะตั้งคำถามว่าเขาพูดจริงงั้นหรือ เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้? หลังจากทั้งหมดเมื่อเขาออกไปทำลายป้อมวายุทมิฬ เขาต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับหนึ่งวันหนึ่งคืน

เย่ต้าฉวนอุทาน “เร็วมาก!”

หลี่ฉิงซานพยักหน้า แม้จะผ่านไปเพียงวันเดียว แต่เขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ประการแรก เขาได้รับการสนับสนุนอันทรงพลังจากเสี่ยวอันที่มีความสำเร็จบางอย่างบนเส้นทางแห่งกระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ ประการที่สอง ตัวเขาเองเริ่มฝึกหมัดปีศาจพยัคฆ์ที่เปลี่ยนความแข็งแกร่งของเขาให้เป็นพลังทำลายล้าง

คนเดียวในปัจจุบันที่สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาคือเจ้าสำนักกำปั้นเหล็กหลิวหง แต่เขาแทบฝังศีรษะลงบนโต๊ะ เขาทำได้เพียงซ่อนความตกใจเอาไว้เท่านั้น เขารู้สึกว่าหลี่ฉิงซานในเวลานี้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่พึ่งถูกสร้างขึ้นและปลดปล่อยแสงระยิบระยับออกมา