ตอนที่แล้วEp.340 - คุมตัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.-342 - ใช้สมุนทหารกวาดล้างมอนสเตอร์

Ep.341 - น้ำไม่ไหลสู่นาคนนอก


2/4

Ep.341 - น้ำไม่ไหลสู่นาคนนอก

สกิลเสน่ห์ไม่ใช่ของพิเศษอะไร

อันที่จริง มันเป็นสกิลของผู้ใช้วิญญาณขั้น 3

อย่างไรก็ตาม บทบาทของเสน่ห์ที่เกิดจากสกิลพรสวรรค์และจากสกิลที่เรียนรู้เองนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

หนึ่งคือสกิลพรสวรรค์ หนึ่งคือสกิลมรดก อย่างหลังมีเอฟเฟกต์ที่จำกัด ขณะที่อย่างแรกสามารถพัฒนาและเพิ่มเอฟเฟกต์ได้อย่างต่อเนื่องตามเลเวล

อย่างไรก็ตาม อัตราความสำเร็จของสกิลเสน่ห์ที่เกิดจากสกิลพรสวรรค์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเลเวลศัตรู สถานะของศัตรู พลังรบศัตรู ฯลฯ

หรือก็คือหากซูหยุนปิงต้องการใช้สกิลนี้กับฉูเทียนหัว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จ!

ฉูเทียนหัวอยู่ในเลเวลเดียวกับเธอและมีพลังรบมากกว่า ดังนั้นจึงยากที่เสน่ห์จะได้ผล

นอกจากนี้ ทุกครั้งที่เธอควบคุมเป้าหมายได้สำเร็จแล้ว เอฟเฟกต์เสน่ห์ที่ใช้ในครั้งต่อๆไปจะค่อยๆอ่อนลง ดังนั้นจำนวนเป้าหมายที่สามารถหว่านเสน่ห์จึงมีจำกัด ซูหยุนปิงไม่สามารถสร้างกองทัพล้างสมองด้วยสกิลนี้ได้

อย่างน้อย

ก็ไม่ใช่ด้วยพลังรบของเธอในตอนนี้!

ฮังอวี่พูดกับเหล่าฉูว่า “หูเจี้ยนทิ้งร่องรอยเอาไว้แล้ว คุณสามารถส่งคนไปติดตามเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วถ้ามีข่าวอะไรใหม่ๆ ให้ติดต่อผมทันที”

ฉูเทียนหัวพยักหน้า “วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว ขอบคุณที่จริงๆที่นายยื่นมือช่วย ไม่งั้นเรื่องนี้คงไม่มีความคืบหน้า”

ฮังอวี่หัวเราะ “พวกเราเป็นคนกันเอง ไม่จำเป็นต้องขอบคงขอบคุณก็ได้”

ฉูเทียนหัวลังเลเล็กน้อย “แต่พูดไปแล้ว ฉันมีอีกเรื่องหนึ่งอยากให้นายช่วย”

ฮังอวี่เอ่ยถาม “เรื่องอะไร?”

ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “นายน่าจะรู้แล้ว ฉันได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณสาขาเจียงเฉิง แต่แผนกนี้พึ่งได้รับการจัดตั้งขึ้น มันยังว่างเปล่า ฉันเลยว่าจะรับสมาชิกกลุ่มแรกจากสกายเน็ต”

ฮังอวี่ถาม “อ่าหะ แล้วคุณอยากให้ผมช่วยอะไร?”

ฉูเทียนหัวกล่าว “ฉันจะร่างรายชื่อบุคลากรแล้วส่งให้นาย จากในบรรดาคนกลุ่มนี้ ฉันจะดึงตัวเข้าเป็นสมาชิกสำนักข่าวกรอง ฉันอยากให้นายช่วยตรวจสอบและคัดกรองพวกเขาอีกรอบ”

ฮังอวี่ตกใจและพูดว่า “คุณต้องการให้ผมช่วยคัดกรองสมาชิกสำนักข่าวกรอง? นี่มันเรื่องใหญ่ ด้วยสถานะของผมคงไม่เหมาะสม”

เขาเคยได้ยินจากเหล่าฉูแล้ว

สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณจะมีการจัดตั้งขึ้นทั่วประเทศ

สำนักข่าวกรองโลกฝ่ายวิญญาณคือแผนกที่ตั้งควบคู่ไปกับสกายเน็ต

แต่เมื่อเทียบกับสกายเน็ตซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกจำนวนมากแล้ว สำนักข่าวกรองเป็นแค่แผนกเล็กๆ พวกเขามีหน้าที่หลักในการเฝ้าติดตาม ตรวจสอบ รวบรวมข้อมูล และมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นพิเศษในการปราบปรามภัยคุกคามในเมืองที่อาจเกิดขึ้น

ถือได้ว่าเป็นองค์กรสืบราชการลับ

กำลังคนไม่จำเป็นต้องมีมากมาย

ทว่าทุกคนต้องเป็นชนชั้นยอด

การคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์เข้าสู่หน่วยงานดังกล่าวมีความสำคัญมากเพียงใดน่ะหรือ? มันสำคัญชนิดที่ว่าพวกเขาอาจมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเจียงเฉิง นั่นเท่ากับว่าข้อมูลโดยละเอียดของสมาชิกสกายเน็ตต้องเป็นความลับภายใน การที่ฉูเทียนหัวนำรายชื่อออกมาเช่นนี้ มีความเสี่ยงที่ความลับองค์กรจะรั่วไหล

ฉูเทียนหัวกล่าวว่า “นายเป็นที่ปรึกษาพิเศษของสกายเน็ตเจียงเฉิง ตราบใดที่นายไม่เผยแพร่มันออกไป การส่งข้อมูลสมาชิกกลุ่มให้กับนายไม่ใช่การละเมิดระเบียบวินัย อีกอย่าง นายมีประสบการณ์และรู้เรื่องโลกวิญญาณมากกว่าฉัน ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องรบกวนนายแล้ว”

ฮังอวี่กล่าวว่า “งั้นก็ตกลง นี่ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรๆ ผมจะช่วยเลือกให้ แล้วอีกอย่าง สำนักข่าวกรองโลกวิญญาณมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของเมืองมาก ผมไม่ใช่คนที่เพิกเฉยต่อสถานการณ์โดยรวม”

ดวงตาของฉูเทียนหัวฉายแววปิติยินดี “ถ้าอย่างนั้นประเด็นนี้เป็นอันจบไป ฉันขอกลับไปจัดกลุ่ม เตรียมการเรื่องลอบติดตามหูเจี้ยนก่อน”

เขาไม่ได้อ้อยอิ่ง

เริ่มจัดแจงภารกิจทันที

เบาะแสที่ชื่อว่าหูเจี้ยนผู้นี้สำคัญมาก

ไม่มีใครรู้ว่าสมาคมฤๅษีลี้ลับกำลังทำอะไร

อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องแน่นอน!

นี่คือภารกิจแรกหลังจากที่ฉูเทียนหัวถูกส่งเข้ามาในเจียงเฉิง

นอกจากนี้ สำนักข่าวกรองประจำเมืองเจียงเฉิงเองก็จำเป็นต้องประเดิมผลงานดีเช่นกัน

เพราะงั้นต้องจบงานนี้ให้สวยที่สุด!

หลังจากกลับถึงบ้าน ฮังอวี่เอ่ยถาม “ของของผมขายได้ยังไงบ้าง”

ซูหยุนปิงตอบว่า “ฉันกระจายข้อมูลของพวกมันผ่านช่องทางของสมาคมโลกวิญญาณแล้ว เนื่องจากทุกชิ้นเป็นของคุณภาพดี ฉันคิดว่าคงระบายของทั้งหมดได้ภายในสองวันและอย่างน้อยน่าจะขายได้ราวๆ 10,000 หินคริสตัลขาว”

ตอนนี้ฮังอวี่ขาดเงิน

เขาเลยตัดสินใจนำของที่สะสมไว้ออกขาย

ส่วนหนึ่งถูกขายให้กับพ่อค้าโลกวิญญาณเหล่าเซี่ยง และส่วนที่เหลือส่งต่อให้ซูหยุนปิง

ระบายของออกโดยผ่านทั้งทางคนในและคนนอก

เมืองหุบเขาเดียวดายต้องการเงินลงทุนอย่างเร่งด่วน

และยังเป็นในปริมาณมาก!

ค่าใช้จ่ายในการสร้างทหารแต่ละคนค่อนข้างสูง

การสร้างทหารนับพันต้องใช้หินคริสตัลขาวนับหมื่น!

นอกจากนี้ หินคริสตัลขาวยังเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของต้นทุนการสร้างทหารเท่านั้น

ยังมีวัสดุอย่างอื่นเช่นเหล็กเย็น ทองแดงไฟ ไม้เหล็กดำ มิธริล ฯลฯ อีกเป็นจำนวนมาก

แต่แผนการขั้นแรกของฮังอวี่

ขั้นแรกคือต้องมีเงินในมืออย่างเร่งด่วน

ยิ่งมีเงินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถแก้ปัญหาความต้องการวัสดุอื่นๆได้เท่านั้น และด้วยความได้เปรียบในฐานะขุนนาง ได้เปรียบในด้านข่าวกรอง ทำให้สามารถหาหินคริสตัลและวัสดุเพิ่มเติมได้ไวขึ้น ช่วยแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ได้

และยังสามารถมอบหมายให้สามคนสำคัญอย่างจ้าวหมิง ฉูเทียนหัว และซูหยุนปิงช่วยจัดการ

ทั้งสามมีคอนเนคชั่นกว้างขวาง ดังนั้นไม่น่ายากถ้าจะเร่งหาหินคริสตัลจำนวนมาก

รายได้จากอุตสาหกรรมของกลุ่มมังกรฟ้าเพิ่มขึ้นทุกวัน

ฮังอวี่มีต้นเงินต้นนี้ที่ทำเงินทุกวันและกำลังเติบโตอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

แม้ว่าจะมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะกังวลในระยะยาว

ทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าการก่อสร้างฐานการผลิตของมนุษย์ปลาจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่คือช่องทางการจัดหาทรัพยากรขนาดใหญ่ เช่น ไม้เหล็กดำ มิธริล ,  ทองคำเนื้อดี เนื่องจากที่กล่าวมาในเมืองค่อนข้างหายากเลยมีราคาแพง ดังนั้นการนำพวกมันจากภายนอกจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสร้างดินแดนของฮังอวี่ได้เยอะมาก

เรื่องงานของชาลู่

ฮังอวี่มอบให้ซูหยุนปิงดูแลจัดการ

แล้วในขณะเดียวกัน เนื่องจากชาลู่รวบรวมกลุ่มมนุษย์ปลา ตั้งโรงงานอยู่ห่างจากเมืองเจียงเฉิงไม่ถึง 30 ไมล์ ฮังอวี่เลยคิดว่าบางทีควรติดต่อเป็นพันธมิตรกับองค์กรใหญ่อื่นๆบ้างแล้ว

เพราะของแบบนี้จะปกปิดไปได้นานแค่ไหน?

จะถูกพบเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

ฮังอวี่รู้สึกว่าเขาควรหาพันธมิตรที่มีภูมิหลังเป็นทางการ เช่นฉูเทียนหัวซึ่งกำลังทำหน้าที่ในสำนักข่าวกรองโลกวิญญาณ นี่น่าจะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆได้มาก

แน่นอน

ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน

ฮังอวี่เข้าสู่เมืองหุบเขาเดียวดาย

อย่างแรกที่ทำ เขาออกตรวจตราดินแดนแล้วฟังรายงานของเหล่าจ้าว

จ้าวหมิงกล่าวว่า “เมืองหุบเขาเดียวดายค่อยๆมีมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ จำนวนมนุษย์ในที่นี้เพิ่มถึงหลักพันคนแล้ว และคาดว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมืองของพวกเราเป็นมีชื่อเสียงมากในโลกมนุษย์ แบบนี้อนาคตต้องรุ่งเรืองแน่นอน!”

ฮังอวี่พยักหน้าและกล่าวว่า “ไม่เลว จากที่ผมค้นจากความทรงจำ แต่ละแคว้นใน อาณาจักรมังกรโลกา จะมีประชากรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 100,000 ชีวิต แบบนี้อีกไม่นานแคว้นเดียวดายของเราจะมีประชากรมากที่สุดอย่างแน่นอน”

เหตุผลก็ง่ายๆ

แคว้นเดียวดายเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างในหมู่มวลมนุษย์

เมื่อเป็นแบบนั้น ใครก็ตามที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรมังกรโลกาและต้องการหลีกเลี่ยงการสู้รบกับชาวโลกวิญญาณที่มีสติปัญญาในแคว้นอื่นๆ ที่แรกที่พวกเขานึกถึงย่อมไม่พ้นแคว้นเดียวดาย

ด้วยเหตุนี้

ประชากรในเมือง

นับวันมีแต่จะยิ่งเพิ่มขึ้น!

อีกอย่าง ทำเลของเมืองหุบเขาเดียวดายก็มีความสำคัญที่ชัดเจนเช่นกัน

อาณาเขตนี้อยู่ใกล้กับจุดเกิดของมนุษย์ที่ถูกส่งมาจากป่าแห่งการเริ่มต้นที่สุด ดังนั้นหากคิดออกล่าหรือหาที่พักพิง พวกเขาหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้ามาในเมืองหุบเขาเดียวดาย แบบนี้ใช้เวลาไม่นานเมืองก็จะเจริญรุ่งเรือง

และกลุ่มมังกรครามจะใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งนี้

ไม่ว่าจะเป็นในด้านการปิดล้อมอาณาเขต เก็บภาษี หรือสร้างทหาร เมื่อมีข้อได้เปรียบดั่งเช่นการอยู่ใกล้น้ำ เมืองหุบเขาเดียวดายจึงมีความสำคัญมาก และต่อไปต่อให้ยึดเมืองอื่นๆได้

แต่เมืองหุบเขาเดียวดายไม่อาจปล่อยให้หลุดมือ!

ดินแดนนี้จะต้องถูกปกครองโดยพวกเขา!

ฮังอวี่วางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและอัพเกรดกำแพงเมือง สิ่งปลูกสร้าง และทุกอย่างในเมืองหุบเขาเดียวดาย จากนั้นทำธงโลกวิญญาณและปักธงที่มีสัญลักษณ์ของมังกรครามไว้ทั่วเมือง ทางหนึ่งเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กลุ่ม ทางหนึ่งเพื่อดึงดูดคนที่ไว้วางใจในกลุ่มมังกรครามเข้ามา

แบบนี้แล้วยังจำเป็นต้องกังวลเรื่องการจัดหาสมาชิกในอนาคตอีกหรือ?

จ้าวหมิงรายงานข่าวอื่น “อีกเรื่องหนึ่ง มีคนรายงานว่าในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ มีมอนสเตอร์ส่งเสียงร้องโหยหวนน่าหวาดกลัวสันนิษฐานว่ามอนสเตอร์ระดับ BOSS ฟื้นคืนชีพแล้ว”

“จริงหรือ? อยู่ในตำแหน่งไหน แล้วพวกมันหอนแบบไหน?”

จ้าวหมิงชี้ไปบนแผนที่ “เป็นตรงนี้ มอนสเตอร์ที่หอนเหมือนสัตว์ร้ายอาศัยอยู่ในหุบเขาที่เต็มไปด้วยหมอกพิษ ตราบใดที่เข้าไป จะตกอยู่ในสถานะติดพิษทันที และจากที่ได้ยินมา มอนสเตอร์ข้างในล้วนเป็นชนชั้นยอดทั้งหมดในเลเวล 11 เลยไม่มีใครกล้าเข้าไป”

หุบเขามันติคอร์? (อสูรกินคน มีใบหน้ามนุษย์ ลำตัวสิงโต และหางเป็นแมงป่อง)

เป็นมันนี่เอง!

มีหุบเขาขนาดใหญ่มากกว่าสิบแห่งในอาณาเขตเมืองหุบเขาเดียวดาย แต่ละหุบเขามีพื้นที่ใหญ่โต ซึ่งแต่ละหุบเขาสามารถแบ่งแยกย่อยเป็นหลายสายพันธุ์ให้ล่า

รวมๆทั้งหมดแล้ว

ทรัพยากรมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองหุบเขาเดียวดายนั้นค่อนข้างสมบูรณ์

โดยรวมแล้วมีมอนสเตอร์ทั้งหมด 35 สายพันธุ์

มอนสเตอร์เหล่านี้มีเลเวลอยู่ที่ประมาณ 8-12 และในทุกพื้นที่ล่าสัตว์ จะมีมอนสเตอร์เจ้าถิ่นอย่างน้อยหนึ่งตัว

ระดับเจ้าถิ่นรีเฟรชช้ามาก

อย่างน้อยเดือนละครั้ง

พวกมันจึงเป็นทรัพยากรที่มีค่า!

มันติคอร์ตามปกติแล้วจะมีเลเวลอยู่ในช่วง 11-12 เป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าถิ่นของพวกมัน

ฮังอวี่กล่าวว่า “คุณไปเรียกเจียงหนานมา วันนี้พวกเราจะตั้งทีมไปกวาดล้างหุบเขามันติคอร์ ที่นั่นเป็นแหล่งทรัพยากรชั้นยอด พวกเราจะไม่ปล่อยน้ำสู่นาคนอื่น!”