ตอนที่แล้วบทที่ 780 วัตถุประสงค์ของการฝึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 782 มายากล

บทที่ 781 ผีหลอกตอนกลางวัน(ตอนฟรี)


บทที่ 781 ผีหลอกตอนกลางวัน

“วันนี้เราจะมาสรุปประเด็นสำคัญกัน...”

บนแท่นบรรยายในห้องเรียน ในที่สุดอาจารย์ก็พูดถึงการสรุปบทเรียนของตลอดภาคการศึกษาที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนชอบฟังมากที่สุด เพราะนี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้การสอบของพวกเขาง่ายขึ้น

นักเรียนหลายคนนั่งตัวตรงทันทีด้วยความกระตือรือร้นและเริ่มจดตามที่อาจารย์พูด พร้อมกับท่องจำประเด็นสำคัญๆ แน่นอนว่านี่คือช่วงเวลาที่จริงจังที่สุดสำหรับทั้งภาคการศึกษา พวกเขาจะได้ทราบอย่างแน่ชัดว่าแนวโน้มของข้อสอบที่อาจารย์จะออกคือจุดไหน

อย่างไรก็ตาม ยังมีนักเรียนอีกจำนวนมากที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ แม้ในช่วงนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ดังนั้นเกือบทุกมหาวิทยาลัยจึงมีการคัดออกที่แน่นอน

การพูดบรรยายและสรุปประเด็นสำคัญดำเนินไปอยู่พักหนึ่ง เหล่านักเรียนที่เปิดหนังสือตามพร้อมกับจดบันทึกเริ่มหมดความอดทน

พวกเขาสงสัยว่าการสรุปประเด็นสำคัญที่อาจารย์พูดถึงคืออะไร? ยกเว้นวิชาที่เลือกไว้ เนื้อหาในบทอื่นๆมารวมอยู่ในประเด็นสำคัญทั้งหมด!

ความกระตือรือร้นของนักเรียนด้านล่างลดลงอย่างมาก พวกเขาบางคนถึงกับบ่นออกมาเบาๆ แต่อาจารย์ที่ยืนอยู่บนแท่นบรรยายก็ยังคงทำต่อไปเหมือนเดิม เขาพูดถึงเอกสารการทดสอบอย่างรวดเร็ว แต่ในจุดที่สำคัญเกี่ยวกับเนื้อหามากที่สุด กลับกลายเป็นว่าหนังสือทั้งเล่มคือสิ่งที่นักเรียนควรทบทวน

จี้เฟิงก็เหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ ที่ฟังและจดบันทึกในหนังสือเรียนตามที่อาจารย์พูด แต่เป็นเพียงแค่การร่างขอบเขตอย่างคร่าวๆ แต่ในไม่ช้าเขาก็หัวเราะ ขอบเขตหลักอยู่ที่ไหน? สุดท้ายแล้วก็ให้นักเรียนทบทวนหนังสือเรียนทั้งเล่มอีกครั้ง!

แล้วยิ่งเอกของพวกเขาคือเศรษฐศาสตร์และการจัดการ หนังสือทั้งเล่มเต็มไปด้วยทฤษฎี หากคุณต้องการจำประเด็นสำคัญเหล่านี้ คุณก็เพียงแค่ท่องจำหนังสือทั้งเล่ม!

“อาจารย์ท่านนี้น่าสนใจสุดๆไปเลย!” จี้เฟิงพูดพลางหัวเราะเบาๆ บางทีนี่อาจเป็นปรากฏการณ์หนึ่งของการศึกษาในมหาวิทยาลัย

“มันควรเป็นตลกร้ายมากกว่า! บอกว่าจะสรุปประเด็นสำคัญ แต่สุดท้ายมันคือการท่องจำหนังสือทั้งเล่ม! เทอมมีนี้ทั้งหมด 8 วิชา ถ้าอาจารย์ทุกคนเป็นเหมือนอาจารย์คนนี้ เราจะใช้ชีวิตกันยังไง!” นักเรียนชายที่นั่งข้างๆจี้เฟิงพูดอย่างโกรธเคือง

“นั่นเป็นเพราะนายไม่ตั้งใจเรียนเองหรือเปล่า ก็แค่อ่านหนังสือให้มากขึ้น และท่องจำมันให้ได้สิ!” นักเรียนหญิงใส่แว่นที่นั่งอยู่แถวหน้าของจี้เฟิงพูดกลับ

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย  สำหรับสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และการจัดการ มีนักศึกษามากกว่า 1 ห้อง แต่ครั้งนี้ นักศึกษาวิชาเอกเศรษฐศาสตร์และการจัดการทั้งหมดอยู่ในคลาสใหญ่ด้วยกัน และมีนักศึกษาหลายคนที่จี้เฟิงไม่รู้จัก

เช่นเดียวกับนักศึกษาชายและหญิงที่พูด เขาเคยเห็นหน้า แต่ไม่เคยรู้จักชื่อ

ในขณะที่สองคนนั้นคุยกัน จี้เฟิงก็ฟังเพียงแค่ผ่านๆและไม่ได้ใส่ใจอะไร ส่วนการสรุปประเด็นสำคัญที่อาจารย์บนแท่นบรรยายเขียนไว้บนกระดาน มันไม่มีความหมายสำหรับจี้เฟิงเลย เขาสามารถจดจำหนังสือทั้งเล่มได้ ดังนั้นการสรุปประเด็นสำคัญที่บอกให้ทบทวนหนังสือทั้งเล่มก็เท่ากับว่าเขาไม่ต้องทำอะไรแล้ว

จี้เฟิงที่ได้แต่นั่งว่างๆก็รู้สึกเบื่อ เขาหมุนปากกาในมือเล่นโดยไม่รู้ตัว แต่ในใจกำลังคิดถึงการฝึกใช้พลังงานกระแสชีวภาพเมื่อคืนนี้อยู่ ลูกบอลโลหะลูกเล็กๆนั่นทำเขารู้สึกเจ็บปวดมาก แม้กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังคงรู้สึกปวดไปทั้งตัว

นี่เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในการฝึก!

เมื่อก่อนนี้ ตอนที่เขาฝึกฝนยิมนาสติกชุดที่ 1 และชุดที่ 2 ไม่ว่ามันจะหนักหนาสาหัสหรือเหนื่อยยากแค่ไหน แต่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเขาจะกลับมารู้สึกสดชื่นอีกครั้ง ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนปกติ ไม่เหมือนกับครั้งนี้ที่ยังคงรู้สึกปวดเนื้อปวดตัวไปหมด

‘มีเพียงวิธีเดียวคือต้องฝึกฝนให้มากขึ้น! ในอนาคตมันจะยิ่งยากกว่านี้อีกอย่างแน่นอน ถ้าอยากจะเจ็บปวดน้อยลง ก็ต้องพัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุด!’ จี้เฟิงกล่าวกับตัวเองในใจอย่างมุ่งมั่น

ความเจ็บปวดที่เขาได้สัมผัสมันเมื่อคืนนี้ในพื้นที่ฝึกซ้อม เขาไม่อยากจะสัมผัสกับมันอีก และเขาก็ได้รู้แล้วว่าความเจ็บปวดนั้นมันจะไม่หายหลังจากที่เขาตื่นขึ้นมา จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งแรกที่เขาได้เห็นม่านแสงในจิตใต้สำนึกของเขา และภาพที่เล่นในนั้นมันทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก

ในภาพนั้นมีการต่อสู้กันระหว่างคนสองคน หมัดเพียงหมัดเดียวสามารถทำลายภูเขาได้! พลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวนั้นมันมากเกินกว่าจะจินตนาการ

จี้เฟิงแอบเปรียบเทียบตัวเองกับสองคนนั้น เขาพบว่าช่องว่างของความแข็งแกร่งระหว่างเขากับสองคนนั้นเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์และนรกใต้ดินเลยก็ว่าได้ อันที่จริง ความแข็งแกร่งของเขาไม่ดีพอที่จะยกขึ้นมาเปรียบเทียบได้เลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของสมองหมายเลข 1 สองคนนี้คือสายลับตัวจริง! และพวกเขากำลังพัฒนาไปสู่สุดยอดสายลับ!

แล้วแบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องไปถึงระดับเดียวกับสองคนนั้นก่อนถึงจะถูกเรียกว่าสุดยอดสายลับได้?

ความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญในกระบวนการนี้มันเจ็บปวดและยากกว่าการฝึกยิมนาสติกก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

ดังนั้นจี้เฟิงจึงมั่นใจได้ว่าความเจ็บปวดที่เขาได้รับในตอนนี้ถือได้ว่าเป็นแค่ละอองฝนเท่านั้น

จี้เฟิงอดสั่นสะท้านไม่ได้เมื่อคิดว่าเขาจะต้องเจ็บปวดอีกนานแค่ไหนนับจากนี้จนกว่าจะฝึกสำเร็จ มันยากลำบากมากที่จะทน ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานอย่างหนัก!

ตุ้บ—!

ในขณะที่จี้เฟิงกำลังคิดฟุ้งซ่าน ปากกาที่เขาหมุนเล่นบนมือก็หล่นลงบนโต๊ะ

วินาทีถัดมาจี้เฟิงก็ยื่นมือไปโดยเหยียดมือออกเล็กน้อยและงอนิ้วเพื่อที่จะหยิบปากกาบนโต๊ะ

และในขณะนั้นก็เกิดเรื่องน่าตกใจขึ้น!

จี้เฟิงมองเห็นอย่างชัดเจนว่ามือของเขายังคงอยู่ห่างจากปากกาบนโต๊ะกว่าสิบเซนติเมตร แต่ปากกากลับค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆราวกับถูกดึงดูดโดยบางสิ่ง

จี้เฟิงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือของเขายังอยู่ห่างจากปากกามากกว่าสิบเซนติเมตร ทำไมเขาถึงควบคุมมันได้?

ระยะมันห่างมาก!

เขาจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ที่เขาใช้พลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพเพื่อฝึกจับบอลแฮนด์ดี้แคปในพื้นที่ฝึก ในตอนแรก พลังงานชีวภาพไม่สามารถแยกออกจากมือของเขาได้เลย

ไม่รู้ว่าเขาถูกไฟฟ้าช็อตไปกี่ครั้งถึงพอจะทำให้กระแสไฟฟ้าชีวภาพออกจากร่างกายได้เล็กน้อย แต่มันขยายออกไปได้มากที่สุดก็แค่หนึ่งถึงสองมิลลิเมตรเท่านั้น และหลังจากพยายามต่อไปอีกนับสิบครั้งมันก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย

แต่ตอนนี้พลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพสามารถขยายไปไกลได้ถึงสิบเซนติเมตร มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!

‘เป็นไปได้มั้ยว่านี่คือเอฟเฟกต์จากการฝึกกับบอลแฮนด์ดี้แคป!’ จี้เฟิงมองไปที่ปากกาที่เขาควบคุมมันได้จากระยะที่ห่างออกไปมากกว่าสิบเซนติเมตรและเปิดใช้งานกระแสชีวภาพต่อไป ทำให้มันหมุนไปเรื่อยๆราวกับลอยอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ‘คิดว่าการฝึกกับบอลแฮนด์ดี้แคปอะไรนั่นจะช่วยให้สามารถควบคุมพลังงานชีวภาพได้เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังงานชีวภาพด้วย...”

ปากกาที่ลอยอยู่หมุนไปมาราวกับว่ามันถูกติดตั้งด้วยมอเตอร์ มันเป็นอะไรที่แปลกมาก และจี้เฟิงก็รู้สึกสนใจสิ่งนี้มากเช่นกัน

เขาอดคิดไม่ได้ว่าการฝึกด้วยลูกบอลโลหะเหล่านั้นช่างน่าทึ่งจริงๆ ถ้าสมมติว่าเขาฝึกต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง แล้วพลังงานชีวภาพสามารถยืดออกจากร่างกายเขาไปได้ไกลกว่านี้ มันจะเป็นไปได้ไหมที่เขาจะสามารถควบคุมหรือเคลื่อนย้ายวัตถุอื่นๆจากระยะไกล?

ไม่เพียงแค่นั้น

จิตใจที่ตื่นเต้นของจี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกภาพบางอย่างขึ้นมา หากเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรู และในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่สังเกต พลังงานชีวภาพของเขาได้ขยายออกไปแล้ว และแทบจะไม่จำเป็นเลยที่เขาจะต้องไปแตะต้องอีกฝ่ายด้วยตัวเอง เขาสามารถกำหนดชีวิตความเป็นความตายของอีกฝ่ายได้ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ... มันร้ายกาจกว่าปืนเสียอีก!

ไม่ต้องรีบๆ ค่อยๆคิดหาวิธีใช้งาน.. จี้เฟิงคิดกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก

เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่าพลังงานชีวภาพจะมีวิธีการใช้ที่ไม่เหมือนใคร นี่มันไม่ต่างจากอาวุธร้ายแรงที่ใช้ในการฆาตกรรมสังหารและลอบวางเพลิงเลย!

‘สุดยอดสายลับ...’ จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง ภาพที่คนทั้งสองต่อสู้กันที่เขาเห็นในม่านแสงเมื่อตอนนั้น ยังไม่ใช่จุดสูงสุดของสุดยอดสายลับแน่ๆ! และถ้าหากพวกเขาใช้ความสามารถทั้งหมด พวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?!

ฟึ่บ—!

นิ้วของจี้เฟิงขยับเล็กน้อย และปากกาที่ลอยอยู่กลางอากาศก็เคลื่อนที่มายังมุมโต๊ะในชั่วพริบตา เขาขยับนิ้วอีกครั้งและปากกาก็ขยับไปอีกฝั่งของมุมโต๊ะอย่างรวดเร็ว ในท้ายที่สุด เป็นเพราะความเร็วนั้นเร็วเกินไป เมื่อมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงแค่เงาที่เคลื่อนที่ไปมาบนโต๊ะ

หวือ~!

นิ้วของจี้เฟิงงอเล็กน้อย และทันใดนั้นปากกาก็หมุนวนไปรอบๆโต๊ะราวกับเฮลิคอปเตอร์

“ไม่เลว ไม่เลว!” จี้เฟิงกำลังสนุกสนาน เขาขยับมืออย่างรวดเร็ว บังคับให้ปากกาเคลื่อนไหวหลายๆแบบด้วยสีหน้าตื่นเต้น ราวกับว่าเขาได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่แสนถูกใจ

ทันใดนั้น หางตาของจี้เฟิงก็เป็นประกาย มือทั้งสองสั่น

ตุ้บ—!

ปากกาตกลงบนโต๊ะอีกครั้ง มันกลิ้งไปมาสองสามครั้งก่อนจะหยุดลง

จี้เฟิงเงยหน้าขึ้นทันทีและเห็นนักศึกษาสาวสวมแว่นตาที่นั่งอยู่แถวข้างหน้าเขาและนักศึกษาชายที่นั่งอยู่ข้างๆเขา พวกเขาสองคนแสดงสีหน้าและท่าทางเหมือนกันเป๊ะๆ!

หากจะแตกต่างก็คงมีเพียงริมฝีปากของนักศึกษาสาวและฟันของเธอที่ขยับกระทบกันด้วยความหวาดกลัว

สีหน้าของนักศึกษาชายดูไม่ค่อยดีนัก เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากด้วยอาการตกใจ

‘แย่แน่! ตื่นเต้นมากไปหน่อยจนลืมว่าตอนนี้ยังอยู่ในห้องเรียน!’ จี้เฟิงบ่นโอดครวญอยู่ในใจ ‘ฉากนี้มันค่อนข้างแปลกจริงๆ ฉันจะอธิบายยังไงดี?’

“ปากกาของคุณ... มันขยับได้เองเหรอ?!” นักศึกษาสาวใส่แว่นถามอย่างตกตะลึงและมีทีท่าระแวดระวัง

“คงไม่ใช่ผีหลอกใช่มั้ย?!” นักศึกษาชายอดไม่ได้ที่จะขยี้ตาและถามด้วยท่าทางหนาวสั่นไปทั้งตัวในขณะเดียวกันเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ เขาลูบแขนตัวเองและรู้สึกเหมือนกับว่าอากาศหนาวมันวูบผ่านเข้ามา!

“แค่กๆ...”

จี้เฟิงไอเบาๆแล้วยิ้มให้กับทั้งสองคน และพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเบาว่า “อย่าเอ็ดไป มันเป็นแค่ทริคมายากลเล็กๆน้อยๆ ฉันกำลังฝึกอยู่ แต่ถ้าพวกคุณสนใจ ไว้คราวหลังฉันจะโชว์ให้ดู!”

…จบบทที่ 781~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด