ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 64 ปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 66 กวาดล้างนิกายถ้ำมังกร

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 65 ปีนสูงและมองไกล


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 65 ปีนสูงและมองไกล

แปลโดย iPAT  

หลังจากฆ่าคนโฉดทั้งสามแห่งเหยา หลี่ฉิงซานวิ่งไปในป่าโดยไร้สิ่งกีดขวาง หากเขาพบแม่น้ำ เขาจะข้ามมัน หากเขาพบภูเขา เขาจะปีนขึ้นไป ด้วยการพึ่งพาหมัดปีศาจพยัคฆ์ เขามาถึงหน้าผาหินทิศตะวันออกของนิกายถ้ำมังกรภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง หน้าผาสูงตระหง่านราวกับดาบที่ปักลงบนพื้นพิภพ หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็ทะยานร่างขึ้นไปบนหน้าผาด้วยความเร็วสูง

เนื่องจากเขาอยู่กลางอากาศหลายร้อยเมตร เสียงลมจึงพุ่งเข้าโจมตีแก้วหูของเขา แต่เขาเพิกเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิง ดวงตาของเขาหรี่ลงขณะที่เขาค้นหาสิ่งคว้าจับ แม้จะเป็นส่วนที่ยื่นออกมาเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถใช้ประโยชน์จากมัน เมื่อไม่มีสิ่งใดให้จับ เขาก็จะใช้กรงเล็บเจาะพื้นผิวที่ราบเรียบของกำแพงหินโดยตรง

หากหน้าผาหมุนได้เก้าสิบองศา คนผู้หนึ่งจะเห็นหลี่ฉิงซานในสภาพหลังค่อมขณะที่มือเท้าทั้งสี่แนบกับพื้นเหมือนเสือโคร่ง นอกจากนั้นมันยังดูเหมือนเขากำลังวิ่งอยู่บนพื้นที่ราบเรียบจริงๆ เขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและง่ายดาย มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าตนเองกำลังเหยียบลงบนชั้นน้ำแข็งบางๆ โดยพื้นฐานแล้วเขาต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างต่อเนื่อง ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้เขาร่วงหล่นลงจากที่สูงมากกว่าร้อยเมตรได้ทันที แม้ร่างกายและกระดูกของเขาจะแข็งแกร่ง มันก็ยังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งนี้อันตรายยิ่งกว่าการบุกป้อมวายุทมิฬเพียงลำพัง

อย่างไรก็ตามเขาไม่กลัว ตรงข้าม มันทำให้เลือดในกายของเขาสูบฉีดและรีดเค้นศักยภาพทั้งหมดของเขาออกมา จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความแข็งแกร่งของเขาบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในที่สุดเขาก็เข้าใจความสุขของนักปีนเขาที่เสี่ยงชีวิตเพื่อปีนหน้าผาสูงชัน เขายังเข้าใจเหตุผลที่หลายคนชอบเล่นกีฬาผาดโผน ท้ายที่สุดการก้าวข้ามความยากลำบากและอันตรายที่ผู้อื่นไม่สามารถทำได้ก็เป็นธรรมชาติและสัญชาตญาณของชายเลือดร้อน

เขาเพิกเฉยต่อสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอ่อนล้าของร่างกายรวมถึงเสียงลั่นของกระดูกที่เกิดจากการทำงานหนัก เขาแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่เอาไว้แต่นั่นกลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขราวกับวิญญาณของเขาได้รับการปลดปล่อย เขารู้สึกเหมือนกำลังโบยบิน

เพียงพริบตาเขาก็ขึ้นไปถึงยอดเขา เขาคุกเข่าอยู่บนหน้าผาก่อนจะค่อยๆยืนขึ้น

เมืองชิงหยางตั้งอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดแห่งขุนเขาและฝูงสัตว์ร้ายที่รอเวลาฉีกกระชากพวกเขาให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นี่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยอันตราย

ช่วงเวลาที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านกระทิงหมอบ เขาคิดถึงห้องที่สะดวกสบายในชีวิตก่อนหน้า วิถีชีวิตที่เรียบง่ายที่เขาสามารถกินของต่างๆและใช้เวลาทั้งวันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แม้หลังจากวัวดำปรากฏตัวขึ้นและได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ เขาก็ยังรู้สึกลังเลอยู่ภายในว่าจากทั้งสองชีวิตของเขา ชีวิตไหนดีกว่า

กระทั่งถึงคืนนี้ เขาจึงพบคำตอบและสามารถขจัดข้อสงสัยสุดท้ายในใจ เขากางแขนออกราวกับเขากำลังโอบกอดโลกทั้งใบเอาไว้ เขากล่าว “นี่คือชีวิตที่ข้าต้องการ ที่นี่คือแดนมหัศจรรย์ของนักผจญภัย!”

ลมหนาวพัดเสื้อผ้าของเด็กหนุ่ม บนหน้าผาแห่งนี้ เขายุติเรื่องราวในอดีตและความฝันเก่าๆที่ตามหลอกหลอนเขามาเป็นเวลาสิบห้าปี

“ข้าคือหลี่ฉิงซาน!”

เสี่ยวอันคลานออกมาจากแจกันกระเบื้องและจ้องมองหลี่ฉิงซานด้วยความว่างเปล่า แม้เสี่ยวอันจะไม่รู้ว่าหลี่ฉิงซานกำลังคิดสิ่งใด แต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของอีกฝ่าย เขาคิดในใจว่า ‘ไม่ว่าท่านจะเดินไปบนเส้นทางใด ข้าก็จะร่วมทางไปกับท่านจนถึงที่สุด!’

หลี่ฉิงซานสูดหายใจลึกก่อนจะเดินไปยังทิศทางที่มีอาคารตั้งอยู่ มันคือนิกายถ้ำมังกร

มันดึกมากแล้วแต่แสงจากตะเกียงยังส่องสว่างอยู่ในห้องโถงมังกรทะยานของนิกายถ้ำมังกร

ผู้นำนิกายหยางอันจื่อนั่งอยู่ข้างหน้า ที่นั่งด้านข้างของเขาคือหยางจุนที่ใบหน้าซีดขาวแต่ยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ผู้อาวุโสและศิษย์หลักนั่งอยู่สองแถวด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

แม้แต่เปลวไฟของโรงตีเหล็กก็ยังไม่สามารถมอบความอบอุ่นให้กับหัวใจของพวกเขาในเวลานี้

หลี่ฉิงซานทำลายป้อมวายุทมิฬ ข่าวนี้เหมือนภูเขาหินที่กดทับอยู่บนหน้าอกของพวกเขา นิกายถ้ำมังกรมีความสามารถในการหาข่าวที่น่าประทับใจ หลี่ฉิงซานพึ่งกลับถึงเมืองชิงหยางในช่วงพลบค่ำ เมื่อท้องฟ้ามืดลง พวกเขาก็ได้รับข่าวแล้ว มันเร็วมาก

หยางจุนกรีดร้องด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “นี่เป็นไปไม่ได้! มันเป็นเพียงข่าวลือ! มันพึ่งวันเดียว ป้อมวายุทมิฬไม่ได้ทำมาจากกระดาษ! พวกเขาจะถูกทำลายได้อย่างไร!”

“จุนเอ๋อ ไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนั้นอีก เมืองชิงหยางยกทัพออกไป หลิวหงและฮวงปิงหูร่วมมือกัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะสามารถทำลายป้อมวายุทมิฬ อย่างไรก็ตามข้าไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วถึงเพียงนี้!” หยางอันจื่อทำตัวสมกับเป็นผู้นำนิกาย แม้จะมีข่าวใหญ่แต่เขายังสามารถรักษาความสงบ

ผู้อาวุโสบางคนกล่าว “ข้าไม่เคยคิดว่าหลิวหงและฮวงปิงหูจะร่วมมือกันเพื่อช่วยเด็กคนนี้ ท่านผู้นำ ตอนนี้เราควรทำอย่างไร? เหล่าขุนนางเรียกบุตรหลานของพวกเขากลับไปแล้ว”

“ช่วยเด็กนั่นงั้นหรือ? พวกเขาทำเพื่อความมั่งคั่งและสมบัติของป้อมวายุทมิฬ พวกเขาจะไม่ละเว้นนิกายถ้ำมังกรเช่นกัน นี่เป็นหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับนิกายถ้ำมังกรของเรา!”

นิกายถ้ำมังกรก่อตั้งมานานหลายปี แม้มันจะไม่ใช่นิกายใหญ่ของยุทธภพ แต่มันก็มีรากฐานที่ไม่ธรรมดาในภูมิภาคนี้ การผสมผสานระหว่างทักษะการต่อสู้กับอำนาจทางการเมืองทำให้พวกเขาสามารถปกครองพื้นที่ มันเหมือนทรราชของท้องถิ่น ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวว่าโลกกำลังกบฏต่อพวกเขา พวกเขาจึงรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับวันสิ้นโลก

“ท่านผู้นำ ข้าเคยพูดมานานแล้วว่าควรกำหราบศิษย์ของเรา เราไม่ควรปล่อยให้พวกเขาวิ่งไปมาอย่างอิสระเพราะมันจะจบลงด้วยการยั่วยุศัตรูที่ทรงพลังและนำหายนะมาสู่นิกายถ้ำมังกรของเขาไม่ช้าก็เร็ว!” ผู้อาวุโสฝ่ายวินัยกล่าวกับหยางอันจื่อแต่มองไปที่หยางจุน คนอื่นๆก็แสดงความไม่พอใจออกมาเช่นกัน

“เจ้าแก่ เจ้าพูดสิ่งใด!? ลูกชายโง่ๆของเจ้าข่มขืนภรรยาและลูกสาวของบางคน เมื่อพวกเขามาเคาะประตู ผู้ใดที่ยืนหยัดเพื่อเขา!” หยางจุนคำราม ปกติแล้วเขาไม่เคยพูดเช่นนี้กับผู้อาวุโส แต่ตอนนี้เขาสูญเสียทักษะยุทธ์ไปแล้วขณะที่นิกายถ้ำมังกรที่เคยปกป้องเขามาตลอดกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์ร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรักษาความสงบและไม่สนใจผลที่ตามมาอีกต่อไป

“เจ้า!” ใบหน้าของผู้อาวุโสฝ่ายวินัยกลายเป็นแดงก่ำ

“ทุกคนหุบปาก!” เสียงของหยางอันจื่อดังก้องไปทั้งห้อง พลังภายในของเขาไม่สามารถประเมินต่ำ “ตอนนี้เป็นเวลาที่พวกเราควรทะเลาะกันเองงั้นหรือ? ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นในอดีต สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือจัดการวิกฤตนี้ ข้าส่งศิษย์ไปเฝ้าระวังอยู่บนเส้นทางภูเขาแล้ว หากบางคนบุกมา พวกเขาจะส่งข่าวด้วยพุไฟ จะไม่มีผู้ใดสามารถซ่อนตัวจากเรา หากเราไม่สามารถหยุดพวกเขา เราก็จะล่าถอยผ่านอุโมงค์ลับในห้องโถงบรรพชน เราจะทิ้งภูเขาถ้ำมังกรและรักษาความแข็งแกร่งของเราไว้!”

ท้ายที่สุดนิกายถ้ำมังกรก็เป็นนิกายที่คงอยู่มาหลายชั่วอายุคน นอกจากลูกหลานขุนนางเหล่านั้น พวกเขายังมีศิษย์ที่ภักดีอีกมากมาย อย่างไรก็ตามศิษย์เหล่านี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้นำนิกายที่พวกเขาเคารพบูชาจะทอดทิ้งพวกเขา

ละทิ้งภูเขาถ้ำมังกร! ทุกคนในห้องโถงตกตะลึง พวกเขาเคยคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนี้ไว้แล้ว แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้จากปากของผู้นำนิกายจริงๆ พวกเขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ

“ข้าเพียงกล่าวถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดและมันก็เป็นแผนชั่วคราวเท่านั้น ข้าส่งข้อความถึงสหายคนอื่นๆแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะดีหรือชั่ว ทุกคนก็รู้เรื่องโสมจิตวิญญาณแล้ว อีกไม่นานเมืองชิงหยางจะเต็มไปด้วยผู้คน ไม่เพียงเด็กนั่นที่ต้องตาย แม้แต่หลิวหงและฮวงปิงหูก็ต้องพบจุดจบก่อนเวลาอันควรเช่นกัน เราเพียงต้องรักษาความแข็งแกร่งของเราเอาไว้และอีกไม่นานเราจะกลับมา!”

“วางแผนได้น่าประทับใจ ท่านผู้นำนิกายหยาง!” หลี่ฉิงซานผลักประตูขนาดใหญ่ให้เปิดออกและก้าวเข้าไปในห้องโถงพร้อมกับลมหนาวและเกล็ดหิมะ สายตาของเขาทิ่มแทงไปที่หยางอันจื่อ “เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้าไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ไม่ว่าข้าจะตายหรือไม่แต่เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน!”